“พี่แหม่ม คัทลียา” คือนางแบบที่ผันตนเองมาเป็นนางเอกดาวรุ่ง และแสดงละครทีวีเรื่องแรก ตอนผมกำลังแตกเนื้อหนุ่มเรียนอยู่ชั้น ม.1 พอดี
ผมตามดูละครเรื่องแรกสุดของพี่แหม่ม คือ “เพื่อเธอ” อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งยกเธอขึ้นเป็นหนึ่งในนางเอกยอดขวัญใจไปอีกคน
เรื่องหน้าตาของพี่แหม่ม คงไม่ต้องพูดถึงกันให้มากความ เพราะสมัยนั้น หน้าตาแนวลูกครึ่งฝรั่งคมๆ นี่จัดเป็น “พิมพ์นิยม” ของวงการบันเทิงไทยอยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน ในส่วนของเรื่องรูปร่าง พี่แหม่มก็ได้รับการยอมรับ เพราะมีพื้นฐานมาจากการเป็นนางแบบเชื้อสายฝรั่ง จึงเป็นที่รับรู้และเข้าใจกันว่าเธอย่อมตัวสูงใหญ่กว่านางเอกละครโทรทัศน์อีกหลายคนในยุคนั้น
ตามข้อมูลที่เผยแพร่ออกมาตอนปี 2537 มีการระบุว่าพี่แหม่มสูง 170 ซม.
ถือว่า “สูงยาวเข่าดี” และมีนัยยะความหมายที่สำคัญอย่างยิ่ง
เพราะเท่ากับว่าพี่แหม่มได้เข้ามาทำลายสถิติหรือก้าวข้ามมาตรฐาน “169 ซม.” ของพี่หมิว ลลิตา
หรือหากจะพูดกันตามจริง ตัวเลข “169 ซม.” ก็ถือเป็น “มาตรฐานร่วมระดับสูง” ของนางเอกไทยหลายรายในช่วงกลางทศวรรษ 2530
จากช่วง ป.6 ถึง ม.1 ผมเริ่มสืบเสาะข้อมูลจนพบว่า “พี่มาช่า” กับ “พี่แอน สิเรียม” ก็สูง 169 ซม. เท่าพี่หมิว
ด้วยเหตุนี้ การมาถึงของพี่แหม่ม พร้อมความสูง 170 ซม. ของเธอ จึงกลายเป็น “ปรากฏการณ์ใหม่” ในแง่ส่วนสูงของนางเอกละครทีวีไทยยุคนั้น
หนุ่มน้อยเช่นผมเฝ้าฝันเพ้อในใจว่าพี่แหม่มตัวจริงคงสูงสง่ามากมาย เกินเอื้อมคว้า ประหนึ่งนางฟ้านางสวรรค์
แล้ววันหนึ่ง สวรรค์ก็แทบล่มลงต่อหน้าผม
วันนั้นเป็นวันหยุดไม่เสาร์ก็อาทิตย์สมัยผมยังเรียน ม.1 ซึ่งครอบครัวของผมมีนัดไปทานอาหารสังสรรค์กันในหมู่ญาติๆ ที่โรงแรมใจกลางเมือง
พอจอดรถเสร็จ เดินเข้าโรงแรม ผมและสมาชิกครอบครัวก็เริ่มสังเกตเห็นว่า “เออ ผู้หญิงแม่-ลูกสองคน ที่ก้าวเท้าเดินอยู่ด้านหน้าเรานี่โดดเด่นและส่องรัศมีมากๆ เลย”
คนเป็นแม่อาจจะดูเป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่บุคลิกดีกว่าธรรมดานิดหน่อย แต่ลูกสาวนั้นสูงสง่ามาก
จากมุมมองของผม ซึ่งเป็นเด็กผู้ชายอายุ 12 ย่าง 13 ปี และสูงประมาณ 160 ซม. ผมไม่เคยเจอผู้หญิงที่ตัวสูงขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิตจริง
(เท่าที่ประมาณด้วยสายตา เธอ –บนรองเท้าส้นสูง- คงสูงกว่าผมเกิน 10 เซนติเมตร)
แล้วผมก็พบว่า ตรงห้องจัดเลี้ยงก่อนถึงห้องอาหารนั้นกำลังจัดงานมงคลสมรสอยู่
เมื่อสตรีสองแม่ลูกค่อยๆ ชะลอตัว แล้วหันขวาเข้าไปติดต่อกับฝ่ายรับแขกหน้าห้องจัดเลี้ยง ผมและครอบครัวจึงได้เห็นว่าผู้เป็นลูกสาวนั้นก็คือ พี่แหม่ม คัทลียา นั่นเอง
ความสวยของเธอ (ผนวกกับความโด่งดังในฐานะนางเอกดาวรุ่ง) ทำเอาคนรอบข้างต่างตื่นตะลึง!
แต่เมื่อเป้าหมายของครอบครัวผม คือ ห้องอาหาร ผมจึงต้องเดินผ่านเธอไปอย่าง (พยายามจะ) ช้าๆ
ระหว่างกินข้าว ลูกพี่ลูกน้องผม ซึ่งขณะนั้นเป็นวัยรุ่นจวนจะเข้ามหาวิทยาลัย เจ้าของส่วนสูงเฉียด 180 ซม. เอ่ยแซวผมว่า “พอเจอนางเอก เอ็งหยุดเดินเลยนะ ยืนนิ่งเลย แต่ถ้าอยากหอมแก้มเค้า เอ็งคงต้องกระโดดเอาว่ะ”
แล้วลูกพี่ลูกน้องคนนั้นก็เริ่มแสดงความคิดเห็นต่อว่าเขาค่อนข้างแปลกใจ ที่พี่แหม่มตัวเล็กกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้เล็กน้อย
วันนั้น พี่แหม่มใส่รองเท้าส้นสูงประมาณสองนิ้ว ซึ่งญาติผมเห็นว่าส้นสูงระดับดังกล่าว ควรจะทำให้นางเอกชื่อดังตัวสูงเกือบเท่าๆ ตนเอง
แต่ปรากฏว่าพี่แหม่มยังเตี้ยกว่าลูกพี่ลูกน้องของผมอยู่พอสมควร
“เค้าไม่ได้สูงมากนะ เอ็งเห็นมั้ย ตอนเค้ากับแม่เดินเข้าไปในงานแต่งงาน ยังมีผู้ชายตั้งหลายคนที่สูงกว่าเค้า พี่ก็สูงกว่าเค้า แต่ถ้าเป็นพวกนางแบบนางงามที่ตัวสูงจริงๆ นี่ เวลาใส่ส้นสูง พวกนั้นจะตัวสูงกว่าผู้ชายที่สูง 170 ปลายๆ หรือ 180 อีกนะ พี่เคยเจอ โคตรโย่งเลย”
อย่างไรก็ตาม ผมไม่ค่อยใส่ใจกับคำพูดส่วนหลังของลูกพี่ลูกน้องคนนี้มากนัก
ผมแค่มัวหมกมุ่นกับข้อเท็จจริงที่ว่าตัวเองยังเตี้ยกว่าพี่แหม่มอยู่เยอะจริงๆ
ความสูง “170 ซม.” กลายเป็น “มาตรฐานใหม่” และอีกหนึ่ง “ด่านท้าทาย” ที่ผมจะต้องมุ่งมั่นเอาชนะให้ได้ ภายในเวลา 1-2 ปีนับจากนั้น
“ตอนนี้ ยังไม่หมด ม.1 เทอมแรก เราสูงขึ้น 3 เซนต์ เป็น 160 แล้ว ถ้าตอนเทอมสอง เราสูงขึ้นอีก 3 เซนต์ ก็จะเป็น 163 แล้วถ้าช่วง ม.2 เราสูงขึ้นได้ 7-8 เซนต์ เราก็จะสูงเท่าๆ หรือสูงกว่าพี่แหม่ม” ผมตั้งเป้าหมายระหว่างนั่งกินอาหารในโรงแรม
“ผู้หญิงเดี๋ยวนี้เค้าสูงถึงหลัก 170 กันแล้ว ถ้าเราสูงแค่ 160 กว่าๆ นี่ จะเตี้ยกว่าผู้หญิงนะโว้ย” ผมนึกท้าทายตนเองในใจ
และหากไม่บรรลุเป้าหมายที่ว่า ผมย่อมกลายเป็นผู้ชายซึ่งมีแนวโน้มจะเตี้ยกว่าผู้หญิง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in