Chapter 5 : November
Cheerleading
ฉันเป็นคนที่ไม่ชอบกีฬามากๆ ทุกครั้งที่เรียนพละตอนเด็กๆจะหกล้มไม่ก็ทำอะไรน่าอายตลอด ก็เลยไม่ค่อยอยากทำอะไรที่เกี่ยวกับกีฬา รวมถึงเคยโดนพ่อบังคับให้เรียนพิเศษตีแบตว่ายน้ำเพราะอยากให้ตัวสูงเลยมีความทรงจำไม่ดีกับมันมากๆ แต่แล้วพอมาแลกเปลี่ยนเขาบอกว่าวิธีหาเพื่อนที่ดีที่สุดคือทำกิจกรรมซึ่งส่วนใหญ่ก็คือกีฬานั่นแหละ คนอเมริกันให้ความสำคัญกับกีฬามาก ตอนแรกฉันก็ไม่เครียดมากเพราะคาดว่าจะเข้าชมรมอื่นแทนแต่โรงเรียนของฉันมันเล็กมากมีไม่กี่ชมรมเอง คอรัสก็ได้เข้าเรียนแค่แปปเดียว ฉันจึงเสียโอกาสหาเพื่อนจากการทำกิจกรรมตรงนี้ไป
แต่แล้ววันนึง ตอนนั่งว่างๆในวิชาคาบแรก ฉันหันไปเห็นเพื่อนคนนึงนั่งร้องไห้เงียบๆอยู่ เธอชื่อแครี่เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆเงียบๆ เราเคยทักทายกันบ้างแต่ไม่ได้คุยอะไรมาก ตอนนั้นยังเช้าอยู่เลยไม่ค่อยมีคนอยู่ในห้อง ฉันเลยลองเข้าไปคุยด้วยแล้วก็ปลอบๆเขาดู ปรากฏเรื่องที่ทำให้เขาเศร้าก็ไม่พ้นเรื่องความรักหรอก โถ่ ฉันก็ไม่มีประสบการณ์มากได้แต่นั่งฟังและปลอบเขาต่อไป พอแครี่ใจเย็นลงก็คุยไปคุยมาจนเขาพูดถึงเรื่องจะร่วมสมัครเป็นเชียร์หลีดเดอร์อีกรอบในปีนี้ แล้วเขาก็ชวนฉันไปสมัครด้วย ไม่กี่วันต่อจากนั้นเราไปรับใบสมัครที่ห้องประชุมด้วยกันแล้วฉันก็ได้เข้าร่วมง่ายๆอย่างนั้นเลย
วันแรกที่เขานัดซ้อมฉันตื่นเต้นมากเพราะไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรเตรียมตัวอย่างไร ปรากฏวันนั้นแครี่ลืมเอาเอกสารมาพอดีฉันเลยต้องเข้าไปร่วมซ้อมโดยไม่รู้จักใครสักคน ทุกคนในสนามซ้อมเหมือนรู้จักกันดีหมดแล้ว ฉันทำตัวไม่ถูกมากๆ แต่ก็เดินไปเข้าแถวตามเขาไป สักพักทุกคนก็เริ่มทำท่าซ้อมเชียร์พร้อมกัน มันเป็นอะไรที่น่าสบสนที่สุด ฉันไม่รู้เลยว่าต้องทำท่าไหนต่อบ้าง ได้แต่ทำตามคนอื่นไปเรื่อยๆ ฉันรู้สึกมึนและอยากกลับบ้านมากเลยตอนนั้น แต่สักพักคนอื่นๆเห็นฉันเด๋อด๋าก็ใจดีเข้ามาสอนฉัน หลังจากนั้นฉันก็เริ่มรู้จักคนอื่นๆในทีมมากขึ้น ทุกคนหน้าตาดีสมเป็นเชียร์หลีดเดอร์และดูจริงจังกับการเชียร์มากต่างจากฉัน บางคนนัดฉันตอนหลังเลิกเรียนเพื่อสอนท่าที่ฉันยังไม่ได้ ฉันนับถือพวกเขามากเลย หลังจากนั้นฉันก็มีซ้อมทุกสัปดาห์ ฉันได้เห็นพวกเขาทำท่าเจ๋งๆเยอะแยะเลย แค่มองก็เหนื่อยแล้วอะ ใครบอกเชียร์หลีดเดอร์ไม่ใช่กีฬาต้องลองไปดูพวกเขาซ้อม มีทั้งต่อตัวตีลังกา แต่ละท่าน่ากลัวมาก ส่วนฉันขอทำแค่ท่าเบสิกๆต่อไป
ส่วนใหญ่กิจกรรมของเชียร์หลีดเดอร์ในแต่ละสัปดาห์ก็มีแต่การซ้อมเนี่ยแหละ เอาจริงฉันขี้เกียจไปมากเลยนะ แต่ในเมื่อมาแลกเปลี่ยนแล้วก็ควรไปทำกิจกรรมให้คุ้ม ฉันก็ลากตัวเองไปซ้อมทุกสัปดาห์ บางครั้งที่โรงเรียนจะมีจัดการแข่งกีฬา ในช่วงที่ฉันเป็นหลีดก็จะเป็นบาสเก็ตบอล การเชียร์กีฬานี้ไม่ต้องยืนแค่นั่งที่แสตนและทำท่าต่างๆ บางทีก็ทำท่าเรียงกันเหมือนเชียร์แสตนเลยแค่ชุดสวยกว่า มียืนบ้าง บางช่วงแค่นั่งดูเฉยๆ จำได้ไหมที่ฉันตื่นเต้นมากที่ได้ไปดูเกมฟุตบอลกับนอร่าเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนี้ฉันเอียนมันสุดๆๆเลยล่ะ ฉันก็พอเข้าใจเกมแต่ฉันไม่ใช่สายกีฬาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว มันเลยน่าเบื่อมากๆ ยกเว้นเวลาที่ฉันได้แอบมองหนุ่มหล่อขวัญใจฉัน เขาเป็นนักบาสที่นิสัยดีมากเราเรียนวิชาพละด้วยกัน แต่ฉันก็ได้แค่มองและนั่งเชียร์ต่อไป
ถ้าถามว่าฉันรู้สึกยังไงกับประสบการณ์เชียร์ของฉัน ฉันคงตอบว่ามันสนุกดีแต่ไม่ใช่แนวของฉัน มันทำให้ฉันรู้จักคนมากขึ้นและมองกีฬาในแง่ใหม่ก็จริงแต่ฉันไม่ชอบการออกกำลังกายอย่างมาก มีอยู่ครั้งนึงที่ต้องวิ่งติดต่อกันห้านาทีก่อนซ้อม ฉันทรมานมากๆเพราะปกติไม่ออกกำลังกายในขณะที่คนอื่นยังสบายๆ และฉันก็ไม่ชอบการต้องจำท่าต่างๆและทำพร้อมๆคนอื่นเขา ฉันไม่ชอบการดูเกมกีฬาเป็นชั่วโมงต่อๆกัน แต่ฉันก็ดีใจที่ฉันได้ลองและภูมิใจมากที่อยู่กับมันจนจบเทอมไปได้ และฉันก็ได้เรียนรู้ว่าบางทีฉันไม่ควรบังคับตัวเองทำอะไรที่ไม่ชอบเพียงเพราะกลัวพลาดโอกาส
Yearbook
อีกกิจกรรมนึงที่ฉันบังคับตัวเองทำเพื่อให้หนึ่งปีของการเรียนแลกเปลี่ยนคุ้มค่าคือการเข้าร่วมชมรม Yearbook จริงๆฉันไม่ใช่สมาชิกทางการด้วยซ้ำ แต่เพราะฉันสนิทกับครูที่ปรึกษาชมรมซึ่งเป็นครูสอนชีวะของฉัน เขาเลยชวนฉันลองมาช่วยทำกิจกรรมชมรม ปัญหาคือฉันถ่ายรูปด้วยกล้องไม่เป็น แต่งรูปก็ไม่เป็น ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ครูเขาบอกว่าไม่เป็นไรเขาจะสอนฉันเองแต่เอาจริงเขาก็ไม่ค่อยมีเวลาว่างมาสอน สิ่งที่ฉันได้ช่วยทำคือการแต่งรูป ปรับแสงและเลือกรูปดูดีพอสำหรับเอามาใช้ใน Yearbook มันก็เป็นพวกรูปตอนแข่งกีฬาอีกนั่นแหละ ไม่น่าเลยชีวิตฉัน เกลียดอะไรก็ได้อยู่กับสิ่งนั้นอะนะ ตอนนั้นจำได้ว่าฉันตั้งใจเรียนการคัดเลือกและปรับแต่งรูปมากๆ ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าการเลือกรูปไปทำ Yearbook มันยุ่งยากขนาดนี้ ตอนนั้นฉันเริ่มมีแพชชั่นกับการถ่ายรูปมากขึ้นจนไปสั่งซื้อกล้อง Point and Shoot มาฝึกแต่ก็ไม่มีคนสอนฉันและฉันก็ไม่ขวนขวายพอที่จะเรียนด้วยตัวเอง ฉันเลยได้แค่แบกมันกลับประเทศไทยมาและจนตอนนี้ก็ยังถ่ายไม่เป็น
ช่วงเดือนนี้เวลาฉันว่างฉันจะเข้าไปห้องครูและช่วยปรับรูปและเลือกลบรูปแย่ๆออก ฉันนั่งทำนานมากๆ ฉันจ่องจอภาพจนปวดตา ฉันน้อยใจมากที่สุดท้ายครูไม่ได้ใส่ชื่อฉันในสมาชิกชมรมแต่ก็เข้าใจแหละว่าฉันไม่ได้อยู่ตั้งแต่ต้นปีและได้ช่วยแค่นิดหน่อย การได้เข้าชมรมก็ทำให้ฉันรู้จักคนอื่นมากขึ้น ส่วนมากก็รู้จักมาจากห้องเรียนแหละแต่ก็มาสนิทกันมากขึ้นตอนนี้
New York
ครั้งนี้ Area Team ของฉันได้จัดทริปให้ไปเที่ยวที่นิวยอร์กกัน ฉันตื่นเต้นมากเพราะมันเป็นครั้งแรกที่จะได้ไปนิวยอร์ก ถึงฉันในตอนนั้นจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับประวัติของเมืองนิวยอร์กหรือแม้แต่ชื่อสถานที่หลายแห่งแต่ฉันก็ตกหลุมรักเมืองนี้ในมุมมองของนักท่องเที่ยวคนนึง เรานัดกันขึ้นรถตั้งแต่เช้าแล้วนั่งเรือแฟรี่ไปดูเทพีเสรีภาพและถ่ายรูปกัน ทริปนี้เราได้ไปที่ดังๆหลายที่เลยเช่น Wall Street, Brooklyn Bridge, China Town, Supreme Court, Little Italy, Soho Area, Grand Central Station, Rockefeller Center และ Times Square
ฉันจำอะไรจากทริปนี้ไม่ค่อยได้อีกแล้ว นอกจากความรู้สึกว่าทุกอย่างน่าตื่นเต้นไปหมด มองไปทางไหนก็มีแสงสีสิ่งใหม่ๆ ให้ลองเข้าไปค้นหา เราได้ไปนิวยอร์กกันแค่วันเดียวกลับแต่ความรู้สึกหลงใหลยังคงอยู่ทุกครั้งที่ฉันคิดถึงเมืองนั้น ตึกสูงเสียดฟ้า ถนนทุกเส้นดูใหญ่น่าเดินเล่น ป้ายโฆษณาที่ส่องแสงจ้ายามค่ำคืนที่ครึกครื้น ร้านรวงที่เต็มไปด้วยสินค้าแบรนด์เนม
ฉันเดินกับเพื่อนนักเรียนแลกเปลี่ยนกลุ่มใหญ่พลางถ่ายวิดีโอเก็บไว้ดู แต่พวกเราที่เดินเล่นพูดคุยและถ่ายรูปกันทั้งวันคงดูเหมือนนักท่องเที่ยวธรรมดาสำหรับชาวนิวยอร์กที่เดินไปมาอย่างรวดเร็ว พวกเขาคงชินกับการอยู่ในเมืองนี้เหมือนกับที่ฉันคุ้นกับการเดินสยามในไทย
พวกเราได้นั่งรถไฟใต้ดินไปหลายที่ ที่ Grand central station เพื่อนๆชวนกันลองเล่น Flashmob มันเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินคำนี้ เพื่อนคนนึงรีบอธิบายว่ามันคือการที่คนกลุ่มนึงแสดงอะไรสักอย่างท่ามกลางสาธารณชน ซึ่งสิ่งที่พวกเราจะลองคือ Freeze หยุดขยับตัวในท่าอะไรก็ได้ค้างไว้ และหวังว่าให้คนอื่นๆในสถานีหยุดตาม แต่สุดท้ายก็แป๊กเพราะไม่มีใครเล่นกับเราเลย พวกเขาคงรีบไปขึ้นรถไฟ
สิ่งที่ฉันประทับใจที่สุดในทริปนี้คือ Times Square ในตอนกลางคืน ถนนคึกคักคนเดินเพ่นพ่านเต็มถนน ตึกสูงส่องสว่างไปด้วยป้ายโฆษณาใหญ่ยักฉายแสงแข่งกันเรียกความสนใจของผู้ชม ตามถนนมีคนแต่งชุดเป็นตัวละครต่างๆรอถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของฝาก และโรงละครยังคงเปิดไฟสว่างไม่หลับไหล ขากลับตอนนั่งเรือออกจากเมืองและมองกลับมาเห็นแสงที่ส่องจากเมืองนิวยอร์ก ฉันรู้สึกว่าสวยเหมือนกลุ่มดาวในกาแล็คซี่ที่ห่างไกล
แน่นอนฉันรู้ว่าทุกเมืองมันก็มีข้อดีข้อเสีย และสำหรับคนที่อาศัยอยู่ในนิวยอร์กตลอดคงไม่ได้รู้สึกชื่นชอบมันเท่าฉันเหมือนกับที่ฉัน แต่เมืองนี้ยังคงเป็นหนึ่งในสถานที่โปรดในใจฉันเสมอ
“We just happen to be in the greatest city in the world” - Hamilton (Musical)
When I Mess Up
การมาเรียนแลกเปลื่ยนไม่ได้เต็มไปด้วยความสวยหรูและการผจญภัยแสนสนุกเสมอไป บางครั้งมันก็มีเรื่องน่าอายแฝงอยู่ในช่วงเวลาดีๆหนึ่งปีของฉันเยอะแยะ เรื่องแรกที่อยากเล่าคือเรื่องในห้องน้ำ ฉันอายกับเรื่องนี้มากๆและทำใจอยู่นานกว่าจะกลับมามองมันแล้วหัวเราะได้ ฉันเคยทำส้วมบ้านโฮสต์ตันสองสามรอบ อาจจะเป็นเพราะอาหารการกินตอนอยู่ที่นั่นเน้นเนื้อสัตว์เยอะ วันก็เสต็กสองวันก็เสต็ก ครั้งแรกที่กดส้วมไม่ลงฉันเครียดมากๆ ฉันเป็นเด็กขี้อายมากตอนเจอเรื่องอย่างนี้ฉันแทบอยากมุดดินหายไปเลยแทนที่จะคุยกับโฮสต์ แต่เนื่องจากพื้นห้องน้ำโฮสต์แข็งมากมุดหนีไม่ได้ สุดท้ายฉันจึงต้องเดินไปบอกโฮสต์มัม ซึ่งโฮสต์มัมก็ไปบอกโฮสต์แด๊ดให้มาช่วย คือเขาก็ไม่ได้ล้ออะไรหรอก แต่อายมากๆๆ แล้วโฮสต์แด๊ดก็สอนฉันแก้ส้วมตัน เป็นบทเรียนที่น่าอายที่สุด
อีกเรื่องนึงที่อยากเอามาเล่าคือตอนฉันเผากระดาษเล่นในห้องแล้วโฮสต์แด๊ดเข้ามาเจอ คือฉันพึ่งซื้อเทียนหอมมาใหม่ พอนั่งจ่องนานๆแล้วก็เบื่อ ไม่รู้อะไรดนใจให้เอากระดาษไปเผาเล่น พอโฮสต์รู้ก็โดนดุสิ ตอนนั้นฉันยังไม่เคยโดนโฮสต์ดุมาก่อนเลยซึมมาก โฮสต์เห็นก็ปลอบว่า ไม่เป็นไรนะ โฮสต์บราเคยเล่นหนักกว่านี้อีก โถ่
เรื่องทำอะไรไหม้เหมือนเป็นความสามารถพิเศษของฉัน ฉันเคยทำอาหารในห้องครัวแล้วลืมวางช้อนพลาสติกไปบนเตาอิเล็กโทรนิกจนมันละลาย ดีที่โฮสต์แด๊ดมาเห็นก่อนมันไหม้ไปมากกว่านี้ คิดๆไปแล้วสงสารโฮสต์แด๊ดเหมือนกัน เขาชอบทำอาหารและหวงห้องครัวมาก พอฉันมาถึงก็อยากลองทำอาหารโน่นนี่เลยทำอะไรพลาดในห้องครัวหลายครั้ง
Buying a Christmas Tree
ช่วงวันคริสมาสต์ใกล้มาถึงแล้ว จริงๆก็อีกตั้งเดือนนึง แต่ที่อเมริกาเขาจริงจังกับเทศกาลนี้มาก วันนี้เราจึงขับรถออกไปฟาร์มต้นคริสมาสต์กัน ฉันทึ่งมากเมื่อเห็นต้นคริสมาสต์มากมายเต็มไร่ที่ถูกปลูกมาเพื่อวันคริสมาสต์โดยเฉพาะ ครอบครัวโฮสต์และฉันเดินไปทั่วฟาร์มและมองดูต้นไม้หลายต้นเพื่อเลือกต้นที่สวยทุกมุมและเหมาะกับห้องที่บ้าน เหมือนเป็นธรรมเนียมของครอบครัวนี้ที่ต้องซื้อต้นคริสต์มาสใหญ่ๆเหมือนความสูงของคนในบ้าน เราเลือกกันสักพัก เสร็จแล้วเขาก็ตัดต้นไม้คลุมตะข่ายกันกิ่งก้านหลุด เวลาจะขนทีต้องให้ผู้ชายตัวใหญ่ๆช่วยยกและใช้รถลากไปไว้ที่รถโฮสต์อีกที ปรากฏพอถึงที่บ้านมันใหญ่จนติดเพดาน โฮสต์แด๊ดและแฟนของเอลลี่ช่วยกันตั้งต้นไม้ให้ไปอยู่ในมุมที่ควรจะอยู่ในบ้าน แล้วค่อยตัดตะข่ายรอบต้นออก โฮสต์มัมให้ฉันลองดมใบมันดูฉันก็งงๆแต่ลองดมดู มันกลิ่นหอมเย็นๆ ฉันพึ่งรู้ว่าต้นคริสต์มาสมีกลิ่นด้วย หลังจัดวางต้นไม้เสร็จ โฮสต์แด๊ดก็ไปหยิบกล่องใส่ของตกแต่งมาจากห้องเก็บของ แล้วเอลลี่ ฉัน และแอดเดลเล่ก็เอาสายรุ้งสายไฟไปพันรอบต้นไม้และห้อยของตกแต่ง นานมากกว่าจะเสร็จเพราะต้นมันใหญ่ แต่คุ้มแรงเหนื่อยมากเพราะตอนเปิดไฟมันส่องแสงระยิบสวยมากๆเลย
Thanksgiving Dinner
ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเทศกาลนี้จนตอนไปอยู่ที่อเมริกา จริงๆ ก่อนเดินทางฉันก็โง่ไม่คิดหาข้อมูลอะไรเกี่ยวกับอเมริกาเลยเหมือนกลัวโดนสปอยเลอร์ซะงั้น เทศกาล Thanksgiving หรือวันขอบคุณพระเจ้าคือวันที่ระลึกถึงอาหารมื้อแรกที่ชาวยุโรปที่พึ่งเดินทางมาถึงทวีปอเมริการ่วมรับประทานกับชาวอินเดียแดงชนพื้นเมือง ในวันนี้คนในครอบครัวมักรวมตัวทานอาหารมื้อใหญ่ด้วยกันและนึกถึงสิ่งที่ตัวเองรู้สึกขอบคุณตามชื่อวันขอบคุณพระเจ้า
ครอบครัวเราไปกินอาหารกันที่บ้านของคุณยายหรือที่ฉันและพี่น้องคนอื่นเรียกว่า แกรมมี่บ้านของแกรมมี่ตกแต่งเป็นธีมสีส้มๆ โทนฤดูใบไม้ตกด้วย เสียดายที่ปีนี้ต้นไม้มันผลัดใบไม่พร้อมกันหรือยังไงไม่รู้ฉันเลยไม่ได้ดูต้นไม้กลายเป็นสีส้มพร้อมกันสวยๆ เราเตรียมอาหารมาสมทบนิดหน่อยและพอขับรถไปถึง ฉันก็ได้ช่วยทำโน่นนี่เตรียมอาหารนิดหน่อยในห้องครัว ก่อนกินอาหารเราพูดขอบคุณพระเจ้าสำหรับเรื่องอะไรก็ตามที่ทำให้เรารู้สึกขอบคุณ ฉันว่าเป็นอะไรที่น่ารักมาก อาหารจานหลักของเทศกาลนี้คือไก่งวงอบและพายต่างๆ ทุกคนกินกันจนอิ่ม นี่เป็นหนึ่งในมื้ออาหารที่ฉันชอบที่สุดเลย แกรมมี่ใจดีกับฉันมากๆและคอยบอกให้ฉันลองทุกอย่าง ส่วนตัวฉันชอบพายฟักทองของแกรมมี่ที่สุดมันอร่อยจนน้ำตาไหลเลยล่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in