การแข่งขันไม่ได้ดุเดือดอะไรอย่างที่พิธีกรพยายามจะปลุกเร้าอารมณ์ เกมจบภายในเวลาเพียง 25 นาทีเท่านั้น โดยผลการแข่งทีมของเกิ้ลชนะไปอย่างขาดลอย ทำให้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศโดยแทบไม่ต้องคิดอะไรมาก เพียงแต่เกิดปัญหาเล็กน้อยภายในทีมระหว่างเกิ้ลกับเหนือที่อยากลงเป็นตัวจริง แต่ร่างสูงกลับสั่งให้มะขามเป็นคนลงแข่งในรอบชิงแทน แน่นอนว่าไอ้เหนือมันไม่พอใจ แต่ใครแคร์ เธอทำเพื่อชัยชนะ
วันต่อมา
บรรยากาศที่มีหมอกโรยตัวบางๆ ในตอนสายๆ แสงแดดอ่อนๆ ที่ส่งผ่านความอบอุ่นในหน้าหนาวที่ชวนให้ใครหลายคนไม่อยากลุกจากเตียงที่อุ่นสบาย หากแต่ร่างสูงที่ตื่นขึ้นมาเพื่อออกกำลังกายในยามเช้า นอกจากจะได้สุขภาพที่ดีแล้ว ประโยชน์ของการออกกำลังกายอีกอย่างของเธอคือทำให้ร่างกายยืดหยุ่นอยู่เสมอเพื่อรอวันที่ไปเล่นปาร์กัวร์อีกครั้ง เช่นวันนี้เธอเลือกที่จะซิทอัพและวิดพื้นไปอย่างละสามร้อยครั้งก่อนจะไปอาบน้ำ
เสียงเรียกเข้าดังขึ้นจากสมาร์ทโฟน เป็นสายของเคโทรเข้ามาพอดีที่เธอก้าวขาออกจากห้องน้ำ เอื้อมไปกดรับสายแล้วปฏิเสธที่จะไปเล่นปาร์กัวร์กับชายหนุ่มพลางเอาผ้าขนหนูซับหน้าที่มีหยาดน้ำเกาะเป็นเม็ดๆ
แต่งตัวแล้วเดินลงไปชั้นล่าง เจอแม่กำลังง่วนอยู่กับการคั้นน้ำส้มอยู่ในครัว น่าจะคั้นมาได้สักพักแล้วแหละ เพราะมีน้ำส้มมากมายหลายขวดตั้งอยู่บนโต๊ะ เห็นนะว่าแม่ทำอะไรอยู่แต่ก็อยากถาม
“แม่ทำอะไรอ่ะ? ”
“ซักผ้ามั้งเนี่ย”
ร่างสูงทำหน้าอ้อนแถมกอดคนเป็นแม่ไว้ซะแน่น แล้วยังทำตัวเป็นลูกแมวโดยการเอาหน้าไปถูกับหลังแม่ไปมาอีกต่างหาก
“แม่อ่าาาา”
“ก็คั้นน้ำส้มไว้ให้เกิ้ลกินนั่นแหละ เห็นส้มมันสวยดี”
ไม่พูดเปล่า แม่เอื้อมมือหยิบขวดบรรจุน้ำส้มใส่ถุงกว่าสิบขวดแล้วยื่นให้ลูกสาว
“เอาไปฝากหนูมะขามด้วยนะ”
“แม่ เกิ้ลไม่ได้ไปหาขาม! ”
ทำไมแม่ชอบคิดว่าออกข้างนอกทีไรต้องไปเจอมะขามทุกทีเลยเนี่ย? คือเกิ้ลก็ไปที่อื่นบ้างได้มั้ยล่ะคุณแม่ขา
“ก็เห็นแต่งตัวสวยนึกว่าจะไปหาหนูมะขาม”
“เกิ้ลก็แต่งปกติเนี่ย แต่ว่าจะไปขี่รถเล่นหน่อย”
“คราวก่อนที่มาบ้านก็เอาชุดผ้าไหมมาฝากตั้งหลายตัว”
“....”
เดี๋ยวนะ...นี่คุณเธอเอาชุดผ้าไหมมาให้แม่อีกแล้วเหรอเนี่ย! รู้หรอกว่าบ้านส่งออกผ้าไหม แต่คือจะเล่นเอามาให้ทีละ 4-5 ชุดจนตอนนี้แม่แทบจะใส่ออกไปจ่ายตลาดเล่นทั้งเดือนแบบไม่ซ้ำลายนี่มันก็เกินไป!!
“ยังไงก็เอาไปให้หนูมะขามแทนแม่หน่อย”
“ไว้เกิ้ลเอาไปให้ตอนเย็นแล้วกัน รักแม่นะ”
ไม่วายที่จะแวะหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่แล้วเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีออกไปทางหน้าบ้าน
เกิ้ลในชุดเสื้อยืดสีขาวสวมทับด้วยเสื้อหนังสีดำ กางเกงยีนส์และรองเท้าบูทขี่ยานพาหนะคู่ใจมาจอดแถวสะพาน จุดแลนด์มาร์คที่ใครหลายคนก็มาถ่ายรูปกับสะพานข้ามแม่น้ำ แต่กิจกรรมโปรดของเธอคือการนั่งรับลมเล่นในศาลาริมน้ำ เฝ้ามองดูเรือข้ามฟากที่แล่นผ่านไปมา ปลาสวายตัวอวบอ้วนแหวกว่ายทับกันไปมารอคนให้อาหาร
ถึงแม้จะเป็นเวลาที่พระอาทิตย์ตรงกับศีรษะแต่แสงแดดก็ไม่ได้แรงจนทำให้รู้สึกร้อนแสบผิว สายลมหนาวโชยอ่อนพัดบางๆ อย่างหยอกล้อกับผมยาวสีน้ำตาลของเธอ บรรยากาศแบบนี้ทำให้จิตใจของเธอรู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก กลิ่นหอมของดอกไม้อะไรสักอย่างที่เธอไม่รู้จักส่งกลิ่นลอยมาตามสายลมเป็นระยะ
นานแค่ไหนไม่รู้ที่ยืนเหม่อมองสิ่งรอบตัวอยู่แบบนั้น จนรู้สึกได้ถึงสัมผัสบางเบาที่ไหล่ด้านขวาทำเอาเธอสะดุ้งโหยงรีบหันกลับไปมองต้นเหตุทันที
“โถ่ขาม ตกใจหมด”
มะขามในวันนี้ใส่เบลเซอร์สีดำทับเสื้อคอเต่าสีขาว กับกางเกงเข้าชุด และเกิ้ลเอ่ยปากบ่นคนตรงหน้าด้วยความเป็นห่วงทันทีเมื่อสายตาของเธอไล่ไปเจอรองเท้าส้นสูงสีขาว
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าใส่ส้นสูงขับรถ มันอันตราย”
“ไม่ได้ใส่ขับรถ! เราใส่รองเท้าแตะขับ”
คนถูกบ่นรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธกันพัลวัน แอบทำหน้าเซ็งเล็กน้อย เจอหน้ากันทีไรนี่คิดจะบ่นกันตลอดเลยใช่มั้ยเนี่ย
“เกิ้ลกินข้าวรึยัง? ”
“ยังเลย ขามหิวมั้ย? ไปหาอะไรกินกัน”
“ไปๆ เราหิวมาก”
หลังจากตกลงเลือกร้านอาหารกันเสร็จเรียบร้อย ร่างสูงก็เดินไปส่งมะขามที่รถสปอร์ตเปิดประทุนสุดหรูที่จอดไว้ไม่ไกลนัก และไม่วายเอ่ยปากบ่นเพื่อนคนพิเศษเรื่องใส่ส้นสูงอีกครั้ง ก็มะขามน่ะสิงอแงทำท่าเหมือนจะไม่เปลี่ยนรองเท้าจนเธอต้องก้มลงไปถอดรองเท้าให้ถึงจะยอมเปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะ แล้วยังจะมีหน้ามาแลบลิ้นปลิ้นตากวนประสาทใส่อีกนะ ถ้าไม่ติดว่าเมื่อกี้เอามือจับรองเท้ามานะจะไปดึงแก้มนุ่มสักทีสองทีให้หายมันเขี้ยว
กว่าเพื่อนตัวเล็กจะมาถึงก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมงทั้งๆ ที่ระยะทางระหว่างสะพานข้ามแม่น้ำกับห้างห่างกันเพียงแค่ 5 กิโลเมตร เพราะรถติดมาก คนมาสายกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาเธอที่นั่งเล่นมือถือรออยู่ตรงลานน้ำพุกลางห้างพลางยกมือไหว้ขอโทษขอโพยกันยกใหญ่
“ขอโทษนะเกิ้ล รถติดมากๆ ”
“ไม่เป็นไร ขามหิวมากมั้ย? ”
มะขามพยักหน้าขึ้นลงรัวๆ จนเกิ้ลเผลอยิ้มอย่างเอ็นดูกับความน่ารักของคนตรงหน้า สองสาวจึงเดินเข้าร้านหมูย่างเกาหลีชื่อดังตามที่ตกลงกันไว้ กลิ่นปิ้งย่างจากเตาส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วทั้งร้าน ทำเอาเกิ้ลที่ตอนแรกยังไม่ค่อยหิวมากนักพอได้กลิ่นแล้วท้องร้องก็ร้องประท้วงขึ้นมาเฉยๆ มะขามเลือกที่จะนั่งโซนส่วนตัวที่ถูกจัดไว้เป็นพิเศษเพื่อตัดความรำคาญจากพนักงานเสิร์ฟที่ต้องเดินเสิร์ฟอาหารไปมา
บทสนทนาเริ่มขึ้นหลังจากที่ทั้งสองต่างคนต่างสปีดตกเพราะกระเพาะเต็มไปด้วยอาหาร เกิ้ลที่นั่งเคี้ยวน้ำแข็งป่นเล่นก็นึกขึ้นได้ว่าต้องแวะไปเอาน้ำส้มที่บ้าน จึงหยิบเรื่องที่เพื่อนตัวเล็กเอาชุดผ้าไหมมาฝากแม่ของเธออีกแล้ว
“เออนี่ขาม ไม่ต้องเอาชุดผ้าไหมมาให้แล้วนะ”
“อ้าวทำไมล่ะ? ” คนตัวเล็กเอียงคออย่างน่ารัก คิ้วเลิกขึ้นด้วยความสงสัย
“แค่นี้แม่ก็ใส่ได้ทั้งปีไม่ซ้ำแล้ว”
“แค่นี้เองไม่เป็นไรหรอก”
เถียงกับเพื่อนจอมดื้อไปก็เท่านั้น ไม่มีทางชนะหรอก งั้นเธอจะหาวิธีตอบแทนน้ำใจให้แล้วกัน
หากกินเสร็จถ้าจะให้กลับเลยก็คงไปนั่งแกร่วในรถที่ติดแหง่กบนถนนเหมือนเดิม คนเรานี่ก็แปลก...มีรถไฟฟ้ากลับไม่ใช้ ดันมาใช้รถส่วนตัว แต่จะว่าคนอื่นก็ไม่ได้หรอก เพราะขนาดตัวเกิ้ลเองยังไม่เลือกใช้ขนส่งสาธารณะเลย ก็รถไฟฟ้าเบียดเสียดกันอย่างกับปลากระป๋อง แถมค่าตั๋วดันสวนทางกับคุณภาพด้วยนี่สิ จะบอกว่าคุณภาพชีวิตดีๆ ที่ลงตัวก็ดูจะเกินจริงไปมากโข
คุยกันเรื่องรถติดเสร็จ เพื่อนตัวเล็กจึงตัดสินใจเอ่ยปากขอกลับกับเกิ้ล ก่อนจะโทรบอกให้คนขับรถมารับรถของเธอที่ห้างแทน
หลังจากจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย มะขามจูงมือเกิ้ลเดินเล่นไปตามร้านรวงต่างๆ ในห้าง สายตาหลายคู่ต่างก็จับจ้องมาที่เพื่อนตัวเล็ก บางคนถึงกับเหลียวหลังกลับมามองอย่างไม่แคร์ว่าคนที่ถูกมองจะรู้ตัวรึเปล่าเลยด้วยซ้ำ ก็วันนี้นางแต่งตัวดูดีซะขนาดนี้ คนไม่มองสิคงตาบอด แต่ก็แปลกเหมือนกันนะ มะขามก็ออกจะสวยขนาดนี้แต่ทำไมถึงยังไม่ยอมมีแฟนสักที? ถามทีไรก็เอาแต่บอกว่าขี้เกียจหา บอกปัดซะทุกทีไป
อดไม่ได้ที่จะแวะร้านแบรนด์ดังที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษรที่สองของภาษาอังกฤษแล้วเธอก็ได้หมวกแก๊ปมาอีกใบ ซื้อคู่กับเพื่อนตัวเล็กนั่นแหละ ขานั้นก็ชอบใส่หมวกแก๊ปเช่นกัน จึงได้สอยไว้ใส่ไปแข่งที่สเตเดียมพรุ่งนี้ แล้วมะขามก็ลากไปเข้าร้านเครื่องสำอาง...มันเป็นอะไรที่คนรอสามารถใช้เวลาตรงนี้ดูซีรีย์ยาวๆ สักเรื่องได้เลยแหละ แต่ถามว่าเธอเบื่อมั้ยที่ต้องรอเพื่อนคนพิเศษลองลิปเฉดสีต่างๆ ตอบว่าไม่เลยสักนิด
“เกิ้ลว่าสีนี้เข้ากับเรามั้ย? ”
มองลิปที่ดูยังไงก็คือสีแดง แต่เพื่อนคนพิเศษเถียงคอเป็นเอ็นว่ามันไม่ใช่ถูกป้ายที่หลังมือของเธอ หลังจากพินิจพิจารณาสีบนหลังแล้วจึงเลื่อนสายตาขึ้นไปมองริมฝีปากบางของเพื่อนสาว จริงๆ มันก็สวยนะ แต่เกิ้ลอยากให้เพื่อนของเธอสวยมากกว่านี้ จึงมองหาลิปสีที่ (คิดว่า) ใช่ในชั้นแล้วยื่นให้คนข้างๆ
“เราว่าสีนี้เหมาะ”
“จริงเหรอ? ”
มะขามรับลิปไว้ พลางทำคิ้วขมวดยุ่ง ดูจะไม่ค่อยเชื่อมั่นในสิ่งที่เธอเลือกสักเท่าไรนัก
“ขามทาสีนี้ต้องสวยมากแน่ๆ ”
“งั้นลองเลยแล้วกัน”
มะขามหยิบเทสเตอร์สีที่เกิ้ลเลือกให้ ก่อนจะใช้นิ้วนางป้ายลิปมาเกลี่ยที่ริมฝีปากและเม้มให้เข้าที่ เมื่อคิดว่าพอดีแล้วเธอจึงขยับร่างเข้าใกล้กระจกแล้วทำตาโต
“โหเกิ้ล!! ”
“เห็นมั้ยเราบอกแล้ว”
คนสวยทาสีไหนก็สวย เกิ้ลฉีกยิ้มกว้างให้เพื่อนคนพิเศษที่ทำปากจู๋ใส่กระจกอย่างน่ารัก เธอชื่นชมสีลิปที่ริมฝีปากของตัวเองสักพักแล้วหันมาเอ่ยปากถามเกิ้ลที่กวาดตาดูลิปสีอื่นๆ อยู่
“เกิ้ลล่ะ? ลิปยังไม่หมดเหรอ? ”
“จะให้เราหน้าเต็มไปเล่นปาร์กัวร์ก็ไม่ไหวนะ”
“ฮ่าๆ นั่นสิ เกิ้ลก็ไม่ค่อยได้แต่งหน้านี่เนอะ”
ถัดจากช้อปเครื่องสำอางก็เป็นอีกหนึ่งร้านเสื้อผ้าที่มาห้างนี้ทีไรเป็นต้องแวะ เธอกับมะขามได้เสื้อยืดไปกันคนละสองสามตัว เพราะเนื้อผ้าก็ดี ใส่สบาย แถมลายที่สกรีนก็สวยดูไม่เกลื่อนตาในยามที่ต้องใส่ออกข้างนอก ก่อนจะเดินออกจากร้านเสื้อผ้า ถึงคราวเกิ้ลที่ถึงแม้ว่าในมือจะถือถุงกระดาษสี่ห้าใบ ก็ยังสามารถเอื้อมมือไปจูงมือเล็กของมะขามเดินตรงไปยังร้านหมวกกันน็อคได้
“จะเปลี่ยนหมวกเหรอ? ”
“เราไม่ได้เอาหมวกอีกใบมา ขามชอบใบไหนล่ะ? เราซื้อให้”
“ไม่เป็นไรเราซื้อเอง”
เกี่ยงกันไปมาจนสุดท้ายเป็นฝ่ายคนตัวเล็กเองที่ยอมแพ้ เกิ้ลปล่อยให้มะขามเลือกหมวกกันน็อคที่ชอบไปก่อน ส่วนตัวเธอนั้นก็เดินวนมาดูเสื้อเซฟตี้สีดำ ก่อนที่ร่างสูงจะหันมาถามเพื่อนตัวเองพลางใส่เสื้อเซฟตี้แล้วรูดซิป
“ขามว่าตัวนี้เป็นไง? ”
“สวยดีนะ เหมาะกับเกิ้ลเลยแหละ”
เกิ้ลหมุนตัวไปมาที่หน้ากระจกอีกสักพักก็ถอดเสื้อเซฟตี้มาพาดไว้ที่แขนแล้วเดินมาหาเพื่อนตัวเล็กพลางถาม
“เลือกหมวกได้รึยัง? ”
“ได้แล้ว เอาใบนี้”
เธอหยิบหมวกจากมือของมะขามที่รั้งไว้ไม่ยอมปล่อยสักที จนเธอต้องหันกลับไปมอง
“เดี๋ยวเราเอาไปจ่ายตังก่อน”
“เราออกเองได้”
“เราซื้อให้ เพราะเราจะไม่ให้ขามไปซ้อนใครทั้งนั้น”
พูดจบเกิ้ลก็ดึงหมวกกันน็อคจากมือมะขามแล้วเดินไปที่แคชเชียร์เพื่อคิดเงิน เธอหันกลับไปมองเพื่อนคนพิเศษที่ยืนจับหน้าของตัวเอง คุณเธอน่าจะเหนื่อยมากแล้วแหละ ก็เล่นเดินขาขวิดทั่วห้างหลังเลิกงานแบบนี้
เสร็จธุระส่งมอบกุญแจพร้อมถุงช้อปปิ้งทั้งหมดให้คนขับรถก็ได้เวลาเดินทางกลับ ในยามที่เธอสตาร์ทเครื่องยนต์สี่สูบให้เสียงท่อที่ไม่ได้ผ่านการดัดแปลงดังกระหึ่มนั้นรู้สึกดีไปอีกแบบ พอสายลมเย็นยามค่ำคืนที่พัดผ่านตัวเธอไปมันรู้สึกดีสุดๆ เลยแหละ ด้วยความเพลิดเพลินกับสายลมหนาวทำให้เธอคงเผลอขี่รถเร็วไปหน่อย เพราะเพื่อนตัวเล็กที่ซ้อนท้ายเธออยู่กอดเอวซะแน่นจนหายใจแทบไม่ออกจนเธอต้องชะลอความเร็วลงแล้วหันไปถามคนข้างหลังด้วยความเป็นห่วง
“เราขี่เร็วไปเหรอ? ทำไมกอดเอวเราแน่นจัง? ”
“ป...เปล่าๆ ชุดไม่ค่อยถนัดน่ะ”
อยู่ดีๆ จะมาคลายกอดกันเฉยเลย แบบนั้นยิ่งกังวลใหญ่ว่าจะตกรึเปล่า เกิ้ลจึงรั้งมือของเพื่อนคนพิเศษไว้ แต่สิ่งที่ผิดแปลกขึ้นมาจากเดิมคือหัวใจของเธอกลับเริ่มเต้นเร็วขึ้นมาเฉยๆ ไม่รู้เพราะอะไร
“ไม่เป็นไร งั้นก็กอดเราแน่นๆ นะ”
กลิ่นหอมจากเสื้อผ้าของคนด้านหน้าลอยอบอวลอยู่ภายในหมวกกันน็อค เธอรู้สึกผ่อนคลายทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ชิดเกิ้ล และนี่ไม่ได้เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองอยู่ใกล้กันขนาดนี้ เราสองคนมักจะไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันบ่อยๆ ไหนจะออกค่ายอาสาตอนเรียนมหาลัยอีก ทำให้ทั้งสองได้จับคู่นอนด้วยกันจนชิน และเป็นเธอเองที่ต้องใจเต้นรัวทุกครั้งในยามที่เกิ้ลหันมากอดเธอตอนดึกๆ เพราะคิดว่าร่างเล็กๆ ของเธอเป็นหมอนข้าง
แวะเอาน้ำส้มที่บ้านของเธอเสร็จก็ขี่รถไปส่งเพื่อนตัวเล็ก ที่พอลงจากรถได้ก็หันมาเอ่ยถามสารถีสุดเท่ทันที
“พรุ่งนี้ขับรถไปป่ะ? ”
“เราขี่รถไป แล้วคงให้พี่แกตพาแม่ตามไปแหละ พ่อเราคงไม่มาหรอก”
“อ้าวไม่ได้บอกคุณอาเหรอ? ”
“ยังไม่ได้คุยเลย”
จู่ๆ ความเงียบก็เข้าจู่โจมทั้งสองอย่างไม่ทันตั้งตัว ความรู้สึกกระอักกระอ่วนที่ถูกถามเรื่องพ่อตีตื้นขึ้นมาจนจุกอยู่ที่ลำคอ
เกิ้ลไม่ได้เกลียดหรือมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งอะไรกับพ่อหรอกนะ แต่ไอ้ก่อนที่พ่อจะบินไปทำงานที่ต่างประเทศครั้งล่าสุดเนี่ย กระซิบบอกเธอย้ำหนักย้ำหนาว่ากลับมารอบนี้ต้องได้มะขามเป็นลูกสะใภ้นี่มันคืออะไรกันคะขุ่นพ่อ!! ทำไมบอกใครต่อใครก็ไม่เชื่อสักคนว่าเธอกับมะขามไม่ใช่แฟนกัน!!
ถึงแม้ว่าเกิ้ลจะไม่เคยมีแฟน แต่เธอก็ยังรู้สึกยินดีและขอบคุณที่ครอบครัวของเธอไม่ได้ปิดกั้นในเรื่องรสนิยมทางเพศ แม่เคยพูดด้วยซ้ำว่าจะรักใครชอบใครเพศไหนแม่ไม่ว่า ขอให้เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่และเป็นคนดีของสังคมก็เพียงพอแล้ว
เกิดความเงียบระหว่างกันไปพักหนึ่ง เสียงใสของเพื่อนตัวเล็กจึงเอ่ยขอบคุณร่างสูง
“วันนี้ขอบคุณนะ”
“คิดมากน่า เพื่อนกัน”
น้ำเสียงและรอยยิ้มของเกิ้ลที่มอบให้กับมะขามนั้นดูสดใสและอบอุ่นเหมือนทุกครั้ง หากแต่ภายในใจของเธอตอนนี้กลับรู้สึกเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งที่ขั้วโลกอย่างบอกไม่ถูก เพียงเพราะคำสั้นๆ ว่าเพื่อนกัน มันมีอาณุภาพทำลายล้างขนาดนี้เลยรึไงนะ
ร่างสูงมองคนตรงหน้าแล้วสังเกตเห็นสีหน้าของไม่สู้ดีนัก เธอจึงเอื้อมมือไปลูบกลุ่มผมบลอนด์เบาๆ
“เข้าบ้านได้แล้ว พรุ่งนี้เจอกัน”
“อื้อ แล้วเจอกัน”
คนตัวเล็กยืนมองเกิ้ลที่ขี่รถห่างออกไปเรื่อยๆ ก็เพราะเกิ้ลเป็นแบบนี้ไง ดูเหมือนไม่ใส่ใจคนรอบข้างแต่จริงๆ แล้วช่างสังเกต แต่ติดอยู่อย่างเดียวที่เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าร่างสูงนั้นรู้สึกเหมือนกับเธอรึเปล่า ประกอบกับที่เธอเห็นเกิ้ลคอยปฏิเสธทุกคนที่คิดจะสานสัมพันธ์ด้วยไม่ว่าจะชายหรือหญิงเพียงเพราะกลัวว่าพอมีแฟนจะทำให้เธอทำในสิ่งที่รักได้ไม่เต็มที่ ยิ่งทำให้สาวผมบลอนด์ไม่กล้าที่จะเอื้อนเอ่ยความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในใจออกไป
แต่เธอจะทนเก็บความรู้สึกที่มันเพิ่มขึ้นอยู่ทุกวันได้อีกนานแค่ไหนกันนะ?
- Bunny Talks -
เดทกันแบบเนียนๆ ยังไงกันน้า เกิ้ลเนี่ยย หวงมะขามเหมือนกันนะเรา
ส่วนถ้าถามว่ามะขามรวยแค่ไหน...รถที่น้องขามขับอยู่ทุกวันนี้นางซื้อเพราะอยากใช้คู่กับเกิ้ลแค่นั้นเลยค่ะ แต่เพราะรถติดเกิ้ลจึงเปลี่ยนมาขี่บิ๊กไบค์แทนนั่นแหละค่ะ
ส่วนชื่อรุ่นก็ Aston Martin DBS Superleggera ค่ะ
ฝากติดตามและเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ขอขอบคุณทุกท่านที่คอยติดตามและอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้
พูดคุยคอมเมนต์ติชมกันได้เลยนะคะ รออ่านฟีดแบคอยู่ค่าาา
อ่านตอนล่าสุดได้ที่ ReadAWrite ค่าาาา จิ้มตรงนี้ได้เลย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in