Epilogue
After the End
ฉันกลับมาพบกับครอบครัวที่เหมือนเดิมจนต้องสงสัยว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาเป็นแค่ความฝันหรือเปล่า ฉันเก็บทุกจดหมายจากเพื่อนๆที่ส่งมาให้และทุกอย่างที่เอามาจากอเมริกาจนกองเต็มไปหมด ฉันรู้สึกเหมือนมันจะกลายเป็นแค่ความฝันจริงๆถ้าฉันไม่มีหลักฐานอะไรเลย ฉันพยายามคุยกับทุกคนในโซเชียลมีเดีย พยายามรักษาความสัมพันธ์ทุกอย่าง แต่ทุกอย่างก็ค่อยๆเปลี่ยนไปเหมือนน้ำที่ไม่ไหลกลับ ฉันคุยกับเพื่อนๆน้อยลงทุกที แต่ทุกครั้งที่มีเวลาฉันก็พยายามเขียนจดหมายหรือส่งข้อความไปหาทุกคนเป็นระยะ ชีวิตของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว บางคนกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว บางคนเริ่มไม่ค่อยว่าง ส่วนชีวิตฉันเองก็ยังเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อยๆเหมือนกัน
New High School
ฉันควรคิดว่ามันเป็นโรงเรียนเก่าเพราะก่อนไปอเมริกาฉันใช้เวลาที่นี่ 2 เดือนที่นี่ แต่พอกลับมาทุกคนที่ฉันรู้จักกลับเติบโตไปตาม 1 ปีนั้นแล้ว ฉันจำพวกเขาแทบไม่ได้ ฉันซ้ำชั้นเพราะคิดว่าคงเรียนไม่ทันเขา จึงเข้ามาเรียนห้องเดียวกับน้องลำดับ ตอนแรกฉันกลัวที่จะต้องทำความรู้จักกับน้องๆที่รู้จักกันมาบ้างแล้ว แต่ทุกคนใจดีกับฉันมาก ไม่นานฉันก็เริ่มสนิทกับน้องลำดับและเพื่อนๆมากขึ้น เพื่อนใหม่เข้ามาเติมเต็มให้ฉันไม่คิดถึงหนึ่งปีในอเมริกาจนเกินไป พวกเขาคอยทำให้ฉันหัวเราะตลอดจนแทบบ้า ถึงฉันจะโตกว่าพวกเขาแต่ฉันกลับรู้สึกสนิทกับเพื่อนๆในกลุ่มสุดๆ ถ้าไม่มีพวกเขาฉันคงทรมานกับความคิดถึงมากกว่านี้
Board Game Club
ไม่นานฉันก็เกิดไอเดียจะสร้างชมรมขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ฉันพยายามอย่างมากรวมทั้งมีเวลาทั้งปี ในที่สุดฉันก็ได้ครูวิชาห้องสมุดมาเป็นครูที่ปรึกษาชมรม เพื่อนๆ สนับสนุนฉันมาก หลายคนในกลุ่มเข้ามาเป็นสมาชิกเริ่มแรกของชมรม เรามีการจัดออดิชั่นเพื่อให้มีสมาชิกเริ่มแรกจากสายอื่นด้วย ช่วงแรกๆฉันเครียดมากและแทบระเบิดใส่ทุกคน การเป็นหัวหน้าไม่เหมือนที่ฉันคิดไว้ และมันทำให้ฉันเรียนรู้ว่าฉันไม่ชอบมันซะเลย แต่เมื่อชมรมพัฒนาไปเรื่อยๆ ฉันก็เริ่มยิ้มออกเมื่อเห็นคนในชมรมเล่นเกมหัวเราะด้วยกันได้ทั้งที่เคยเป็นคนไม่รู้จักกันมาก่อน ฉันวุ่นวายกับชมรมตลอดช่วงม.5 เพราะต้องหากิจกรรม จัดการแข่ง ทำเรื่องต่างๆ มันไม่ได้กระทบผลการเรียนฉันมาก แต่ฉันก็ยังเครียดและเหนื่อยแทบตลอดเวลา ฉันไม่สนุกกับการเรียนญี่ปุ่นเท่าที่คิด ตอนนั้นเองก็มีเพื่อนคนนึงในห้องบอกฉันเรื่อง GED หรือข้อสอบเทียบเท่ามัธยม
University
ฉันตัดสินใจลองสอบเทียบแล้วเข้ามหาวิทยาลัยเลย ในตอนนั้นฉันมั่นใจว่ายังไงก็อยากเรียนจิตวิทยาเพราะสนใจมานานแล้ว และที่จุฬาก็เป็นที่เดียวที่เปิดสอนเป็นแบบอินเตอร์ ฉันจึงมุ่งเข้าโปรแกรม JIPP ที่เดียวเลย ตอนนั้นฉันเครียดมากเพราะต้องเตรียมสอบทั้ง GED, IELTS, SAT นอกจากนั้นก็ต้องดูแลชมรม และประคองเกรดดีๆไว้เผื่อสอบไม่ผ่าน แถมหลังสอบ GED ผ่านแล้ว ฉันก็ยังไม่ยอมดรอปเหมือนคนอื่นที่สอบเทียบเพราะฉันติดเพื่อนและชมรมมาก เลยมานั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบเล่มใหญ่ระหว่างเรียนแทบทุกวัน แต่สุดท้ายที่คณะก็ประกาศผลการสอบของฉัน ฉันแทบกรี๊ดกลางบีทีเอส และวันหนึ่งหลังจากนั้นพี่จากคณะก็โทรมาบอกฉันว่าฉันได้ทุนการศึกษาที่ฉันเฝ้ารออีกด้วย ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าจะทำได้
ฉันยื่นใบลาออกจากโรงเรียนในที่สุด และเข้ามหาวิทยาลัย โชคร้ายหน่อยที่ไม่นาน ประเทศไทยก็เจอโควิด รุ่นของฉันจึงเป็นรุ่นแรกที่เรียนออนไลน์ทั้งปีการศึกษา แต่คนในคณะก็นัดไปทำกิจกรรมกันบ้างทำให้พอรู้จักเพื่อนๆบางคนแล้ว ฉันรอเจอเรื่องที่จะตามมาในอนาคตแทบไม่ไหวเลยล่ะ
Next Chapter
ตอนนี้ชีวิตของฉันเปลี่ยนไปอย่างมากจากตอนที่ฉันไปเหยียบพื้นดินแดนอเมริกาครั้งแรก ฉันกล้าทำอะไรมากขึ้น กล้าแสดงความเห็นของตนเอง กล้าเลือกสิ่งที่ตัวเองต้องการแทนที่จะฟังความคิดของคนอื่นอย่างเดียว และหลังจากนี้ฉันก็คงต้องเปลี่ยนไปตามเรื่องราวที่เข้ามาเสริมสร้างหนังสือแห่งชีวิตของฉัน
ความจริงคือชีวิตเราต้องเปลี่ยนแปลงไปเสมอ แม้ความทรงจำของฉันจะเลอะเลือนไปทุกวัน แต่ประสบการณ์ทุกอย่างที่ฉันได้เจอมันยังอยู่ในตัวฉัน มันอยู่ในการมองโลกของฉัน มันอยู่ในการวางแผนเพื่ออนาคต และสิ่งเหล่านั้นช่วยให้ฉันกล้าที่จะรับมือกับบทต่อไปของชีวิตและตื่นเต้นกับมันมากกว่าที่ลังเล ฉันเชื่อว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ฉันจะพร้อมที่จะเปิดรับประสบการณ์และเปลี่ยนแปลงไปกับมัน
และถ้าเป็นไปได้สักวันนึงฉันอาจจะได้กลับดูการแสดงละครบรอดเวย์อีกสักเรื่องในเมืองนิวยอร์ก กลับไปรู้สึกถึงอากาศเย็นช่วงที่ใกล้ฤดูหนาวและมองใบไม้เปลี่ยนสีและตกลงบนถนน กลับไปทักทายโฮสต์และเพื่อนจากโรงเรียนเล็กๆแห่งนั้น กลับไปร้องเพลงกับลอร่าและเพื่อนคนอื่น กลับไปรับตุ๊กตาแมวคืนจากแอดเดลเล่ และกลับไปเดินดูหิ่งห้อยที่ซ่อนอยู่ในป่า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in