ในการเดินทางแต่ละครั้ง คุณรู้สึกถึงสิ่งที่อยู่รายทางได้กี่รูปแบบ?
คุณอาจนิ่งคิด พิจารณาถึงจำนวนที่แน่นอน ก่อนจะพบว่าไม่เลย มันนับไม่ได้ ในทุกระยะที่ผ่าน สรรพสิ่งชักนำให้สมองประมวลเรื่องราวได้แตกต่างกัน ต่อให้อยู่ในอุโมงค์ขาวโพลนซ้ำซากที่ยาวสุดยาว แต่ละก้าวของเราย่อมแปลความหมายและความรู้สึกด้วยรูปแบบที่แตกต่างไปจนนับไม่ถ้วน
ในการเดินทางแต่ละครั้ง คุณจะวางใจได้อย่างไรว่าปลายทางที่รออยู่จะสวยงามเหมือนอย่างที่เคยได้ยินมาเนิ่นนาน?
คุณอาจเริ่มนึกคิดถึงมันอีกรอบ อะไรคือเครื่องการันตีว่าเราจะยินดีปรีดาพลางกระโดดโลดเต้นเมื่อได้ไปเหยียบที่หมายดั่งใจ จะรู้ได้ยังไงว่าเมื่ออยู่ตรงนั้น สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดจะไม่ใช่การพยักหน้ารับรู้—ถึงแล้วนี่—แล้วก็จบลงเพียงเท่านั้น เราไม่รู้หรอกจนกว่าจะได้ไปถึง
นี่คือเสน่ห์ของการเดินทาง มันเหมือนกล่องของขวัญลึกลับที่เรามิอาจรู้ได้เลยว่าข้างในซุกซ่อนอะไรอยู่ การเดินทางที่ในแต่ละครั้งล้วนส่งผลต่อใจของคนไม่เหมือนกัน ต่อให้ยืนอยู่ห่างกันไม่ถึงหนึ่งเมตร สิ่งที่เราเห็นก็อาจต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง คล้ายกับเวลามองฟ้า บนเมฆปุยใหญ่เราอาจเห็นแมวซ่อนอยู่ ส่วนเธอและเขาอาจเห็นคนชราใจดีกำลังยิ้ม
ในการเดินทางแต่ละครั้ง หากต้องลงมือบันทึก คุณจะบันทึกมันยังไง และจารึกอะไรลงไปบ้าง
คุณอาจหยุดคิดอีกสักพัก นึกถึงการเดินทางครั้งล่าสุด
แต่ไม่เป็นไร เราไม่รีบ ขอให้คุณนึกคำตอบไปเรื่อยๆ ระหว่างอ่านสิ่งที่ โตมร ศุขปรีชา รู้สึกต่อสิ่งที่ผ่านมาระหว่างทางที่เขาอยู่ไกลบ้านที่เขาว่าตัวเองเพิ่ง ‘หนี’ ออกมา ลองพิจารณาเรื่องราวที่เขารู้สึกระหว่างเดินผ่านอะไรบางอย่างแล้วหยิบมันมาสงสัย ลองละเลียดความทรงจำเมื่อเขาไปยืนอยู่ตรงจุดหมาย แล้วหยิบมาเรียบเรียงและถ่ายทอดในรูปแบบของตัวเอง จนกลายเป็นหนังสือที่นอนอุ่นอยู่ในมือของคุณ หนังสือกึ่งจริงกึ่งแต่งที่ทำหน้าที่เป็นบันทึกความทรงจำกึ่งนิทานซึ่งอาจเต็มไปด้วยความจริงและไม่จริงก็ได้ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าและไม่อยู่ตรงหน้าก็ได้
ตามประสาการเดินทางที่เราไม่รู้หรอกว่าจะเจออะไร
แต่ไม่มากก็น้อย มันจะสนุกและน่าจดจำ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in