ซานซานน้องสาวชาวฮ่องกงเล่าให้ฟังว่าเพิ่งไปเดตกับแฟนหนุ่มที่ Hong Kong Heritage Museum มา เธอแนะนำว่า ถ้าพี่เป็นแฟนหนังของบรู๊ซ ลี พี่ต้องไม่พลาด เพราะที่นี่มีรวบรวมประวัติและผลงานของบรู๊ซ ลี มาให้ชมอย่างจุใจ หลังจากจกข้าวเหนียว ส้มตำ หมูย่างที่ร้านอาหารไทยสุดแซ่บแถวถนนฮอลลีวูดแล้ว เมื่อหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน เลยต้องมีคาเฟอีนจากอเมริกาโนเย็นตบท้ายให้หายง่วง พอกายหยาบกระปรี้กระเปร่า ก็กระโดดขึ้น MTR นั่งจากสถานี Central สายสีแดง ไปเปลี่ยนเป็นสายสีเขียวที่หม่งก๊ก Mong Kok นั่งอีกสองสถานี เพื่อไปเปลี่ยนเป็นสายสีฟ้าที่ Kowloon Tong แล้วต่อไปสายสีน้ำตาลที่สถานี Tai Wai นั่งไปประมาณ 6 นาที ถึงสถานี Che Kung Temple ใช้เวลา 35 นาที ไม่นับเวลาที่เปลี่ยนสายและรอรถไฟ ดูๆแล้วเหมือนจะเปลี่ยนสายจนเวียนหัว แต่การเดินทางกลับง่ายสบายอุรา ก็เพราะมีแอพพลิเคชัน MTR mobile ในมือถือ ไม่งั้นต้องยืนงงในดงฮ่องกงตรงสถานีรถไฟใต้ดินกันอยู่นาน
เกือบๆบ่าย ก็มาถึงฮ่องกง เฮอริเทจ มิวเซียม (香港文化博物館) พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเฉิงเหมิน (Shing Mun) ไม่ไกลจากวัดแชกงที่เราเพิ่งไปมาเมื่อวันก่อน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้บริการเมื่อปีค.ศ. 2000 ถึงวันนี้ก็เกือบ 20 ปีแล้ว ที่นี่มีจัดแสดงมรดกทางวัฒนธรรมของฮ่องกงและจีน ทั้งศิลปะแบบโบราณและร่วมสมัย นิทรรศการที่จัดแสดงมีอยู่ 2 ส่วน คือ Thematic Galleries ซึ่งผลงานที่จัดแสดงก็จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ และส่วนที่เป็น Permanent Galleries มี Children's discovery Gallery, Cantonese opera heritage hall, Chao Shao-an gallery ผลงานของศิลปินจีน ซึ่งผลงานของเขามีจัดแสดงแค่ที่นี่ และที่ Asian Art Museum of Sanfrancisco ประเทศสหรัฐอเมริกา, T.T Tsui gallery of Chinese art ซึ่ง Dr. T.T Tsui ได้บริจาคมรดกทางวัฒนธรรมอันมีค่าให้แก่พิพิธภัณฑ์ถึง 700 ชิ้น รวมไปถึง Jinyong Gallery หรือห้องจัดแสดงผลงานของจินหยง หรือที่แฟน ๆ นิยายกำลังภายในจีนคุ้นกันในชื่อกิมย้ง และชั้นบนสุดคือพื้นที่จัดแสดงประวัติและผลงานของ บรู๊ซ ลี พระเอกกังฟูขวัญใจชาวฮ่องกงนั่นเอง
นิทรรศการ Bruce Lee: Kungfu. Art. Life เป็นหนึ่งใน Thematic Galleries ซึ่งจัดแสดงมาตั้งแต่ปี 2013-2018 เป็นการร่วมมือกับ Bruce Lee Foundation จากประเทศสหรัฐอเมริกา ใครเป็นแฟนบรู๊ซ ลีก็ต้องร้องกรี๊ดอีกเหมือนกัน เพราะมีการจัดแสดงผลงานมากกว่า 600 ชิ้น และที่นี่ยังเต็มไปด้วยรูปถ่ายที่หาดูยาก ชุดที่ใส่แสดงภาพยนตร์ ประวัติตั้งแต่แรกเกิด แสดงภาพยนตร์ ไปจนถึงบั้นปลายชีวิต มีภาพถ่ายคู่กับอาจารย์ยิปมัน ถ้าใครพอคุ้นเคยกับหนังกังฟูฮ่องกงมาบ้างจะรู้ว่าบรู๊ซ ลี เคยมาเรียนหย่งชุน (หรือเหว่งซ้นในสำเนียงกวางตุ้ง) กับอาจารย์ยิปมันด้วย ผลงานที่คนไทยรู้จักดีก็คงจะเป็นภาพยนตร์เรื่อง "ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง" ซึ่งถ่ายทำในประเทศไทยตลอดทั้งเรื่อง การที่ได้ดูผลงานต่างๆของเขา ทำให้รู้ว่าช่วงระยะเวลาที่เขาโลดแล่นอยู่ในวงการภาพยนตร์ฮ่องกง เขาดังมากขนาดไหน ไม่ใช่เพราะหน้าตาที่ทำให้บรู๊ซ ลี มายืนอยู่ตรงจุดนี้ แต่เพราะความมุ่งมั่น ทุ่มเท และตั้งใจต่างหากที่พาเขามาเป็นซุปเปอร์สตาร์ฮ่องกง จนมีผลงานอยู่ในพิพิธภัณฑ์ให้คนรุ่นเราได้ชื่นชมแบบนี้
ส่วนใครที่เป็นแฟนนิยายกำลังภายในคงชอบอกชอบใจในส่วนของ Jinyong Gallery มาก เพราะเป็นที่จัดแสดงผลงานของอาจารย์กิมย้งถึง 300 ชิ้น ผลงานทั้งหมด 15 เรื่อง มีต้นฉบับที่เขียนด้วยลายมือทั้งเรื่อง 8 เทพอสูรมังกรฟ้า, มังกรหยก, กระบี่นางพญา, อุ้ยเสี่ยวป้อ มีปกนิยายแปลเป็นภาษาต่าง ๆ แน่นอนว่ามีภาษาไทยด้วย ที่น่าทึ่งคือ ปัจจุบันอาจารย์กิมย้งก็ยังมีชีวิตอยู่ ในวัย 94 ปี ซึ่งอาจารย์กิมย้งถือเป็นผู้มีอิทธิพลต่อนักเขียนนิยายกำลังภายในรุ่นใหม่เป็นจำนวนมาก ที่รู้จักหนังจีนประเภทเจ้ายุทธภพนั่นเพราะมารดาข้าพเจ้าเป็นเอฟซีหนังจีนกำลังภายในตัวยง เรื่องเป็นยังไง ดาราคนไหนเล่นบทอะไรถามคุณมัมได้เลย ตอบได้หมด บางทีก็รู้ไปถึงชีวิตนอกจอของนักแสดงด้วย แม่เราแน่จริง ๆ
ก่อนกลับฉันแวะโซนขายของที่ระลึกในมิวเซียม มีสินค้าลิขสิทธิ์ของบรู๊ซ ลีวางขายเยอะเลย แน่นอนว่าก็ได้ติดไม้ติดมือมาฝากคนที่เมืองไทยชิ้นสองชิ้น ที่นี่มีร้านกาแฟ ซึ่งรสชาติอร่อยใช้ได้ เดินชมการจัดแสดงนิทรรศการกันเหนื่อย ๆ ก็มานั่งพักให้หายเมื่อยได้ การพบเจอพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ในต่างถิ่น การเดินท่องไปในพิพิธภัณฑ์ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่มนุษย์ผู้หนึ่งพึงมี อารมณ์ประหนึ่งนักวิทยาศาสตร์ค้นพบดาวดวงใหม่ยังไงยังงั้นเลย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in