01
เราทะเลาะกัน
เราทะเลาะกันมาสามวันแล้ว แล้วมันก็เป็นสามวันที่รูมเมทของเขายังไม่กลับมาที่ห้องด้วย แทยงนอนอยู่บนเตียง มันเป็นวันหยุด ดังนั้นความคิดมากมายจึงไหลผ่านเข้ามาในหัวของเขาอย่างห้ามไม่ได้ ซึ่งส่วนใหญ่มันก็เป็นเรื่องของรูมเมทคนนั้นนั่นแหละ
02
รูมเมทของเขามีชื่อว่ายูตะ เราไม่ได้เคยเจอกันที่ไหนมาก่อน ครั้งแรกที่เจอกันก็คือตอนที่เขาเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับของมากมาย อีกคนกำลังนอนเล่นอยู่บนเตียงแต่พอเห็นเขาก็ผุดขึ้นนั่งก่อนจะส่งยิ้มเจื่อน ๆ มาทักทายพร้อมกับท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ เหมือนไม่แน่ใจว่าควรจะมาช่วยเขายกของดีไหม
แทยงดูออกว่าอีกคนกำลังเกร็ง แต่ก็อดประทับใจไม่ได้
02.5
การใช้ชีวิตร่วมกันในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ไม่ได้เป็นเรื่องที่แย่อะไร แทยงเข้าใจว่าคนเราไม่ได้จะเป๊ะเป็นระเบียบอะไรตลอด เขาก็เลยไม่ติดใจอะไรถ้าหากอีกฝ่ายจะกินแล้วไม่ได้ล้างจานทันที หรือไม่เปลี่ยนชุดก่อนจะขึ้นมานั่งเล่นบนเตียงของเขา
แต่เราก็ทะเลาะกันจนได้
03
มันเริ่มมาจากตอนที่เขากำลังนั่งทำงานอยู่บนพื้นข้าง ๆ กับเตียงนอนของตัวเอง นาฬิกาบอกเวลาตีหนึ่งกับอีกสิบห้านาที เขาเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงในการทำมันให้เสร็จ แทยงขมวดคิ้วมุ่น
เขากำลังกังวลใจ
หากแต่สิ่งที่ทำให้เขากังวลใจมันไม่ใช่กองงานหน้าแต่เป็นรูมเมทของเขาที่ควรจะกลับห้องได้แล้วต่างหาก
04
ตีสอง
แทยงมองอีกคนที่แม้แต่ยืนนิ่ง ๆ ยังทำไม่ได้อยู่ตรงหน้าประตู เขาพ่นลมหายใจออกมา เมื่อนึกได้ว่าประโยคที่เคยย้ำกับรูมเมทคนนี้ไปว่าอย่าดื่มเยอะมันคงจะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาอีกคนไปหมด
“หวัดดี นี่กลับมาช่วยทำงานละน้า” ยูตะพูดก่อนจะแทรกตัวเข้ามาให้ห้อง
อีกคนไม่แม้แต่จะถอดรองเท้า ทั้ง ๆ ที่เราเคยตกลงกันไว้แล้วว่าต้องถอด(แล้วเก็บเข้าชั้น)ก่อนทุกครั้งด้วยซ้ำ คนไม่มีสติในคืนนี้เดินโงนเงนก่อนจะไปหยุดอยู่ตรงหน้าโมเดลของเขาที่เร่งปั่นมาตลอดอาทิตย์
จะช่วยทำในสภาพนี้งั้นหรอ
“ออกมาจากตรงนั้นเดี๋ยวนี้” แทยงยืนพูดอยู่ตรงหน้าประตู เขายังคงอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน
“ม่าย มาช่วยทำแล้- อุ่ก-”
ชิบหาย
แต่ก็ไม่ได้ชิบหายขนาดนั้น โมเดลที่ทำมาทั้งอาทิตย์ของเขายังอยู่ดี แต่ที่แย่น่ะคือตัวของเขาเองต่างหาก แทยงมองรูมเมทตัวดีที่ล้มตัวลงนอนบนพื้นตรงนั้นทันทีที่อ้วกใส่เขาเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าเสื้อของเขาน่ะเลอะแบบสุด ๆ แทยงถอนหายใจก่อนจะจัดการเปลี่ยนเสื้อให้ตัวเองใหม่ เดดไลน์ส่งงานของเขาใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แทยงไม่มีเวลาคิดถึงอะไรอย่างอื่นแล้ว ดังนั้นเขาจึงจบคืนนั้นด้วยการนั่งปั่นงานต่อถึงเช้าและปล่อยให้รูมเมทตัวดีของเขานอนกองอยู่ตรงนั้นไปนั่นแหละ
05
ยูตะกลับมาเป็นคนปกติแล้วเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นมาแทนที่ดวงจันทร์ แทยงเพิ่งกลับมาจากส่งงานแล้ว เขาสังเกตุเห็นอีกคนกำลังนั่งกินข้าวอยู่บนโต๊ะอาหารเล็ก ๆ ที่มีไว้สำหรับพวกเขาสองคน ในตอนที่เปิดประตูเข้ามา ไม่มีคำทักทายใดเกิดขึ้น ภายในห้องมีเพียงเสียงของช้อนที่กระทบกับจานข้าวและเสียงกึกจากการวางรองเท้าบนชั้นวางเท่านั้น แทยงวางกระเป๋า ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบน้ำมาเทใส่แก้วแล้วเดินไปนั่งลงตรงข้ามกับยูตะ อีกคนชะงักไปเล็กน้อย เขาเดาว่ายูตะคงกำลังกลัวว่าจะถูกเขาตำหนิ แต่สบายใจเถอะ แทยงแค่จะมาเตือนเฉย ๆ เท่านั้น
“รู้ใช่ไหมว่าเมื่อคืนทำอะไรไปบ้าง” ยูตะไม่ได้ตอบอะไร แต่การเงียบ ก็ถือว่าเป็นคำตอบสำหรับแทยงแล้ว
“มึงควรรู้ลิมิตตัวเองนะ ไม่ต้องทำตามที่ไอดิวมันยุตลอดก็ได้ เวลาเมามันไม่ได้มาดูแลมึงสักหน่อย”
“กูไม่โกรธมึงนะ แต่เมื่อคืนที่ไม่ได้พาไปนอนดี ๆ เพราะงานกูเดือดอะ ‘โทษที”
ไม่มีน้ำเสียงไม่พอใจในสักประโยคที่แทยงพูดออกมา ก็แน่นอนล่ะ เขาไม่ได้โกรธอะไรยูตะนี่ เขาพูดเตือนอีกคนพลางหยิบมือถือขึ้นมาเล่นด้วย เหมือนว่าการสนทนา(อยู่ฝ่ายเดียว)นี้มันจะจบลงด้วยดี แต่สุดท้ายอีกคนก็ทำมันพังจนได้
06
ยูตะบอกกับเขาว่าจะเอาอะไรกับคนเมา
ก็ถ้าคนเมาแล้วเดือดร้อนแค่ตัวเองเขาก็ไม่ว่าอะไรไหมล่ะ แต่นี่มันเดือดร้อนเขา ถ้าเขาจะพูดบ่นอะไรนิดหน่อยมันก็ไม่ผิดไม่ใช่หรอ อีกคนควรเชื่อฟังที่เขาเตือนบ้างและควรจะรู้ลิมิตตัวเองด้วยว่าต้องกินเท่าไหร่ถึงจะไม่เมาจนอ้วกแบบนี้
แต่ยูตะไม่เข้าใจ
หลังจากเขาพูดเหตุผลของเขาจบ รูมเมทของเขาก็หยิบกระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์มือถือเดินออกไปจากห้อง โดยไม่ลืมที่จะปิดประตูดัง ‘ปั้ง!’ แถมให้ด้วย
แต่อยู่ ๆ ตอนนั้นแทยงก็คิดขึ้นมาได้
หรือว่าที่ยูตะทำแบบนี้เพราะไม่อยากให้เขายกโทษให้กันวะ
มันเป็นเรื่องจริงที่แทยงไม่เคยโกรธอะไรแม้จะโดนยูตะทำนิสัยไม่ดีใส่อยู่หลายครั้ง ทุกครั้งเขาจะทำเพียงแค่เอ่ยเตือนอีกคน แล้วหลังจากนั้นก็จบ เขาไม่ได้เอาเรื่องเหล่านั้นไปคิดต่อ แทยงไม่รู้ว่ายูตะคิดยังไง แต่เขาว่าการทำแบบนี้มันดีกว่ามาปะทะกัน ยังไงพวกเขาก็ต้องอยู่ด้วยกันไปอีกปี การเลี่ยงการปะทะกันน่าจะเป็นอะไรที่ดีที่สุดแล้วล่ะ
07
สามวันจริง ๆ
แทยงไม่ได้ตั้งใจนับ แต่มันสามวันแล้วหลังจากที่ประตูบานนั้นถูกปิดดังปั้ง โชคดีที่คนห้องข้าง ๆ ไม่ได้มาเคาะด่าเขาหลังจากนั้นอีก แทยงนอนมองเพดาน เพลงที่เสียบหูฟังฟังโคตรจะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเขา ในเมื่อตอนนี้มันมีความคิดมากมายเลยอยู่ในหัว ซึ่งเรื่องส่วนใหญ่มันก็เป็นเรื่องของ-
‘ปึก!’
แทยงกลับมามีสติอีกทีในตอนที่ได้ยินเสียงดังปึก
มันบอกว่ารูมเมทของเขากลับมาแล้ว
เขาลุกขึ้นนั่งพลางมองอีกฝ่ายที่ไม่พูดไม่จา เดินไปหยิบนู่นหยิบนี่มาใส่กระเป๋า เสียงปึก ๆ ปัง ๆ ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง มันเรียกสติแทยงอีกครั้ง เขาจึงละสายตาจากรูมเมทคนนั้นก่อนจะเอนตัวลงนอนมองเพดานเหมือนเดิม
แทยงพยายามไม่สนใจไอ่เสียงปึก ๆ ปัง ๆ จากอีกคน ในตอนนี้แทยงก็เลยได้ยินเสียงเพลงที่ฟังอย่างชัดเจน
10
“จะเสียงดังอีกนานมั้ย”
แทยงไม่ใช่คนขี้หงุดหงิดแต่เขากำลังหงุดหงิดมาก ๆ และเขาคิดว่าอาการหงุดหงิดของเขามันเกิดจากที่อีกฝ่ายทำเสียงน่ารำคาญไม่หยุดนั่นแหละ ตอนแรกมันก็อยู่แค่ในระดับที่พอทนได้ แต่พอนานเข้าเสียงปึก ๆ ปัง ๆ มันกลับดังขึ้นเรื่อย ๆ แทยงจึงเหวออกไปแบบนั้น แต่เพราะอีกคนไม่ตอบอะไร อีกทั้งเสียงน่ารำคาญนั่นก็ค่อย ๆ เบาลงไปแล้ว แทยงจึงได้เอนตัวลงนอนอีกครั้ง
แต่ทำไมเขาถึงยังไม่หายหงุดหงิดนะ ดูจะหงุดหงิดมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
แล้วอีกคนน่ะ จะเก็บอะไรนักหนา
ตอนแรกก็เป็นพวกโน๊ตบุ๊คและอุปกรณ์การเรียน ต่อมาก็เป็นของใช้ส่วนตัวกับเสื้อผ้า แทยงโคตรหงุดหงิด เก็บผ้าปูที่นอน หมอน ผ้าห่มไปด้วยเลยมั้ยล่ะ
จะเก็บอะไรนักหนาวะ จะเอาอะไรไปอีก
“มึงจะเก็บอะไรนักหนา จะเก็บอีกนานมั้ย”
“…”
เงียบ ไม่มีสัญญาณตอบรับใด ๆ ทั้งนั้น
แทยงหงุดหงิดเป็นบ้า เขากำลังหงุดหงิดมาก ๆ
และเหมือนความหงุดหงิดของเขามันถึงขีดสุด แทยงถึงได้เอ่ยอะไรไม่คิดออกไป
“มึงจะเอาอะไรไปอีก”
“เอาใจกูไปด้วยเลยมั้ย”
ชิบหาย
end
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in