เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
#ดิออนออนเดอะโรลdionyk
09 : การเล่าเรียน
  •      สวัสดีค่ะ ห่างหายกันไปกว่าสองเดือน กลับมาพบกันอีกครั้งกับบทความอีพีใหม่นะคะ ดูจากหัวข้อแล้ว พอจะมีใครเดาออกมั้ยเอ่ยว่าวันนี้เราจะมาเขียนถึงเรื่องอะไร ใช่แล้วค่ะ มาเขียนถึงเรื่องชีวิตเรียนสมัยมัธยมของเราเองค่ะ บ้า ไม่ใช่ ฮ่าๆ
         ใช่แล้วค่ะ สำหรับใครที่เดาถูก วันนี้เราจะมาเขียนบทความเกี่ยวกับการเรียนในงบประมาณ 500$ ที่ออแพร์ทุกคนจะได้รับจากโฮสต์แฟมมิลี่นั่นเองค่ะ บอกไว้ก่อนว่าเราจะเขียนแทรกประสบการณ์ของเราเช่นเคย แต่เนื่องด้วยตอนเราเริ่มเรียน มันติดโควิดพอดี การเรียนในช่วงของเรามันจะแตกต่างจากช่วงก่อนหน้านี้หรือหลังจากนี้อยู่มาก ถ้าทุกคนพร้อมแล้ว เรามาเริ่มกันเลยนะคะ :)

    ทำไมออแพร์ต้องเรียนหนังสือ?
         หลายคนคงทราบอยู่แล้วว่าออแพร์จะได้ทุนค่าศึกษาเล่าเรียนเป็นจำนวน 500$ จากโฮสต์แฟมมิลี่ เพื่อใช้ในการเรียนเก็บหน่วยกิตจำนวน 6 หน่วยกิตหรือเก็บชั่วโมงเรียนจำนวน 60-72 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับ requirement ของเอเจนซี่นั้นๆ โดยเอเจนซี่ของเราเองก็ request ให้เก็บหน่วยกิต 6 หน่วยหรือเก็บชั่วโมง 60 ชั่วโมงค่ะ 
         ก็คงมีหลายคนสงสัยอีกว่าทำไมต้องเรียนด้วย แล้วต้องเรียนให้ครบ 6 หน่วยกิตเลยมั้ย คำตอบคือใช่ค่ะ ทุกคนต้องเรียนให้ครบตามกฎของโครงการ เพื่อเอา certificate จากทางสถาบันที่เราเรียนไปอัปโหลดลงเว็บไซต์เอเจนซี่นั้นๆของตัวเอง เป็นการ prove ว่าเราเก็บสะสมหน่วยกิตหรือชั่วโมงตามที่เอเจนซี่ request และหลังจากที่อัปโหลดแล้ว เอเจนซี่จะตรวจสอบอีกครั้งว่าเราได้ finish ตามที่ได้แจ้งมาหรือไม่ หลังจาก approve ก็จะสามารถจบโครงการปี 1 ได้อย่างสวยงามและได้ certificate จากทางโครงการมารับรองว่าเราทำตามกฎของโครงการค่ะ หากออแพร์คนไหนที่ไม่ได้ทำการเรียนตามที่โครงการ request จะไม่มีสิทธิได้ certificate เพื่อยืนยันว่าเราทำตามโครงการและจบโครงการปีแรกอย่างถูกต้องค่ะ

    ออแพร์ต้องเรียนยังไง?
         เกริ่นก่อนเลยนะคะ เนื่องด้วยสถานการณ์โควิดที่ดำเนินมาตั้งแต่ต้นปี 2020 จนถึงปัจจุบัน วันที่เรากำลังเขียนบทความอยู่นี้ การเรียนการสอนทุกอย่างเป็นระบบออนไลน์ทั้งหมดค่ะ เราเองก็ลงทะเบียนเรียนแบบออนไลน์ แต่เราเริ่มได้รับข่าวดีจากแอเรียไดเร็กเตอร์ของเรามาบ้างแล้วว่าปัจจุบันเริ่มมีการเปิดการเรียนการสอน in person หรือก็คือสามารถไปเรียนได้ด้วยตัวเองกับทาง college/university หรือ weekend class ได้แล้วค่ะ โดยจะเริ่มตั้งแต่เทอมซัมเมอร์ นั่นก็คือเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป ขึ้นอยู่กับประกาศจากสถาบันนั้นๆค่ะ
         มีหลายคนที่เคยถามนัทมา แล้วนัทก็มาแชร์คำถามกับเรา เราก็ได้ช่วยตอบไปว่าเรียนอะไรก็ได้ตามที่ต้องการเลยค่ะ เหมือนตอนคลับเฮ้าส์ที่ทางนัทเองและพี่นิ้งได้พูดไปว่าอยากเรียนอะไรก็ได้ เรียนได้ตามความต้องการของตัวเองเลย อย่างพี่นิ้งเหมือนจะเรียนเก็บเครดิตเป็นวิชาในบางรายวิชาของปริญญาตรี (ไม่แน่ใจนะคะว่าจำมาถูกต้องหรือไม่) แต่ทางเราได้ลงเรียนภาษาอังกฤษค่ะ เพราะว่าภาษาอ่อนแอเหลือเกิน ไม่กล้าไปลงเรียนอะไรยากๆเกินไป อยากให้ภาษาตัวเองดีขึ้นสักหน่อยก่อนค่ะ แต่ปัจจุบันก็ยังไม่ได้ดีนะ แค่โฮสต์บอกสื่อสารได้แบบไม่ติดขัดก็ดีแล้ว ฮ่าๆ

    ออแพร์เรียนอะไรได้บ้าง?
         ตามที่บอกด้านบนเลยนะคะว่าเรียนอะไรก็ได้ ตามที่เพื่อนๆสนใจเลย และ Area Director (หรือ LCC ที่เอเจนซี่อื่นเรียกกัน) จะส่งข่าวสารเกี่ยวกับการเรียนที่น่าสนใจมาให้ตลอดค่ะ เราสามารถเลือกดูได้ตามที่เขาส่งมา หรือค้นหาในอินเตอร์เน็ตเองก็ได้ว่ามีที่ไหนเปิดคลาสอะไรบ้าง และออแพร์สามารถลงเรียนได้หรือไม่นะคะ
         เผื่อใครที่มองภาพไม่ออก เดี๋ยวเรามาเขียนแนะนำคลาสที่เราเข้าเรียน พร้อมรีวิวให้อ่านกันนะคะ ว่าแต่ละคลาสที่เราเรียนเป็นยังไง มีความน่าสนใจอะไรบ้าง ก็ขอเตือนไว้เลยว่าของเราอาจมีความน่าเบื่อหน่อย เพราะเรียนออนไลน์นะคะ ไม่ได้ไปพบปะผู้คนรวมถึงเดินทางไป college หรือ university เหมือนออแพร์รุ่นก่อนเราเท่าไหร่ เราว่าออแพร์รุ่น Fall 2019 เป็นต้นมาแบบเราน่าจะ struggle กันตรงนี้เยอะค่ะ ใครจะไปรู้ว่าโควิดจะมา เลยชะล่าใจ ลงเรียนซะช้าเลย ฮ่าๆ
         แต่ก่อนที่จะไปอ่านรีวิวคลาสที่เราลงเรียน มาทำความรู้จักของประเภทคลาสที่ออแพร์ลงเรียนได้คร่าวๆกันก่อนนะคะ เราอาจตกหล่นไปบางประเภท เพราะเราก็ได้รับข้อมูลจากแอเรียไดเร็กเตอร์มาอีกที ไม่ได้รู้ลึกรู้จริงอะไร ถ้าพร้อมแล้ว มาทำความรู้จักไปด้วยกันเลยฮะ

         - ประเภทคลาสที่ออแพร์ลงได้
              + ESL (English as Second Language) คือคลาสเรียนภาษาสำหรับคนที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 เช่นคนไทยอย่างเรานี่แหละค่ะ เป็นคลาสยอดฮิตเลย เพราะทุกคนรู้ โลกรู้ว่าคนไทยเรียนภาษาอังกฤษกันมาตั้งแต่อนุบาลแต่ไม่ประสบผลสำเร็จมากเท่าไหร่ ถ้าไม่ไขว้คว้าเอง เช่นเราเป็นต้น เราเลยลงเรียนคลาสนี้เช่นกันค่ะ เขาจะสอนทั้งหมด 4 ทักษะเลย ได้แก่ฟัง/พูด/อ่านและเขียน และมีการทดสอบก่อนเริ่มเรียนด้วย ซึ่งคลาสนี้มีแทบทุกคอลเลจหรือมหาวิทยาลัยเลยค่ะ หรือสถาบันภาษาเองก็สามารถเก็บชั่วโมงได้ด้วยนะ เดี๋ยวยังไงเรามารีวิวละเอียดๆอีกทีในส่วนของรีวิวคลาสที่เราลงเรียนนะคะ

              + Weekend class คือคลาสที่ใช้เวลาช่วง weekend ไปเรียนในสถานที่จริง เราเคยเกือบลงเรียนอันนี้ เพราะเพื่อนมาชวน แต่ว่าไม่ได้ไปนะคะ คิดว่าเร็วไปในตอนนั้น เรามาอเมริกาได้แค่สองเดือนเอง แต่พอย้อนมองดูอีกที ทำไมเราไม่ไปตอนนั้นวะเนี่ย ฮ่าๆ ยกตัวอย่างคลาสที่เพื่อนเราชวนนะคะ เป็นคลาส Amish Country ไปศึกษาวิถีชีวิตของชาว Amish ค่ะ ออกแนวประวัติศาสตร์หน่อยๆ เพื่อนมารีวิวว่าก็สนุกดี แต่แอบน่าเบื่อตรงเรียนประวัติศาสตร์เยอะ ฮ่าๆ ซึ่งช่วงโควิดที่ผ่านมา เป็นการเรียนแบบ Virtual แทน คือเรียนออนไลน์ ไม่สามารถไปดูสถานที่จริงได้ แต่ตอนนี้ ณ ปัจจุบันที่เราเขียนบล็อกอยู่นี้ Weekend class เริ่มกลับมาแล้วนะคะ ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่ 3 หน่วยกิต ไปจนถึง 6 หน่วยกิต ตามเงื่อนไขของโครงการเลย มีหลากหลายสถานที่ให้เลือกสรรด้วยค่ะ แต่ที่ยอดฮิตเลยคือเว็บไซต์นี้ค่ะ คลิก

              + Classroom Au Pair เป็นเว็บไซต์หนึ่งที่ร่วมมือกับหลายมหาวิทยาลัยในอเมริกา ออกแบบคลาสเรียนที่เหมาะสมกับออแพร์ และใช้เวลาเรียนเพียงไม่กี่ชั่วโมงในการเรียนเท่านั้น แบ่งออกเป็นหัวข้อในหลากหลายสาขา เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาหรือไม่อยากเข้าเรียนทุกวัน แต่ละคลาสจะได้จำนวนชั่วโมง 36 ชั่วโมงหรือ 3 หน่วยกิตค่ะ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก

              + TOELF prep คือคลาสเรียนโทเฟลนั่นเอง เราว่าคลาสนี้เหมาะกับคนที่ภาษาอังกฤษดีในระดับหนึ่งแล้ว และเตรียมตัวเพื่อสอบโทเฟล เพราะในคลาสจะจำลองการสอบโทเฟลไว้ในตัวเลยค่ะ ซึ่งเราก็ยอมรับเลยนะว่าเรายังไม่ถึงขั้นจริงๆ แต่คิดไว้ว่าอาจจะได้เรียนในสักวันค่ะ ฮ่าๆ ซึ่งคลาสนี้เองก็มีในหลายคอลเลจหรือมหาวิทยาลัยให้เลือกสรรค่ะ เรื่องหน่วยกิตก็แล้วแต่เงื่อนไขของมหาวิทยาลัยด้วยค่ะ

              + Lecture class จริงๆจะเรียกชื่อนี้ไปเลยก็ไม่ถูก แต่เพื่ออธิบายให้เห็นภาพง่ายขึ้นนะคะ คือการ take course เป็นรายวิชานั่นเองค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่ 1 วิชา จะได้ 3 หน่วยกิต เพื่อนๆสามารถลงทะเบียนเรียนในรายวิชาที่ตัวเองสนใจกับคอลเลจหรือมหาวิทยาลัยในพื้นที่ของทุกคนได้เลยนะคะ ซึ่งภาคการศึกษาของอเมริกาจะแบ่งออกเป็น 4 ภาคตามฤดูเลยนะคะ Summer, Fall, Winter และ Spring ให้ทุกคนไปดู class schedule ของคอลเลจหรือมหาวิทยาลัยนั้นๆที่ตนเองสนใจ แล้วทำการติดต่อกับมหาวิทยาลัยได้เองเลยค่ะ ถ้าไม่เข้าใจอะไร แนะนำว่าที่นี่เขาส่งอีเมลสอบถามกันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ฉะนั้นสงสัยอะไร ให้ส่งอีเมลไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่ได้เลยนะคะ

              + Job-skill class คือการลงเรียนคลาสที่เป็นทักษะงานฝีมือนั่นเองค่ะ มีหลายที่ที่เปิดรับนะคะ ตอนเราหาคลาสเรียนก็เสิร์จเจอหลายที่เลยค่ะ มีตั้งแต่งานเกษตรกรรม, งานคหกรรม, งานไอที หรืออื่นๆอีกมากมายที่เราไม่ได้ศึกษา แต่ถ้าหากใครสนใจ ลองค้นหาใน google ดูได้เลยนะคะ มีคลาสเยอะมาก

              + Activity class จะเรียกเป็นคลาสกิจกรรมได้มั้ยก็ไม่รู้นะคะ แต่เป็นคลาสสำหรับคนรักการทำกิจกรรมเลยค่ะ ส่วนใหญ่ที่เห็นเพื่อนเราลงเรียนจะเป็นคลาสเต้น, คลาสโยคะ, คลาสแต่งหน้า, คลาสถ่ายรูปค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมดที่เรากล่าวมานี้ คือเพื่อนที่มาเป็นออแพร์ก่อนช่วง Winter 2019 เรามาช่วงปลาย Fall ใกล้เริ่ม Winter อยู่ได้ 3 เดือนครึ่ง โควิดก็เข้าประเทศแล้วค่ะ เพราะเราคิดว่ามีเวลาเลยไม่ได้ลงอะไรกับเพื่อนเลยสักอย่าง ฮ่าๆ แต่ตอนนี้เหมือนจะเห็นผ่านตามาบ้าง และมีหลากหลายสถานศึกษาให้เลือก ยังไงลองหาข้อมูลกันดูนะคะ
     
              + Coursera / EdX มาเพิ่มเติมให้อีกข้อนะคะว่าสามารถเรียนได้เหมือนกัน แล้วราคาไม่แพงเลย อย่าง Coursera เดือนละ 39$ เท่านั้น เรียนอะไรก็ได้ในนั้นที่เป็นมหาวิทยาลัยของอเมริกา เรียนจบให้ส่งใบ certificate กับรายละเอียดคอร์ส อัปโหลดลงในระบบ แล้วทางเอเจ้นจะ approve อีกทีค่ะ (จริงๆเราก็เรียนตัวนี้สำหรับปี 3 ของเรา เพราะขี้เกียจเรียนแล้ว ฮือ)

         จริงๆอาจจะมีคลาสอีกหลากหลายแบบที่เราไม่ได้พูดถึง เพราะเราก็รู้คลาสเหล่านี้จากแอเรียไดเร็กเตอร์ของเราอีกที มีหลายคลาสที่สามารถนำไปต่อยอดได้มากกว่านี้ในภายหลังด้วยนะ ถ้าใครวางแพลนจะอยู่ต่อแบบยาวๆ ลองหาลงวิชาที่มีในสาขาหรือ degree ที่ตัวเองสนใจเรียนในอนาคตเก็บไว้ แล้วยื่นกับคอลเลจหรือมหาวิทยาลัยที่ตัวเองจะศึกษาต่อหลังจบโครงการได้นะคะ ส่วนเรานั้นไม่ได้มีแพลนจะอยู่ต่ออะไร และภาษาอ่อนด้อยมาก เลยลงเรียนแต่ภาษาอังกฤษล้วนๆเลยค่ะ ฮ่าๆ

         - รีวิวคลาสเรียน
              เอาล่ะค่ะ มาถึงหัวข้อที่เป็นประสบการณ์ของเราแล้ว เราอาจจะไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก แต่จะเล่าตามที่ตัวเองผ่านและพบเจอมานะคะ ถ้าทุกคนพร้อมแล้ว ไปกันเลยฮะ!
          
              + ESL Upper Intermediate Level (Level 6) : LADO International Institute สถาบันสอนภาษาอังกฤษที่ตั้งอยู่ใน Washington D.C. เป็นสถาบันสอนภาษาอังกฤษล้วนๆค่ะ โดยในคลาสก็จะมีนักเรียนทุกช่วงอายุ ไม่แบ่งแยกกันค่ะ คลาสเรามีออแพร์ 6 คน อีก 3 คนเป็นคนต่างประเทศที่เข้ามาตั้งรกรากที่อเมริกา อายุสูงสุดที่เจอคือ 46 ค่ะ สนุกดีนะคะ และทุกคนคือเพื่อนกันค่ะ เราก็ได้เรียนรู้จากท่านอื่นๆเยอะมาก เขาเล่าประสบการณ์ชีวิตเขาได้สนุกมาก และใช่ค่ะ ทุกคนในคลาสพูดเก่งมาก มีเรานี่แหละที่อีหยังวะอยู่คนเดียว ฮ่าๆ ของลาโด้ราคาปกติค่อนข้างจะสูงนิดหน่อยนะคะ เกินงบที่ออแพร์ได้รับ แต่หลายคนก็ได้โฮสต์ช่วยจ่ายอยู่ดี ไม่ต้องกังวลน้า ตอนเราเรียน เราจ่ายไป 400$ ตรงกับช่วง 50% off พอดี และได้รับจำนวนชั่วโมง 72 ชั่วโมงค่ะ หมายความว่าเรียนคลาสเดียวจบ ไม่ต้องหาอะไรเพิ่มแล้ว ฮ่าๆ เราลง Semi-intensive ESL ไปค่ะ เพราะเรื่องของเวลาด้วย ไม่อยากลงเรียน intensive ไปเลย เพราะมันต้องเรียนเยอะกว่า แล้วเราทำงานทั้งวันตอนอยู่บ้านแรก เลยมีเวลาว่างแค่ช่วงเย็น บวกกับไม่อยากนอนดึกเลยลงเรียนแค่ semi ไป แต่การบ้านก็เยอะอยู่ดี ได้นอนตีหนึ่งตีสองทุกวัน ฮ่าๆ เราว่าที่นี่สอนดี สอนเข้าใจง่าย เราเรียนตอนนั้นสนุกมากเลยนะ เขาแบ่งเป็นคลาสเล็กๆ ทำให้ได้คุยกับเพื่อนในกลุ่มเดียวกันในหลายๆเรื่อง ปรึกษากับ Instructor อย่างเป็นกันเอง เราสนุกกับคลาสมาก และได้เจอเพื่อนที่ทักษะใกล้เคียงกัน เข้าอกเข้าใจกัน เป็นความทรงจำที่ดีมากค่ะ (รายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับคลาสนี้ คลิก)

              + Social Justice : Classroom Au Pair มาถึงคลาสอีกคลาสที่เราเอ็นจอยนะ แต่การบ้านจะเยอะไปไหนแม่ คลาสนี้เป็นคลาสออนไลน์อีกแล้ว และเรียนแค่ 2 วัน วันละ 1 ชั่วโมงค่ะ ขออธิบายก่อนว่าทำไมเรียนน้อยจัง คลาสนี้เป็นคลาส Social Justice ตามชื่อ คือ Instructor จะให้เรียนแค่ทำความรู้จักเครื่องมือในการทำการบ้าน และยกตัวอย่างพร้อมพูดคุย Social Movement ต่างๆที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน คลาสนี้จะให้ดูหนังแล้วเขียนงานส่ง คล้าย essay แต่ไม่ใช่ อารมณ์ให้แตกความคิดในแต่ละหัวข้อมากกว่าว่าการเคลื่อนไหวทางสังคมในหนังเป็นอย่างไร เราประทับใจอะไรบ้าง แล้วทำยังไงถึงประสบความสำเร็จ เราแอบพูดถึงหนังบางเรื่องที่เราได้ดูจากคลาสนี้ในแท็กบันทึกความรู้สึกหลังการดูจบของเราไว้บ้างแล้วในทวิต ถ้าเผื่อใครสนใจคลาสนี้นะคะ จริงๆจะบอกว่ามันสนุกดีนะที่ได้ดูหนัง แต่การบ้านเยอะมาก แล้วมีเวลาทำแค่ 1 เดือน แค่ดูหนังก็ล่อชีวิตไปเกือบ 30 ชั่วโมงแล้วค่ะ บางเรื่องเกือบ 2 ชั่วโมง ฮือ แต่สรุปเลยว่าเราสนุกกับการดูหนังมาก แค่ขี้เกียจเขียนวิเคราะห์ ฮ่าๆ (รายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับคลาสนี้ คลิก)
     
              + Advance Grammar : ELC Howard Community College เป็นอีกคลาสที่เรียนออนไลน์ แต่เราเรียนเป็นแบบ flexible schedule ก็คือให้มาบริหารเวลาเรียนเอา อารมณ์เรียนวิดีโอสมัยครูสมศรีอะไรอย่างนี้ค่ะ บริหารจัดการเวลาเอา เข้าเรียนตอนไหนก็ได้ แล้วแต่คนเรียนจะจัดการเวลา เพราะมันไม่ใช่ออนไลน์แบบ streaming แต่เป็นการเรียนจากวิดีโอที่ Instructor บันทึกไว้แล้ว คลาสนี้เน้นแกรมม่าล้วนๆ เราพูดมาตลอดว่าภาษาเราไม่แข็งแรงเลย แต่ก่อนจะได้เลือกคลาส เขาจะมีบททดสอบให้ทำก่อนลงทะเบียนนะคะ แล้วก็จะมีวิดีโอคอลมาบอกผลพร้อมกับให้เราลงทะเบียนและจ่ายเงิน ณ ตอนนั้นที่วิดีโอคอลกันค่ะ ซึ่งเขาก็จัดเราอยู่ใน Upper Intermediate อีกนั่นแหละค่ะ เราเลยได้เรียนระดับ Advance จริงๆ การบ้านถือว่าเยอะนะ ประมาณ 16-17 ชิ้นต่อบทได้ แล้วเรียนทั้งหมด 6 บทค่ะ สำหรับเรา เราเอ็นจอยนะ เพราะเราไม่มีเวลาจริงๆ ต้องย้ายบ้านตามโฮสต์ ทำให้ทุกอย่างมันวุ่นวายไปหมด แต่ได้เจอ Instructor ที่น่ารักมาก เห็นเราไม่มาเรียนสักทีก็อีเมลถาม ตอนที่คลาสเริ่ม เรายังเที่ยวอยู่ด้วยค่ะ เลยไม่ได้ทำงานส่งเขา พอกลับจากเที่ยว โฮสต์บอกซื้อบ้านแล้ว เราจะย้ายบ้านกันนะ สรุปเดือนมิถุนายนสำหรับเราเป็น hectic month มากๆเลยค่ะ แต่ Instructor น่ารักมากแบบที่อวยมา เขาช่วยเราเยอะมาก สุดท้ายแล้วเราก็ผ่านมันมาได้แล้วค่ะ จบคลาสแล้ว เย่! (รายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับคลาสนี้ คลิก)

              + Bussiness Idioms : ELC Howard Community College คลาสออนไลน์แบบ flexible อีกหนึ่งคลาสที่เราเลือกเรียน ตลอดการเรียนคือเราบ่นมาก เพราะจริงๆมันให้เรียนเฉพาะคำแสลงในเชิงธุรกิจ แต่การบ้านคือประดุจว่าเราเป็นนักธุรกิจใหญ่ จำลองสถานการณ์นู่นนี่นั่น เขียน essay ส่งมือหงิก ฮ่าๆ แต่ถึงจะบ่นเยอะ เราว่าเราสนุกนะ เราชอบเขียนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เลยสนุกค่ะ แล้วก็จะทดสอบการฟัง+พูดด้วย หลังๆเราทำส่งๆไปคือเกรดแย่มาก แต่ยังดีที่ผ่านมาได้ค่า ถ้าใครสนใจเกี่ยวกับคลาสนี้ ลองคลิกดูในลิงก์ด้านบนของคลาส Advance Grammar ได้เหมือนกันนะคะ college เดียวกันค่ะ

              + Coursera : All of America’s University เราเรียนอันนี้สำหรับปี 3 ไป เรียน Group communication กับ Basic writing ค่ะ จะบอกว่าขี้เกียจเรียนนั่นแหละ เลยไม่อยากหาอะไรเรียนแล้ว หาเรียนอะไรง่ายๆได้ชั่วโมงครบก็พอใจแล้วค่ะ เผื่อใครสนใจน้า

         เป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับอีพีนี้ เพื่อนๆพอจะมองภาพออกมั้ยเอ่ย disclaimer กันอีกนั่นแหละ ว่าเราไม่ใช่กูรูอะไร แค่มาเขียนบล็อกแนะนำหรือรวบรวมข้อมูลที่เราเคยได้รับและประสบการณ์ของเราไว้เพื่อให้ทุกคนได้ลองศึกษา และนำไปปรับใช้กับตัวเองในภายหลังนะคะ
         สุดท้ายแล้วทุกคน จู่ๆก็เหงาอีกแล้ว เลยจะมาเปิดห้องคลับเฮ้าส์เพื่อพูดคุยกับเพื่อนๆที่อยู่ในขั้นตอนเตรียมตัวมาเป็นออแพร์ หรือได้มาเป็นออแพร์แล้วมาอัปเดตชีวิตกัน ถ้ามีคนสนใจก็อยู่คุยได้เรื่อยๆค่ะ แต่ถ้าไม่ ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ปิดห้องเท่านั้นเอง ฮ่าๆ สำหรับใครที่สนใจนะคะ เข้ามาคุยกันพรุ่งนี้ เวลา 10 โมงเช้าไทย / 9 PM (MT) ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะคะ! คลิก


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in