เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Novelber | #Firthgrantsean and his nightmares
Colored Pencils | สิ่งมีชีวิตที่เข้ามาแต่งแต้มสีสัน
  • Day 5 : ดินสอสี (สิ่งมีชีวิตที่เข้ามาแต่งแต้มสีสัน) | #novelber

    Author :  Sean

    Pairing : Colin Firth x Hugh Grant
    Rating : No Rate


     ( #Nowlistening : These are the days - Van Morrison  )




     


    “คุณทำอะไรอยู่” คุณถามผม–  เราทั้งคู่ต่างนั่งแช่อยู่บนโซฟาหน้าเตาผิงไฟในคืนวันเสาร์

     

    “ผมกำลังวาดรูปคุณอยู่” ผมร่างเส้นโครงหน้าของคุณลงบนสมุดขนาดเท่ากระดาษ A4 แสงสว่างจากเตาผิงทำให้ผมมองเห็นใบหน้าของคุณเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น

     

    “แต่คุณไม่ชอบวาดรูปคนไม่ใช่เหรอ” คุณขยับเอนตัวเองหันหน้าเข้าหาผม คุณเหยียดขายาวๆนั่นมาพาดบนตักผมไว้

     

    “ไม่ชอบวาดแต่ก็ใช่ว่าวาดไม่เป็นนี่” ผมบอกไป “เพียงแค่ผมชอบวาดวิวทิวทัศน์มากกว่าเท่านั้นเอง”

     

    “ทำไมล่ะ” คุณขยับปลายเท้าให้ไขว้กันภายใต้ผ้าห่มเนื้อนุ่ม


    “เพราะผมอยากเก็บภาพคุณไว้..” ภาพของคุณที่ไม่ใช่เพียงแค่รูปถ่าย

     

     

    คุณชอบถ่ายรูป โดยที่คุณเป็นคนถือกล้องและผมเป็นคนในภาพ– แต่ในรูปภาพเหล่านั้นแทบจะไม่คุณเลย

     

     

    “อย่าขยับบ่อยสิ” คุณเริ่มขยับตัวบ่อยขึ้นเมื่อรู้ว่าผมกำลังวาดภาพของคุณอยู่

     

    “ก็ผมไม่ชินกับการที่มีคนจ้องนานๆนี่” คุณยักไหล่แล้วเอื้อมมือไปหยิบแก้วโกโก้ร้อนที่วางอยู่บนพื้น “ผมกินได้หรือเปล่า”

     

    “กินได้สิ” ผมหลุดหัวเราะ – ไม่ได้ห้ามคุณกินสักหน่อย “แต่ถ้าคุณขยับบ่อยๆภาพคุณจะไม่สวยนะ”

     

    “แล้วนั่นคุณเอาดินสอสีวาดเหรอ” เขาหยิบแว่นที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาสวมเพื่อให้มองเห็นภาพได้ชัดขึ้น เขาขยับเข้ามาใกล้ๆผม จ้องมองดินสอสีในมือของผมท่ามกลางแสงของเปลวไฟ

     

    “ทำไม” ไม่มีใครห้ามใช้ดินสอสีวาดนี่

     

    “ผมเพิ่งรู้ว่าใช้ดินสอสีวาดรูปได้ด้วย” เขาขมวดคิ้วแล้วทำหน้าแหยๆ

     

    “งั้นเขาจะเรียกว่าดินสอเหรอ” ผมถามกลับ “เอาล่ะ นั่งนิ่งๆได้แล้ว เดี๋ยวผมจะหมดอารมณ์ก่อน”

     

     

    เขายอมกลับไปนั่งนิ่งๆแต่โดยดี – แต่ดูเหมือนว่าผมจะใช้เวลาในการร่างภาพของเขานานเกินไป จนเขาเผลอหลับ

     

     

    “เฮ้ ตีนโต คุณเอาขาพาดตักผมอยู่นะ – ตะคริวกินก้นกบจนลามมาถึงกรามแล้ว” ผมปิดสมุดวาดภาพแล้ววางมันไว้บนพนักผิงของโซฟา อ่า..เจ็บจนแทบจะขยับไม่ได้

     

    “คอลิน เอาขาคุณออกไปจากตักผมสักครู่ได้ไหม” ขาเขาหนักยังกะท่อนซุง ผมพยายามยกขาแต่ละข้างของเขาขึ้นและนั่นก็เกือบจะฟาดกับปากผม

     

    “ขี้เซาชะมัด คนอะไร” ผมหลุดออกจากท่อนซุงสองท่อนนั่นมายืนอยู่บนพรมสีแดงที่ปูอยู่บนพื้น จนป่านนี้เขาก็ยังไม่รู้สึกตัว– นี่นอนหรือตายเนี่ย

     

    “ไปนอนในห้องดีๆ..”  ผมตีแขนเบาๆ แต่ในฝันของเขาอาจจะแค่ถูกสะกิดเท่านั้น

     

    “คอลิน..ลุกได้แล้ว” ผมนั่งลงข้างๆเขาและเขย่าแขนของเขาที่วางทับผ้าห่ม

     

    “คอลิน..ไม่เอาน่า ไม่เล่นแล้ว” ผมเรียกชื่อเขาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ซีเรียสขึ้น แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ตื่น

     

    “คอลิน เห้ย!” จู่ๆเขาก็ดึงผมไปทาบบนตัวของเขา เขากอดผมแน่นจนขยับไปไหนไม่ได้

     

    “นอนอยู่นี่สักแปบหนึ่งนะ” เขาเบี่ยงตัวดันผมเข้าหามุมด้านในของโซฟา เขาดึงผ้าห่มที่อยู่บนตัวเขามาพันรอบตัวเองและตัวผมเอาไว้

     

    “เล่นอะไรเนี่ย!?”

     

    “อยากกอด” เขาตอบหน้าตาเฉย แถมยังดันหัวผมเข้าไปซุกกับหน้าอกเขาอีก

     

    “ไอ้บ้า” ผมทำได้แค่สบถเท่านั้น– เพราะแขนของผมขยับไม่ได้

     

    “กอดหน่อย” โธ่..ขาดความอบอุ่นขนาดนั้นเชียว

    แต่ถึงยังไง..สุดท้ายผมก็ยอมกอดเขาแต่โดยดี

     


    ผมไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ 

    แต่ผมกลับรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของเขาที่มอบให้ผมผ่านทางอ้อมกอดนั่น


    ผมรู้สึกราวกับว่ากำลังได้รับอ้อมกอดจากพี่หมีใหญ่

    อ้อมกอดที่ทำให้ผมไม่รู้สึกกลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว

    เหมือนเขากำลังบอกผมว่าไม่ต้องกลัวว่าเขาจะจากไปไหน


    คอลินเป็นเหมือนดินสอสีที่เข้ามาแต่งแต้ม

    ทำให้โลกที่มีเพียงแต่สีขาวดำของผมได้เจือจางหายไปเรื่อยๆ

     

    ขอบคุณนะ..

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in