เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
CHOCOLATE BOXfindingtheocean
2018 THANK A LOT
  • เราอยากเขียนทามไลน์ 12 เดือน ของปี 2018 ว่าผ่านอะไรมาบ้าง พอมาคิดดูก็แทบจะจำช่วงเวลาของต้นปีไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เพราะรู้สึกถึงความบอบช้ำจาก 2017 ยังคงไม่หายไป เราบอบช้ำจากอะไรมาที่สุด เราก็ตอบไม่ได้นะ หรือเราอาจจะคิดไปเองว่าเราเจ็บทั้งๆ ที่บางทีก็แค่โดนมดกัดก็ได้ อ่ะกลับมาทามไลน์

    มกราคม - อยากรู้จริงๆ ว่าช่วงนั้นทำอะไรบ้างด้วยความที่เล่น social ไม่ถี่ ไม่ได้อัพทุกวี่ทุกวันสองสามหรืออาจจะ 5-6 เดือน up 1 ครั้ง ข้อเสียคือบางทีเราก็จดจำช่วงเวลานั้นๆ ไม่ได้ ส่วนข้อดีคืออะไรไม่จำเป็นก็โยนทิ้งไป หน่วยความจำในสมองไม่ได้มีเยอะ คนเราไม่จำเป็นต้องจำทุกเรื่องหรอก มกราคมเลยเป็นเดือนที่ไม่มีอะไร ทำงาน กลับบ้าน ดูซี่รี่วางแผนเที่ยว เราเป็นคนที่ชอบเที่ยวมากมาตั้งแต่เด็กๆ ยิ่งมาทำงานความโหยหาการเดินทางนี่ทวีคูณเข้าไปเลย นอกนั้นก็ไปเที่ยวกับที่บ้านเป็นทริปกระบี่เล็กๆ ที่เหนื่อยกว่าทำงานเหมือนพาร่างมาทุบพังกว่าเดิมจ้า ละที่พีคคืองานแต่งลูกค้าโอ่ยยยปาเข้าไป สามสี่งานในเดือนเดียว งานเดียวก็เหนื่อยแล้วจ้า


    กุมภาพันธ์ - เดือนนี้คือความหรรษาของมนุษย์โรงแรมแบบเรา การทำงานโรงแรมบอกลาเทศกาลต่างๆ ได้เลยและเตรียมรับการทำงานที่แบบเชี้ยร้องขอชีวิต คือมันเป็นทั้งความมันส์ในงานที่เยอะแบบ จริงๆ เดือนที่ยุ่งคือ เดือนธันวาแต่สำหรับโรงแรมเรา ที่อยู่บนเกาะ และเป็นโรงแรมที่ยิ่งใหญ่บริหารงานโดยบุคคลไม่ใช่โรงแรมเชน ทั้งวันเกิดเจ้านาย ทั้งเทศกาลต่างๆ การทำบุญบนเกาะ การเดินทางมาของแขกคนสำคัญต่างๆ บอกได้เลยว่าหน่องร้องห้ายยยยยย เป็นเดือนที่เหนื่อยจนไม่รู้จะเข้าร่างกายไปพักตรงไหน หลับตาฝันก็มีแต่เรื่องงาน ยกให้เป็นเดือนของการทำงานที่ไม่มีการอู้แต่อย่างใดเลยจ้า กลับบ้านมาเลยต้องรีบจองตั๋วเลยเราตัดสินใจได้ว่าจะไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกครั้ง ตอนแรกก็คิดอยู่นานว่าจะไปเที่ยวไหน ปีที่แล้วไปญี่ปุ่นมาแล้วก็สนุกนะแต่ก็เหนื่อย แล้วคืออยากไปอีกมากเป็นที่สำหรับพักผ่อนที่เราโอเคมากๆ เลยจัดแจงจองตั๋วเครื่องบินซึ่งครั้งนี้ไปกับสิงค์โปรแอร์ไลน์ ขอบคุณการเดินทางครั้งนี้ที่ทำให้รู้ถึงการเดินทางบนเครื่องที่แสนสบายปริ่มน้ำตาไหลคิดว่าครั้งต่อไปสิงค์โปร์แอร์คงมาเป็นเบอร์หนึ่ง


    มีนาคม - งานต่างๆ ที่มหาศาลเริ่มเบาบางลงบ้างนิดหน่อย พอว่างก็ช้อปปิิ้งซื้อโทรศัพท์ใหม่บอกลา iphone 5s ในปี 2018 ในขณะที่ iphone x ออกเราเพิ่งซื้อ i7 เราไม่ค่อยได้ตามโทรศัพท์เท่าไหรเลยมาช้าไปหน่อย เดือนนี้สำคัญเลยคือ การเตรียมตัวสำหรับ Work & Holiday Visa Aus ปีที่แล้วเราก็ลังเลอยู่นะว่าจะไปดีไหม ใจเราอยากไปแหละแต่เราไม่เริ่มสักที ช่วงนั้นพี่ที่ทำงานคนใหม่เป็นตัวกระตุ้นที่ดีเพราะเค้าก็อยากลองไปโครงการนี้เหมือนกัน เราก็เลยเออลองดูสักตั้งแล้วถ้าเราลองอะไรแล้วเราต้องสุด ขั้นแรกก่อนที่จะทำอย่างอื่นได้คือการสอบ ielts แค่สอบภาษาอังกฤษธรรมดายังแทบตก และอีไอเอลนี้ค่าสอบเกือบหมื่นเห็นละลมจับ แต่ตัดสินใจไปแล้วว่าจะลองดูกดสมัครจ่ายตัง หาเอกสาร หาข้อสอบในเน็ตปริ้นมาแบบเยอะมาก เพื่อมาอ่าน เดือนมีนาเป็นเดือนที่ทำงานกลับบ้านและอ่านหนังสือ ปกติเราจะกลับไปดูซี่รี่แต่เดือนนี้อ่านหนังสือจ้าา ไม่เคยอ่านหนังสือทั้งเดือนขยันสุดตอนเรียนก็ 1 วันก่อนสอบ แต่อันนี้เราอ่านทั้งเดือนเพราะเรารู้ว่าภาษาอังกฤษเรากากมาก เราเลยพยายามทำทุกอย่าง ฟังก่อนทำงาน กลับบ้านหัดข้อสอบเดือนนั้นภูมิใจในตัวเองอยู่อ่ะ ทำได้ไงฮ่า 


    เมษายน - เข้าสู่ช่วงการทำงานอย่างบ้าคลั่ง นอกจากงานแล้วเรายังมีสอบไอเอลจ๊ะ เป็นปีแห่งการทำ WAH เลยก็ว่าได้ เราต้องขึ้นกรุงเทพเพื่อไปสอบและแบ่งสอบเป็นสองวัน แค่สอบพาสแรกไปวันแรกคือกำลังใจหมดและ คือเรารู้สึกว่าทำได้เลยซักอันทั้ง ฟัง เขียน อ่าน ฟังนี่แล้วใหญ่หูฟังพังโมโหเจ้าหน้าที่แทบตายตอนแรกจะขอเปลี่ยนไม่ให้ มั่นใจแค่ 50 เปอร์เซนเท่านั้นแต่ก็ยังเชื่อในตัวเองบอกตลอดว่าเห้ยมันต้องได้ วันที่สองเราสอบพูดก็โอเคนะ มันดีขึ้นหน่อยเลยพอใจและรู้สึกยอมรับถ้าผลมันจะเป็นยังไงถือว่าเต็มที่ละ ที่เหลือก็ลุ้นเอา เดือนเมษาต้องเจอกับงานสงกรานต์ และงานแต่งอีกเช่นเคย ต้องกลับบ้านไปให้ซี่รีย์เกาหลีปลอบใจทุกวัน



    พฤษภาคม - ผลสอบออกแล้วช็อคไป 4 วิตอนเปิดซองคือผ่านเฉยอ่ะ รู้สึกว่าความทุ่มเททุกอย่างมันสำเร็จแล้วอ่ะ ดีใจจนอยากกรี๊ดดังๆ หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ก็ได้ไปญี่ปุ่นพอดี บินไปทรานเฟอร์สิงค์โปร์แต่ไม่เป็นปัญหาเลยดีมากงืออ เอาจริงๆ ครึ่งปีแรก และหลังเป็นไรที่เห้ยลาบ่อยมั๊กกก งานเยอะแต่ลาเก่งงง นี่ก็ลาไปญี่ปุ่น 7 วันสงสารหัวหน้าที่ต้องมาเจอเลขาแบบนี้ ฮ่าๆ เป็นการเที่ยวที่โคตรมีความสุข ทุกอย่างมันโล่งมันเหมือนเป็นรางวัล แต่การสอบมันแค่ด่านแรกไงมีอีกล้านแปดด่านที่ต้องทำ ชิวสุดก็ยกให้พฤษภาเลยจ้า แนบลิงค์การเดินทางในญี่ปุ่นที่เขียนไม่จบสักที 


    มิถุนายน - เริ่มต้นเดือนมาก็เตรียมกดวีซ่าด่านที่สองของ WAH เราพยายามทำทุกทางเนื่องจากอยู่เกาะเน็ตไม่เท่าพวกกรุงเทพอยู่แล้วเลยไปขอใช้ห้องไอทียืม 1 ชั่วโมงเพื่อนมากดวีซ่าแบบเน็ตล่มบ่อยมาเครียดจนเส้นเลืิอดขึ้นตาตอนแรกเราก็ขำๆกับเพื่อน พอเห็นคนเริ่มกดได้ เราเริ่มนิ่งละนั่งตั้งสติและกดจริงจังบอกตัวเองต้องได้ๆ แย่งกับคนเป็นพันๆ เพื่อนให้ได้มาซึ่ง 1 ใน 500 และในที่สุดเราได้อันดับที่ 163 มากรี๊ดดังลั่นจ้าเพราะอยู่ในห้องคนเดียวดีใจมากแถมกดให้คนในไลน์กลุ่มได้อีก 2 คน กราบเน็ตเกาะค่ะและหลังจากเนื่องจากวันที่ 4 เป็นวันเกิดเราเลยจะไปฉลองวันเกิด ซึ่งเอาจริงๆ ไม่ได้อะไรกับวันเกิดแต่หาเรื่องลาเฉยๆ 55 ได้ที่พักราคาหมื่นกว่าในราคา 6,000 หาร 2 เหลือ 3,000 ไปเลยซิจ๊ะ จัดซิจ๊ะรออะไร ลางานไปเที่ยวเกาะข้างๆ วิลล่าสวยมากคุ้มกับการลา และกลางเดือนเราก็ต้องลาอีกเพราะต้องไปรายงานตัวกับกรมเด็กและเยาวชนเป็นการรอคอยที่ยาวนานที่สุดในชีวิต 7 ชั่วโมงฮือออ นั่งรอเดินรอนอนรอจนรากงอกไปเลยจ๊ะ 


    กรกฎาคม - ฝนตกทุกย่อยหญ้าเราอยู่เกาะมา 3 ปีเรารู้สึกได้เลยว่าปีนี้เป็นปีที่ฝนตกรุนแรงที่สุดและยาวนานที่สุด ตกจนหน้ากลัวหลังคาต้นไม้ล้มระเนระนาด เดือนนี้เลยเป็นเดือนที่ต้องวิ่งวุ่นจัดการกับปัญหาฝนเพราะแม้ฝนจะตกเราก็ยังต้องทำงาน ทำให้งานเดินไปได้ในช่วงเดือนแห่งฝนนี้ แถมเดือนนี้เป็นเดือนที่มีความสุขกับ dayoff มากเพราะดูซี่รีย์อยู่ห้องได้สบายๆ ไม่ร้อน นอนทั้งวัน


    สิงหาคม - เอื่อยๆ เรื่อยๆ เราลองหากิจกรรมใหม่ๆ ทำที่คลายความเครียดหลังจากการทำงานนอกจากดูซี่รีย์เพราะตาล้าเหลือเกิน ธรรมดาเราอ่านหนังสืออยู่แล้วเลยได้หนังสือใหม่มาสองสามเล่มที่อ่านแล้วชอบมากคือ ปาฎิหารร้านชำของคุณนามิยะ อ่านแล้วละมุนมากเลย นอกนั้นก็ได้สมุดระบายสีสำหรัับผู้ใหญ่เลือกมาสองเมืองคือ ญี่ปุ่นกับปารีส เห้ยมันดีงามมากเป็นกิจกรรมคลายเครียดที่เราโคตรชอบระบายสีไปเรื่อย ยิ่งวันไหนปวดหัวหนักๆ ลองระบายสีเงียบๆ เปิดเพลงๆ เบาๆ หายเครียดเลย


    กันยายน - พอเราได้ใบรับรอง WAH มาตอนเดือนมิถุนายนจริงๆ เราต้องขึ้นไปรับแต่เราลาไม่ได้แล้วเลยฝากเพื่อรับแล้วส่งมาที่เกาะ ได้ใบนี้ก็เตรียมเอกสารต่างๆ เอาเงินเข้าบัญชีไว้ให้เงินนอนนิ่งตั้งแต่มิถุนายนพร้อมกับเตรียมเอกสารที่ต้องใช้ยื่นวีซ่าเราเตรียมลวกๆ มาก่อนหน้านั้นแต่เราก็มาเตรียมจริงจังเดือนนี้แหละโคตรเครียดด้วยตัววีซ่าคือต้องเตรียมเองทุกขั้นตอนคือสำหรับเรามันยากมากเลยนะ เปิดหาฟอร์มแปลเอกสารต่างๆ คือทำเองทั้งหมดเป็นด่านสุดท้ายที่ท้าทายเรามากผ่านไม่ผ่านอยู่ที่วีซ่านี่แหละ ด้วยความที่เราไม่เก่งเราเลยจ้างแปลอย่างนึงคือ travel plan เราเขียนเป็นภาษาไทยสองหน้าจะให้ทำเป็นอังกฤษก็พอได้อยู่หรอกแต่จะให้ถูกต้องนี่ยากมาก เลยจ้างไป 500 คือเสียเงินไปกับอย่างเดียวจริงๆ พอถึงวันยื่นก็ต้องลางานไปกรุงเทพอีกแล้ววันลาจะหมดแม๊กแล้วจ้า ยื่นเสร็จก็มาลุ้นและผ่านไปเกือบสองอาทิตย์ก็ได้เมล์ตรวจสุขภาพ ดีใจมากเลยภูมิใจในตัวเองอีกแล้วทำไมเก่งจัง 55555 หลังจากไปตรวจสุขภาพและรอผลวีซ่าประมาณปลายเดือนผลวีซ่าก็ส่งมาที่หน้าป้อมยามโรงแรมเปิดซองด้วยความระทึกและผลคือผ่าน กรี๊ดไปอีกแปดบ้านจัดหมูกระทะเลี้ยงฉลองจ้า



    ตุลาคม - ฝนก็ยังคงตกไปเรื่อยๆ แบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เราลากลับบ้าน 4 วันเพราะต้องทำบุญเดือนสิบโดนญาติบังคับไปเจอญาติที่ไรเหนื่อยกว่าทำงานทุกที พอเรากลับมาจากเที่ยวเราจะชอบเป็นโรคอยากเที่ยวอีกขี้เกียจทำงาน เราจะหยุดไม่ได้จนกว่าเราจะได้ไปไหนสักที่ เราก็เลยตัดสินใจอีกว่าไปที่ไหนสักที่ก่อนปีใหม่เหอะ ไม่งั้นจะไม่มีแรงขับเคลื่อนในการทำงาน หลังจากคิดแปดสิบตลบ มือก็กดไปจองตั๋วฮ่องกง ไม่รู้ทำไมต้องฮ่องกงเหมือนกัน คือไปเพราะอะไรก็ยังไม่รู้ แผนคืออะไรก็ไม่รู้ อย่างเดียวที่รู้คือตั๋วอยู่ในมือแล้วจ่ะ


    พฤษจิกายน - เป็นอีกเดือนของการทำงานที่ไม่มีวันจบเพราะวันลาเหลือน้อยเต็มที่ ฮ่องกงก็จองห้องจองตั๋วแล้วเลยต้องเก็บวันหยุดทำงานยาวสามอาทิตย์ไม่หยุดเพื่อที่จะได้ไปเที่ยวตอนปลายเดือน บอกตรงๆ พี่จ๋าฉันเหนื่อย เราวางไว้ว่าไปฮ่องกงปลายเดือนนี้ก็ไปไม่กี่วันหรอก ปกติเราไปเที่ยวไหนเราไม่ค่อยมีแผน ไม่ใช่อะไรนะ เป็นโรคขี้เกียจ คือเราโคตรอยากวางแผนเลยนะ ขนาดไปญี่ปุ่นเราก็ไม่มีแผนไปมาสองรอบไปกับหนังสือ 1 เล่ม จบพอละ คือความขี้เกียจเอาชนะมาก



    ธันวาคม - ต้นเดือนนี้เราไปเที่ยวฮ่องกงมาและรู้สึกชอบครึ่งนึงไม่ชอบครึ่งนึง ฮ่องกงเก๋นะแต่ของแพงและคนเยอะ มหาศาล ถ้า 2 ข้อนี่ลดลงจะรักฮ่องกงเพิ่มขึ้น เดือนนี้มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในโรงแรมที่เราทำงานอยู่ คนบางคนได้ขึ้นตำแหน่งใหญ่ บางคนลาออกเรื่องที่เราจะจำไว้คือเรารู้จักคนๆ นึงเค้ามีบัตรผู้ป่วยทางจิตซึ่งในที่ทำงานหลายคนก็ไม่รู้เรียกได้ว่าทุกคนดีกว่า เค้าบ่นกับเราเรื่องหัวหน้าแล้วเอาบัตรให้เราดู จากตอนแรกที่เราบอกเค้าว่าเห่ยคนเรามันต้องมีเป้าหมายและความอดทนสิ พอเรารู้ว่าความอดทนของเขาไม่เท่าเรานี่พูดไม่ออกเลย เราไม่เคยคุยกับใครที่เป็นโรคซึมเศร้าแต่เรามองเค้าว่าก็ปกติทั่วไปนะ เราพยายามอยากหาทางช่วยเค้าคุยอะไรก็ได้ให้สบายใจแต่ไม่ทันไรเค้าก็ตัดสินใจลาออกเพราะมีเรื่องกับหัวหน้างาน เรื่องนี้เพิ่งเกิดขึ้นวันนี้ เดือนสุดท้ายของปีก็ยังไม่จบลง


    แต่ยังไงปีนี้เป็นปีที่เรารู้สึกว่าไม่มีคำว่าสูญเปล่าเลย เราเคยอยู่อย่างว่างๆ ชีวิตเรื่อยๆ ทำงาน กลับบ้าน ดูหนัง จบชีวิตการทำงานวนอยู่แบบนี้ แต่พอมาเป็นปีนี้เรามีเป้าหมายเราลองพยายามลงมือทำและสุดท้ายมันก็สำเร็จ โคตรภูมิใจในตัวเองเลย เราไม่รู้เลยว่าถ้าวันนั้นเราไม่ลองสอบตอนนี้เราจะทำอะไร ปีหน้าเราจะทำอะไร คนเราไม่รู้อนาคตก็จริงแต่อย่างน้อยเราก็ได้ลองเลือกเส้นทางใหม่ ก็ยังกลัวเส้นทางใหม่นี้อยู่นะ แต่ยังไงก็ต้องลองเสี่ยงมาขนาดนี้แล้ว จำได้ว่าปีก่อนเว็บมินิมอลมีให้ใส่คำอวยพรในต้นคริสมาส เราเขียนคำอวยพรไปด้วย เราว่าสมหวังแหละถึงจะไม่ร้อยแต่เราก็ขอบคุณมากๆ 2018 ปีแห่งการเริ่มต้นอีกครั้ง
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in