ฟู่...
ชะเอมเป่าลมโล่งอก
“อ้าว ชะเอม”
“เอ่อ สวัสดีครับ อาหมอ” ชะเอมค้อมหัวแทบไม่ทัน...เมื่อกี้เผลอทำท่าแปลกๆไปแล้วสิ
“ทำอะไรลับๆ ล่อๆ ตรงหน้าประตู มานั่งนี่สิมา” น้ำเสียงและแววตาอ่อนโยนคล้ายกับเกษมศักดิ์มากทำให้ชะเอมรับคำอย่างว่าง่าย รู้สึกวางใจเหมือนไม่เคยมีเรื่องอึดอัดมาก่อนหน้านี้
“...ครับ”
“แล้วนี่ไปทำอะไรมา หื้มตอนพยาบาลมาแจ้งว่ามีคนขอพบอาก็สงสัยอยู่ว่าใคร...ครั้งก่อนที่มาหาอายังไม่ถึงอาทิตย์เลยนี่มาอีกแล้วเหรอ” กฤษณะแซวอย่างหยอกล้อ
“พอดีว่า...เมื่อเช้าเอมล้มนิดหน่อยครับแล้ววันนี้ดันนัดกินข้าวกับคุณลุง กะจะปิดแต่คุณลุงรู้ซะก่อนเลยไล่ให้มาหาอาหมออ่ะครับ นี่ถ้าไม่มาหาเดี๋ยวคุณลุงก็โทรมาเช็คอีก” เด็กน้อยหย่อนตัวลงนั่งเล่าหมดเปลือก แถมยังเกาหลังคอหัวเราะแหะๆ ปิดท้าย
"พักผ่อนไม่พอ บวกกับมีเรื่องเครียดแถมมาครั้งนี้ยังเอาแผลมาให้ดูอีก ยังไงกันเนี่ยนี่ถ้าเอมเป็นเด็กอาตีตูดแดงไปแล้วนะ"
"ขอโทษครับอาหมอ พอดีเอมซุ่มซ่ามไปหน่อยก็เลย...”ร่างบางรู้ว่าแก้ตัวยังไงก็ไม่ขึ้น จริงๆ มันก็ไม่ใช่แผลหรอกครับ ก็แค่รอยช้ำเอง"
เพราะรู้ว่าโกหกเรื่องอาการอย่างไรก็โกหกไม่ได้เพราะเดี๋ยวยังไงสุดท้ายคุณหมอคนเก่งคนนี้ก็ต้องรู้ความจริงอยู่ดี
กฤษณะรู้จักกับชะเอมมานานแล้วนานเกือบจะเท่ากับอายุของร่างบางเพราะเคยเป็นคนไข้คนสำคัญแถมยังเป็นลูกบุญธรรมของรุ่นพี่ที่สนิทกันอย่างคุณเกษมศักดิ์ที่ตอนนี้กลายเป็นนักธุรกิจชื่อดังระดับร้อยล้านอีกด้วย สมัยก่อนเกษมศักดิ์ยังถูกเรียกว่าหนุ่มหล่อรวยเพอร์เฟคต์เก่งไปซะทุกด้าน...เหมือนกับลูกชายของเขา...เหมือนคินตอนนี้ไม่มีผิด
“มางั้นเปิดไอ้แค่รอยช้ำของเอมให้อาดูหน่อยซิ” กฤษณะบอกแซวๆซึ่งเอมก็ถกแขนเสื้อขึ้น แต่พอพับไปถึงศอกก็ร้องขึ้นมาเบาๆเพราะเนื่องจากรอยช้ำมันน่าจะอักเสบมากจนไม่สามารถไปโดนมันได้แม้จะแค่เบาๆ ก็ตามแถมตอนนี้ก็ยังรู้สึกถึงเส้นเลือดบริเวณขมับเต้นตุบๆ เล็กน้อย เจ็บคอลมหายใจร้อนผ่าวมือบางพยายามปราณีตพับแขนเสื้อให้เบาที่สุดแต่ยังไงก็แตะโดนบริเวณที่เจ็บอยู่ดีเอมจึงต้องเอาแขนเสื้อลงก่อนปลดกระดุม “ขอโทษนะครับ”
กฤษณะนั่งมองขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร ก่อนเบิกตากว้างเมื่อร่างบางถอดเสื้อเชิ้ตแล้วหันหลังให้ เห็นรอยช้ำน่ากลัวยาวตั้งแต่เหนือข้อศอกเลยขึ้นไปกินบริเวณต้นแขนเกือบทั้งหมดยิ่งผิวขาวๆ ของชะเอมยิ่งขับให้สีแดงม่วงก่ำเด่นชัดขึ้นจนคนมองเหยหน้าเจ็บแทน
"ให้ตายสิ นี่มันไม่ใช่แค่รอยช้ำแล้วเอมเอ๊ย” ไปล้มอีท่าไหนถึงได้รอยฝากขนาดนี้กฤษณะจับไหล่บางเข้ามาดูใกล้ๆ พยายามไม่แตะเข้าใกล้รอยน่ากลัวมากเพราะเขาสังเกตเห็นอาการที่แสดงออกตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนี่แค่แตะไหล่ยังสะดุ้ง...อาจเพราะหวาดกลัวอาการเจ็บปวดที่จะได้รับ
นับว่าเกษมศักดิ์คิดถูกแล้วที่ไล่ให้เจ้าตัวเล็กนี่มาหาหมอไม่งั้นเจ้าตัวคงจะไม่มาหาเองแน่ถ้าไม่อาการหนักจนทนไม่ไหว
“แล้วคินล่ะอายังไม่เห็นเลย ไม่ได้มาด้วยกันเหรอ นี่ดูแลกันยังไง มันน่าจับตีก้นทั้งคู่เลย"กฤษณะบ่นยาวตามประสาคนวัยทองโดนขัดใจไม่ว่าเมื่อไหร่ในสายตาของเขาก็ยังมองเห็นทั้งคู่เป็นเด็กน้อยเสมอ
"น่าจะอยู่ข้างนอกครับ พอดีเค้าพาเพื่อนมาด้วยเอมเลยให้นั่งรอข้างนอก"เอมบอกเสียงหงอยเซื่องซึม
ป่านนี้ไม่รู้จะกลับไปรึยัง...อาจจะไปหาอะไรกินเดินเล่นสนุกสนานกับเรย์แล้วก็ได้
"ไม่ให้เข้ามาจะดีเหรอ นี่เอมมีไข้อ่อนๆ ด้วย น่าจะเพราะรอยช้ำที่กระแทกอย่างแรงไม่คืนนี้หรือพรุ่งนี้อาจจะมีไข้หนักได้ ควรมีใครมาฟังอาการเพื่อกลับไปจะได้ดูแลอย่างถูกต้องนะ"กฤษณะบอกอย่างเป็นห่วง ไม่ใช่แค่ในฐานะหมอคนหนึ่ง แต่เพราะเขาเคยดูแลชะเอมตั้งแต่ที่เกษมรับมาเลี้ยงใหม่ๆดังนั้นเด็กคนนี้ก็เปรียบเสมือนหลานแท้ๆ ของเขา
“ไม่ต้องหรอกครับพอดีช่วงนี้คินทำงานกลุ่มค้างหอเพื่อน เอมไม่อยากรบกวน”
“อ้าวเหรองานกลุ่มมันยุ่งขนาดนั้นเชียว...หรือจะให้อาคุยกับคินให้ดีอาการเอมน่าเป็นห่วงกว่านะ เป็นหนักแล้วไม่มีใครดูแลมันจะลำบาก” กฤษณะคิดก่อนเสนอแน่นอนว่าชะเอมที่ฟังก็ส่ายหน้าหวือทันที
“ไม่ต้องหรอกครับเอมไม่เป็นไร เดี๋ยวกินยาที่อาหมอให้ก็น่าจะหายแล้วล่ะครับ ยาอาหมอดีที่สุด” ชะเอมยกนิ้วโป้งปากชมเปาะ แต่ตาไม่ยอมสบ ทำให้กฤษณะรู้ทันที
เด็กคนนี้จะขี้เกรงใจถึงไปไหนนะ
“โอเค...ถ้าเอมไม่เรียก งั้นอาไปเรียกเองอยู่หน้าห้องใช่มั้ย” นายแพทย์ยกมือเท้าโต๊ะทำท่าจะยันตัวขึ้นยืนทันใดนั้นร่างบางก็รีบยกมือห้ามอย่างที่คิด
"โอเคครับ ถ้างั้นเดี๋ยวเอมค่อยไปบอกคินต่อก็ได้"ชะเอมรู้ว่าดื้อไปก็เท่านั้น ขี้เกียจปฏิเสธ สู้รับปากไปก่อนแต่จะทำตามที่บอกไหมนั่นอีกเรื่อง
แล้วเขาก็ไม่อยากให้คินมาดูแลเพราะสงสาร...เขาอยากให้คินมาดูแลเพราะอยากดูแลกันจริงๆ
นายแพทย์กฤษณะฟังแล้วถอนหายใจ
"แล้วยาที่อาให้ไว้เมื่อเดือนก่อนกินตามที่บอกทุกวันรึเปล่า"
"ครับ อาหมอ แล้ว...อาหมอไม่ได้บอกคุณลุงใช่มั้ยครับ?"
"อืม ก็ยังไม่ได้บอกนะ...แต่เอมต้องกินยาตามที่บอกและมาตรวจทุกเดือนตามนัดของอาถ้าเห็นว่าอาการคงที่ ไม่มีอะไรผิดปกติ อาก็จะไม่บอก สัญญาได้รึเปล่า?"กฤษณะต่อรอง ใจจริงเขาไม่อยากปิดบังแต่เขาก็เป็นอีกคนที่แพ้ลูกอ้อนของชะเอมตอนนี้ยังพออนุโลมได้เพราะอาการยังไม่หนักมากอาการที่เคยหายขาดไปนานหลายปีกลับมากำเริบอีกครั้งเมื่อประมาณเดือนก่อนชะเอมโทรมาหาบอกว่ามีอาการเจ็บช่วงอกเขาจึงนัดมาตรวจก็พบว่าร่างบางมีอาการเครียดหนักและอยู่ในสภาวะอารมณ์กดดันทำให้ร่างกายรับภาระหนักและอาการแย่ลงกฤษณะจึงต้องจัดยาที่เคยร้างรามานานให้กินตามเวลาอย่างเคร่งครัดอีกครั้งโรคนี้ใช่ว่าจะหายขาดไม่ได้ แต่ต้องดูแลอาหารการกินอย่างดีและการพักผ่อนต้องเพียงพอ แน่นอนว่าเรื่องอารมณ์ก็เช่นกัน สภาพแวดล้อมจึงสำคัญมาก
"ครับ"
“แต่อาบอกตามตรงนะว่าอาก็ยังไม่เห็นด้วยที่เอมปิดบังเรื่องนี้กับพี่เกษม” กฤษณะพูดขึ้น จริงๆ เคยบอกเรื่องนี้ไปแล้วแต่เจ้าตัวซึ่งขี้เกรงใจไม่มีใครเกินทำให้ปฏิเสธที่จะฟัง “เอมเคยคิดบ้างมั้ยว่าเขาจะรู้สึกยังไงถ้ามารู้ทีหลังหืม”
ร่างบางชะงักเมื่อเสียงทุ้มของกฤษณะสะกดจิตเขาให้กลับมานั่งคิด...ไม่เคยคิดเลยเคยคิดแต่ว่าไม่อยากทำให้คุณลุงเป็นห่วงหรือกังวลถ้าหากว่าเขาเป็นอะไรขึ้นมาก็ยังมีคินที่เป็นสายเลือดแท้ๆ ของตนเหลืออยู่
“อาอยากให้เรารู้เอาไว้ไม่ว่าเอมจะคิดอะไรก็ตาม พี่เกษมเขาก็รักเอมเหมือนลูกแท้ๆ คนหนึ่งนะ” แพทย์กฤษณะพูดราวกับอ่านใจตนออก “เพราะฉะนั้นถ้าเขารู้เขาจะต้องเสียใจมากแน่ๆ”
และอีกอย่างถ้าหากเกษมศักดิ์มารู้จากปากกฤษณะทีหลังว่าชะเอมลูกสุดที่รักของตัวเองป่วยเขาต้องคอขาดไม่ได้ผุดได้เกิดแน่...แค่นึกถึงดีกรีอดีตเฮดว้ากรุ่นแรกอย่างรุ่นพี่เกษมก็ทำให้เขาเสียวสันหลังขึ้นมาได้อีกครั้ง
“เอมอยากเห็นคุณลุงร้องไห้เหรอ”
“ไม่...ไม่ครับ อาหมอ” จู่ๆ น้ำตาก็รื้นขึ้นมาไร้สาเหตุมือยกขึ้นขยี้ตาทันที
“ถ้างั้นเก็บเรื่องที่อาพูดวันนี้ไปคิดให้ดีนะ” แพทย์วัยสี่สิบกว่าเห็นเจ้าตัวเล็กพยักหน้าน้ำตาซึมก็ยิ้มพอใจยังไงซะคนที่เด็กคนนี้ก็ยังอ่อนโยนไม่เปลี่ยน ต้องนึกถึงเกษมศักดิ์เป็นอันดับแรกอยู่แล้ว"เอาล่ะ งั้นสำหรับวันนี้อาให้ยาแก้ปวดระงับแผลอักเสบ ยาแก้ไขแล้วก็ยานวดไว้นะ กินตามที่หน้าซองเขียนไว้ ส่วนยาทาก็ใช้จนกว่ารอยช้ำจะทุเลาลงนะเอม"
"ครับ"
“แล้วก็ช่วงนี้อย่าพยายามขยับแขนมากอารู้ว่าทำได้ยากเพราะเป็นแขนข้างที่เราถนัด...ใส่เสื้อที่ถอดง่ายใส่ง่าย ไม่ต้องลำบากยกแขนขึ้น” กฤษณะพูดในขณะตวัดเขียนสติกเกอร์หน้าซองใส่ยาด้วยลายมือที่อ่านไม่ออก "อาทิตย์หน้ามีนัดตรวจกับอา ห้ามเลื่อน ห้ามลืม และมาให้ตรงเวลา เข้าใจนะ"
"ครับ ขอบคุณมากครับอาหมอ" ชะเอมยิ้มอ่อนยกมือไหว้ก่อนลุกขึ้น
"ป่ะ เดี๋ยวอาไปส่ง" กฤษณะเดินไปเลื่อนประตูเปิด
ครืด...
"สวัสดีคิน" กฤษณะเอ่ยทักทายคนนั่งรอหน้าห้อง
ชะเอมรู้สึกแปลกใจที่คินยังอยู่...และแน่นอนว่าถ้าคินยังอยู่เรย์ก็ต้องอยู่
"หวัดดีครับ อากฤษ" คินลุกขึ้นไหว้ เรย์ที่นั่งข้างๆ ก็ลุกตามไหว้บ้างแล้วส่งยิ้ม
"สวัสดีครับคุณหมอ" คำทักทายเป็นกันเองเหมือนเคยเจอกันมาก่อนทำให้ชะเอมมองอย่างแปลกใจ
"อ้าวเรย์ นี่มาด้วยกันเหรอ หรือว่าไปทำอะไรมาอีก ฮึ? แผลคราวที่แล้วดีขึ้นเยอะแล้วนะ เห้อ เด็กสมัยนี้ทำอะไรไม่รู้จักระวังเอาซะเลย"กฤษณะตบไหล่เล็ก ประโยคหลังพึมพำแต่ร่างบางที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ยังได้ยินชะเอมหน้าชา เพราะนึกขึ้นได้ว่าที่คินพาเรย์มาโรงพยาบาลครั้งก่อนคงเป็นที่นี่และคนที่ทำแผลให้คงเป็นอากฤษนี่แหละ ไม่งั้นคงไม่ทักทายเหมือนคนรู้จักกันแบบนี้
"ครับ เพราะคุณหมอทำแผลให้ กับคินที่ช่วยดูแลให้ทุกวันก็เลยหายเร็วแบบนี้ล่ะครับ"เรย์เบ่งกล้ามทำท่าเหมือนคนแข็งแรง น่าเอ็นดูจนเรียกเสียงหัวเราะก้องโถงทางเดิน
แน่ล่ะว่าชะเอมยืนนิ่งไม่มีอารมณ์ร่วมหัวเราะไปด้วยแน่ๆ
“อ้าวคิน อย่ามัวแต่ดูแลเรย์จนลืมชะเอมนะวันนี้อาการไม่ค่อยดีด้วย อาว่า...”
"ถ้างั้นเดี๋ยวผมจะไปห้องน้ำแล้วขอตัวกลับเลยครับ สวัสดีครับอาหมอ"ชะเอมแทรกขึ้นตัดบทบอกลาผู้อาวุโสที่สุดก่อนเดินเลี่ยงไปอีกทางทันทีไม่สนใจคนที่เหลือเขาไม่หวังให้คินไปส่งที่คอนโดอยู่แล้ว ถึงคุณลุงจะบอกให้พามาโรงพยาบาลแต่แน่นอนขากลับเขากลับเองได้เพราะเขารู้ว่าคินมี 'ธุระ'ต้องไปทำต่อ
แต่...
ซ่า
ดูเหมือนฟ้าฝนจะไม่ค่อยเป็นใจ
ร่างบางถอนหายใจมองหยาดฝนที่หล่นมาจากทั่วท้องฟ้าปกคลุมสถานที่ที่เขายืนอยู่ตรงนี้ด้วย รู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมาทันทีลมหายใจร้อนผ่าวมากขึ้นจนจนอยากจะกลับไปพักไวๆ
ท่ารถแทกซี่อยู่ไกลออกไปแต่ไม่ได้ไกลเกินกว่าจะเดินไปไม่ได้อาจจะตัวเปียกนิดหน่อยคนขับจะให้ขึ้นรถรึเปล่าเท่านั้น...ละอองฝนที่กระเซ็นมาถึงที่ที่ชะเอมยืนอยู่ทำให้รู้สึกหนาวแม้จะใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวก็เถอะขาเรียวต้องก้าวถดตัวกลับมาอีกนิด
หรือว่าจะรออีกสักพักให้ฝนซาก่อนดี...
"ไม่เข้าห้องน้ำแล้วเหรอ"
"..!" คนที่กำลังยืนเหม่อถึงกับสะดุ้ง เมื่ออยู่ๆ ใครก็ไม่รู้ข้างๆ เอ่ยขึ้นมาชะเอมผละออกมาอัตโนมัติห่างประมาณสองสามช่วงไหล่ สายตาเผลอกวาดมองหาใครอีกคน
"คุณหมอเรียกคินไปคุย ไม่ต้องหาหรอก"
เรย์บอกชะเอมไม่ตอบอะไรกลับไป ถอยออกมาอีกสองก้าว
เขาไม่อยากอยู่ใกล้ๆกับเรย์ตามลำพังอีก...ขืนเกิดอะไรขึ้นมาไม่วายความซวยจะต้องมาลงที่เขา
แต่คนตัวเล็กกว่าเดินตามติดประชิดตัวจนสุดขอบที่ฝนสาดที่ดูเหมือนจะหนักมากขึ้นตากลมใสตวัดมองแบบไม่ชอบใจ แต่ก็ยังไม่เอ่ยปากพูดอะไร
"ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเหรอ นี่ตามมาเพราะอยากมาเคลียร์เรื่องเก่าๆ นะเนี่ยบอกมาสิเคืองอะไร ฉันสิต้องเคืองนายไม่ใช่เหรอ ดูดิ แผลที่นายตบฉันน่ะเกือบหายละ" นิ้วจิ้มจึกๆ ที่แก้ม ทั้งท่าทาง สีหน้าน้ำเสียงล้วนแล้วเต็มไปด้วยความยียวน เรียกอารมณ์กรุ่นของชะเอมได้เป็นอย่างดีแต่เขาไม่อยากซ้ำรอยเดิม เขารู้ความร้ายกาจของเรย์แล้ว และจะไม่มีทางตกหลุมกับดักที่ใครอีกคนขุดไว้อีกเด็ดขาดเพราะว่าตกไปแล้วยากที่จะขึ้นมา
ถึงจะขึ้นมาจากหลุมได้ก็ใช่ว่าสภาพจะเหมือนเดิม
ถ้าเลี่ยงได้เขาก็จะเลี่ยง
ร่างบางตัดสินใจเดินฝ่าฝนออกไปหารถขึ้นกลับบ้านเพราะถ้าเลือกยืนอยู่แบบมีความกวนใจ กับเดินเปียกไปเพื่อเลี่ยงคุยกับคนอย่างเรย์ชะเอมเลือกอย่างสองโดยไม่ต้องคิด
"เห้ย เดี๋ยวดิ!" ไม่น่าเชื่อว่าคนตัวเล็กจะตามมารังควานเขาคว้าแขนไว้แน่นซึ่งโชคดีไม่ใช่ข้างที่เจ็บทำให้ทั้งสองคนยืนยุดยื้ออยู่กลางฝนกระหน่ำบนถนนหน้าโรงพยาบาล
"อะไรวะ คนคุยด้วยไม่คุยด้วย ไร้มารยาท"
"ปล่อย!" เสียงตะโกนของชะเอมเบาไปเลยเมื่อโดนเสียงฝนกลบ
"พ่อแม่ไม่สั่งสอนรึไง อ้อ ลืมไปนายมันไม่มีพ่อแม่นี่หว่า! ห้ะ!"
"บอกให้ปล่อย!!" คราวนี้เขาโมโหจริงๆ แล้วความอดทนหมดทันทีเมื่อคำพูดฟังไม่เข้าหู ยิ่งขมับที่เต้นตุ้บๆแรงโมโหก็ถูกจุดอย่างไม่ต้องมีใครเติมฟืน ชะเอมสะบัดแขนข้างที่ถูกจับอย่างแรงเพราะทั้งเปียกฝนและแรงเหวี่ยงทำให้มือลื่นหลุดง่ายดายร่างบางหลับหูหลับตาผลักใครอีกคนให้ออกไปให้ห่าง เตรียมวิ่งหนี
ปริ๊นนน!!!
โครม! ปั่ก!
แต่แล้วสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเมื่อจู่ๆ ร่างของเรย์ที่ถูกชะเอมผลักล้มถูกรถมอเตอร์ไซค์จากที่ไหนไม่รู้วิ่งเข้ามาชนจนร่างกระเด็นไปหลายเมตรเพราะแรงกระแทก
ชะเอมตัวชายืนแข็งทื่อเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ร่างของเรย์...นอนนิ่งอยู่ตรงนั้นเลือดที่ไหลเจิ่งนองรอบตัวเริ่มไหลกระจายวงกว้างปะปนกับน้ำฝน
เป็นเพราะเรา...ถ้าเราไม่...
"ไม่...จริง..."
ท่ามกลางสายฝนกระหน่ำเสียงโหวกเหวกโวยวายของคนในโรงพยาบาลที่วิ่งออกมาดู ไม่รู้ใครเป็นใครหูของชะเอมไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนอกจากเสียงซ่าของหยาดฝน
ตึกๆๆๆ
"ญาติคนไข้รออยู่ด้านนอกนะคะ ห้ามเข้ามานะคะ ต้องรออยู่ด้านนอกค่ะ"พยาบาลบอกกับชะเอมที่แทบจะเข้าไปผ่าตัดด้วย ร่างบางถูกกันออกมาก่อนที่ประตูจะปิดลงทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งเก้าอี้รออยู่หน้าห้องไอซียูหัวใจเต้นระรัวยังตื่นตกใจกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาไม่หาย
ถึงจะเป็นคนที่ไม่ชอบแต่เขาไม่เคยคิดอยากจะให้คนๆ นี้ตาย เขาไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ
ชะเอมคู้ตัวแผ่นหลังงองุ้มกุมมือไม้ที่สั่นระริกแน่นราวกับภาวนา
ขอร้องล่ะ...อย่าเป็นอะไรไปเลย
ขอให้ปลอดภัยทีเถอะ
"ชะเอม!"
เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นทันทีเห็นกฤษณะใส่เสื้อกราวด์กำลังรีบร้อนกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาทางนี้พร้อมกับร่างสูงของคินร่างบางลุกขึ้น น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลทันทีเหมือนเห็นคนที่สามารถช่วยเรื่องนี้ได้
"อาหมอ อาหมอครับ"
"ไม่เป็นไรเอม อามาแล้ว ใจเย็นๆ หน้าซีดมากเลย นั่งรอตรงนี้ก่อนนะ"
"อาหมอช่วยด้วย...ช่วยด้วยครับ"บัดนี้ชะเอมเหมือนเด็กน้อยที่ทำอะไรไม่เป็น ไม่รู้จะทำยังไง ขนาดมือสั่นๆ ของตัวเองยังไม่รู้จะวางไว้ตรงไหน
"ใจเย็นๆ เอม นั่งรอตรงนี้ เดี๋ยวอามานะ เดี๋ยวอามา"มือใหญ่ลูบหน้ามนที่เปียกชื้นไม่รู้ว่าเป็นฝน เหงื่อ หรือน้ำตากันแน่ซึ่งชะเอมก็ได้แต่พยักหน้าอย่างไร้เรี่ยวแรง
"ฮึกๆ คะ ครับ" ตาได้แต่มองแผ่นหลังเดินผ่านเข้าประตูไปเมื่อประตูแง้มปิดร่างบางถูกกระชากด้วยมือแข็งแรงคู่เดิมจากคนเดิมที่มองมาอย่างเขม็ง
“มันเกิดอะไรขึ้น” คินเขย่าคนที่อยู่ในมือ ถามเสียงดังก้องทางเดิน เมื่อไม่ทันใจเพราะคนตรงหน้าไม่ยอมพูดอะไรเสียทีก็ต้องขึ้นเสียงให้ดังยิ่งกว่าเดิม "เกิดอะไรขึ้น...อธิบายมา!"
"ขะ ขอโ...ทษ คิน เอมขอโทษ"
"คินไม่ต้องการคำขอโทษ ตอบมาว่าเกิดอะไรขึ้น!"
"เอม...ไม่ได้ตั้งใจ...เอม...ผลักเรย์ ฮึก ละแล้ว ก็มีมอเตอร์ไซค์...มา...ชน"ร่างบางอธิบายไปสะอื้นไปอย่างน่าสงสาร ส่ายหน้าไปมาทั้งสับสนและยังสะเทือนใจ"เอมไม่รู้ เอมไม่ได้ตั้งใจ เอมขอโทษ"
คินฟังแล้วนิ่งไปหลายนาที นิ่งไปจนน่ากลัวจู่ๆก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบ
"เรย์ไปทำอะไรให้นาย"
คำตอบที่ได้รับคือความเงียบ
"เรย์ไปทำอะไรนายเหรอ ทำไมต้องทำถึงขั้นฆ่าแกงกันด้วย ห้ะ ตอบมาเซ่!"คินตะคอก ร่างบางยิ่งตัวสั่นขวัญเสียหนัก
"เอมไม่ได้ตั้งใจนะคิน เอมไม่ได้ตั้งใจ"
ในยามนี้ไม่มีใครที่สามารถปลอบใจเขาได้ต้องเผชิญความเป็นจริงอันโหดร้ายเพียงลำพัง
"ถ้าเรย์เป็นอะไรไป นายจะทำยังไง"
"เอมไม่รู้” ร่างบางเสียงสั่นปากสั่นสะอื้นไม่มีน้ำตา
“ไม่รู้ได้ยังไง! เขาเจ็บก็เพราะนาย...ถ้าเรย์ตายก็เป็นเพราะนายนั่นแหละ!” คำตอบที่ไร้ความรับผิดชอบยิ่งทำให้โมโหเลือดขึ้นหน้าใส่แต่คำพูดเจ็บแสบคิดหวังว่าจะให้อีกคนสำนึกเพียงเท่านั้น
อยากให้เจ็บ อยากให้สำนึก
“เอมจะ...รับผิดชอบ"
"นายจะรับผิดชอบยังไง รับผิดชอบไหวเหรอ" คินแค่นเสียงดูถูก นัยน์ตามีแต่ไฟสุมมองไม่เห็นว่าคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาคือใคร
รู้แต่ว่ามันเป็นคนที่ทำร้ายเพื่อนของเขา
"ถะ...ถ้า ค่ารักษา เอม..."
"หมายถึงเงินของพ่อเหรอ หึ" ร่างบางหน้าชาถ้าเป็นคนอื่นชะเอมจะไม่เจ็บหัวใจเท่านี้เลย แต่นี่เป็นคินน้ำเสียงดูถูกที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
แค่คิดว่าที่คินทำแบบนี้ทั้งหมดก็เพื่อเรย์...เจ็บเหมือนถูกฉีกอกควักหัวใจออกมาเหยียบย่ำ
"เงินแค่นี้ ครอบครัวเรย์เขาก็มีปัญญาจ่าย เงินของพ่อฉันเขาไม่ต้องการหรอก"
"ละ แล้ว...ฮึก จะให้ทำยังไง" ร่างบางเสียงสั่นเครือทั้งไร้เรี่ยวแรงและหน้ามนก็ซีดเซียวเหมือนจะเป็นลมหนาวสั่นเพราะเสื้อเชิ้ตและกางเกงเปียกชื้นแนบเนื้อเย็นเฉียบแต่น่าแปลกที่ลมหายใจกลับร้อนผะผ่าว
"เอม ไม่รู้...คินจะให้ทำยังไง...ก็ได้"ตากลมกระพริบถี่เมื่อภาพร่างสูงตรงหน้าทั้งพร่าทั้งเบลอ ปลายนิ้วชาจนรู้สึกได้ จะประคองตัวให้ยืนอยู่ก็เหมือนจะทำได้ยากขึ้นทุกที
"เลิกกัน ทำได้มั้ยล่ะ" น้ำเสียงของคินช่างเย็นชาไร้ความรู้สึก ชะเอมช็อคตามองค้างคิดอะไรไม่ออก “ฉันกับนาย”
หัวใจเต้นช้าลง...
“เป็น...อย่างอื่นไม่ได้...เหรอ ฮึกทำไมถึงต้องขั้นเลิกกันด้วย” มือเล็กกำชายเสื้อของคินพยายามขอร้อง อะไรก็ได้
ไม่อยากถูกทิ้งไว้คนเดียวอีกแล้ว
ความผิดของเขามันมากมายขนาดไหน
“ยังต้องถามอีกเหรอ”
“เอมไม่เข้าใจ ไม่เอาเอมไม่เลิกนะ” ทำไมร่างสูงถึงทำเหมือนไม่แยแส...ไม่แคร์ความรู้สึกของเราบ้างเลย
ไม่อยากจบกัน ทั้งๆ ที่ยังไม่เข้าใจความเข้าใจผิดที่ยังค้างคา
“ฉันไม่อยากทนคบกับคนใจอำมหิตอย่างนายแล้ว!” คินปัดมือที่จับเสื้อของเขาออกอย่างแรงในแววตาปนเปทั้งโมโห ทั้งโกรธ สุมอยู่ “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนายถึงเป็นเด็กกำพร้าโดนพ่อทิ้ง...เพราะนิสัยอย่างงี้ไง”
“...”
ไม่รู้ว่าตอนนี้เจ็บจนชาไปแล้วหรือยังไง คำต่อว่าที่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะออกจากปากของคนที่ชะเอมรักนั้นร้ายกาจจนใจของเขาแทบรับไม่ไหวมันช่างทรมาน
ไม่อยากฟังแล้ว
“เข้าใจแล้วก็ทำตามด้วยแล้วจากนี้ไปก็อย่ามายุ่งกับเรย์อีก”
...พอทีเถอะ
ปึง!
เสียงเปิดประตูทำให้ร่างสูงหันขวับเดินตรงเข้าไปหาคนที่ยืนอยู่
“เป็นไงบ้างครับอาหมอ”
"คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้ว"
กฤษณะถอดหน้ากากปิดหน้าออกด้านหลังตามมาด้วยเตียงเข็นร่างของเรย์นอนบอบช้ำพาไปอีกทาง คินก้มหัวขอบคุณกฤษณะก่อนเดินตามเตียงเข็นไปติดๆด้วยความเป็นห่วง ไม่ได้ถามไถ่อาการอะไรจากกฤษณะอีกเพียงเพราะแค่ได้ยินคำว่าปลอดภัย...เดินไปไม่แม้แต่ชายตามองคนข้างหลัง
“อะไรของเจ้าคิน” กฤษณะขมวดคิ้วมองตามแผ่นหลังใหญ่ที่เดินออกไปก่อนจะผงะเมื่อมีแรงปะทะเข้าที่ลำตัว
"อาหมอ" ชะเอมโผเข้าไปกอด ร้องไห้โฮเหมือนเด็กๆ “ขอบคุณครับ ขอบคุณจริงๆ”
ถึงจะไม่ชอบยังไงเขาก็ไม่ได้ต้องการให้เรย์ตายไม่เคยแม้แต่จะคิด...และเขาไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นฆาตกรดังนั้นอากฤษณะที่ช่วยชีวิตเรย์เอาไว้ เขาไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี
"ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่เป็นไรแล้ว" กฤษณะโอบร่างผอมบางแนบอก มือใหญ่หยาบกร้านลูบหัวลูบหลังปลอบโยนเด็กเสียขวัญ“ร้องไห้อะไรขนาดนี้ เรย์ไม่ได้เป็นอะไรมากเสียหน่อยแค่หัวแตกกับถลอกเอง เย็บไปไม่กี่เข็มหรอก”
“ฮือ ฮือ ครับ อาหมอ” ร่างบางยังกอดแน่นซุกอกกว้างร้องไห้ไม่หยุดกฤษณะเข้าใจว่าชะเอมคงจะเสียใจมากที่เห็นคนรู้จักโดนชนต่อหน้าต่อตา
ถึงจะโล่งใจที่เรย์ปลอดภัยดีแต่ในตอนนี้ความเสียใจมันมีมาก...มากมายนัก
นายแพทย์กฤษณะชะงักเมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติยกมือดันไหล่บางออกลูบหน้าอิดโรยแถมอังหน้าผาก สัมผัสถึงความร้อนที่แผ่ออกมา
"เอมหนูตัวร้อนมากเลย เพราะตากฝนแหงๆ แล้วนี่ต้องมานั่งตากแอร์อีกสงสัยจะไม่สบายแล้วล่ะ ไปๆ เดี๋ยวอาไปส่งที่คอนโด"
"แต่ว่า อะ เอมอยากไปเยี่ยม..." มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาป้อยๆ เอ่ยเสียงตะกุกตะกัก ทั้งๆ ที่หนักหัวและครั่นเนื้อครั่นตัว
ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากจะเห็นกับตาว่าเรย์ปลอดภัยแล้วจริงๆ
"เขาไม่เป็นไรแล้วน่า แค่ต้องนอนพักรอให้ฟื้นแค่นั้นเองนี่ไม่เชื่ออาหมอคนนี้เหรอ หืม?" คุณหมอเอ่ยเสียงดุ อันที่จริงจะให้พูดว่าตอนนี้เด็กดื้อตรงหน้ากฤษณะคนนี้ต่างหากที่ดูน่าเป็นห่วงยิ่งกว่า
"คะ ครับ" ร่างบางพยักหน้าจำใจอย่างเหนื่อยๆ
...อยากจะพักแล้วเหมือนกัน
"เอาล่ะ นั่งรอนี่ เดี๋ยวอาไปหยิบของก่อน"กฤษณะกำชับแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว กระฉับกระเฉงสมกับเป็นคุณหมอมือหนึ่งทำอะไรรวดเร็วรอบคอบละเอียดว่องไว
ชะเอมมองแผ่นหลังสีขาวไปจนลับทางเดินผ่อนลมหายใจที่ร้อนผ่าวเข้าออกเบาๆ ก่อนจะปรือเปลือกตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน
************************Whosefault? ************************
ชะเอมหลับตา ภายในความมืดมิดสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้น ทั้งแผ่วเบาและช้าจนเหมือนจะหยุด
'เลิกกัน'
ความสัมพันธ์ของเรากับคิน...จบลงแล้ว
สิ่งที่เรามีเพียงสิ่งเดียวคือ ความสัมพันธ์ของเขากับคินที่เหมือนกับเส้นด้ายบางๆ
แต่ตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้วเหลือแค่ชีวิตอันไร้ค่า ที่ไม่มีใครต้องการ...รอแค่วันที่มันจะจบลง
อยากจะคิดว่านี่เป็นแค่ความฝัน...ฝันร้ายที่ตื่นมาแล้วทุกอย่างจะเหมือนเดิม
ชีวิตต่อจากนี้จะเป็นยังไง
ชะเอมไม่รู้...ไม่มีใครรู้
คุณลุง
คนที่เขาคิดถึงที่สุดในตอนนี้
“ฟืด...ฮึก” ร่างบางกุมมือที่สั่นทั้งสองแน่น...ไม่ได้จะให้คุณลุงรู้ไม่ได้ ทุกอย่างจะต้องกลับไปเป็นเหมือนเดิมจะต้องทำให้ทุกอย่างเหมือนปกติไม่อยากให้คุณลุงต้องกังวล...เขาจะต้องทำใจกับเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด
ปวด...หัว
ในหัวเต้นตุบคิดอะไรไม่ค่อยออก
...ตอนนี้ต้องทำอะไร
จากนี้ต้องทำอะไร
พรุ่งนี้...เราจะทำยังไง
ก่อนอื่น...อันดับแรกเขาต้อง...โทรหาคุณลุงว่าวันนี้มาหาอาหมอแล้วไม่งั้นคุณลุงจะเป็นห่วง...จากนั้น...จากนั้น...อะไรนะ
ใช่...เขากำลังจะกลับห้อง...แต่ข้างนอกฝนกำลังตก...
ปวดหัว
แล้วก็...แล้วก็...
“เอม!!”
เสียงเรียกจากที่ไหนสักแห่ง...ไกลออกไป
และจากนั้นเขาก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย
************************Whosefault? ************************
สนใจรูปเล่มทักได้ที่เฟสบุ๊คเพจ H.Rui Novels ค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in