เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My USA DiaryJust plus
Chapter 4 : October
  • Chapter 4 : October


    Bloomsburg Fair


    เดือนนี้เป็นเดือนที่ฉันได้ออกไปเที่ยวข้างนอกบ่อยเป็นพิเศษ​ ตั้งแต่วันแรกของเดือนก็ได้ไป​งาน Bloomsburg Fair ที่​เมือง​ Williamsport กับคาร่าและครอบครัวโฮสต์ของเธอ มันเป็นงานแฟร์ที่มีเครื่องเล่นต่างๆและมีของขายเยอะเต็มไปหมด​ มีโชว์ผลงานศิลปะ ต้นไม้และผลิตภัณฑ์แปรรูปขายมากมาย คาร่าเดินพาฉันหาของกินมองโน่นนี่ทั่วงาน ก่อนหน้านี้ฉันคุยกับเพื่อนชื่อเคทลินในคาบคอมพิวเตอร์​ที่โรงเรียนและเธอบอกว่าที่งานอากาศร้อนมากตอนเธอไปครั้งที่แล้ว​ ฉันจึงตัดสินใจใส่ขาสั้นออกมา​ ปรากฏพอไปถึงอากาศหนาวสุดๆจนฉันตัวสั่นเลย​ คาร่าเลยเอาเสื้อหนาวมาให้ฉันพันเอว​กันความเย็นได้นิดหน่อย เข้าใจเลยว่าทำไมคนต่างชาติชอบอากาศร้อนของไทย เวลาหนาวทีมันก็ทรมานมากถ้าไม่ได้แต่งตัวพร้อม

    หลังจากเดินจนทั่วงานและแวะซื้อขนมและของฝากนิดหน่อยแล้ว​ ขากลับเราได้แวะไปร้านที่ขายของสำหรับวันฮาโลวีน​กัน​ มันเป็นเรื่องใหญ่ของที่นี่มาก พอใกล้วันฮาโลวีนทีหลายๆบ้านก็จะแต่งบ้านให้น่ากลัวเตรียมเทศกาลขอขนม น่าเสียดายที่โฮสต์ฉันไม่ได้อยู่ในเมือง แต่งไปก็คงไม่มีคนเห็นเลยไม่รู้จะแต่งไปทำไม ในร้านมีชุดแปลกๆเต็มไปหมด มีทุก​ไซส์ ทุกแนว ยาวเป็นทางเดินไปหลายแถว ไม่ว่าจะเป็นแวมไพร์ เจ้าหญิง บางอันดูทำมาอย่างดีเหมือนของจริง บางอันก็ดูงั้นๆ ​และ​มีพร๊อบตกแต่งบ้านเจ๋งๆมากมาย มีโครงกระดูกที่ถ้าเดินผ่านแล้วมันจะขยับตัวและส่งเสียงน่ากลัวใส่ทำฉันสะดุ้ง​ เดินไปเดินมาฉันก็ไปเจอouiji boardอีกแล้ว​ ฉันอยากลองเล่นมากๆเลยแต่ก็ไม่อยากให้โฮสต์​มัมลำบากใจเลยไม่ซื้อมา


    Baltimore Trip


    อีกครั้งนึงที่ได้ไปเที่ยวกับพวกนักเรียนแลกเปลี่ยนคือตอนนัดไปเที่ยวของแอเรียลทีมที่โครงการจัดให้ (แต่เรามักจะต้องจ่ายเงินเพิ่มบางส่วน)​ วันนี้เราไปเมือง Baltimore กัน มันเป็นเมืองติดท่าเรือบรรยากาศดีมากๆ ครั้งนี้โฮสต์​แด๊ดของคาร่า​เป็นคนขับรถพา​ฉัน​ ลูคัส​ และไมค์ก้ามาส่งที่จุดนัดพบ​ ก่อนจะขึ้นรถบัสกับเด็กคนอื่นๆอีก​ ก่อนหน้านี้ฉันได้ใช้เวลาส่วนมากกับพวกที่คุ้นๆกันแล้วอย่างพิมเพื่อนจากไทยและเด็กเอเชียคนอื่น​ แต่ครั้งนี้เป็นโอกาสให้ฉันเริ่มสนิทกับไมค์ก้า เธอเป็นเด็กเยอรมันที่ตัวเตี้ยพอๆกับฉัน (หายากมากเพราะฉันเตี้ยมาก)​ และเราชอบถ่ายรูปทุกสิ่งอย่างเหมือนกันทำให้รู้สึกใกล้ชิดกันขึ้น​ วันนี้เราก็ได้ไปทั้งพิพิธภัณฑ์​สัตว์​น้ำ​ เดินเล่นในเมือง​ ซื้อของฝาก​ และกินอาหารเที่ยงที่​ Hardrock cafe​ ที่ดูเท่มากๆอีกด้วย​ ตามด้วยเดินช๊อปปิ้ง​กับพิม​ที่ร้าน​ H​ and M​ ฉันเป็นคนที่ซื้อเสื้อผ้าไม่เก่งเลย​ พอต้องมาอยู่คนเดียวเลยกลัวเรื่องการเลือกเสื้อผ้าอยู่ แต่สุดท้ายก็เลือกแบบมั่วๆมาใส่แบบไม่แคร์สายตาชาวบ้าน​ ฉันเริ่มเบื่อเมื่อพิมและคนอื่นๆที่เดินดูเสื้อผ้านานสักพักแล้ว​ ฉันเลยขอแยกตัวออกมาเดินคนเดียวดูบ้าง

    และแล้วฉันก็เดินไปพบกับสิ่งแปลกตาตั้งอยู่ข้างทางเดิน "Psychic reading ดูดวง" ป้ายเขียนไว้พร้อมเบอร์โทรต่างๆ​ อารมณ์​เหมือนของไทยเลยแค่เป็นบูทและคนดูเป็นฝรั่ง​ ฉันไม่เคยลองอะไรอย่างนี้มากก่อนเพราะไม่ค่อยเชื่อ แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว​ ฉันตัดสินใจเดินเข้าไปอย่างลังเล​ เขาก็ทักทายฉันและถามว่าฉันอยากรู้เรื่องอะไร​ ฉันก็ไม่รู้เรื่องเลยตอบไปว่าอะไรก็ได้​ค่ะ เขาหยิบไผ่มาให้ฉันเลือกแล้วสักพักเขาก็พูดกับฉันมาอย่างมั่นใจ

    "You​ will have a husband when you are 24. He will be your kind. A doctor. คุณจะมีสามีตอนอายุ​ 24​ เป็นพวกเดียวกับเธอ​ เป็นหมอด้วย" ตอนนั้นฉันหงุดหงิดนิดๆ​ คำว่าพวกเดียวกับเธอหมายความว่าไง​ เป็นคนเอเชียเหมือนกันอะหรอ​ แล้วทำไมต้องเป็นหมอด้วย​ คิดว่าพวกเอเชียฉลาดมีแต่หมอหรอ​ แต่แน่นอนฉันไม่พูดความคิดพวกนั้นออกไปหรอกเพราะสมัยนั้นฉันมารยาทงามและขี้เกรงใจอย่างมาก​ 

    "You​ will study something about business. คุณจะได้เรียนเกี่ยวกับธุรกิจ" เขาพูดต่อ​ อันนี้ฉันก็ไม่มั่นใจว่าเชื่อไหมเพราะ ณ​ ตอนที่เขียนอยู่​​นี้ ฉันกำลังเริ่มเรียนคณะจิตวิทยาอยู่​ แต่ก็สนใจเรื่องธุรกิจนะ​ ต้องรอดูต่อไปก่อน

    ฉันเดินหลงไปหลงมาสักพักก็เจอไมค์ก้าเลยได้เดินด้วยกัน​ เราได้ลองเดินเข้าเขาวงกตกระจก​ด้วยกัน (Mirror Maze)​ ตอนแรกฉันก็กลัวอยู่เพราะมันเหมือนอยู่ในห้องปิดตายถ้าออกมาไม่ได้จะทำยังไง​ แต่เพราะมีไมค์​ก้าอยู่ด้วยตลอดสุดท้ายเลยรู้สึกว่ามันสนุกดี​ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น

    ขากลับฉันนั่งกับคาร่า​ เธอเปิดเพลง​เกาหลีเอาใส่หูฟังให้ฉันฟังอีกข้างนึง​ ฉันไม่ได้ชอบเพลงเกาหลีมากแต่ก็พอรู้จักบ้าง​ สักพักเพื่อนคนอื่นในรถก็เปิดเพลงร้องกัน​​ เหมือนไปคาราโอเกะเลยล่ะ


    Renaissance Fair 


    งานแฟร์อีกอันที่ฉันได้ไปในเดือนนี้คืองานย้อนยุคเรเนซ้อง มันเป็นงานแฟร์ที่ฉันชอบที่สุดเลยล่ะ ครั้งนี้ฉันไม่ได้ไปกับเพื่อนแต่ไปกับโฮสต์บราเตอร์(แทรินและเฮเดน) แฟนของสองคนนั้น และโฮสซิสเตอร์ (เอลลี่) กับเพื่อนของพี่ๆอีกคนนึง ขาไปฉันไม่ได้พูดอะไรกับคนอื่นมากเพราะฉันไม่ได้สนิทกับเขา แทบไม่ได้เจอกันเลยปกติ ส่วนเอลลี่ก็เจอตอนไปโรงเรียนบ้างแต่ฉันว่านิสัยเราไม่ได้เข้ากันได้ขนาดนั้น แต่ฉันก็นับถือเธอในฐานะพี่สาวมากนะ เธอเป็นคนตรงไปตรงมาและกล้าแสดงออกมาก ส่วนฉันในตอนนั้นขี้อายและขี้เกรงใจสุดๆ

    หนึ่งในเหคุผลที่ฉันชอบทริปนี้มากเป็นพิเศษเพราะฉันได้แต่งตัวเป็นยิปซี! มันเป็นช่วงฮาโลวีนไงฉันเลยไปหาชุดแจ่มๆมาได้ไม่ยากมาก ฉันไม่ได้เว่อเกินหรอกนะ เพราะหลายๆคนที่มางานนี้ก็แต่งตัวกันหมด หลายคนเว่อวังกว่าฉันอีก เข้าไปในงานแล้วเหมือนไปในอีกโลกนึงเลย ทุกคนแต่งตัวเหมือนออกมาจากเทพนิยาย ผู้หญิงใส่ชุดกระโปรงแบบยุโรปสมัยก่อน มีคนใส่ชุดอัศวิน มีนักแสดงเดินไปมาพร้อมเล่นบทบาทเหมือนมาจากยุคเรเนซ้องจริงๆ คอยหยอกล้อกับผู้มาร่วมงานและนักเเสดงคนอื่นๆตลอดทำให้บรรยากาศ​รื่นเริงขึ้น มีลานการแสดงที่จัดปราสาทสวยๆไว้ด้วย ที่ฉันชอบมากที่สุดเลยคือร้านขายของต่างๆ ฉันเข้าไปร้านนึงมีของพวกเวทมนตร์ขายด้วย ฉันรู้สึกเหมือนย้อนยุคกลับมาในช่วงของเมอร์ลินกับคิงอาเธอร์เลย ฉันไม่ได้เชื่อในเวทมนตร์มากเท่าไหร่หรอกแต่สุดท้ายก็ซื้อรูนหรือสัญลักษณ์สลักไม้ที่ใช้ดูดวงมา ตั้งแต่ซื้อมาจนถึงตอนนี้ฉันยังใช้ไม่เกินห้าครั้งแต่มันก็สวยดีทิ้งไม่ลง นอกจากนั้นก็มีอาหารเยอะแยะไปหมด ฉันได้เครื่องดื่มโปรดใหม่มาคือ Apple Cider ดื่มอุ่นๆในฤดูใบไม้ร่วงอร่อยสบายมากๆ ฉันเดินเกาะกลุ่มตามคนอื่นไปเรื่อยๆตามที่โฮสต์มัมสั่งไว้ (โฮสต์มัมรู้ว่าฉันชอบเดินเล่นหลงคนเดียวเลยค่อนข้างเป็นห่วง) แต่ก็มีบางช่วงที่ฉันขอออกมาเดินคนเดียว มันสนุกมากเลย ฉันรู้สึกเหมือนนักผจญภัยที่ได้เข้ามาในอีกโลกจริงๆ


    Ouiji​ Board


    ตอนกินข้าวกลางวันครั้งหนึ่งที่โรงเรียนฉันชวนโนล่าและแมดดิสัน​ (นักเรียนใหม่ที่พึ่งเข้ามาและเริ่มสนิทกับเรา)​ เรานั่งคุยกันเรื่องเวทมนตร์​ พวกเขาเชี่ยวชาญกว่าฉันมาก​ เหมือนแมดดิสันจะนับถือศาสนาเพแกน (Pagan)​ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์​ด้วย ในวันนั้นเป็นวัน​ศุกร์ที่​ 13​ พอดี​ เราเลยคุยเรื่องลี้ลับกัน​ต่อ เช่น​ วิธีเล่นเกมซ่อนแอบกับตุ๊กตา​ วิธีเรียกวิญญาณ​ มันดาร์กมาก​ แต่เมื่อเราพูดถึงกระดานผีถ้วยแก้ว​โนล่าก็พูดขึ้นว่าเธอเคยใช้และมันได้ผลจริงๆ​ เธออวดว่าที่บ้านก็ยังมีอยู่ด้วย​ นั่นเป็นเหตุผลให้ฉันขอไปบ้านเธอครั้งแรก

    ในวันต่อมาฉันนั่งรถโรงเรียนหมายเลข​ 10  แทนที่จะนั่งรถโรงเรียนคันเดิมทุกครั้งเพราะโนล่าจะพาฉันไปค้างบ้าน​ ฉันเจอเพื่อนใหม่ๆในบัสที่นิสัยดีชวนคุยตลอดทาง​ พอมาถึงบ้านของโนล่าฉันก็ทักทายพ่อแม่ของเธอก่อนเธอจะพาไปโชว์ห้องนอน​ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้รู้ว่าเธอเป็นลูกบุญธรรม​ ทั้งเธอและพี่สาวเธอเป็นคนสีผิวแต่พ่อแม่มีผิวขาว​ แต่เธอก็ดูมีความสุขกับชีวิตมาก​

    ตอนอยู่ในห้องของเธอ ฉันพยายามชวนคุยตลอดเพราะยังไม่พร้อมจะเล่นกระดานนั่น​ คุยไปคุยมาฉันก็ได้ลองสิ่งใหม่ๆสองอย่าง​ แซนวิช​เนยถั่วกับแยม​ โนล่าตกใจมากเมื่อเธอรู้ว่าฉันไม่เคยลองเเละลากฉันไปห้องครัวเพื่อลองมันครั้งแรก​ แต่เรามีแค่ขนมปังเบเกิลกลมๆเลยใช้อันนั้นแทน​ ตอนแรกฉันก็ไม่ค่อยไว้ใจอาหารชิ้นนี้​ ฉันไม่เคยรู้จักมันก่อน ทำไมเนยถั่วต้องกินกับแยมด้วย​ แต่เมื่อได้ลองแล้วฉันก็ตกหลุมรักมัน​ มันเป็นการผสมกันอย่างลงตัวของรถหวานของแยมและรถกลมกล่อมของเนยถั่ว มันสุดยอดมาก และแล้วมันก็กลายมันเป็นอีกหนึ่งอาหารเช้าอันโปรดของฉันจนถึงตอนนี้ ​(แต่ตอนนี้ฉันกินกับขนมปังนะ)

    หลังจากนั้นพ่อของโนล่าก็ขับรถพาเราไปดูเกมฟุตบอลที่โรงเรียนในคืนนี้เพราะฉันไม่เคยไปอีกแล้ว​ โชคดีที่โนล่าไม่ใช่ประเภทที่ชอบนั่งดูกีฬา ​(ฉันก็ดูกีฬาไม่เป็นเหมือนกัน)​ เธอจึงพาฉันเดินคุยตามสนามหญ้าที่คนพลุกพล่าน​และแวะซื้ออาหารที่ขายอยู่ตามแสตน มันเป็นช่วงเวลาที่สนุกมาก​

    พอกลับมาถึงบ้านเราก็เหนื่อยมาก​ และฉันยังไม่อยากเตือนโนล่าเรื่องกระดาน​ เราจึงเปิดหนังผีดูที่ชั้นใต้ดินบ้านเธอซึ่งเหมือนสร้างมาเพื่อการดูหนังโดยเฉพาะ มีทีวีใหญ่และโซฟายาวดูเรียบหรู​ มันเป็นค่ำคืนที่น่ากลัวเกือบที่สุดสำหรับฉันเลยเพราะหนังที่โนล่าเลือกเปิดมันไม่ใช่หนังผีปกติที่ฉันพอจะดูได้​ มันเป็นหนังสมัยก่อนที่เลือดพุ่งเยอะๆ​ ฉันดูไม่ค่อยรู้เรื่องแต่ก็ยังกลัวมากแต่ก็ไม่กล้าบอกโนล่า​เพราะกลัวโดนล้อมากกว่า สุดท้ายเลยนอนหลับไปบนโซฟาทั้งที่ทีวียังเปิดอยู่

    เช้าวันต่อมาถึงเวลาที่ฉันควรต้องเตือนโนล่าเรื่องกระดานนั่นแล้ว​ เธอดูไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่และแค่ไปหยิบกระดานลงมาชั้นใต้ดินที่เรานั่งกันและเริ่มสอนฉันเล่น ครั้งแรกที่ลองมันนิ่งมากและขยับแค่นิดเดียว​ โนล่าจึงเลื่อนไป "Good bye" แล้วลองใหม่​ ครั้งที่สองมันขยับตามคำถามของเราด้วย "Yes" และ "No" ใจฉันเต้นแรงขึ้นนิดๆ​ เราถามเรื่องทั่วๆไปกับวิญญาณ​นั้น​ เขาก็ตอบว่าเป็นวิญญาณที่ดี​ อายุ​ 12​ ตายด้วยสาเหตุ.. เขาตอบเป็นตัวอักษรสามตัวซึ่งฉันกับโนล่าก็ไม่เข้าใจ​ หลังจากนั้นฉันจำไปเสิร์ชที่หลังและพบว่ามันเป็นตัวย่อของโรคอย่างหนึ่ง

    ฉันไม่แน่ใจว่าโนล่าแกล้งฉันโดยการทำให้มันเลื่อนเองหรือเปล่าแต่ฉันก็ดีใจที่อย่างน้อยครั้งนึงฉันกล้าพอที่จะลองเล่นมันสักครั้งให้หายอยากสักที

    วันนั้นโฮสต์มัมมารับฉันกลับไปเล่นเกมกับครอบครัวที่บ้านของเราในวันหยุด​ เธอถามเรื่องที่ฉันไปบ้านเพื่อน​ ฉันก็เล่าให้ฟังหมดยกเว้นเรื่องกระดานนั่น​ นี่เป็นเรื่องเดียวที่ฉันเก็บไว้ไม่กล้าบอกโฮสต์จนถึงตอนนี้ จริงๆเขาไม่น่าจะโกรธขนาดนั้นหรอกแต่ก็นะ


    Trick or Treat


    ปกติวัยรุ่นเขาไม่ออกไปเล่นขอขนมกันหรอกเพราะโตๆกันแล้ว มีแค่เด็กๆที่ไปกัน แต่การได้ออกไปขอขนมวันฮาโลวีนมันเป็นความฝันวัยเด็กของฉันเลยนะ ฉันเลยขอโฮสต์ไปด้วย ดีที่น้องแอดเดลเล่กับพ่อของเธอ(แทริน)ไปกันอยู่แล้วพอดีฉันเลยไปด้วย เพราะบ้านของฉันอยู่ห่างจากตัวเมืองไม่มีคนเล่นขอขนมกันตรงนี้ แต่ถึงอย่างนั้นบ้านเราก็มีฟักทองที่เราแกะสลักกันวันก่อนวางตกแต่งบ้านไว้และข้างในมีเทียนวางไว้ดูสวยมากตอนกลางคืน

    พอพร้อมกันแล้วเราขับรถออกจากบ้านไปไม่กี่นาทีเพื่อไปขอขนมในเมืองใกล้ๆ ถนนเต็มไปด้วยแสงไฟจากของตกแต่งงานฮาโลวีนจากบ้านต่างๆ มีเด็กๆเดินเกาะกลุ่มไปขอขนมตามด้วยผู้ใหญ่ที่พยายามบอกให้ทุกคนเดินระวัง ทุกคนแต่งชุดฮาโลวีนได้น่ารักมากๆ แอดเดลเล่ก็แต่งชุดพิกกาจูสีเหลืองน่าเอ็นดูสุดๆ การที่ฉันอยู่กับแอดเดเล่ทำให้ฉันเรียนรู้ว่าเด็กๆชาวอเมริกันชอบดูโปเกม่อนกันมากๆเลย 

    วันนี้ฉันอาจเป็นเด็กวัยรุ่นคนเดียวเลยมั้งที่มาขอขนมแถวนั้นด้วย ฉันใส่ชุดไทยผ้าไบชมพูที่เตรียมมาเผื่อโครงการแลกเปลี่ยนอยากให้จัดการแสดง และแต่งหน้าให้เหมือนมีน้ำตาสีดำไหลร้องไห้อยู่ ฉันอายมากเลยเพราะมีแต่เด็กๆไปขอขนมกัน แต่พวกคนที่รอให้ขนมเด็กๆก็เอาลูกกวาดให้ฉันทุกบ้านนะ เขาแค่งงกันว่าฉันคือตัวอะไร เพราะเขาก็ไม่รู้จักประเทศไทยขนาดนั้นกัน วันก่อนฉันพึ่งอธิบายเรื่องผีตานีให้โฮสต์มัมฟังว่าผีตานีคือผีต้นกล้วย เขาขำกันใหญ่เลย โถ่ ฉันอาจจะอธิบายได้ไม่น่ากลัวพอ พวกเราเดินตามถนนและเข้าไปหาบ้านที่ตกแต่งฮาโลวีน บางบ้านจะมีคนนั่งอยู่หน้าบ้านพร้อมยื่นลูกกวาดให้ทุกคน บางบ้านต้องเข้าไปเคาะประตูพูด “Trick or Treat” ก่อน บางบ้านที่เขาขี้เกียจก็วางจานใส่ลูกอมลูกกวาดไว้ให้เด็กหยิบเลย ฉันก็เตรียมตะกร้ารูปฟักทองไปเก็บลูกกวาดนะแต่ก็ไม่กล้าหยิบเยอะเพราะเกรงใจ ให้เด็กๆดีกว่า วันนี้ถือเป็นคืนปล่อยผีที่น๋อมแน๋มน่ารักมากได้ไปกับน้องแอดเดเล่ ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย

    จริงๆ ฉันได้ไปงานปาร์ตี้ฮาโลวีนกับนักเรียนแลกเปลี่ยนคืนก่อนวันฮาโลวีนด้วย ฉันแต่งชุดยิปซี​ที่เคยใส่ไปงานเรเนซองส์​เพราะเสียดายค่าชุดใหม่ โฮสต์ไปรับไมค์ก้าก่อนจะพาเราไปส่งที่บ้านของดีนีส โฮสต์ที่จัดงานปาร์ตี้ ที่บ้านนั้นตกแต่งฮาโลวีนทั้งบ้าน น่าประทับใจมากๆ ฉันกับไมค์ก้าไปหามุมถ่ายรูปกัน เธอแต่งเป็นแม่มดน่ารักมากๆ ต่อด้วยกินขนมและดูหนังกัน มีตอนนึงที่เราออกไปเล่น apple bobbing กันด้วย เป็นเกมแปลกๆที่ต้องคาบเเอปเปิ้ลที่ลอยอยู่ในกระถางน้ำให้ได้


    All Nighter


    ตอนลอร่าชวนฉันไปงานนี้ฉันลังเลสุดๆ เพราะจะต้องเจอคนที่ไม่รู้จักแถมต้องอยู่กับเขาตลอดทั้งคืน มันเป็นกิจกรรมที่โบสถ์​ในเมืองจัด (คนละโบสถ์กับที่ฉันมักจะไป)  เราจะนั่งรถบัสไปที่ยิงเลเซอร์​และเล่นเกมอื่นๆ "All nighter" แปลว่า ทั้งคืน นั่นหมายถึงเราจะทำกิจกรรมเล่นกันคุ้มๆเลยทั้งคืน แน่นอนว่าฉันไม่เคยทำอะไรอย่างนี้มาก่อนและในตอนนั้นก็ยังไม่ได้สนิทกับลอร่าขนาดนั้น

    ตอนมาถึงโบสถ์​และขึ้นรถบัสฉันรู้สึกกะอักกะอ่วน​มาก พูดกับใครไม่ค่อยถูกเลยเพราะนี่ก็ไม่ใช่โบสถ์ที่โฮสต์ไป ถึงจะคุ้นๆหน้าเด็กที่นี่เพราะไปโรงเรียนเดียวกัน แต่พอขึ้นรถแล้วได้นั่งกับลอร่า ฉันก็พยายามชวนคุยจนเราเริ่มสนิทกันมากขึ้น เธอเล่าให้ฉันฟังว่าแอบชอบเพื่อนคนหนึ่งที่โรงเรียน แล้วเราก็หัวเราะคิกคักกันตลอดทาง ณ ตอนที่เขียนหนังสือเล่มนี้ลอร่ากับคนที่เธอชอบได้เป็นแฟนกันสักที ฉันดีใจกับเธอมากๆ

    พอเราไปถึง กลุ่มเราเล่นเลเซอร์​แท็กกันเป็นอย่างแรกเลย มันสนุกมากๆถึงกลุ่มเราจะแพ้ มันน่าตื่นเต้นมาก เราวิ่งไปมาจนเหงื่อแตก หลังจากนั้นเราหาของกินพักกันนิดหน่อยก่อนจะไปเล่นไอซ์สเก็ตต่อ ทุกคนเหมือนจะเล่นเป็นหมดยกเว้นฉันที่ต้องเกาะขอบตลอด แต่เพื่อนคนอื่นก็วนมาคอยดูฉันเป็นพักๆและคอยให้กำลังใจจนฉันยอมปล่อยขอบมาเล่นบ้าง มีล้มนิดบ้างแต่ก็ดีกว่าต้องเกาะขอบตลอด หลังจากนั้นเราก็ไปเล่น Bumper Car และเครื่องเล่นอื่นๆ พอหมดเวลาลอร่ากับฉันนอนหลับกันบนรถบัสตอนขากลับ เมื่อกลับถึงโบสถ์​ทุกคนก็ไปเล่นเกมกันต่อเพราะมีกิจกรรมอีกทั้งคืน แต่ลอร่ากับฉันง่วงมากๆเลยไปนอนในห้อง Sanctuary ของโบสถ์นั้น ตอนเช้ามีผู้หญิงใจดีมาปลุกพวกเรา ฉันรู้สึกเหมือนพึ่งนอนไปได้ยี่สิบนามีแต่จริงๆเรานอนไปตั้งสี่ชั่วโมงแล้ว เป็นอีกหนึ่งคืนที่ฉันประทับใจมากถึงจะง่วงสุดๆ



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in