Chapter 7
To.D
I turned out liking you a lot more than I originally planned.
K.
ช่วงเวลาที่ถูกเมินเฉยมากที่สุดสำหรับใครหลายๆ คงเป็นเวลายามเช้า อาจเป็นเพราะว่าเมื่อตื่นนอนแล้วก็ต้องมาล้างหน้าล้างตาอาบน้ำแปรงฟัน แต่งตัวตามหน้าที่และบทบาทที่ได้รับในชีวิต รับประทานอาหารอย่างง่ายๆ ที่สามารถทานได้รวดเร็วและอิ่มท้อง ราวกับว่าช่วงเวลาในตอนเช้ากลายเป็นช่วงเวลาที่ต้องเร่งรีบทำเวลาให้เร็วและทำกิจกรรมให้เสร็จเรียบร้อยให้มากที่สุด
แต่คงไม่ใช่สำหรับไคและคยองซู
ดวงตะวันเริ่มอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการหมุนรอบตัวเองของโลก และโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ไปด้วย ก็เหมือนกับวงโคจรของเพนกวินและวงโคจรของหมีสีน้ำตาลในตอนนี้ที่กำลังหมุนรอบตัวเองและหมุนรอบกันและกัน
สภาพอากาศวันนี้คงผิดคาดกับที่นักพยากรณ์อากาศหลายๆ สำนักได้พยากรณ์เอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานว่าวันนี้จะมีอากาศร้อน เพราะว่าสายลมยามเช้าพัดเอาไอเย็นที่ยังคงค้างจากยามราตรีมากระทบกับผิวกายของคนทั่วไปจนบางคนถึงกับต้องเอามือมาลูบไล้ลำแขนของตัวเองเพื่อสร้างความอุ่น
แต่คงไม่ใช่สำหรับไคและคยองซู
ในมือข้างซ้ายของคนตัวเล็กและคนตัวโตต่างก็มีแก้วเครื่องดื่มที่ต่างคนต่างถือเอาไว้เพราะทั้งคู่ยังดื่มไม่หมด น้ำสีน้ำตาลขุ่นในแก้วสีใสและน้ำสีน้ำตาลเข้มใสในแก้วกระดาษนั้นเคลื่อนไหวไปมาตามจังหวะการก้าวเดิน แน่นอนว่ารุ่นพี่ตัวบางน่าจะมีความอบอุ่นมากกว่าเพราะเครื่องดื่มในมือนั้นเป็นอเมริกาโน่ร้อน
สายลมอ่อนๆ ได้พัดผ่านร่างกายที่ถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าของพวกเขาไป แต่ในขณะเดียวกัน สายลมที่มองไม่เห็นก็ได้พัดพาเอากลิ่นหอมกรุ่นและอบอวลของอเมริกาโน่ร้อนมากระทบกับจมูกโด่งมน กลิ่นเมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่ว บด ผ่านเครื่องทำกาแฟและน้ำร้อนจนได้กลิ่นหอมแบบเฉพาะตัวของมัน เป็นกลิ่นที่มีความขมเจือจางที่ซ่อนอยู่ในระดับความเข้มของคาเฟอีน
พูดตามตรงเลยว่าเขาไม่ชอบกาแฟ ไม่ชอบแม้กระทั่งกลิ่นของมัน แต่ทว่า…ตั้งแต่ได้มาอยู่ใกล้ๆ ได้เดินข้างๆ พี่คยองซู จมูกที่ทำหน้าที่รับกลิ่นของเขามันกลับเริ่มรู้สึกคุ้นชินกับกลิ่นกาแฟในเวลาที่พี่ตัวเล็กยกมันขึ้นมาดื่มทุกครั้ง ราวกับว่ากลิ่นกาแฟที่หอมเข้มแต่ก็มีความขมบางเบาซ่อนอยู่นั้นได้กลายเป็นกลิ่นประจำตัวของพี่คยองซูไปแล้ว
เป็นกลิ่นประจำตัวที่ไม่จำเป็นต้องใส่น้ำหอมใดๆ
ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกรึเปล่านะ? ที่เจ้าหมีสีน้ำตาลกลับจำกลิ่นกายของเพนกวินน่ารักตัวนี้ได้ทั้งๆ ที่เจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง
บรรยากาศระหว่างวงโคจรที่ค่อยๆ เกี่ยวซ้อนทับกันทีละน้อยนั้นก็เป็นเหมือนดังเช่นเมื่อวาน คนตัวโตก็คอยจ้องมองคนตัวเล็กด้วยสายตาที่พิเศษเหมือนเคย ราวกับว่ากลายเป็นหน้าที่ประจำไปแล้วเมื่อได้มาเดินข้างๆคนๆนี้ หน้าที่ที่ถึงแม้ว่าจะไม่มีเงินเดือนหรือสินน้ำใจเป็นค่าตอบแทน แต่ก็มีค่าของความสุขที่แม้แต่เจ้าตัวเองก็วัดไม่ได้เหมือนกันว่ามันมีค่าขนาดไหน
หน้าที่ที่เกิดจากความรู้สึกดีๆ จากหัวใจของไคที่มีต่อพี่คยองซู
โชคดีของหนุ่มเสื้อเชิ้ตและหนุ่มเสื้อยืดในเวลาช่วงเช้า เมื่อพวกเขาก้าวเท้าขึ้นมาบนรถบัสสายที่จะไปมหาวิทยาลัยที่พวกเขาศึกษาอยู่นั้น บนรถบัสซึ่งมีคนหลากหลายช่วงวัยในจำนวนพอประมาณ และมีที่นั่งว่างพอดีสำหรับพวกเขาสองคนที่นั่งริมหน้าต่างที่ยังไม่มีใครจับจองนั้นเป็นเหมือนกับแม่เหล็กขั้ว N (เหนือ) ที่ดึงดูดสายตาและร่างกายของเพนกวินจากขั้วโลกใต้ให้เจ้าตัวเข้าไปนั่งทันที และนั่นก็ทำให้รอยยิ้มน้อยๆ รูปหัวใจปรากฎซ้อนขึ้นบนใบหน้ารูปหัวใจอีกที ที่นั่งริมหน้าต่างกำลังทำให้คยองซูรู้สึกมีความสุข เพราะว่าเขาชอบนั่งริมหน้าต่างมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ในทุกครั้งที่ขึ้นมาบนรถบัสทั้งขาไปมหาวิทยาลัยและขากลับบ้าน เขาก็มักจะพบกับความผิดหวังเพราะที่นั่งริมหน้าต่างทุกที่นั่งมักจะถูกจับจองเสมอ นานๆ ครั้งเท่านั้นที่เขาจะมีโอกาสได้นั่งแบบคนอื่นๆ ทั่วไป
ที่นั่งริมหน้าต่างนั้นกำลังทำให้หนุ่มรุ่นน้องที่เดินตามมาทีหลังได้เห็นหัวใจสองดวงที่ซ้อนกัน ราวกับว่ามีจิตรกรเด็กน้อยน่ารักกำลังใช้ดินสอสีแดงวาดรูปหัวใจดวงใหญ่และวาดหัวใจดวงเล็กกว่าซ้อนข้างในหัวใจดวงใหญ่อีกทีบนกระดาษสีขาวสะอาดตาขนาด A4
พลังงานน่ารักที่เจ้าของนามว่า โดคยองซู มักจะปล่อยออกมาแบบไม่รู้ตัวนั้นกำลังเล่นงานและจู่โจมหัวใจของไคอีกครั้ง และเขารู้ตัวว่าเขากำลังจะแพ้…ด้วยความเต็มใจ
ใช่ว่าเขาเพิ่งเห็นรอยยิ้มน่ารักรูปหัวใจนี้เป็นครั้งแรก แต่ต่อให้เห็นเป็นครั้งที่ล้าน…เขาก็แพ้อยู่วันยังค่ำ
ประโยคบอกเล่าจากตุ๊กตาหิมะถึงคุณดวงอาทิตย์
“แค่รอยยิ้มเล็กๆ ของคุณนั้นทำให้ผมละลายได้”
[Just a little smile your makes me melt.]
วิวทิวทัศน์สองข้างทางที่ผ่านสายตาก็เป็นดังเช่นเมื่อวานในตอนเย็น แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนอกจากทิศทางการตกกระทบของแสงอาทิตย์ที่ส่องมายังโลก
ด้วยพื้นที่อันจำกัดจนเกือบจะคับแคบของที่นั่งสำหรับผู้โดยสารบนรถบัสนั้น ทำให้ช่วงตัวด้านข้างซีกขวาของไคสัมผัสกับช่วงตัวด้านข้างซีกซ้ายของพี่คยองซูอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หนุ่มรุ่นน้องนั้นแอบรู้สึกหวาดหวั่นในใจเพราะกลัวว่าพี่คยองซูอาจจะรู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์แบบนี้ ถึงแม้ว่าเขาเองอยากจะให้เป็นมากกว่านี้ก็ตาม อย่างเช่น ได้จับมือนิ่มๆ ของรุ่นพี่ตัวเล็กคนนี้
“ฟังเพลงไหม?” เจ้าของน้ำเสียงทุ้มนุ่มและอ่อนโยนเอื้อนเอ่ยประโยคที่หนุ่มรุ่นน้องไม่ได้คาดคิดเหมือนกันว่าจะได้ยินจากปากของเจ้าตัว มือเรียวสวยของคนไหล่เล็กนั้นจับตัวสายหูฟังสีขาวข้างที่มีตัวอักษรเล็กๆ ‘R’ และยื่นมันให้กับคนที่นั่งข้างๆ ส่วนสายหูฟังข้าง ‘L’ นั้นคยองซูเสียบเข้าที่หูข้างซ้ายของเขาแล้วเรียบร้อย
คนไหล่กว้างมีสีหน้าที่ออกไปทางเหวอๆ เล็กน้อย แต่เจ้าตัวก็รีบปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ มือหนาหยิบตัวหูฟังที่รุ่นพี่ยื่นมาให้เขาเสียบเข้ากับที่หูข้างขวาของตัวเอง ส่วนคยองซูนั้นใช้นิ้วหัวแม่โป้งสไลด์หน้าจอไปมาเพื่อเข้าแอพพลิเคชั่นที่เอาไว้ใช้สำหรับฟังเพลง
แค่เสียงโน็ตตัวแรกจากท่วงทำนองของเปียโนและเสียงทุ้มของนักร้องที่กำลังฮัมเพลงช่วงท่อนอินโทร แค่นี้ก็ทำให้ไครู้แล้วว่าคือเพลงอะไร
“
It’s a beautiful life, I’ll stay by your side
[ชีวิตที่งดงาม ผมจะคอยอยู่ข้างๆ คุณเองนะ]
It`s a beautiful life, I’ll stand right behind you
[ชีวิตที่สวยงาม ผมจะคอยอยู่ข้างหลังคุณเอง]
Beautiful love
If I am with you under this sky
[ความรักอันงดงาม หากเรายังคงอยู่ใต้ผืนฟ้านี้ด้วยกัน]
Just breathing alone makes me happy
[หากเพียงแค่ได้หายใจต่อไปกับคุณ แค่นี้ผมก็มีความสุขมากแล้ว]
”
ผู้คนบนรถบัสค่อยๆ จางหายไปทีละคน ทีละคน ราวกับว่ามีเพียงแค่คยองซูและไคเท่านั้น
รอยยิ้มซึ่งเป็นสัญลักษณ์สื่อสารความรู้สึกในใจปรากฎแก่สายตาของคนทั้งคู่เมื่อพวกเขาหันมาสบตากัน เป็นรอยยิ้มที่เหมือนกันราวกับว่ากำลัง Ctrl + C และ Ctrl+ V
ท่ามกลางความเงียบงันและเสียงหัวใจ 2 ดวงที่เต้นโครมครามระหว่างท้องฟ้ากับแผ่นดิน
พร้อมๆ กับเสียงเปียโนและเสียงร้องทุ้มของเพลง Beautiful (Ost.Goblin) ที่ยังคงเล่นต่อไปเรื่อยๆ
นี่คือคำสารภาพรักรึเปล่านะ?
หนุ่มรุ่นน้องที่ใบหน้ายังคงมีสีชมพูอ่อนๆ กำลังเล่นมือถือของตัวเองพร้อมๆ กับที่หูข้างขวาของเขาซึ่งกำลังทำหน้าที่ฟังเสียงเพลงที่ทั้งไพเราะและฟังสบายจากดีเจที่นั่งข้างๆ ในขณะเดียวกันนิ้วหัวแม่โป้งของเขาสัมผัสกับหน้าจอไวด์สกรีนในลักษณะขึ้นและลง แอพฯที่ชื่อว่าทวิตเตอร์ ซึ่งเป็นแอพฯที่รวดเร็วเสมอในการใช้อัพเดทข่าวสารทั่วๆไป เขาไถหน้าจอไปเรื่อยๆ จนเจอกับลิงค์บทความที่แบคฮยอนแชร์ไว้เมื่อเช้านี้ บทความนี้ชื่อว่า ‘ความรู้สึกของผมและคิมชิน’
“
‘ความรู้สึกของผมและคิมชิน’
หมายเหตุ: ผมเขียนบทความนี้ขึ้นมาหลังจากที่ได้ฟังเพลงประกอบและดูซีรี่ย์แห่งปีอย่าง Goblin ซึ่งเป็นซีรี่ย์ที่ดีมากจริงๆ นะครับ บทละครแทบไม่มีช่องโหว่ให้สงสัยเลย บวกกับพลังทางการแสดงของคุณกงยูและนักแสดงท่านอื่นๆ นั้นทำให้ผมเชื่อและรู้สึกตามตัวละครจริงๆ
วันนี้ผมไม่ได้มาเขียนรีวิวซีรี่ย์ แต่ผมจะเขียนคำสารภาพความรู้สึกของผมที่มีต่อคนๆ นึงผ่านมุมมองของคิมชินต่างหาก
ท่ามกลางทุ่งดอกบัควีทอันเงียบสงบ ใครเล่าจะล่วงรู้ว่านี่คือสุสานอดีตแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่แห่งโครยอ
นั่นเพราะว่า ณ ที่แห่งนี้คือสุสานของคนที่เป็นกบฎที่แม้ว่าจะตายไปแล้วก็ยังมีบทลงโทษให้อับอายด้วยการปล่อยให้พวกแร้งพวกกาจิกกินศพ ทำราวกับว่าคนที่ตายไปนั้นไม่ต่างกับสัตว์เดรัจฉานที่มีแต่สัญชาตญาณ
ผีเสื้อสีขาวบินวนไปวนมารอบๆ ดาบเล่มใหญ่ที่สนิมกัดกินจนเค้าโครงเดิมแทบไม่เหลือ
พระเจ้านั้นฟังคำอ้อนวอนของมนุษย์เสมอ และพระองค์ประทานพรด้วยความเมตตา
เพราะว่า…พระองค์ทรงรักมนุษย์ทุกคนราวกับเป็นบุตรของท่านเอง
‘คนของเจ้าได้วิงวอนและอธิษฐานถึงข้า เพื่อช่วยเจ้า แต่เลือดของผู้คนนับพันที่อาบอยู่บนคมดาบนี้เป็นเลือดศัตรู…เจ้าจะเป็นอมตะและจะต้องเฝ้ามองคนที่เจ้ารักตายลง เจ้าจะต้องจดจำพวกเขาเหล่านั้นไปตลอดกาล…นี่คือสิ่งที่ข้ามอบให้กับเจ้า เป็นทั้งรางวัลและบทลงโทษ’
มีเพียงเจ้าสาวของก็อบลินเท่านั้นที่จะสามารถถอนคำสาปนี้ได้
เมื่อดาบนี้ถูกถอนออก เมื่อนั้น..เจ้าจะได้ไปสู่สุขติ’
สิ้นเสียงอันทรงพลังและดังกึกก้องไปทั่วบริเวณของพระเจ้า ทันใดนั้น…ร่างกายที่แหลกสลายไปตามกาลเวลาของแม่ทัพก็ฟื้นคืนต่อหน้าผู้รับใช้ที่กำลังเคารพหลุมศพที่ไม่ใช่หลุมศพของเขา
ร่างกายของคิมชินยังคงดูหนุ่มแน่นและดูดีเหมือนกับตอนที่เขายังเป็นมนุษย์ บาดแผลและคราบเลือดบนตัวที่เกิดจากคำสั่งให้ประหารเขาจากพระราชาผู้อ่อนเยาว์นั้นเลือนหายไปราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
แต่ทว่า…บาดแผลบนอกขนาดใหญ่ที่มีดาบสีเงินเล่มใหญ่ปักเอาไว้นั้น มีเพียงแค่เจ้าสาวของเขาที่จะมองเห็น
วันเวลาหมุนผ่านไปพร้อมกับความเดี่ยวดาย วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า
ปีที่ 939
ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายเนื่องจากอารมณ์เศร้าของก็อบลิน ห้วงเวลานั้นเอง…เขาก็ได้พบกับเจ้าสาวของเขา
ทันใดนั้น…ภาพอนาคตสีจางๆ ก็เริ่มปรากฎขึ้นในสายตาของคิมชิน
‘หลังจากผ่านไป 100 ปี ในวันที่อากาศดีพอ ผมหวังว่าผมจะสามารถบอกกับเธอได้ว่า เธอเป็นรักครั้งแรกของผม’ – คำสารภาพรักของก็อบลินผู้ปรารถนาแรงกล้าที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
- ความรู้สึกของผมเองก็เช่นกัน ถึงแม้ว่าความรู้สึกของผมในตอนนี้จะไม่ได้เป็นรักครั้งแรกอย่างคิมชิน และถึงตอนนี้ ผมอาจจะยังไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะคิดตรงกันกับผมรึไม่
แต่ในวันที่อากาศดีพอ ผมก็จะสารภาพความในใจออกไปอย่างแน่นอนครับ
เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ :)
D.O.
xx August 2017
02:14 AM
”
คนไหล่กว้างนั้นไม่รู้ตัวเลยว่าบทความที่เจ้าตัวกำลังอ่านและขบคิดไปด้วยนั้น คนที่เขียนบทความนี้ขึ้นมาและอัพลงเว็บบล็อกสำหรับนักเขียนมือใหม่กำลังนั่งมองวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างกระจกใสอยู่ข้างๆ ตัวเขา
ไคแค่รู้สึกว่าถ้าเขาเป็นคนที่นักเขียนที่มีนิกเนมว่า ‘D.O.’ เขียนถึงและสารภาพความรู้สึกว่ารัก เขาคงต้องเขินมากจนไม่มีสติแน่ๆ เพราะแค่นี้เขายังเขินจนพี่คยองซูหันมามองพร้อมกับหัวเราะในลำคอเบาๆ ใส่เขาเลย
.
.
“วันนี้มาช้านะครับคุณโด”
“ก็กูแวะกินมื้อเช้ากับ…”
“กับ?”
“เออช่างกูเหอะ ว่าแต่..บนโต๊ะนั่นอะไรวะ” คยองซูที่มาถึงห้องเรียนแล้วก็ต้องพบกับความประหลาดใจเพราะว่าชานยอลมาถึงห้องเรียนก่อนเขา ซึ่งปกติในเวลาเรียนของวิชานี้มันมักจะมาสายเป็นประจำเนื่องจากเวลาที่เช้าเกินไปสำหรับมัน (พูดง่ายๆ ก็คือมันขี้เกียจตื่นเช้า) จนเขาต้องสร้างเกมส์เพื่อลงโทษคนมาสายสำหรับเราสองคน เกมส์นี้มีเงื่อนไขขึ้นอยู่กับคนที่มาถึงห้องเรียนก่อนว่าในครั้งนั้นๆ คนนั้นจะสั่งให้คนมาสายทำอะไรก็ได้แล้วก็ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งตอนนี้สิ่งที่เขาเห็นบนโต๊ะของเพื่อนรักก็คือที่คาดผมแบบมีโบว์ผูกขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่คล้ายๆ กับหูของมินนี่เมาส์ประดับบนที่คาดมันมีสีชมพูหวานแหววและมีลายจุดสีขาว
เชี่ย ชิบหายละ
“อย่าบอกนะว่า…”
“มึงต้องใส่ไอ้ที่คาดผมนี้ นี่คือบทลงโทษจากกูสำหรับคนมาสาย..อย่างมึง ฮ่าๆๆ”
“ไอ้! หู! กาง!” คยองซูกัดฟันกรอดและพูดกระแทกเสียงลอดไรฟัน เขาทั้งรู้สึกโมโหทั้งเจ็บใจที่เขาตกหลุมพรางเกมส์ที่เขาสร้างขึ้นมาเอง
“ช่วยไม่ได้เว้ย มึงสร้างเกมส์งี่เง่านี่ขึ้นมาเองนะ” ชานยอลยิ้มเยาะพร้อมกับยื่นที่คาดผมหวานแหววให้เพื่อนรักอย่างคยองซู ถึงเขาจะมีระดับความหนาของหน้ามากกว่าเลยไม่ค่อยรู้สึกรู้สากับบทลงโทษแต่ละอย่างที่เพื่อนตัวเล็กจัดมาให้ในทุกครั้งที่เขามาสาย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อดรู้สึกสะใจไม่ได้จริงๆ
แล้วอีกอย่าง…
นี่เป็นแผนการของแบคฮยอน!
.
.
‘กลางดึกของเมื่อวาน’
“นั่นไง! พี่ชาน ไคมันสารภาพแล้วว่าชอบพี่คยองซู” คนตัวเล็กหน้าตาน่ารักๆ กำลังนอนหนุนตักแกร่งของคนตัวโตที่กำลังนั่งขัดสมาธิทำงานบนเตียงจู่ๆ ก็ผุดลุกพรวดขึ้นมานั่งตัวตรงพร้อมกับโชว์หน้าจอมือถือของเจ้าตัวมาให้เขา
“เลี่ยนอ่ะ พี่อยากจะอ้วกเลยเนี่ย แต่เสียดายมื้อเย็นที่แม่ทำมาให้กิน”
“แหม ตอนพี่มาจีบฮยอนพี่เลี่ยนยิ่งกว่านี้อีก ทำมาเป็นพูด” แบคฮยอนแอบเบะปาก ก็จริงนี่นา ก่อนที่เขาจะยอมตกลงเป็นแฟนกับพี่ชานยอล เจ้าตัวก็เอาแต่เพ้อว่าชอบเขาใส่พี่คยองซู แต่ก็ไม่ยอมมาพูดตรงๆ ต่อหน้าซะที เอาแต่พิมพ์คำบอกรักเลี่ยนๆ ส่งผ่านแชทไลน์มาหาเขาทุกวัน จนพี่คยองซูคงทนความน่ารำคาญไม่ไหวจึงแอบมาบอกเขาในฐานะที่เป็นรุ่นพี่ร่วมคณะเดียวกันและวางแผนการสร้างสถานการณ์บีบบังคับทางอ้อมให้พี่ชานยอลมาสารภาพรักกับเขาตรงๆ(ซะที) พูดได้เต็มปากเลยว่าเขากับพี่ชานยอลจากที่เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกลายมาเป็นแฟนในทุกวันนี้ได้ ก็มีพี่คยองซูคนนี้นี่แหละที่เป็นกามเทพแผลงศรให้เกิดความสัมพันธ์แบบคนรักขึ้นมา
ถึงเวลาแล้วที่เขาจะมาเป็นกามเทพแผลงศรบ้าง เพราะทั้งพี่คยองซูและไคต่างก็เป็นคนดีด้วยกันทั้งคู่
และก็ถึงเวลาแล้วที่พี่คยองซูจะได้มีความรักดีๆ กับเขาบ้างซะที หลังจากผ่านความรักแย่ๆ กับคนแย่ๆ ที่ทำให้พี่เขาช้ำใจปางตาย และเขาก็ไม่อยากให้รุ่นพี่ที่น่ารักกับเขาเสมอคนนี้กลับไปเจอสภาพแย่ๆ แบบนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง
“แล้วฮยอนจะทำยังไงต่อ?” ชานยอลถามด้วยความสงสัย เขาคิดว่าเจ้าตัวเล็กแฟนเขาจะต้องมีแผนการอะไรบางอย่างในใจแน่ๆ เขาดูออก
“แป๊ปนะ เดี๋ยวฮยอนไปหาของก่อน” เจ้าตัวเล็กลุกออกจากเตียงตรงไปยังตู้เสื้อผ้าของเขาเพื่อค้นหาอะไรบางอย่างสักพัก ก่อนที่จะเดินกลับมานั่งที่เตียงนอนอีกครั้ง พร้อมกับยื่นที่คาดผมสีชมพูหวานแหววผูกโบว์คล้ายๆหูของมินนี่เมาส์ที่เขาเป็นคนซื้อให้แบคฮยอน เพราะเขาเห็นว่าถ้าเจ้าตัวใส่ก็คงออกมาน่ารักมากๆ แล้วก็จริง พอแบคฮยอนมาค้างที่ห้องของเขาที่ไรเจ้าตัวก็หยิบมาใส่เล่นๆ และเขาก็มักจะอดใจไม่ไหวตรงเข้าไปฟัดแฟนตัวเล็กทุกที
“คยองมันไม่ใส่หรอกน่า มันเกลียดอะไรแบบนี้จะตาย” ชานยอลส่ายหน้าเบาๆ เพราะถ้าเอาที่คาดผมแบบนี้ไปให้มันใส่ มีหวังมันคงไล่เตะเขารอบมหาวิทยาลัยแน่ๆ
“ไม่ๆ ฮยอนไม่ได้จะให้พี่เอานี่ไปให้พี่คยองซูใส่โดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยนซะหน่อยนี่นา นี่พี่ลืมเกมส์ลงโทษระหว่างพวกพี่สองคนไปแล้วเหรอ?”
“เออใช่ๆ พี่ลืมสนิทเลย”
“เนี่ย..พรุ่งนี้พี่ก็ต้องตื่นเช้าหน่อย แล้วไปให้ถึงห้องเรียนก่อนพี่คยองซู แค่นี้เอง”
“โหยย..เช้าเลยเหรอ พี่ตื่นไม่ไหวอ่ะ แต่ถ้า…” ชานยอลจงใจพูดเว้นจังหวะพร้อมกับทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่แบคฮยอน
“นี่! ฮยอนรู้นะว่าพี่คิดอะไรอยู่น่ะ ลามก!” พวงแก้มนิ่มๆ ของแฟนตัวเล็กจู่ๆ ก็มีสีแดงแปร๊ดขึ้นมาเพราะเจ้าตัวคิดเลยเถิดเตลิดไปไกลกว่าคำพูดของชานยอล
“อะไร พี่ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ ตัวเล็กนั่นแหละที่คิดลามก..กับพี่” คนเจ้าเล่ห์จงใจยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ใบหน้าน่ารักเพื่อแกล้งแหย่ให้เจ้าตัวเขินอาย
‘ป้าป!’ เสียงมือของแบคฮยอนกระทบกับเนื้อแผ่นหลังของชานยอลจนดังลั่นไปทั่วห้อง และก็ตามหลังด้วยเสียงโอดโอยคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดของคนขี้แกล้ง
ถึงจะเจ็บแต่ก็เรียกรอยยิ้มให้คนทั้งคู่ได้อยู่ดี
.
.
.
Talk Talk
มาแล้ววววววววววววว มาต่อแล้ว แต่งเสร็จก็รีบมาอัพเลยนะเนี่ยหลังจากที่ไม่มีแรงแต่งฟิคเพราะมัวแต่หวีดเป็นบ้าเป็นบอ สติออบซอมากๆ เพราะสองสามวันมานี้มัวแต่กรี้ดๆๆๆหวีดๆๆๆๆ โมเม้นท์คู่ไคซูที่เรียลมากๆ ใจบางเป็นกระดาษเอสี่แล้วโว้ยยยยย /เป็นแฟนกันอ่อ? เป็นแฟนกันสินะ อิ้อิ้คิ้คิ้
อิอิ ต้องขอบคุณค็อกเทลที่ป๋าโดดื่มและความเมาน้ำเปล่าของแฟนน้องอ่ะ ถึงตัวเองจะโดนแฟนพี่ทุบๆๆๆ ออกสื่อก็ตามเถอะ55555
ส่วนบทความที่ไคอ่านเราเขียนขึ้นมาเองนะคะ ไม่ได้ลอกใครเลยจริงๆ สาบานด้วยเกียรติของชิปเปอร์คาดิเลย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in