Chapter 6
I fell in love with the way you touched me without using your hands.
วันนี้อาจจะเป็นวันธรรมดาๆ สำหรับใครหลายๆ คน แต่อาจจะเป็นวันพิเศษสำหรับใครบางคนที่กำลังมีความรัก
วันนี้เป็นวันที่อากาศร้อนกว่าปกติเนื่องจากฤดูและสภาพอากาศของโลก ความร้อนคงทำให้ใครหลายคนหงุดหงิดและอารมณ์เสีย แต่คงไม่ใช่กับใครบางคนที่ตอนนี้ความอบอุ่นกำลังเข้ามาแทนที่ความหนาวเหน็บในหัวใจทีละน้อย
ความอบอุ่นที่ต่างคนต่างก็แชร์ออกมาจากหัวใจโดยไม่รู้ตัว
วันหนึ่งในฤดูร้อน
วันที่ใครบางคนถูกแรงเหวี่ยงของโลกเหวี่ยงใครอีกคนมาให้ ซึ่งก็ไม่รู้จักหรือเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน
วันที่วงโคจรของเราที่มีแค่เรามีแค่ความรู้สึกของเรา แต่วันนี้กลับมีแรงดึงดูดจากวงโคจรข้างๆซึ่งถูกโลกเหวี่ยงมา
แน่นอนว่าแรงดึงดูดจากวงโคจรข้างๆ นั่นค่อยๆ มีผลกับเราทีละน้อย ทีละน้อย
แรงดึงดูดนี้ทำให้เราค่อยๆ เดินเข้าไปหาเขา ทำให้เราอยากทำความรู้จักโลกหรือวงโคจรของเขาให้มากขึ้น
เราเริ่มสงสัย
เขาเป็นคนแบบกันไหนนะ ชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร ทำไมเวลาเราหันไปมองก็เห็นเขายิ้มน้อยๆ ที่มุมปากทุกที หรือเวลาที่เขาแค่ทำสีหน้าเฉยๆ ทำไมเราถึงหยุดมองไม่ได้นะ
ความสงสัยมักจะนำพาไปสู่การตั้งคำถามและค้นหาคำตอบ ระหว่างทางที่เรากำลังค้นหาคำตอบนั้นเราไม่รู้ตัวหรอกว่าวงโคจรของเรากำลังซ้อนทับกับวงโคจรของเขาแบบช้าๆ และค่อยเป็นค่อยไป แต่อาจจะเป็นการซ้อนทับเต็มวงหรือซ้อนทับแค่บางส่วนนั้นก็ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของพวกเขาเอง
ใครเล่าจะรู้ว่าวงโคจรของเพนกวินจากขั้วโลกใต้และวงโคจรของหมีสีน้ำตาลจากขั้วโลกเหนือนั้นจะมาโคจรเจอกันได้
.
.
“กี่โมงแล้ววะ” ชายผู้มีใบหน้าที่ดูหล่อเหลาและน่ารักในคราวเดียวกันทุกครั้งที่มองพูดพึมพำกับตัวเองเบาๆ หลังจากที่ลืมตาตื่นและบิดขี้เกียจในขณะที่อยู่ในท่านอนบนเตียงขนาด 6 ฟุต ซึ่งร่างกายของเขานอนอยู่บนฟูกนุ่มๆ และผ้าปูที่นอนสีน้ำเงินเข้ม ก่อนที่จะยันร่างกายท่อนบนไปพิงกับพนักเตียงพร้อมกับขยี้เส้นผมสีดำนุ่มลื่นให้เข้าทรง ด้วยความที่เขาเองนั้นมีนิสัยไม่ชอบเห็นสภาพผมที่ดูยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงแม้ในขณะเวลาที่เพิ่งตื่นจากการนอนหลับก็ตาม
คยองซูเอี้ยวตัวเพื่อจะหยิบแว่นสายตากรอบสี่เหลี่ยมสีดำที่วางอยู่บนตู้ข้างเตียงมาสวมใส่เพื่อที่จะได้เห็นสิ่งต่างๆ ได้ชัดขึ้น ภายในห้องนอนของเขานั้นตกแต่งโดยใช้โทนสีขาวและน้ำเงินเข้มเป็นส่วนใหญ่ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ในห้องถูกจัดเป็นระเบียบดูเรียบร้อยผิดกับวิสัยของผู้ชายทั่วๆ ไป ถึงบ้านของเขาจะมีแม่บ้านคอยทำความสะอาดเป็นประจำอยู่แล้ว แต่แม่ของเขาจะคอยพร่ำสอนเสมอว่าถึงจะเป็นลูกผู้ชายแต่ก็ควรรู้จักการทำงานบ้านและทำความสะอาดให้เป็นโดยไม่ต้องรอใครมาทำให้ ดังนั้นคยองซูจึงมีนิสัยรักความสะอาดไปโดยปริยาย
‘9:08 PM’
“อาห์…สงสัยคืนนี้คงไม่ได้นอนอีกแล้วล่ะมั้งเรา” เจ้าของริมฝีปากรูปหัวใจพึมพำเบาๆ กับตัวเองอีกครั้งหลังจากที่มองนาฬิกาตั้งโต๊ะเพื่อที่จะดูเวลา หลังจากนั้นจึงยันกายให้ลุกขึ้นนั่งตรงขอบเตียงและสวมใส่สลิปเปอร์สีขาวก่อนที่จะลุกขึ้นยืนและเดินเข้าห้องน้ำเพื่อจะล้างหน้าล้างตาให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นและตื่นตัวพร้อมทำงานที่คั่งค้างในคืนนี้
สายน้ำจากหัวก็อกสีเงินของอ่างล้างหน้าไหลออกมาเป็นสายเส้นน้อยๆ เพราะคยองซูไม่ได้หมุนเปิดวาล์วจนสุด มือเรียวสวยราวกับมือของผู้หญิงนั้นกำลังรองสายน้ำใสสะอาดให้ไหลเข้ามาในมือจนล้น ก่อนจะยกมือที่รองรับน้ำเอาไว้ขึ้นมาประพรมที่ใบหน้าและเปลือกตาสีมุกเพื่อให้ผิวหนังได้สัมผัสความสดชื่น
เปลือกตาสีมุกค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างช้าๆ ภาพเงาสะท้อนจากกระจกทรงกลมสะท้อนให้เห็นสภาพของเขาที่ใต้ตามีรอยคล้ำสีน้ำตาลซึ่งมาจากการที่เขานอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ปอยผมหน้าม้าสีนิลที่ได้รับการซอยตัดแต่งอย่างดีนั้นเปียกลู่แนบกับหน้าผากมน เมื่อเห็นแบบนั้นมือเรียวจึงจับปอยผมหน้าม้าเสยขึ้นไปจนคล้ายกับว่าเขากำลังทำทรงผมแบบ The Quiff ซึ่งนั้นก็ทำให้เขาดูเป็นผู้ชายลุคดรามาติกขึ้นมาเล็กน้อยแต่ก็ยังมีหยดน้ำแวววาวยามต้องแสงไฟเกาะตามผิวหน้าและปลายจมูกสวยได้รูปค้างอยู่
คยองซูหยิบผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กที่ผาดไว้กับไหล่ขึ้นมาซับความชื้นตามใบหน้าและเช็ดขยี้ปอยผมหน้าม้าที่เปียกจากการล้างหน้าล้างตาซึ่งเขาเพิ่งเสยขึ้นไปเมื่อครู่ ถึงในช่วงนี้จะอยู่ในช่วงฤดูร้อน แต่สภาพอากาศในเวลากลางคืนก็จะกลับมามีความเย็นอีก ดังนั้นจะปล่อยให้เปียกชื้นและรอให้แห้งไปเองคงไม่ได้ถ้าปล่อยไว้ ถึงเวลานั้นเขาก็จะเป็นไข้หวัดพอดี เมื่อเสร็จจนรู้สึกแห้งแล้ว เจ้าตัวจึงหยิบแว่นตาที่วางไว้ข้างๆ อ่างล้างหน้าขึ้นมาสวม
บรรยากาศภายนอกหน้าต่างห้องนอนในคืนนี้ดูสวยกว่าปกติ อาจเป็นเพราะชั้นบรรยากาศในเวลานี้ไม่มีเมฆหมอกคอยบดบังแสงจันทร์จากดาวบริวารของโลกยามค่ำคืน
ร่างเล็กในชุดเสื้อยืดสีดำตัวโคร่งและกางเกงบ็อกเซอร์สีน้ำเงินเดินออกจากห้องน้ำตรงมายังโต๊ะทำงานซึ่งตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กับหน้าต่างของห้องนอน และหย่อนก้นอวบลงกับเบาะผ้ากำมะหยี่สีดำของเก้าอี้ที่มีล้อเลื่อนทรงกลมซึ่งสามารถเคลื่อนย้ายไปส่วนไหนของห้องนอนเขาก็ได้ บนโต๊ะที่ไว้ใช้สำหรับทำงานนั้นเต็มไปด้วยกระดาษซึ่งมีตัวอักษรมากมายในจำนวนหลายปึกตั้งเป็นกองๆ ดูระเบียบเรียบร้อย และข้างๆ มีกล่องทรงกระบอกสำหรับใส่ดินสอและเครื่องเขียนอื่นๆ
คยองซูกดปุ่ม power ของคอมพิวเตอร์ยี่ห้อดังราคาแพงเพื่อเปิดใช้งาน รอระบบทำการบูทจนพร้อมใช้ สิ่งแรกที่เขาทำคือคลิกเมาส์ไปที่โฟลเดอรที่เซฟไฟล์word ตัวบทMV ที่เขาทำร่วมกับชานยอล เพื่อตรวจทานแก้ไขและพิมพ์เพิ่มเติมเนื้อหาลงไป ดวงตากลมโตภายใต้กรอบเลนส์แว่นสี่เหลี่ยมขยับขึ้นลงระหว่างหน้าจอคอมพิวเตอร์และคีย์บอร์ดอยู่เป็นเวลานาน
‘00.12 AM’
“เขียนเสร็จซักที” คยองซูพูดกับตัวเองและหน้าจอคอมพิวเตอร์ในขณะที่กำลังเลื่อนเมาส์และคลิกไปที่ไอคอนรูป Floppy Disc เพื่อเซฟไฟล์งานที่เขียนเสร็จแล้ว ส่วนพื้นที่ข้างๆ เมาส์ก็มีสมุดที่หน้ากระดาษสีขาวสะอาดตาเต็มไปด้วยลายเส้นจากหมึกปากกาสีดำ ซึ่งมาจากฝีมือวาดรูปของคนตัวเล็กที่กำลังยืดเหยียดร่างกายเพื่อคลายความเมื่อยล้าเนื่องจากการนั่งทำงานเป็นเวลานาน
ดวงตากลมโตคู่สวยถูกบดบังด้วยเปลือกตาสีมุกอีกครั้ง เพราะเจ้าของร่างกายนั้นต้องการพักสายตาที่เพิ่งผ่านการใช้งานโดยไม่ได้หยุดพักเป็นเวลาหลายชั่วโมง เวลาเดินผ่านไปท่ามกลางความเงียบสงบภายในบ้านที่มีแค่เขาในยามค่ำคืน คยองซูชินซะแล้วกับการอยู่บ้านตามลำพังเพราะทั้งคุณพ่อและคุณแม่ต่างก็มีงานเกี่ยวกับวงการละครที่ค่อนข้างรัดตัวและมีเวลาไม่แน่นอน
เมื่อเจ้าของดวงตาแบบ Almond Eyes พอใจกับการพักสายตาแล้วจึงลืมเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ มือเรียวสวยจับไปที่ตัวเมาส์อีกครั้งเพื่อใช้มันท่องโลกในอินเทอร์เน็ต คยองซูเข้าเว็บบล็อกที่เกี่ยวกับงานเขียนหลากหลายแนวซึ่งมาจากนักเขียนมือสมัครเล่น นิ้วชี้ดันลูกกลิ้งบนเมาส์ไปมาพร้อมกับไล่สายตาหางานเขียนที่น่าสนใจจนพบกับบทความนึงซึ่งมีหัวเรื่องเกี่ยวกับ Physics Of Love จากหนังสือ 어쩌면 별들이 너의 슬픔을 가져갈지도 몰라 และซีรี่ย์ชื่อดังอย่าง Goblin
“
ในขณะที่คิมชินกำลังอ่านหนังสือ 어쩌면 별들이 너의 슬픔을 가져갈지도 몰라 ที่อึนทักให้ไว้อ่านฆ่าเวลาในระหว่างเธอไปทำธุระบางอย่าง
ณ อีกฝากนึงของถนน หญิงสาวตัวเล็กตะโกนเรียก ‘อาจอชี่’ พร้อมกับโบกไม้โบกมือไปมาอย่างยิ้มแย้ม
ชายหนุ่มในวัย 39 ซึ่งมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวบนโลกใบนี้ในฐานะ Goblin มา 939 ปี เงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียกของอึนทัก
รอยยิ้มกว้างที่แสนใสซื่อและน่ารักกำลังทำให้หัวใจที่กักเก็บความเจ็บปวดจากการสูญเสียบุคคลที่เขารักมาเนิ่นนานนั้น…กำลังจะกลับมาเต้นระรัวอีกครั้ง
เสียงทุ้มนุ่มกำลังเอื้อนเอ่ยบทกลอนจากหนังสือที่หญิงสาวตัวน้อยทิ้งไว้ให้เขาอ่านในใจ พร้อมกับสายตาที่มองแต่เจ้าสาวแค่ในนามของเขาที่กำลังข้ามถนน
ขนาดของแรงไม่สัมพันธ์กับมวล
[The size of a mass is not proportional to its volume]
หญิงสาวตัวเล็กๆ ที่เหมือนกับดอกไวโอเล็ต
[That little girl as small as a violet]
หญิงสาวตัวเล็กๆ ที่เคลื่อนไหวราวกับกลีบดอกไม้
[That little girl that flutters like a flower petal]
ดึงตัวฉันเข้าไปหาด้วยมวลที่มากกว่าแรงโน้มถ่วงของโลก
[Pulls me with a mass greater than the Earth]
ในช่วงเวลานั้นฉันเหมือนกับแอปเปิ้ลของนิวตัน
[In a moment, I Like Newton’s apple]
ฉันปล่อยตัวเองให้ตกลงไปหาเธอ
[Mercilessly rolled and fell on her]
หัวใจของฉันเต้นไปมาระหว่างท้องฟ้าและแผ่นดิน
[My heart
From the sky to the ground
Continued to swing dizzyingly like a pendulum]
รักครั้งแรกของฉัน
[It was my 'first love']
ความรู้สึกในใจของก็อบลินผู้มีนามว่า ‘คิมชิน’ ในตอนที่มีชีวิตอยู่ในฐานะมนุษย์นั้น เขาเป็นแม่ทัพใหญ่ที่คอยรับใช้พระราชาผู้โง่เขลา ใช้ชีวิตในสนามรบมากกว่าที่จะอยู่บ้าน เป็นพี่ชายที่ไม่เคยตอบจดหมายของน้องสาวของตัวเองเลย ชีวิตมีแต่ความรักชาติเท่านั้น เขาไม่เคยมีความรักในรูปแบบผู้ชายมีต่อผู้หญิงเลย…แม้สักครั้ง
F=mg
เมื่อ F = Force (แรง) , M =Mass (มวล) ,G = gravity (แรงโน้มถ่วง)
ถ้าลองเปรียบเทียบกับกฎฟิสิกส์ อึนทักจะเป็น Mที่มีมวลน้อยแต่มี F(แรง)มากมายมหาศาลเพราะมีค่าG ที่สูงมากในแบบเฉพาะตัวของหญิงสาวตัวเล็กที่เหมือนดอกไวโอเล็ต มันมีแรงมากพอที่จะดึงดูดให้คิมชินตกหลุมรักเธอ
ท่ามกลางหมู่ต้นเมเปิ้ลที่ผลัดใบสีแดงร่วงหล่นในเมืองควิเบก
ท่ามกลางแรงโน้มถ่วงจากเจ้าสาวแค่ในนาม
ท่ามกลางความรู้สึกตกหลุมรักของก็อบลินผู้หล่อเหลา
เจ้าสาวของก็อบลินเท่านั้นที่จะดึงดาบออกได้ และเมื่อเธอดึงมันออก เจ้าก็จะกลายเป็นเถ้าถ่านและพบกับความสงบ
”
“F = mg งั้นเหรอ” ริมฝีปากรูปหัวใจขยับเพื่อพึมพำเบาๆ กับตัวเองเป็นครั้งที่สามของค่ำคืนนี้หลังจากที่เขาตั้งใจอ่านบทความอย่างจริงจังพร้อมกับขบคิดไปด้วย
เขาหวนคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่ก่อความหนาวเหน็บในใจ
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยมีความรัก เขาเคยมี และความรักของเขาก็ถูกทำลายและเหยียบย่ำจนแหลกละเอียดด้วยความไม่จริงใจตั้งแต่แรกของอีกฝ่าย
เขาเคยรักกับผู้หญิงคนนึงซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก จนก่อนเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัย เธอมาสารภาพรักและขอคบเป็นแฟน ในตอนแรกเขาคิดกับเธอเป็นเพียงแค่เพื่อน แต่เขาก็ยอมตกลงคบกับเธอด้วยเหตุผลที่แค่เขาไม่อยากเสียเพื่อนดีๆ คนนี้ไป ตลอดเวลาที่คบกันเธอช่างเป็นคนที่แสนดี น่ารัก และดูแลใส่ใจเขาเสมอ และนั่นทำให้เขาค่อยๆ รักเธอ เหมือนกับระดับคะแนนจาก 0 ไปถึง 100
จนกระทั่งเมื่อทั้งเขาและเธอขึ้นปี2 ความสัมพันธ์ก็เริ่มเปลี่ยนไป เธอค่อยๆ ห่างไกลและเย็นชาราวกับไม่ใช่คนเดิมที่เขารัก
สุดท้าย…เป็นเขาเองที่ทนความอึดอัดนี้ไม่ไหว เขาถามเธอออกไปตรงๆ และคำตอบที่ได้นั้นก็สมกับการกระทำแสนเย็นชาของเธอ
‘ฉันมีคนใหม่ และฉันก็ไม่ได้รักเธอแล้ว’
‘ทะ…ทำไมถึง…’
‘เลิกกันเถอะ’ เธอพูดออกมาราวกับเป็นประโยคง่ายๆ ไม่มีความรู้สึกอะไรทั้งนั้น กระทั่งน้ำเสียงยังเรียบเฉย ท่าทีนิ่งสงบของเธอที่แสดงออกมาทำให้เขาเจ็บปวด
เธอก้าวเดินออกไปและไม่หันกลับมามองเขาอีกเลย ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
โชคดีของเขา เพราะชานยอลและแบคฮยอนที่อยู่บนเรือต่างก็ยื่นมือมาให้จับ ทั้งคู่ฉุดเขาขึ้นมาจากน้ำทะเลอันแสนหนาวเหน็บที่เขาพยายามว่ายเท่าไหร่ก็ไม่ถึงฝั่งสักที ต้องขอบคุณสองคนนี้ที่ทำให้เขาผ่านช่วงเวลาเลวร้ายมาได้
จนกระทั่งวันนี้ วันที่หัวใจของเขาเต้นไปมาระหว่างท้องฟ้าและแผ่นดินอีกครั้ง เพราะรุ่นน้องที่ชื่อว่า ‘ไค’
เขาได้แต่หวังว่าทั้งแรงดึงดูดและแรงโน้มถ่วงจากผู้ชายที่อบอุ่นและน่ารักจะไม่ทำให้เขาเสียใจแบบเดิมอีก
.
.
.
แสงสีส้มอ่อนๆ จากดวงอาทิตย์ตรงขอบฟ้าเป็นสัญญาณว่าเช้าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว บรรยากาศยามเช้าตรู่ในกรุงโซลเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้เห็นมันบ่อยนัก เสียงถีบจักรยานของคนส่งนมและหนังสือพิมพ์ให้แต่ละบ้านนั้นบ่งบอกว่าอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ตื่นเช้าเพียงลำพัง
“อาห์ อร่อยจัง” ไคพูดขึ้นหลังจากที่เพิ่งเคี้ยวและกลืนขนมปังปิ้งรสนมเนยลงท้อง ตอนนี้เขานั่งอยู่หน้าร้านมินิมาร์ทตรงทางแยกที่เพิ่งแยกกับพี่คยองซูเมื่อวานนี้
เขาตั้งใจมาดักรอเจอพี่คยองซู
ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะพบคนที่สามารถทำให้เขายอมนอนน้อยกว่า 8 ชม. ได้เพียงเพราะแค่ความรู้สึกอยากเห็นใบหน้าน่ารักจากคนนั้นเร็วๆ ขนาดคุณแม่ของเขาที่เพียรพยายามปลุกเขาให้ลุกจากที่นอนในเวลาเช้าตรู่หลายต่อหลายครั้งนั้นก็ยังทำไม่สำเร็จ ไคตั้งเวลาปลุกเร็วกว่าเวลาปกติถึง 2 ชม. เพื่อที่จะได้มีเวลาแต่งตัวหล่อๆ ให้พี่คยองซูรู้สึกประทับใจในตัวเขา
ชายหนุ่มผู้มีผิวแทนสวยและรูปร่างที่ดูดีมากสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวลายทางที่มีสีม่วงและสีเขียวใบไม้แก่สลับกัน และเขาสวมกางเกงยีนส์เดนิมสีดำขาเดฟโดยยัดชายเสื้อเชิ้ตเข้าไปในกางเกง ส่วนทรงผมนั้นเขาปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติแบบไม่ต้องเซ็ต
บนโต๊ะอลูมิเนียมสีเงินหน้าร้านมินิมาร์ทที่เขานั่งเพื่อรอเจอใครบางคนเต็มไปด้วยขนมปังและเครื่องดื่มซึ่งมีทั้งของเขาที่เป็นโกโก้เย็นและขนมปังปิ้ง ส่วนของพี่คยองซูเป็นอเมริกาโน่ร้อนและแฮมเบอร์เกอร์ปลา
ไม่รู้ว่าพี่คยองซูจะชอบแฮมเบอร์เกอร์และกาแฟที่เขาซื้อให้ไหมนะ
ไคแอบรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย เขาแอบกลัวว่าสิ่งที่เขาซื้อให้ พี่ตัวเล็กอาจจะไม่ชอบ ถึงจะเป็นหรือไม่เป็นอย่างนั้นก็ตาม แต่เขาก็ขอลองเสี่ยงดูสักครั้งดีกว่าที่จะไม่พยายามทำอะไรเลยให้คนที่เขาชอบ
ความปรารถนาภายในใจของหนุ่มรุ่นน้องนั้นเป็นจริง เพราะรุ่นพี่ตัวเล็กเดินมาอย่างช้าๆ และสะลึมสะลือ ช่วงร่างกายที่มีผิวขาวนวลเนียนทั้งท่อนบนและท่อนล่างปกคลุมด้วยเสื้อยืดแขนยาวสี Air Force blue และกางเกงขายาวสีเทา บนใบหน้าเนียนเรียบนั่นก็ยังประดับด้วยรอยใต้ตาคล้ำแบบคนนอนดึกอีกตามเคย แต่ความเข้มของสีก็ยังดูจางกว่าเมื่อวานมาก และไหล่บางทั้งสองข้างก็ยังเต็มไปด้วยสายของกระเป๋าโน๊ตบุ๊คและกระเป๋าสะพายหลังเหมือนเดิม
“พี่คยองซูครับ พี่คยองซู!” ไครีบตะโกนเรียกทันทีเขาเห็นคนตัวเล็กเดินมาใกล้จะถึงทางแยก
ใครเรียกวะ เสียงคุ้นๆ คนที่ยังไม่ตื่นเต็มที่ดีเท่าไหร่ เพราะเพิ่งนอนไปแค่ 3 ชม. หันหน้าไปมาเพื่อหาต้นทางของเสียงที่เรียกเขา แต่ก็ยังหาไม่เจอ เขาจึงตัดสินใจเดินเลี้ยวซ้ายเพื่อที่จะออกถนนใหญ่ แต่ก็ยังเดินได้ไม่ถึงสิบก้าวดี เขาก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อเขาอีกครั้งและคราวนี้ชัดเจนกว่าเดิมจนเขาหาต้นตอของเสียงเจอได้ในที่สุด
ไคเองเหรอเนี่ย จากสีหน้าที่สะลึมสะลือตาจะปิด พอคยองซูหันไปเจอต้นตอของเสียงทุ้มนั่นสีหน้าก็เปลี่ยนทันที ดวงตาที่โตอยู่แล้วก็โตกว่าเดิมและริมฝีปากรูปหัวใจก็อ้าออกเล็กน้อย
คนที่เห็นรีแอคชั่นตกใจบนใบหน้ารุ่นพี่อย่างไคก็อดยิ้มไม่ได้เวลาที่พี่เขาทำสีหน้าแบบนี้ น่ารักมากๆ เลยนะ น่ารักจนอยากจะหยิกแก้มขาวๆ นั่นสักครั้ง
ร่างเล็กเดินเตาะแตะตรงมาที่หน้าร้านมินิมาร์ท ท่าทางการเดินนั้นคล้ายเพนกวินที่กำลังเดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็ง น่ารักและน่าเอ็นดูมากจนไคอยากจะเดินไปกอดเจ้าเพนกวินตัวน้อยให้จมแผ่นอกของเขาสักที แต่ตอนนี้เขาขอยั้งใจตัวเองไว้ก่อนล่ะกัน
“พี่กินอะไรมารึยังครับ? ถ้ายัง ผมซื้อ…”
“นี่ซื้อให้พี่เหรอ?” คยองซูลองถามดู เพราะบนโต๊ะมีแก้วกาแฟที่บรรจุน้ำกาแฟอเมริกาโน่สีเข้มข้างใน คนดื่มกาแฟบ่อยๆ อย่างเขาแค่ได้กลิ่นหอมๆ ลอยมากระทบกับจมูกก็รู้แล้วว่าเป็นกลิ่นของกาแฟที่ชงแบบไหน แบบไม่ผสมนมหรือผสมนม และที่เขาคิดว่ารุ่นน้องซื้อให้ เพราะเขาสังเกตตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่า ไคไม่ดื่มกาแฟเลย
“ครับผม” ไคตอบกลับพร้อมกับยกมือข้างนึงขึ้นมาเกาท้ายทอยแบบเขินๆ เพราะเขาเห็นดวงตาแป๋วๆและการทำปากงู้ยๆ ของพี่คยองซูเวลาที่ถามเขา พลังงานน่ารักที่พี่เขาปล่อยออกมาแบบไม่รู้ตัวกำลังทำให้อุณหภูมิบนใบหน้าของรุ่นน้องเริ่มสูงขึ้น
“น่ารักจัง ขอบใจนะไค :)” รุ่นพี่ตัวเล็กเอ่ยออกมาเบาๆ ราวกับว่ากระซิบให้รุ่นน้องได้ยินประโยคนี้แค่คนเดียว ริมฝีปากรูปหัวใจดวงน้อยขยายตัวกลายเป็นรอยยิ้มรูปหัวใจดวงใหญ่ เจ้าตัวไม่รอช้า หย่อนก้นรูปทรงลูกพีชอวบๆ ลงนั่งกับเก้าอี้อลูมิเนียมสีเงินฝั่งตรงข้ามรุ่นน้องพร้อมกับวางกระเป๋าทั้งสองใบของตัวเองลงกับเก้าอี้อลูมิเนียมอีกตัวซึ่งอยู่ข้างๆ และหยิบแฮมเบอร์เกอร์ที่อยู่ข้างในห่อกระดาษสีขาวขึ้นมากัด 1 คำใหญ่และเคี้ยวตุ้ยๆ ทันที ส่วนไคก็นั่งลงและมองคนน่ารักกินแฮมเบอร์เกอร์และดื่มกาแฟที่เขาซื้อให้อย่างเงียบๆ
บรรยากาศยามเช้าสำหรับคนอื่นอาจจะไม่มีอะไรน่าสนใจ อาจเพราะต้องเร่งรีบเดินทางไปทำงานและเดินทางไปเรียน หรืออาจเพราะเป็นสิ่งที่เห็นอยู่ทุกวันจนชินตา
แต่สำหรับไค การที่เขาตัดสินใจตื่นเช้ากว่าเวลาตื่นนอนปกตินั้นถือเป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่า เพราะผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ เขาได้เจอพี่คยองซูก่อนคนอื่น เขาได้เห็นท่าทางจริงจังในการกินอาหารเช้า เขาได้เห็นริมฝีปากอมชมพูขยับไปมาตามจังหวะการเคี้ยว และเขาได้เห็นดวงตากลมโตแสดงความสุขออกมาผ่านสายตาของรุ่นพี่เวลาที่เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมามองเขา
ท่ามกลางบรรยากาศยามเช้าที่รีบเร่งกลับมีบรรยากาศเล็กๆ ที่มีแต่ความอบอุ่นในหัวใจดำเนินไปอย่างเงียบๆ และค่อยเป็นค่อยไป มีแค่เพนกวินและหมีสีน้ำตาลเท่านั้นที่รับรู้และสัมผัสได้ถึงบรรยากาศส่วนตัวนี้
Talk Talk
มาแล้วววววววววววววววว ต้อนรับอัลบั้มรีแพ็กเกจ พาวเว๊ออ...พาวเว่ออ
แต่เราชอบ Sweet Lies มากกว่าเพลง Power อ่ะ (อันนี้ก็ชอบ แต่ชอบน้อยกว่าหน่อยนึง) ฟังวนไป
ชอบเสียงพี่คยองซู ท่อน No no no no no baby don’t say
u want no liar
No no no no no baby don’t say
u want no bad guy
โห...แบบ โคตรกร๊าวใจ ฟังแล้วระทวยกับสำเนียงภาษาอังกฤษอันแสนเซ็กซี่ของคุณเขา
จริงๆเราจะอัพตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ความง่วงก็เอาชนะเราจนได้ เพราะหลายวันก่อนหน้านี้เราได้นอนน้อยมาก มีวันนึงที่เรา overdose ด้วยการดื่มอเมริกาโน่ไป 2 แก้ว อ่า…ความรู้สึกที่ตาจะปิดแต่สมองไม่ได้สั่งให้ง่วงมันเป็นแบบนี้นี่เอง
ตอนนี้อาจจะแปลกตาไปบ้างสำหรับคนอ่านเพราะมีบทนำเสริมเข้ามาและมีข้อความที่เราชอบจากซี่รี่ย์ที่เราชอบมากๆ มาใส่ด้วย เป็นการอธิบายความรู้สึกของตัวละครไปในตัว
ส่วนบทความที่คยองซูได้อ่านคือบทความที่เราเขียนเอง และขอบคุณคำแปลภาษาอังกฤษจากบทความ ‘Physics of Love ทฤษฎีว่าด้วยการตกหลุมรัก’ จากคุณ bbuayy ใน minimore มา ณ ที่นี้ค่ะ
ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ :)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in