Sakurai Sho/Matsumoto Jun
0.
พยากรณ์อากาศในช่วงเช้ารายงานว่าวันนี้ในเมืองหลวงจะมีหิมะตกเป็นวันแรก บทสนทนาภายในสำนักพิมพ์จึงมีหัวข้อนี้เป็นประเด็นตลอดวัน ส่วนใหญ่ไปทางกังวลว่าหิมะแรกฤดูจะเริ่มตอนช่วงหลังเลิกงานที่ต้องเดินทางกลับบ้านหรือไม่
และแล้ว...มันก็เป็นไปตามความกังวลนั้นประหนึ่งธรรมชาติกลั่นแกล้ง
ละอองสีขาวร่วงหล่นจากท้องฟ้าหลังเลิกงานพอดีราวหยั่งรู้
โชคดีที่โชมีงานนอกบริษัทและเสร็จงานก่อนเวลาเล็กน้อย จึงไม่กลับเข้าไป เลือกที่จะตรงไปโรงพยาบาลซึ่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เกือบจะเป็นบ้านหลังที่สองของเขากับกลุ่มเพื่อนคนไข้
1.
หิมะตกพอดี...เมื่อเขาก้าวเข้ามาในโรงพยาบาล
ชายหนุ่มนึกขอบคุณความโชคดีของตน คลี่ยิ้มทักทายเจ้าหน้าที่พยาบาลตรงเคาน์เตอร์อย่างคุ้นเคยก่อนจะตรงไปหยุดหน้าประตูห้องพักเดิม เคาะสองสามทีบอกคนด้านใน เปิดเข้าไปหลังได้ยินเสียงแหลมเป็นเอกลักษณ์ของนักข่าวหนุ่มเชื้อเชิญ
“สวัสดีตอนเย็นที่มีหิมะตกครับซากุไรซัง วันนี้ผมไม่ต้องเข้าบริษัท เลยหอบงานมานั่งทำอยู่เป็นเพื่อนจุนมัน”
นิโนะมิยะ คาซึนาริฉีกยิ้มทักทายจากเก้าอี้ข้างเตียง มือตบเบาๆบนกลุ่มผมสีดำบนหมอนของคนบนเตียง
โชทักตอบสั้นๆพร้อมรอยยิ้มบาง แล้วแทนที่ด้วยขมวดคิ้วเมื่อเห็นคนป่วยชัดถนัดตา
หน้ากากใสต่อกับถังออกซิเจนข้างเตียงที่ถูกถอดออกไปเมื่อสี่วันก่อน ตอนนี้กลับมาสวมบนใบหน้าอีกครั้ง
“อาการทรุดลงนิดหน่อยครับ หมอบอกว่ามีอาการแทรกซ้อนที่ปอด ตอนเช้ายังดีๆอยู่เลย จนประมาณบ่ายสามบอกว่าหายใจไม่ค่อยออก หมอมาดูให้ยาก็หลับยาวถึงตอนนี้” คาซึนาริรายงาน เท้าคางกับที่นอน อมยิ้มมองคนมาใหม่ลูบผมเพื่อนสนิทอย่างห่วงใย
“ผมขอฟ้องหน่อย...ตอนหมอจะใส่หน้ากากให้ไม่ยอมด้วย ส่ายหน้าใหญ่ทั้งที่ก็หอบ ไม่รู้ว่าทำไม สงสัยจะกลัวคุยกับคุณไม่ถนัดแน่เลย” นักข่าวร่างเล็กกระเซ้าในตอนท้าย ขณะโชส่ายหน้ายิ้มๆ
“ถึงตอนไม่มีหน้ากาก เขาก็แทบไม่พูดกับผมอยู่ดี”
เอาแต่ก้มหน้า หลุบตาลงมองมือตนเองบนตัก จะมีก็แต่มือเอื้อมมาจับไว้หลวมๆที่บอกว่าต้องการเขา
“มันเขินคุณน่ะ” คาซึนาริบิดมุมปากขึ้นขันๆ ปรายมองเพื่อนสนิทอย่างล้อเลียนทั้งรู้ว่าอีกคนกำลังหลับไม่รู้เรื่อง
โชคลี่ยิ้มรับวงตาคมทอแววอ่อนโยนเมื่อทอดมองแพขนตายาวหนาพริ้มลงทาบตัดกับผิวซีดเซียว กระนั้นก็ยังเป็นภาพที่น่ามอง ยิ่งศีรษะได้รูปนั้นขยับบนหมอนเข้าซุกกับฝ่ามือของเขาซึ่งกำลังลูบกลุ่มผมนิ่มไปมา
“หมั่นไส้...ขนาดหลับอยู่ยังรู้ว่านี่คือมือของคุณ” คาซึนาริค่อน สวนทางกับมือยกขึ้น คลึงนิ้วโป้งบนหลังมือเพื่อนอย่างแผ่วเบา ทะนุถนอม ยกยิ้มบางครั้นเห็นดวงตากลมโตสีน้ำตาลใสปรือเปิดขึ้นช้าๆ
“ไง ตื่นแล้วหรอหลับ ไปไม่กี่ชั่วโมงเอง”
“ตอนนี้กี่โมงหรอ” เสียงแหบปร่าของคนป่วยเอ่ยถาม มองหน้าเพื่อนอย่างกังวลหลังได้ยินเสียงตนเอง “ได้ยินชัดมั้ย เพราะแบบนี้ไงฉันถึงไม่อยากใส่มัน”
จุนบ่นพึม ยกมือข้างเข้าเฝือกขึ้นขยับหน้ากากใสบนหน้า คิ้วเรียวเข้มขมวดมุ่น
โชกระตุกยิ้ม ส่งมือไปทาบทับหลังมือขาวให้หยุดเคลื่อนไปมา ปั้นหน้าดุครั้นนัยน์ตาสีสวยหันมาทางตนแล้วเบิกขึ้นน้อยๆ
“ซากุไรซัง”
“ครับ ผมเอง” เจ้าของชื่อตอบรับนิ่งๆ ก่อนจะหลุดยิ้มเมื่อดวงตากลมนั้นหลุบต่ำดังเคย
“เขามายืนอยู่ตั้งนานแล้ว ถ้าไม่ยื่นมือมา แกจะไม่หันไปมองเลยใช่ไหม” คาซึนาริเหน็บ มองคนป่วยที่เริ่มขดตัวซุกผ้าห่มอย่างเอ็นดู กระนั้นก็ยื่นมือมาจับมือเขาไว้ด้วยความเคยชิน
ช่างเป็นความเคยชินที่โชปรารถนาให้มันคงอยู่ตลอดไป
2.
แม้แผ่นหลังกว้างลับออกไปพักหนึ่งแล้ว แต่ดวงตากลมโตแววอ่อนโรยของคนบนเตียงยังคงจับยังบานประตูอย่างเหม่อลอย และคงยังอยู่เช่นนั้นกระทั่งที่ปรึกษาฯหนุ่มผู้เป็นเจ้าของจะกลับมา หากคาซึนาริไม่เรียกชื่อ เรียกวงตาสีน้ำตาลใสหันมาทางเขา
“มองประตูตาไม่กะพริบเลยนะจุนคุง” หยอกเพื่อนสนิทที่ชะงัก ส่ายหน้าไปมา
“เชื่อก็ได้” คำคล้อยตาม ตรงข้ามกับดวงตาเป็นประกาย เคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ หัวเราะเบาๆกับฝ่ามือยกขึ้นยันใบหน้าตนไว้
“ฉันสังเกตนิดหน่อย ปกตินายไม่ค่อยชอบจับตัวใครซี้ซั้ว แต่นายเหมือนจะชอบจับมือซากุไรซังเหลือเกิน” นักข่าวหนุ่มจับมือคนป่วยลดจากหน้า เผยนัยน์ตาแววจริงจังผิดไปจากเคย
จุนสบตาเพื่อน ไม่นานละลงมองมือตนเอง ก่อนจะใช้สองแขนยันกายลุกขึ้นนั่ง
คาซึนาริผุดลุกขึ้นคว้าตัว ส่ายหน้าเป็นเชิงห้าม หยิบรีโมทปรับเตียงขึ้น ก้มลงซ่อนแววตาวูบไหว
สัมผัสจากต้นแขนลีบผอมเหมือนหนังหุ้มกระดูกและไหล่บอบบางยามจับร่างบนเตียงไว้...สั่นคลอนหัวใจเขาอย่างรุนแรง จำได้ว่าเมื่อราวหกเดือนก่อนที่กอดกันยังสนามบินครั้งส่งเขาไปทำงานต่างแดน ร่างเดียวกันนี้ถึงจะผอม แต่ก็มีกล้ามเนื้อดังคนหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่ได้ให้ความรู้สึกเปราะบางเจียนแตกสลายเช่นนี้
รู้ตนอีกที...คาซึนาริพบว่าเขาทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ สองแขนโอบเอวผอมบางแนบแน่น
ไม่อาจสะกดกลั้นได้อีกต่อไป น้ำอุ่นร้อนไหลออกมาจากหน่วยตา ฝังใบหน้ากับหน้าท้องนั้นสะอื้นไห้
“นิโนะ...” เสียงนาสิกที่เขาคุ้นเคยยามเปล่งผ่านหน้ากากใสสวมทับเครื่องหน้าช่วงล่าง ฟังผะแผ่วราวมาจากที่ไกลแสนไกล หากมืออุ่นลูบผมไปมาและแขนโอบพาดแผ่นหลังส่งสัมผัสชิดใกล้ชวนอุ่นใจ
“ฉันขอโทษ ฉันมันเป็นเพื่อนที่ใช้ไม่ได้ ฉันไม่ได้อยู่กับนายตอนนั้น ทั้งที่...บอกว่าจะปกป้องนายตลอดไปแท้ๆ” เงยหน้าชุ่มน้ำตาขึ้น ยกมือทาบบนผิวแก้มซีดเซียว ไล้วงหน้าซูบตอบ หยุด...ชะงักเมื่อปลายนิ้วถูกผิวสัมผัสเรียบลื่นจากหน้ากากออกซิเจนครอบปิดไปกว่าครึ่งหน้า ไอฝ้าจากลมหายใจเกาะพลาสติกใสกับดวงตากลมโตอ่อนล้าทำให้สองตาคนมองยิ่งผ่าวร้อน สะอื้นหนัก
“นายไม่ผิด นายไปทำงาน นายไปทำหน้าที่ของนาย” จุนปลอบเสียงสั่นเครือไม่แพ้กัน “ถ้าจะมีใครผิดก็คือฉัน...ที่ปล่อยให้ตัวเองถูกทำร้ายอยู่นั่น ผิดเองที่อ่อนแอ”
“ไม่” คาซึนาริส่ายหน้า กระชับกอดเอวร่างบนเตียงแน่น
“ถ้าจะหาคนผิด คือไอ้เวรนั่นต่างหาก ซากุไรซังหาทนายได้แล้ว มันต้องเข้าคุก” แววตานักข่าวหนุ่มเข้มขึ้นเมื่อนึกถึงต้นเหตุที่เพื่อนรักต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
“พูดถึงซากุไรซัง...เขาดีกับนายมาก คอยดูแลอย่างดี มองแววตากับท่าทางรู้ได้เลยว่าเขาคิดอะไรกับนาย” เว้นช่วง...เพื่อสบสานสายตา “แต่นั่นไม่สำคัญเท่านายคิดยังไงกับเขา”
“นายก็รู้”
“ฉันอยากฟังจากปากนาย”
“ฉันกลัว...” จุนยอมรับด้วยดวงตาวูบไหว “ฉันรู้สึกได้ว่าเขาจะไม่ทำร้ายฉัน แต่ฉันกลัวว่าความใจดีของเขาจะทำให้ฉันเสพติดจนขาดมันไม่ได้ และทรมานเมื่อถึงวันที่ไม่มีมันอยู่แล้ว”
“ไม่...จุน” คาซึนาริส่ายหน้า
“นายอย่าให้สิ่งที่ไอ้เลวนั่นทำมาทำให้นายระแวงจนปิดกั้นโอกาสตัวเอง กลัวแม้แต่จะก้าวต่อ ฉันอยากให้นายทบทวนความรู้สึกของนายตอนนี้ วินาทีนี้ ว่าซากุไรซังยื่นมือมาตรงหน้านาย นายอยากจะจับมันไว้...แล้วเดินไปข้างหน้าพร้อมกับเขารึเปล่า”
แววตาสับสนที่มองมา เรียกรอยยิ้มบางระบายบนใบหน้า เขาใช้มือสางกลุ่มผมสีดำสนิทอย่างเบามือ
“ได้คำตอบแล้วไม่ต้องบอกฉันนะจุนคุง ไปบอกเขา... และมีอีกอย่างที่อยากบอกไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แต่ฉันก็อยากจะพล่ามกรอกหูนายไปเรื่อย”
คาซึนาริยืดตัวขึ้นจุมพิตแก้มตอบแผ่วเบา
“ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง ฉันและเจ้าพวกนั้นก็ยอมรับและอยู่ข้างนายเสมอ ฉันรักนายนะ แล้วหวังว่านายจะรู้อันนี้ที่สุด”
“นิโนะ...” จุนสะอื้นแผ่ว หันซุกซบกับแผ่นอกคนนั่งอยู่ข้างเตียงที่ลุกขึ้นยืนโอบกอดแนบแน่น ดวงตาเรียวรีของนักข่าวหนุ่มจับยังบานประตูที่แง้มเปิดช้าๆ ตามด้วยร่างสันทัดของซากุไร โช ก้าวเข้ามา
สบกับนัยน์ตาคมคู่นั้น...สื่อสารโดยอวัจนภาษา
ฝากเพื่อนของผมด้วยนะครับ ซากุไรซัง
3.
ภายในโรงพยาบาลเริ่มมีสีสันจากของตกแต่งรับเทศกาลความสุขส่งท้ายปีเสริมบรรยากาศมีชีวิตชีวา เมื่อโชเปิดประตูห้องพักคนไข้ออกมา ชายหนุ่มอมยิ้มกับภาพตรงหน้า ก่อนหันไปถามอีกคนที่ก้าวตามหลัง
“ไม่ลืมอะไรแล้วนะครับ”
จุนกวาดตามองทั่วห้องอีกครั้ง พยักหน้าน้อยๆ
“ไม่แล้วครับ”
นัยน์ตากลมโตเป็นประกายเหมือนเด็กเล็กครั้นเห็นทางเดินประดับสีเขียวและแดง หากต้องหลุบตาลง มองพื้นหลังวงตาคมของคนที่ยืนอยู่ข้างกันปรายมองดุๆ แทนคำตำหนิว่าทำไมเขาถึงได้พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลจนกระทั่งได้เห็นการตกแต่งรับเทศกาลคริสต์มาสเช่นนี้
“ถ้าคุณพยาบาลไม่บอก ผมคงไม่รู้ว่าคุณแอบทำงานจนอาการทรุดหลายรอบ โทมะก็เหลือเกิน รู้ว่าคุณป่วยก็ยังยกโน้ตบุ๊กมาให้ถึงที่”
“ผมขอร้องเขาเองครับ กลัวมันจะเสร็จไม่ทันกำหนดที่ทีมวางแผนไว้” จุนอธิบายเสียงแผ่ว ไม่กล้าสบตาคมดุที่จับนิ่งยังตน เม้มปากแน่นเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจยาวคล้ายระอาจากอีกฝ่าย
“อย่างที่ผมเคยบอกคุณไป หน้ากากต่อกับถังข้างเตียงที่หมอให้คุณใส่อยู่มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าคุณต้องพักผ่อน ไม่ใช่ยังฝืนลุกขึ้นมานั่งทำงาน”
มืออุ่นวางบนศีรษะ จับโยกไปมาเบาๆ
“งานน่ะ...ต่อให้ไม่มีคุณเขาก็หาคนมาทำแทนได้ แต่สำหรับคนกลุ่มหนึ่ง คุณมีแค่คนเดียว หาใครมาแทนไม่ได้”
นัยน์ตาคมเคลื่อนมาอยู่ในระดับสายตาเมื่อนิ้วเรียวแตะปลายคางเชยขึ้น แววอ่อนโยนฉายในพลอยสีดำนั้นทำให้รู้สึกแก้มทั้งสองข้างร้อนวูบ
“ผมเอง...ก็เป็นหนึ่งในคนกลุ่มนั้น”
สำเนียงเนิบช้าและเน้นย้ำ ราวจะให้ทุกคำตรึงในความทรงจำของคนฟัง
วันนั้น...คาซึนาริบอกให้เขาทบทวนความรู้สึกตนเอง ซึ่งจุนทำตาม เพื่อจะพบว่ามันเปล่าประโยชน์
เพราะเขาได้ตระหนักว่าหัวใจมีเจ้าของวงตาคมนั้นครอบครอง...ตั้งแต่ริมฝีปากหยักเต็มจุมพิตบนหน้าผากย้ำคำสัญญาในห้องพักผู้ป่วยวิกฤตแล้ว
‘ถ้าคุณต้องการผมจะอยู่ตรงนี้...ผมสัญญา’
มือแกร่งยื่นมาตรงหน้า รอให้เขาจับมันก้าวไปด้วยกัน
ส่งมือของตนไปประสานกับมือหนาอุ่น ยิ้มให้กับความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยอันส่งมาถึงหัวใจ
“เดี๋ยวต้องผ่านโถงด้านหน้า จะมีคนเยอะหน่อยนะครับ”
คนข้างตัวหยิบกล่องบรรจุหน้ากากอนามัยส่งให้ จุนก้มลงมอง...ชั่งใจ
แล้วเขาก็ตัดสินใจที่จะยิ้มให้โช ส่ายหน้าช้าๆ
“ไม่ต้องใช้หรอกครับ ผมไม่ได้เป็นหวัด”
ใบหน้าหล่อเหลาระบายรอยยิ้มบางเบาครั้นได้ฟังเช่นนั้น มือกระชับมือของเขาในอุ้งมือมั่น ก่อนจะเดินผ่านโถงด้านหน้าที่มีผู้คนมารอรับบริการหนาตา ออกประตูไปยังด้านนอกที่มีหิมะโปรยปราย
ความหนาวเย็นที่เข้าเกาะกุมจางหายตามระยะห่างร่นลง แทนที่ด้วยสัมผัสอุ่นจากริมฝีปากประทับจุมพิตอ่อนหวาน
จุมพิตแรกใต้ผืนฟ้าหนาว...เริ่มต้นความรักครั้งใหม่
อยากให้คาซึนาริมีคู่บ้างค่ะ! 5555555555555555555
เป็นการจบเรื่องราวที่แบบ ฮลลลล์ อบอุ่นหัวจิตหัวใจ ชอบตรงที่น้องไม่ต้องการหน้ากากอนามัยอีกต่อไป ผมไม่ได้ป่วย! 5555555 แบบนี้แสดงว่าความรักของอ้ายโชรักษาน้องได้จริงๆ T ///// T
จบฟลัฟโทเบอร์ของปีไก่แล้ว น้องจะรอของปีน้องโฮ่งนะคะ ดีต่อใจมากๆๆ รักพี่ปู จุ๊บๆ
danke schön, meine schwester
liebe dich ♡