หลังจากมีการคอนเฟิร์มมาแล้วว่าซีรีย์สุดยิ่งใหญ่และปวดตับสุดยอดอย่าง Game of Thrones นั้นจะต้องจบลงอย่างแน่นอนเมื่อถึงซีซั่นที่ 8 ทาง HBO จึงไม่รอช้าที่จะหาซีรีย์ยิ่งใหญ่เรื่องใหม่เข้ามาแทนที่ก่อนที่คนดูจะหนีหายไปดูช่องอื่นกันหมด และซีรีย์ความหวังใหม่ของทางช่องนี้ก็คือซีรีย์ที่รีเมคมาจากภาพยนตร์ไซไฟชื่อเดียวกันในปี 1973 อย่าง Westworld (เนื่องจากยังไม่เคยชม ขอไม่กล่าวถึงตัวภาพยนตร์ละกันเนอะ)
Westworld เป็นซีรีย์ที่สร้างโดย Jonathan Nolan และ Lisa Joy (ผัวเมียกัน) ตามด้วยโปรดิวเซอร์มือฉมังงานไซไฟอย่าง J.J.Abrams (เจ้าพ่อเลนส์แฟลร์ทุกสถาบัน) ซึ่งแน่นอนว่าชื่อหัวหน้าทีมทุกคนต่างการันตีได้ถึงความสนุกสนาน ความยิ่งใหญ่อลังการ ความเนื้อเรื่องชวนปวดหัวและปวดตับอย่างแน่นอน เหมือนเป็นการยืนยันกันแต่เนิ่นๆว่าถ้าพวกเอ็งจะดูซีรีย์ข้า เตรียมสมองกันให้พร้อมล่ะ 55555+ (ทั้งน้ำตา)
เนื้อเรื่องของซีรีย์จะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยตรงที่ Westworld สวนสนุกแห่งใหม่ในอนาคตของโลก ที่จะแบ่งผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้ 3 ส่วนหลักๆคือ
โดยเรื่องจะนำแสดงโดยหุ่นยนต์สาวสุดสวยอย่างโดโลเรสที่ต้องทำหน้าที่ทำตามโปรแกรมที่ผู้สร้างเขียนไว้ให้เธอทำทุกอย่าง ทำให้เธอต้องถูกทำร้าย ถูกฆ่า วนเวียนมาเกิดใหม่ในบทเดิมนับไม่ถ้วน เนื่องจากหุ่นยนต์ถูกโปรแกรมไว้ว่าไม่สามารถทำร้ายแขกผู้มาเที่ยวได้ จนวันหนึ่งพ่อของเธอก็เกิดขัดข้องจนทำให้พูดประโยคแปลกๆออกมา จนโดโรเลสเริ่มตระหนักได้ถึงความผิดปกติในชีวิตเธอ และการเริ่มคิด เริ่มสงสัยในชีวิตประจำวันของเหล่าหุ่นยนต์ ความผิดปกติประหลาดๆก็เริ่มแผ่ขยายกว้างมากขึ้นจนทำให้ทางผู้สร้างต้องหาทางแก้ไขก่อนที่มันจะส่งผลกระทบถึงตัวเองและแขกผู้มาเที่ยว
ต่อจากนี้จะเป็นการรีวิวคร่าวๆเลยละกัน (ต้องคร่าวๆเพราะแทบทุกตอนจะมีจุดพีคที่กล่าวถึงรายละเอียดไม่ได้จริงๆ) เอาล่ะ...เริ่ม!!!
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
แน่นอนว่าพอคุณเห็นชื่อหนึ่งในผู้สร้างว่าเป็นนามสกุล Nolan แล้ว (Jonathan Nolan คือน้องชายของโนแลน ผู้เขียนบทร่วมให้พี่ชายมาแล้วแทบทุกเรื่อง) สิ่งหนึ่งที่คุณต้องเตรียมก่อนเลยคือสติอันปลอดโปร่ง สมองที่พักผ่อนเต็มที่ไม่เหนื่อยล้า เพราะในทุกตอนที่เล่าหากเหตุการณ์เกิดขึ้นในส่วนของ Westworld ก็จะเป็นแนวประวัติศาสตร์ตะวันตกยุคคาวบอย ไม่ได้มีคำศัพท์ใดๆสูงมากมาย แต่พอถึงในส่วนที่เจ้าหน้าที่ดูแล Westworld คุยกันล่ะก็จะทำคุณปวดตึ๊บได้ง่ายๆ อันเนื่องมาจากการใช้ภาษาภายในอาชีพที่คุยกันเบื้องลึกอย่างเต็มที่ไม่หมกเม็ดจนทำให้การพยายามเก็บรายละเอียดทุกเม็ด ทุกคำ ทุกจุดของปัญหาที่เกิดขึ้นภายใน Westworld นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย และนอกจากการกล่าวถึงด้านวิทยาศาสตร์แล้วภายในเรื่องก็มีการกล่าวถึงปรัชญาต่างๆอยู่ไม่ใช่น้อยในแง่ความคิด ความเป็นคน การมีชีวิตอยู่ ต่างๆนานา ทุกสิ่งที่กล่าวมาเลยเป็นสิ่งที่ทำให้ผมต้องเตือนหลายๆคนว่าหากต้องการจะชมควรจะเตรียมตัวให้พร้อม สติพร้อม เสบียงพร้อม จะได้อรรถรสสูงสุด
แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไป เพราะถึงแม้ว่าคุณจะตามคำศัพท์ทางเทคโนโลยี ด้านวิทยาศาสตร์และด้านปรัชญาไม่ทัน คุณก็ยังปล่อยตัวให้ลื่นไหลไปกับเนื้อเรื่องธรรมดาด้านความสัมพันธ์ ความรู้สึกได้อย่างง่ายๆ เพราะในส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางฝั่งของสวนสนุก Westworld นั้นล้วนแต่เป็นเรื่องพื้นๆเข้าใจง่ายอย่างการดวลปิืนกัน การปล้น การฆ่ากัน การท่องเที่ยวเพลิดเพลินไปกับสถานที่แห้งแล้งและรกร้าง(เพลินอยู่น่า...) เรียกได้ว่ายังมีพื้นที่ว่างให้กับผู้ชมทั่วไปพอสมควร ซึ่งตัวผมเองก็ยืนยันได้ว่าถ้าไม่ต้องการเก็บรายละเอียดมากแต่จะชมเพื่อความบันเทิงอย่างเดียวเรื่องนี้ก็มีให้คุณเหมือนกันนั่นแหละ เพราะหลักๆแล้วจริงๆการได้ชมก็เหมือนการลุ้นไปในตัวเรื่อยๆว่าฝั่งไหนจะชนะ? ระหว่างผู้สร้างและผู้ถูกสร้าง
ซีรีย์หลายๆเรื่องมักจะโลดแล่นเป็นที่กล่าวขานและอยู่ต่อได้ก็ด้วยตัวละครที่ดึงดูดและน่าสนใจ ดังที่เห็นตัวอย่างชัดๆมาแล้วจากเรื่อง Game of Thrones ที่ถึงกับต้องมีการแบ่งฝั่งตบตีกันว่าใครชอบฝั่งไหนมากกว่า ตัวละครตัวไหนดีกว่ากัน ใครสมควรจะได้ขึ้นบัลลังค์มากที่สุดมานักต่อนักแล้ว
แน่นอนว่าสำหรับ Westworld ก็เรียกได้ว่าทำการบ้านมาดีเหมือนกัน เพราะตัวละครแต่ละตัวที่ถูกสร้างขึ้นมาล้วนแล้วแต่น่าสนใจ และมีมิติ(หุ่นยนต์ก็มีมิติในแบบของมันน่ะ) มีทั้งฝั่งที่บ้าๆบอๆ หุ่นยนต์ที่วันๆดีแต่ยิงกัน ฆ่ากัน ปล้นแย่งชิงกัน ไม่ได้ถูกสร้างเพื่อให้คิดอะไรมากมาย กับฝั่งที่มีความสนใจที่ลึกล้ำในแบบของตนเอง มีความฉลาดในการเตรียมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น และต่อสู้กับมันได้ทันท่วงที ซึ่งหากจะมองหลักๆแล้วคนที่โดดเด่นที่สุดในเรื่องก็หนีไม่พ้น ดร.ฟอ์ร์ดที่เป็นผู้บุกเบิกและสร้าง Westworld ขึ้นมา จะเรียกว่าเพราะบารมีของความเป็นนักแสดงขั้นเทพอย่าง Anthony Hopkins ก็ว่าได้ คือส่วนที่ทำให้ซีรีย์เรื่องนี้ติดตาตรึงใจเอามากๆ เพราะเฮียแกเล่นบทพระเจ้าของ Westworld ได้ฉลาดและเทพแบบสุดๆชนิดว่าหาคนโค่นลงได้ยากมากๆในเรื่อง แต่แน่นอนว่านอกจากผู้สร้างคนนี้แล้วฝั่งหุ่นยนต์ก็มีคนเก่งๆที่เริ่มเคลือบแคลงใจกับหน้าที่และโลกที่ตัวเองอาศัยอยู่เหมือนกัน การสูญเสียตัวละครบางตัวไปโดยเราไม่ทันตั้งตัวย่อมเกิดขึ้นได้ไม่ยาก เหมือนๆกับที่เราเห็นกันบ่อยๆใน Game of Thrones นั่นแล
ฉากประกอบของ Westworld คือสิ่งแรกที่ดูเหมือนทีมงานจะตั้งใจใส่ใจรายละเอียดลงไปอย่างดีเยี่ยมเพราะนอกจากใจกลางของเมืองหลักที่มีร้านเหล้าและซ่องโสเภณีเป็นใจกลางแล้ว ยังมีฉากบ้านในทุ่งนา ฉากหมู่บ้านที่อยู่ไกลออกไปอีกพอสมควร หรือแม้แต่ฉากค่ายทหารก็มี งานนี้จึงรับรองได้ถึงความบันเทิงเต็มเปี่ยมหลายรูปแบบ ทั้งเป็นรูพรุ่น ทั้งระเบิดแล้วระเบิดอีก ก็ยังกลับมาสวยงามดังเดิมได้ดั่งฝัน ในขณะที่ฉากวิวทิวทัศน์ที่คัดสรรมาก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีแต่แรกสมกับเป็นฉากรกร้างของซีรีย์คาวบอยจริงๆ
นอกจากฉากในสวนสนุก Westworld แล้วก็ยังมีการเก็บรายละเอียดในส่วนอื่นๆเช่นกัน โดยหลักๆแล้วก็จะเป็นตึกของเจ้าหน้าที่ดูแลสวนสนุก หรือ ผู้สร้าง Westworld ที่ทำออกมาได้ทันสมัยแต่โหวงเหวงวังเวงและเงียบเหงา เพราะส่วนมากจะเป็นพื้นที่โล่งๆที่จะมีอุปกรณ์ไฮเทคตั้งอยู่เป็นจุดเล็กๆตามห้องไป ซึ่งห้องหลายๆห้องก็มักจะเต็มไปด้วยหุ่นยนต์ที่เหมือนมนุษย์ทั้งที่แบบพร้อมทำงานและแบบยังไม่พร้อมทำงาน ซึ่งส่วนมากจะตายในหน้าที่แบบเลือดอาบแล้วถูกส่งนำมายังห้องเพื่อรักษาแล้วนำไปใช้ต่อ หรือด้วยวิธีการอื่นๆอีก ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าการออกแบบภายในหุ่นแต่ละตัวนั้นก็ใส่ใจรายละเอียดไม่น้อย งานนี้ก็ต้องยอมรับทีม Visual Effect ด้วยกึ่งหนึ่งว่าทำออกมาได้สมจริงสุดๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in