อ็อกซ์ฟอร์ดดิกชันนารี่ให้ความหมายคำว่า “Annihilation
“แทบไม่มีใครที่ฆ่าตัวตาย พวกเราส่วนใหญ่ทำลายตัวเอง ดื่มเหล้า เมายา ทำให้งานที่ดีหรือครอบครัวสุขสันต์ต้องสั่นคลอน แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ทางเลือก มันเป็นแรงกระตุ้น และในความเป็นจริง เธอในฐานะนักชีววิทยาน่าจะอธิบายเรื่องนี้ได้ดีกว่าฉัน”
“หมายความว่ายังไง”
“ไม่ใช่ว่าการทำลายตัวเองถูกกำหนดไว้แล้วหรือ กำหนดไว้ในแต่ละเซลล์”
Annihilation
บทสนทนาข้างต้นระหว่างดร.เวนเทรส (เจนนิเฟอร์ เจสัน ลีห์) และลีน่า พูดถึงชีวิตมนุษย์ที่เกี่ยวพันกับกระบวนการ
Annihilation
ในขณะที่เกิดมะเร็งขึ้น เราก็ส่งคนเข้าไปเยือนถิ่นของมัน ทหารที่เข้าไปไม่ต่างอะไรกับเม็ดเลือดขาวที่ต่อสู้กับมะเร็ง แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปเท่าไร ทหารก็ตายเรียบกลับมาทุกรอบ ก่อนจะเข้าร่วมทีม ลีน่าสงสัยว่าทำไมถึงส่งผู้หญิงเข้าไปทั้งหมด ราเด็กได้เอ่ยขึ้นมาว่าเพราะพวกเธอเป็น “นักวิทยาศาสตร์” อย่างไรล่ะ ทุกคนล้วนมีความเชี่ยวชาญในสาขาใดสาขาหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นพาราเมดิก (นักปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์) นักฟิสิกส์ จิตแพทย์ และนักธรณีสัณฐานวิทยา แม้กระทั่งตัวลีน่าเองก็เป็นนักชีววิทยาด้วยเหมือนกัน เมื่อวิธีการเดิมไม่ได้ผลพวกเขาจึงต้องวางแผนกันใหม่ ทั้ง 5 คนนี้ถูกส่งเข้าไปหาคำตอบของชิมเมอร์ หาคำตอบของมะเร็งที่เกิดขึ้นบนพื้นโลกแห่งนี้
เพราะก่อนที่จะสู้รบกับใครได้ เราต้องเข้าใจศัตรูของเราเสียก่อน
เมื่อเรื่องดำเนินไป เราจะได้พบกับสิ่งมีชีวิตทั้งสัตว์และพืชแปลกประหลาดในชิมเมอร์ อเล็กซ์ การ์แลนด์ใช้ภาพบรรยายว่าการกลายพันธุ์ (mutation) นี้ไม่จำเป็นต้องน่าเกลียดเสมอไป บางครั้งการกลายพันธุ์ก็สวยงามและมีประโยชน์ได้เช่นกัน ทั้งยังเป็นจริงตามหลักวิทยาศาสตร์ด้วย เช่น การกลายพันธุ์ของยีนที่สร้างฮีโมโกลบิน S แม้จะทำให้เกิดโรคโลหิตจางชนิดซิกเกิลเซลล์แต่ก็ทำให้มีภูมิคุ้มกันต่อมาลาเรีย เป็นต้น จระเข้ที่มีฟันฉลามเองก็สะดวกต่อการล่าเหยื่อมากขึ้นไม่ใช่หรือ
หากแต่ว่าการกลายพันธุ์ที่ผิดปกติก็ไม่ต่างอะไรจากเซลล์ที่กลายพันธุ์เป็นมะเร็ง มันขยายตัวและแพร่กระจาย (metastasis) ไปยังที่ต่าง ๆ มะเร็งเหล่านี้ถูกนำเสนอผ่านภาพศพทหารที่มีรากไม้ยื่นแขนขาออกไปเกาะกินพื้นที่โดยรอบ เลียนแบบเซลล์มะเร็งที่กระจายไปยังอวัยวะข้างเคียง (local invasion)
ยิ่งเข้าไปในชิมเมอร์มากเท่าไร ยิ่งทำให้ร่างกายและสติไม่สมประกอบมากขึ้นเท่านั้น ดูเหมือนว่าจุดจบของเรื่องนี้ไม่น่าจะจบลงด้วยดี แต่ในตอนสุดท้ายลีน่าก็ได้เผชิญหน้ากับร่างโคลนของตัวเองและต่อสู้กับมันโดยใช้ “ระเบิดฟอสฟอรัส” ที่เปรียบเหมือนการรักษามะเร็งโดยการใช้เคมีบำบัด
Annihilation
ในขณะที่ดร.เวนเทรสต้องการเผชิญหน้ากับความตาย ลีน่าต้องการต่อสู้กับความตาย โจซี ราเด็กกลับบอกว่าเธอไม่ต้องการทั้งสองทางนั้น เธอเลือกที่จะยอมรับความตายเอาไว้ด้วยดี
Annihilation
เมื่อดูจนจบแล้วจึงตั้งคำถามว่า Annihilation หมายถึงอะไรกันแน่ แม้ดูเหมือนว่าลีน่าจะทำลายชิมเมอร์เสียสิ้นซากแล้ว แต่คนอื่นกลับไม่รู้ความจริงที่ว่าเธอได้เปลี่ยนไปแล้ว เช่นเดียวกันกับเคน สามีของเธอที่ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป ไม่มีใครรู้ว่าจุดประสงค์ของชิมเมอร์คืออะไร แน่นอนว่ามันไม่ได้ตั้งใจที่จะทำลายล้าง มันแค่ลอกเลียนแบบและปรับเปลี่ยนสิ่งมีชีวิต แต่เราไม่ได้คำตอบว่าสิ่งมีชีวิตใหม่นี้ดีร้ายอย่างไร
หนังยังยกประเด็นอีกเรื่องที่น่าสนใจขึ้นมา นั่นก็คือ "ความเป็นอมตะ"
หนังสือว่าด้วยชีวิตจริงของ "เฮนเรียตตา แล็คส์" หญิงผิวสีชาวอเมริกันที่เป็นมะเร็ง ระหว่างที่รับการรักษาที่โรงพยาบาล แพทย์ได้ตัดเนื้อเยื่อของเธอไปเพาะเลี้ยง เซลล์ของเธอกลายเป็นต้นกำเนิดของการค้นพบวัคซีนหลายชนิด ทั้งยังนำไปทดลองในอวกาศ ทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ และยังมีส่วนทำให้นักวิทยาศาสตร์หลายคนได้รับรางวัลโนเบลอีกด้วย เซลล์ของเธอยังมีชีวิตอยู่มาจนถึงทุกวันนี้แม้เธอจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม จึงเป็นที่มาของ "เซลล์ฮีลา เซลล์ที่ไม่มีวันตาย"
“oura” แปลว่าหาง ส่วน "boros" แปลว่ากิน เมื่อมารวมกันก็กลายเป็นการกินหาง รูปงูที่กินหางตัวเองนี้ใช้เป็นสัญลักษณ์แทน "ความไม่สิ้นสุด" หรือ "นิรันดร" ในขณะเดียวกัน อุโรโบรอสยังหมายรวมถึงสมดุลของสองสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นหยินหรือหยางตามความเชื่อชาวจีนหรือการเชื่อมโยงระหว่างจิตสำนึกและจิตใต้สำนึกเข้าด้วยกัน ทั้งรูปงูพันกันเป็นเลข 8 ยังเหมือนกับการแบ่งตัวของเซลล์และสาย DNA ด้วยเช่นกัน
เมื่อเอาหลักฐานหลายอย่างมารวมกันแล้วทำให้อดคิดไม่ได้ว่าลีน่าและเคน "คนใหม่" ทั้งสองจะมีบทบาทสำคัญอย่างไรต่อโลกใบนั้นต่อไป พวกเขาจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นเหมือนอดัมและเอวา เป็นต้นแบบของมนุษย์สปีชีส์ใหม่ (หรืออะไรก็ตามที่เป็นชื่อเรียกของพวกเขา) แล้วสืบทอดพันธุกรรมใหม่นี้ต่อไปให้ลูกหลานของตัวเองหรือเปล่า หรือว่าพันธุกรรมที่ดัดแปลงนี้ทำให้พวกเขาสามารถมีชีวิตอยู่อย่างอมตะ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เราก็คงไม่มีทางหาคำตอบที่ชัดเจนได้ แต่ไม่ว่าคนที่กลับมาจากชิมเมอร์จะเป็นลีน่าคนเดิมหรือเป็นเพียงร่างโคลนของเธอ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ "การเปลี่ยนแปลง" ที่เธอได้ยอมรับมัน เธอทิ้งบางส่วนเอาไว้ในชิมเมอร์ เผชิญหน้ากับความรู้สึกผิดและความทุกข์ภายในจิตใจพร้อมเกิดใหม่เป็นเธออีกคน Annihilation จึงเป็นเรื่องราวของการยอมรับตัวเองไปด้วยในเวลาเดียวกัน
ภาพสุดท้ายของหนัง เราจะเห็นเคนและลีน่าโอบกอดกันเหมือนสัญลักษณ์อุโรโบรอส ทั้งคู่จะอยู่ด้วยกัน หลอมรวมเป็นหนึ่งและเป็นนิรันดร์
_______________________________________________
Annihilation เป็นหนังไซไฟที่ทรงคุณค่าอีกเรื่องหนึ่ง มันไม่ใช่แค่ภาพยนตร์แต่เป็นงานศิลปะที่เปิดกว้างให้ผู้ชมได้ขบคิด ไม่มีคำตอบใดถูกหรือผิดร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่อง การกำกับ การแสดง การจัดแสง การถ่ายทำ เพลงประกอบ สเปเชียลเอฟเฟ็กต์ หรือองค์ประกอบต่าง ๆ อีกมากมายล้วนมีความหมายและเป็นส่วนหนึ่งของการแต่งแต้มภาพศิลปะชิ้นใหญ่นี้ขึ้นมา เมื่อมองงานศิลป์ ความหมายของงานชิ้นนั้นก็แตกต่างกันไปในแต่ละคน นี่คือสิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์น่าสนใจและมีคุณค่าในแง่ของงานศิลปะแขนงหนึ่ง
ดูเรื่องนี้ก็เหมือนปริซึมที่ใช้เป็นตัวแทนให้การหักเหแสง หรือชิมเมอร์ในการหักเหสิ่งต่างๆ ที่อยู่ภายใน เหมือนอากาศผ่านน้ำก็เกิดการหักเห จากแสงเดียวผ่านปริซึมก็กลายมาเป็นสเปคตรัม เหมือนความคิดของคนดูที่ผ่านภาพยนตร์ ความคิดหลังดูก็กระจัดกระจายกันออกไป
เมื่อดูจบแล้ว ลองทบทวนดูว่า Annihilation ในความหมายของคุณคืออะไร?
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in