ไม่รู้หรอ พี่ยูตะเขาชอบสะอึก เวลาอยู่ใกล้กับคนที่ชอบ
อึก!
หนังสือที่ถืออยู่ในมือหล่นตุบลงบนพื้นทันทีที่มือขาวยกขึ้นปิดปากตัวเอง ยูตะหลับตาลง เขาพยายามสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วปล่อยออกมาช้า ๆ ก่อนความพยายามทั้งหมดจะพังทลายลงด้วยขวดน้ำเปล่าที่ถูกส่งมาจากคนที่ยืนอยู่ด้วยกันตั้งแต่ต้น
“พี่สะอึกอีกแล้ว ดื่มน้ำเยอะ ๆ นะครับ”
ส่งขวดน้ำมาไม่พอ อีกคนยังแถมรอยยิ้มที่เป็นเหมือนพระอาทิตย์สดใสมาให้ด้วย ยูตะรับขวดน้ำจากมืออีกคน ก่อนจะหมุนฝาเพื่อเปิดออกแล้วรีบยกดื่มทันที ก็เขาน่ะ อยากให้อาการสะอึกที่เป็นอยู่มันหายไปเร็ว ๆ จะตายอยู่แล้ว
เหมือนว่าการดื่มน้ำจะได้ผล อาการสะอึกที่เคยเป็นมันค่อย ๆ น้อยลงก่อนหายไปในที่สุดจนได้ ส่วนหนังสือที่ล่วงจากมือในตอนแรกก็กลับมาอยู่ในมือยูตะอีกครั้งด้วยฝีมือของคนเดียวกับที่ส่งขวดน้ำให้ในตอนแรกนั่นแหละ
“ขอบใจนะ”
พอตอบกลับไปเบา ๆ อีกคนก็ตอบรับคำขอบคุณของเขาด้วยรอยยิ้มสดใสเหมือนทุกที(อีกแล้ว) และหลังจากนั้นระหว่างเราก็กลับมาเงียบอีกครั้ง
เหมือนตอนก่อนที่ยูตะจะมีอาการสะอึกบ้า ๆ นั่น
“ตกลงวันนี้พี่จะไปกับผมหรือเปล่าครับ”
อาจจะเป็นเพราะว่าเราสองคนปล่อยให้ความเงียบทำงานมาพอสมควรแล้ว คนข้างหน้าเขาถึงได้ถามออกมาอีกครั้ง
และคนคนนั้นก็คือ จองแจฮยอน เด็กปีสองที่เขาเผลอไปสนิทด้วยโดยไม่รู้ตัว เขารู้จักกับเด็กนี่ผ่าน ต่งซือเฉิง ซึ่งเป็นน้องชายคนสนิทของเขาเอง วันหนึ่งที่เขานัดซือเฉิงมาเจอ เด็กนี่ก็อยู่ด้วย แล้ววันนั้นยูตะก็ได้รู้จักกับแจฮยอน ซึ่งเท่าที่รู้จักกันมา ยูตะคิดว่าแจฮยอนเป็นคนที่ดีคนหนึ่งเลยนั่นแหละ แล้วก็ดูจะดีไปหมดทุกอย่างเลยด้วยซ้ำ แต่ถึงจะดีแค่ไหน เขาก็ไม่ค่อยอยากอยู่ใกล้เจ้าเด็กนี่เท่าไหร่นักหรอก
รอยยิ้มแบบนั้น ท่าทางแบบนั้น ยูตะรู้สึกไม่โอเคเท่าไหร่เลย
“พี่คงไปด้วยไม่ได้ วันนี้พี่ต้อง...”
เสียงที่เอ่ยพูดค่อย ๆ เบาลงก่อนจะหายไปเมื่อคิดเหตุผลมาอ้างไม่ออก
ยูตะคิดเหตุผลต่าง ๆ ที่ถ้าเกิดเขาจะเอามาอ้างมันจะไม่ดูแปลกเกินไป ทั้งต้องไปทำรายงานกับยองโฮ ไปเช่าหนัง กลับไปซักผ้า ทำความสะอาดห้องหรืออะไรก็ตาม ซึ่งทั้งหมดนั่นยูตะเคยใช้มันอ้างกับอีกคนไปเมื่อวันก่อน ๆ แล้ว
“เอ่อ...”
“ครับ” เด็กนั่นขานรับให้ยูตะรู้ว่ายังรอฟังเหตุผลอยู่
“ช-ใช่! คือหมอดูบอกพี่ว่าถ้าไม่จำเป็นวันนี้ไม่ต้องออกไปไหนน่ะ”
"…”
“...”
“เท่าที่ผมจำได้ พี่ไม่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ไม่ใช่หรอครับ”
“...”
เงียบกันไปทั้งคู่ทันที
เพราะคิดอะไรไม่ออกบวกกับความรู้สึกอึดอัดเหมือนตัวเขากำลังโดนไล่ต้อนให้จนมุมอย่างไรอย่างนั้น ยูตะก็เลยรีบตอบออกไปโดยลืมเสียสนิทว่าตัวเขาน่ะ ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้
“บ้า จำผิดแล้ว พี่น่ะชอบดูดวงมากเลย ดูทุกวันแหละ”
เด็กนั่นยังคงยืนล้วงกระเป๋าอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนเดิม เพิ่มเติมอีกนิดหน่อยคือคิ้วที่ขมวดขึ้นเล็กน้อยกับสายตาที่มองมาราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อในเหตุผลของเขา
ยูตะเข้าใจ เป็นใครก็คงไม่อยากจะเชื่อแหละวะ แต่วินาทีนี้ยูตะไม่สนใจอะไรแล้ว เขาต้องรีบเอาตัวรอดให้ได้ก่อน ดวงเดิงอะไรไม่เคยดูทั้งนั้นแหละ
“สรุปวันนี้พี่ยูตะก็ไม่ว่างไปอีกแล้วสินะครับ”
ดูเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบแต่ยูตะก็พยักหน้าตอบกลับไปรัว ๆ ราวกับจะบอกให้อีกคนรับรู้ว่า ใช่! เขาไม่ว่าง รู้คำตอบแล้วใช่ไหม งั้นช่วยเดินจากไปเร็ว ๆ ด้วยเถอะ เพราะตอนนี้เขาจะทนไม่ไหวแล้ว
“ไม่เป็นไรครับ ไว้พรุ่งนี้ผมจะชวนใหม่”
คนเป็นพี่แต่ตัวเล็กกว่าพยักหน้ารับรู้อีกสองสามที เขาเม้มปากแน่น เหมือนว่าอาการที่เคยเป็นเมื่อสักครู่มันกำลังจะกลับมาอีกครั้ง
รีบๆไปสักที
"แล้วก็ยังไงถ้าจะปฏิเสธอีก ก็ช่วยเตรียมเหตุผลดี ๆ ไว้ด้วยนะครับ”
“…”
“แต่ไงครั้งหน้าผมก็จะไม่ปล่อยให้พี่ไปแล้วล่ะ”
ยูตะเงยหน้ามองทันทีที่อีกคนพูดจบ
และมันคงทันทีเดินไปเพราะมันพอดีกับตอนที่แจฮยอนก้มมาพูดในระดับเดียวกับความสูงของเขา สายตาของเขามองสบกับดวงตาคมของอีกฝ่าย และก็นั่นมันก็เกินขีดจำกัดของยูตะไปแล้ว
'…อึก'
ยูตะไม่ได้ยกมือขึ้นมาปิดปากเหมือนในคราวแรก เขาปล่อยให้เสียงสะอึกดังออกมาแบบนั้นหลังจากที่แจฮยอนส่งยิ้มมุมปากให้ตอนที่เราสบตากันก่อนจะเดินล้วงกระเป๋า(เท่ ๆ )ออกไป
อึก
น้ำเปล่าที่แจฮยอนส่งมาให้นั้นหมดไปแล้วเพราะเขายกมันดื่มรวดเดียวหมดตั้งแต่แรก แต่ยูตะไม่คิดที่จะวิ่งไปซื้อมันมาดื่มอีก มันไม่จำเป็นอีกแล้ว เจ้าเด็กนั่นไม่ได้อยู่ตรงนี้ใกล้ ๆ กับเขาแล้ว อีกไม่นานอาการสะอึกที่เขาเป็นอยู่ก็คงจะหายไปเอง
มันเป็นเรื่องแปลกแต่ก็เกิดขึ้นจริง ๆ เกิดขึ้นกับเขานี่แหละ ยูตะมักจะมีอาการสะอึกเวลาที่อยู่ใกล้กับคนที่เขารู้สึกดีด้วย ซึ่งความรู้สึกดีนี่มันก็ไม่ใช่ความรู้สึกดีแบบธรรมดาเสียด้วยสิ มันเป็นความรู้สึกดีแบบมาก ๆ ทำให้เวลาได้อยู่ใกล้กับคนคนนั้น ยูตะก็จะตื่นเต้นมาก ๆ จนเกิดเป็นอาการสะอึกออกมาเนี่ยแหละ
และถึงจะไม่อยากยอมรับว่าการที่เขามักจะสะอึกเวลาอยู่ใกล้ ๆ กับแจฮยอนมันหมายความว่าเขากำลังรู้สึกดีมาก ๆ กับเด็กนั่นอยู่ แต่เขาก็หาเหตุผลที่ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้นนอกจากเขาชอบแจฮยอนจริง ๆ ไม่ได้เลย
“มีอะไร จะมองหน้าฉันอีกนานไหม”
ซือเฉิงถามขึ้นในตอนที่พวกเขากำลังเปิดหนังสือหาข้อมูลทำงานกันอยู่ในห้องสมุด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคชะตาหรืออย่างไร จู่ ๆ ในวิชานี้แจฮยอนก็ได้คู่ทำงานเป็นซือเฉิงคนเก่งของเอกที่เขาเรียนอยู่ ตอนนี้เขาก็เลยขอแอบอู้เสียหน่อย ทำแค่เปิดหนังสือทิ้งไว้แล้วก็มองนู่นนี่ไปเรื่อยแทน จนกระทั่งสังเกตเห็นขวดน้ำที่เขาเคยซื้อ ให้พี่ยูตะดื่ม พอเห็น ในหัวก็พลันนึกถึงเรื่องที่สงสัยมาตลอด แจฮยอนเลยละความสนใจจากบรรยากาศรอบ ๆ ตัวมาเป็นไอ่คนที่อยู่ตรงหน้าแทน
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ขอถามให้หายคาใจหน่อยแล้วกันนะ
“สนิทกับพี่ยูตะมากใช่ไหม” แจฮยอนถามออกไปกว้าง ๆ เขาคิดไว้ว่าจะใช้วิธีค่อย ๆ ตะล่อมถามเอา ก็ไอ่นี่มันร้าย รู้ทันเขาไปซะหมด
“ก็พอตัวอะ ทำไม?” เพื่อนคนจีนของเขาตอบออกมาอย่างไม่ใส่ใจนัก สายตาของอีกคนไม่ได้โฟกัสมาที่เขาเลยด้วยซ้ำ เจ้าตัวยังคงง่วนอยู่กับกองหนังสือตรงหน้า ตั้งใจหาข้อมูลสมกับเป็นคนเก่งของเอกเลยจริง ๆ
“ก็... ไม่มีอะไรหรอก”
“ชอบหรอ”
“...”
นิ่งกันไปเลยทีเดียว เขาพูดผิดเสียที่ไหนว่าไอ่นี่มันรู้ทันเขาไปเสียหมด แต่วันนี้ที่สงสัยไม่ใช่เรื่องนี้โว้ย ที่จะถามน่ะมันอีกเรื่องนึง
“เปล่า ฉันแค่สงสัยว่าพี่ยูตะเป็นอะไรหรือเปล่า เห็นชอบสะอึกอยู่เรื่อยเลย”
“กับใคร”
หืม? กับใครของมันนี่หมายความว่ายังไง(วะ) แจฮยอนแอบขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจ มองหน้าเพื่อนตัวดีที่ตอนนี้ละความสนใจจากกองหนังสือตรงหน้าขึ้นมาแล้วและมันก็กำลังจ้องหน้าเขากลับนิ่ง ๆ ด้วย
“กับใครหมายความว่ายังไง” แจฮยอนไม่เข้าใจ
“แล้วนายรู้ได้ไงว่าพี่เขาชอบสะอึก” ซือเฉิงกลับไปสนใจกับกองหนังสือตรงหน้าอีกครั้งพลางถามขึ้น เจ้านี่เมินเขา ไม่ตอบคำถามที่ถามไปแถมยังถามคำถามใหม่กลับมาอีก แต่ถึงจะแอบไม่พอใจเล็ก ๆ ที่อีกคนไม่ตอบคำถามของตัวเองแต่แจฮยอนก็ตอบกลับไป
“ก็พี่เขาสะอึกตลอดเวลาที่อยู่กับฉันอะ”
ซือเฉิงละสายตาจากกองหนังสือตรงหน้าอีกครั้ง มันหรี่ตามองเขาราวกับไม่เชื่อในคำพูดนั่น ก่อนจะหัวเราะหึออกมาเบา ๆ แล้วก้มลงไปสนใจหนังสือตรงหน้าตามเดิม แจฮยอนโคตรจะไม่ชอบท่าทีแบบนั้น เขาหมั่นไส้ เลยเลือกที่จะเบนสายตาออกไปมองนอกหน้าต่างแทน ก่อนที่สุดท้ายแจฮยอนจะต้องหันกลับมามองไอ่คนที่เขาบอกว่าหมั่นไส้เหมือนเดิมต่อด้วยอาการหัวใจเต้นแรงเพราะประโยคต่อมาของมัน
“ไม่รู้หรอ พี่ยูตะเขาชอบสะอึก เวลาอยู่ใกล้กับคนที่ชอบ”
END
–
เอาแล้วแจหะยอน / ไอ่อาการสะอึกอะไรแบบนั้นเวลาอยู่ใกล้คนที่ชอบมันมีไหมเราไม่แน่ใจ แต่สะอึกเพราะตื่นเต้นนี่มีอยู่จริงนะ
ต่งเป็นคนรว้ายๆอ่ะ รู้ทันไปหมด ประโยคที่ซัดแจฮยอนมาเด็ดๆทั้งนั้น แต่ที่เด็ดที่สุดคือประโยคที่บอกต่งบอกแจฮยอนว่า “ไม่รู้เหรอ พี่ยูตะเขาชอบสะอึก เวลาอยู่ใกล้กับคนที่ชอบ” มันแบบ อหหหหหห ถ้าเราเป็นแจฮยอนคงสตั้นไม่ต่างกันอ่ะ เพิ่งมารู้ว่าคนที่แอบชอบนั้นก็ชอบตัวเองเหมือนกัน จากที่รุกพี่ยูตะอยู่แล้ว หลังจากนี้แจฮยอนคงไม่ปล่อยพี่ยูตะไปง่ายๆ น่าจะรุกหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ แอบสงสารยูตะเล็กๆ เวลาอยู่ใกล้คนที่ชอบนอกจากเขินแล้วยังสะอึกด้วยอีก เราว่ามันคงทรมานพอสมควรเลยนะ กว่าจะหายได้คือต้องมีตัวช่วยหรือไม่ก็ต้องให้แจฮยอนเดินห่างไกลออกไปก่อน
สุดท้ายนี้ถ้าในอนาคตแจฮยอนจีบยูตะสำเร็จ เราว่าอาการสะอึกน่าจะค่อยๆหายไป แล้วอาการเขินน่าจะเข้ามาแทนที่มากกว่าเดิมนะ :)