เด็กหนุ่มตรงหน้านั่งขมวดคิ้ว หากมันพันกันได้ก็คงพันกันมุ่น เมื่อเจ้าตัวก้มศีรษะแทบจะติดชีทเรียนที่ ‘ติวเตอร์’ มอบหมายให้นักเรียนตัวแสบทำแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ที่เจ้าตัวแสนเกลียดมันนักหนา
จรัญขบกรามจนขึ้นเด่นเป็นสัน สุดท้ายก็เงยหน้าขึ้นมองสบใบหน้าสวยของติวเตอร์ตัวแสบที่กำลังมองมาด้วยสีหน้าราบเรียบ เกมจ้องตาได้เริ่มขึ้น แววตารั้นไม่ยอมแพ้ของเด็กหนุ่มที่สบสายตามา แม้ไม่ได้ก็จะบังคับ แต่ท้ายที่สุดก็ยอมแพ้เพราะอีกฝ่ายก็ไม่คิดจะยอมอ่อนข้อให้เช่นกัน
“แม่ง”
จรัญสบถ ตบชีทตรงหน้าลงบนโต๊ะเสียงดัง
จิณณ์หลุดหัวเราะออกมาคำนึงด้วยสีหน้าเยาะเย้ยที่จรัญเกลียดมันนักหนา ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายเป็นติวเตอร์และอายุมากกว่าถึงห้าปี จรัญคงจับมาฟาดแรงๆสักครั้ง
“ยอมแพ้แล้วเหรอ?”
“พี่แม่งขี้โกง นี่มันยากกว่าครั้งที่แล้วอีก”
“นั่นแปลว่านายไม่ได้กลับไปทวนแบบฝึกหัดคราวที่แล้วต่างหาก”
เด็กเกเรนึกอยากโวยวาย แต่จำต้องหุบปากเพราะคำพูดแทงใจดำของติวเตอร์ มือเรียวคว้ากล่องนมกล้วยข้างตัวขึ้นมาดูดอย่างไม่สบอารมณ์ ความเย็นและรสหวานช่วยบรรเทาอาการกรุ่นโกรธในกายให้ลดน้อยลง อาจจะเป็นการกระทำเดียวที่ทำให้เจ้าตัวดูเด็กลงนิดหนึ่งเมื่อภาพลักษณ์ที่มีนั้นไม่เข้าเสียเลย
เด็กสมัยนี้โตเร็ว คงเป็นวลีฮิตในทุกยุคสมัยไป
จรัญเป็นเด็กชั้นม.5 โรงเรียนเอกชนชื่อดัง เจ้าเด็กแสบที่เอาแต่เล่นกีฬา ไม่ยอมเรียนหนังสือ เกรดลดฮวบฮาบจนมารดาต้องกุมขมับ ให้ไปเรียนสถาบันสอนพิเศษดีๆก็โดดเรียน ไปเที่ยวเล่นแทน ครั้นพอจ้างติวเตอร์มาติวให้ที่บ้าน ก็ไม่สนใจใยดีอะไรทั้งนั้น
จนกระทั่งเจอติวเตอร์คนนี้ คนที่ทำให้เด็กแสบอย่างจรัญยอมเชื่อฟัง
จิณณ์ นักศึกษาชั้นปีที่4 จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ เป็นติวเตอร์มาแล้วสี่ปี รับสอนคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ระดับชั้นปลาย ราคาไม่แพงมากนักเมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้รับจากติวเตอร์คนเก่งคนนี้
แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น
ไม่ใช่เพียงใบหน้าสวยของหนุ่มรุ่นพี่ที่จรัญถูกใจ แต่นัยน์ตาที่ซุกซ่อนอยู่ใต้กรอบแว่นใสต่างหากที่จรัญสนใจตั้งแต่แรกเจอ
‘ ตั้งแต่วันนี้ พี่เป็นติวเตอร์คนใหม่ของน้องนะครับ ’
เจ้าตัวว่าแบบนั้น ภายใต้รูปลักษณ์เรียบง่ายแต่ดึงดูด นัยน์ตากลมโตคู่สวยทอแววเป็นประกาย แม้จะถูกกรอบแว่นใสบดบัง ไหล่กว้างกว่าจรัญ แต่เอวนั้นกลับเพรียวกว่า บางมากเมื่อเทียบกับเค้าโครงของร่างกายที่ดูเหมือนจะใหญ่ แต่ก็แค่เหมือน เสื้อแขนยาวสีฟ้ากับกางเกงยีนสีซีดอย่างง่ายๆ อีกฝ่ายไม่เกริ่นเยิ่นเย้ออะไรมากนัก แค่นั่งลงตรงข้ามและเริ่มสอน มันเป็นครั้งแรกที่จรัญคิดว่ากริยาของคนนั้นน่ามองขึ้นมา
มันดูนุ่มนวลด้วยภาพลักษณ์ของจิณณ์นั่นล่ะ
แต่การสอนไม่อ่อนโยนเลย
‘ต้องใช้สูตรนี้ต่างหาก’
‘ดูเครื่องหมายดีๆ’
‘วิธีนั้นมันเสียเวลาไหมครับ เอาเวลาตรงนั้นไปทำข้ออื่นแล้วกลับมาทวนคำตอบเถอะ’
อืม ไม่อ่อนโยนจริงๆนั่นล่ะ
“ถ้านายกลับไปทวนสูตรคราวที่แล้วก็ทำได้ มันยากขึ้นนิดเดียวเอง”
“นิดเดียวที่ไหนวะพี่ ไม่นิดแล้วมั้ง เริ่มเรียนไปแค่สองครั้งเอง”
“สองครั้ง ครั้งล่ะสามชั่วโมง เป็นหกชั่วโมงที่เรียนไป กับโจทย์อีกเกือบยี่สิบข้อ มันควรได้อะไรเพิ่ม”
“โว้ย”
“เลิกงอแงได้แล้ว จะสอนให้”
“ตรงนี้ใช้สูตรนี้ แทนค่าตรงนี้ก่อน.....”
จรัญนั่งมองดินสอที่ขยับขีดเขียนสูตรลงบนกระดาษ เสียงหวานคล้ายเพลงกล่อมเด็กกำลังกล่อมเกลาให้จรัญตั้งใจฟัง จมูกได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆจากคนที่โน้มตัวมาใกล้จนศีรษะแทบจะชนกัน กลิ่นหวานจางๆของดอกกุหลาบ กลั้วซิตรัสและหญ้าฝรั่นกำลังมอมเมาให้สติจรัญหลุดลอย แต่แล้วมันก็ถูกดึงกลับมาด้วยเสียงนุ่มๆของติวเตอร์หนุ่ม
“เข้าใจแล้วใช่ไหม?”
“อืม”
บรรยากาศตอนนี้เหลือเพียงแค่เครื่องปรับอากาศ และเสียงขีดเขียนของดินสอ เงียบจนได้ยินอากัปกริยาการขยับตัว ทุกการเคลื่อนไหวถูกรับรู้สู่โสตประสาท
จนกระทั่งจรัญเลือกฆ่าบรรยากาศแสนน่ำรำคาญทิ้ง
“รางวัล”
“หืม”
“ถ้าผมทำได้ ยังจะได้ ‘รางวัล’ อยู่ไหม?”
เด็กเอาแต่ใจที่ไม่มีความอดทนทำให้ติวเตอร์ยิ้มขบขันอย่างไม่ปิดบัง จิณณ์ขยับตัวเปลี่ยนท่า วางแขนเท้าทับชีทเรียน จังหวะที่โน้มลงมาคอเสื้อนั้นหมิ่นเหม่เต็มที มันดูวับแวม เมื่อขอบเสื้อเริ่มรั้งเลิกขึ้นเห็นผิว ชวนให้สงสัยถึงผิวขาวที่ซ่อนเร้นไว้ข้างในเป็นอย่างไร เป็นอย่างที่จรัญเคยจินตนาการถึงรึเปล่า? เลือดในกายสูบฉีดมากขึ้นยามที่สายตาเลื่อนมาสบกัน เป็นตอนที่นัยน์ตาที่เคยราบเรียบทอประกายอะไรบางอย่าง นัยยะที่แฝงเร้นไว้ในจุดระยิบระยับของแววตา ริมฝีปากอิ่มคลี่รอยยิ้มที่มุมปาก
“ขึ้นอยู่กับแบบฝึกหัดต่อไป...ว่าทำได้รึเปล่า”
น่ากัด
จรัญสบถในใจ นึกอยากจะคว้าตัวคนตรงหน้ามาฟัดแรงๆสักทีให้เข็ด แต่ก็ทำไม่ได้
จิณณ์หัวเราะอารมณ์ดี งานอดิเรกคือการปั่นหัวจรัญเล่นในแต่ล่ะครั้งของการติวที่แสนยืดยาว มันแก้เบื่อให้จิณณ์ได้ดีเหมือนทุกครั้ง
‘ ไม่ทราบว่ายังรับติวอยู่ไหมคะ?’
‘พอดีน้องค่อนข้างเกเร ไม่รู้ว่าคุณรับมือไหวรึเปล่า แต่ช่วยมาติวให้หน่อยได้ไหมคะ?’
ช่วยไม่ได้ น้ำเสียงกึ่งอ้อนวอนทำให้จิณณ์ใจอ่อน ตกปากรับคำอย่างไม่ต้องคิดให้มากความ แม้จะลำบากใจ เพราะตอนนี้เขาก็เรียนชั้นปี4แล้ว ควรทุ่มเทกับโปรเจคจบของตัวเองให้ดี
ช่างเถอะ อย่างน้อยๆเขาก็ได้เงิน และติวเด็กม.5แค่คนเดียวคงไม่เกินบ่ากว่าแรงของจิณณ์เสียเท่าไหร่
แต่จรัญผิดกับที่จิณณ์จินตนาการไปนิดหน่อย
ความจริงก็ไม่นิดเท่าไหร่
จรัญตัวสูง เกือบเท่าเขา แต่ไม่นานก็คงสูงกว่า ใบหน้าหล่อเหลาดูน่ารักเหมือนลูกกระต่ายเพราะนัยน์ตากลมโตกว่าของจรัญ แต่พอประกอบคิ้วเรียวนั้นที่ติดจะชอบขมวด แผลเป็นและสันกรามคม มันทำให้จรัญดูเป็นหนุ่มหล่อที่มีเค้าความน่ารักที่ลงตัว แม้เวลายิ้มจนนัยน์ตาหยียับมันจะทำให้ลืมองค์ประกอบความหล่อเหลาไปชั่วคราว
นั่นคือความประทับใจแรกของจิณณ์ แม้ว่าครั้งแรกแทบจะไม่ได้พูดอะไรเยิ่นเย้อมากนัก นอกจากเนื้อหา และชั่วโมงการติว
จากการสอนจรัญทำให้จิณณ์ได้รู้ว่า ความจริงแล้วจรัญเป็นเด็กเรียนดี หัวไวมาก แทบไม่ต้องสอนอะไรมากมายซ้ำซากแบบเด็กคนอื่นๆที่จิณณ์เคยสอนด้วยซ้ำ แค่เกเร ติดเล่นมากเกินไป หากว่าให้แรงขึ้นก็คือ สมาธิสั้นไปหน่อยเท่านั้นเอง
ข้อตกลงระหว่าง ‘ ติวเตอร์ ’ และ ‘ นักเรียน ’ จึงเกิดขึ้น
‘ ถ้าเราทำตามข้อตกลงที่พี่เสนอให้ได้ พี่จะให้อะไรก็ได้ที่เราขออย่างนึง ’
‘ อืม ’
‘ถ้างั้น….ผมขอ ’
จิณณ์ก็มีวิธีการสอนในแบบของจิณณ์
แค่หารางวัลมาหลอกล่อเสียหน่อย
แค่ยื่นแครอทไป เจ้ากระต่ายก็กระโจนงับอย่างไม่มีลังเลใดๆ
x
“ถูกไหม?”
จรัญถามขึ้น นั่งมองติวเตอร์หนุ่มตรวจโจทย์ที่เขาเพิ่งจะทำส่งไปสลับกับการเล่นเกมในมือ จิณณ์ขานรับในลำคอ นัยน์ตาคมกลมโตละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์มาที่ใบหน้าของหนุ่มรุ่นพี่แทน สายตาไล่มองสบองค์ประกอบของใบหน้าอย่างเพลินตา
“ถูกหมด ดีมาก”
จิณณ์วางปากกาสีแดงลงก่อนหน้าขึ้น สายตาเลื่อนขึ้นจากกระดาษสบสายตาที่มองอยู่ก่อนแล้ว นัยน์ตาของเจ้าลูกกระต่ายที่เหมือนครอบครองจักรวาลเล็กๆไว้ในดวงตาสีเข้มคู่นั้น
แต่ครั้งนี้จิณณ์เหมือนถูกนัยน์ตานั้นดึงดูดหล่อหลอมให้เป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาลนั้นเช่นกัน
“แล้วผมยังจะได้รางวัลอยู่ไหม?”
“อืม”
“ไม่อยากได้แค่จูบอย่างคราวที่แล้ว”
“โลภ ทำไมเอาแต่ใจแบบนี้ ตกลงจะเอาไหมรางวัล ถ้าไม่เอา ”
“ เอา ”
แว่นตากลมถูกถอดออกไปเฉกเช่นเดียวกับคำพูดถูกบังคับให้กลืนหายไปในลำคอเมื่อกลีบเนื้อนุ่มถูกบดขยี้ ร่างกายถูกท่อนแขนแกร่งดึงรั้งให้เข้าหา เป็นการบังคับ เหมือนกฏของแรงดึงดูดระหว่างมวล กฏที่จรัญเป็นควบคุมมันแต่เพียงผู้เดียว มวลความร้อนของร่างกายที่อุณหภูมิเดียวกันถูกโอบรัดไว้จนกายเบียดแนบชิดเหมือนริมฝีปากของพวกเขา รสจูบดุดันเกินอายุกำลังช่วงชิงลมหายใจของคนแก่กว่าให้รวยริน จิณณ์อ่อนระทวยไปหมดตอนที่จรัญยอมผละออกให้ แม้จะขบดูดดึงกลีบปากชุ่มจนแดงก่ำอีกครั้งอย่างย่ามใจ
จรัญชอบนัก ตอนที่สีหน้าที่ปกติมักจะนิ่งเฉยเต็มไปด้วยอารมณ์กรุ่นค้างจากริมฝีปากตน ปลายนิ้วกร้านไล้ตามผิวแก้มแดงปลั่ง ไล้ลงต่ำตามกรอบหน้า ลำคอขาว ไหปลาร้าสวย จนกระทั่งปลายนิ้วเริ่มปลดกระดุมให้หลุดออกมาจากรังดุมเม็ดหนึ่ง มือเรียวของจิณณ์คว้าหมับเข้าที่มือซน
“จรัญ อย่าซน”
จิณณ์ว่า ติดหอบหายใจเล็กๆจนเสียงแอบพร่าลงไป ผละตัวออกมาและติดกระดุมเข้ารังดุมของมัน จรัญพ่นลมหายใจฮึดฮัด ไม่สบอารมณ์ที่ถูกขัดใจแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อมันไม่เป็นไปตามข้อตกลง
ข้อตกลงของ ‘ นักเรียนจอมเกเร ’ และ ‘ ติวเตอร์จอมแสบ ’
‘ จรัญครับ เราลองมาทำข้อตกลงกันไหม? ’
‘ ห๊ะ? ’
จู่ๆจิณณ์ก็ถามขึ้น ในขณะที่นักเรียนจอมเกเรกำลังง่วนกับเกมในมือ
‘ ดูเหมือนคะแนนรอบที่แล้วยังไม่ดีเท่าที่ควรนะ พี่มีข้อเสนอ ถ้าเราทำคะแนนได้มากขึ้นกว่าแค่การผ่านคาบเส้น พี่จะให้เราขอรางวัลก็ได้จากพี่ หนึ่งอย่าง ’
‘อะไรก็ได้เหรอ?’
จรัญชะงักไปเล็กน้อย แต่ยังคงถามต่อไปโดยที่ไม่ละสายตาจากโทรศัพท์ในมือ
‘ ใช่ ’
‘ ถ้าขอจูบจะได้ไหม? ’
จิณณ์เงียบไป จรัญยิ้มขำก่อนวางโทรศัพท์ลง เด็กเกเรยกยิ้มมุมปากทำให้ใบหน้าหล่อเหลาดูเจ้าเล่ห์เจ้ากลขึ้นมา
‘ ว่าไงครับคุณครู ถ้าขอจูบจะได้ไหม? ’
คนเด็กกว่าจ้องหน้าสบสายตา วางท่าทีดั่งราชา เหมือนที่ครอบครองทั้งจักรวาลไว้ในดวงตา รวมไปถึงการหมายปองจะครอบครองคนแก่กว่าตรงหน้าให้อยู่ในจักรวาลของตนเช่นกัน คนแก่กว่าหลุดหัวเราะแผ่วๆ แค่นั้นก็เพียงพอให้คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความฉงน
‘ อืม ก็เอาสิ ’
‘ แต่มีข้อแม้นะ สอบเก็บคะแนนครั้งขอคะแนนเต็ม ’
‘ ให้ตาย ’
จิณณ์หัวเราะขำจนตาหยี
จรัญมองรอยยิ้มนั้น และคิดว่า จริงๆแล้ว จิณณ์ดูน่ารักมากถ้ายิ้มแบบนั้น
x
‘ ได้เต็มแล้วนะ ’
เด็กเกเรว่าแบบนั้นพลางไสโทรศัพท์มาทิศที่จิณณ์นั่ง จิณณ์หยิบมันโทรศัพท์ที่แสดงภาพหน้าจอเป็นใบคะแนนสอบของจรัญ ติวเตอร์หนุ่มยกยิ้มพอใจกับผลคะแนนที่ดีขึ้น
‘ ถ้าตั้งใจก็ทำได้นี่นา ’
‘ รางวัลล่ะ’
จิณณ์สบสายตากับเจ้ากระต่ายเกเรแสนดื้อเอาแต่ใจ หลุดหัวเราะขำ และขำมากขึ้นเมื่อคิ้วเรียวนั่นขมวดมุ่น สีหน้าบูดบึ้ง นัยน์ตากลมโตนั่นฉายแววดื้อด้าน และเป็นจิณณ์ที่เองที่ยอมถอดแว่นกลมใสบนใบหน้าหน้าออก
ไม่มีสิ่งใดขว้างกั้นระหว่างสายตาอีกต่อไป
มีแค่ความเอาแต่ใจของเจ้ากระต่ายเกเรที่เอาเปรียบจนติวเตอร์หนุ่มเอาใจไม่ทัน
x
“อยากได้มากกว่านี้”
“ดื้อจัง ไม่ได้หรอก”
จิณณ์ว่าแบบนั้นระหว่างที่เช็ดแว่น คราวนี้จรัญไม่ฮึดฮัด งอแง รึโวยวายใดๆ มันทำให้จิณณ์แปลกใจนิดหน่อย แต่เขาก็เลือกที่จะเงียบเช่นกัน
“ถ้าครั้งหน้าได้เกรด4เลข จะขอจากพี่หนึ่งอย่างจะให้ผมไหม”
นั่นไม่ใช่คำถาม แต่มันเป็นการบังคับ จิณณ์รู้ดีเมื่อสบตากลมของเจ้ากระต่ายเกเร แต่คราวนี้มันกลับแฝงไปด้วยอะไรบางอย่างในนัยน์ตาคู่นั้น อะไรที่คนเจนโลกอย่างจิณณ์รู้จักดี กลับกลายเป็นคราวนี้ที่จิณณ์อาจจะยอมจำนนต่อเจ้าของนัยน์ตาคู่นั้น
“ อืม ถ้าทำได้จะยอมทำตามก็แล้วกัน”
x
จริงๆมันอาจจะไม่ใช่ข้อตกลงระหว่าง ‘ ติวเตอร์ ’ กับ‘ นักเรียน ’
แต่เป็นข้อตกลงของ ‘ จรัญ ’ กับ ‘ จิณณ์ ’
ข้อตกลงของพวกเขาทั้งคู่
จิณณ์คิดเช่นนั้นขณะที่มองใบเกรดที่ถูกวางตรงหน้า มองใบหน้าของจรัญที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเพราะวิ่งมาหาตน เขาถอนหายใจ หยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋าซับหยดเหงื่อบนใบหน้าของคนเด็กกว่า แต่แล้วมือหน้าของจรัญก็เลื่อนมาจับมือเรียวไว้ กอบกุมและบีบเบาๆ
เป็นอีกครั้งที่จิณณ์ถูกจักรวาลในนัยน์ตาคู่นั้นดึงดูด
อาจจะเป็นเพราะอีกฝ่ายวิ่งมา? ทำหน้าจริงจัง? เลยไม่อาจจะละสายตาไปได้ รึอะไรก็แล้วแต่
“ได้เกรด4แล้ว”
“เป็นแฟนผม”
อ่า ให้ตายสิ เจ้าเด็กกระต่ายนี้มันโลภ
‘“โลภเกินไปรึเปล่า เอาเปรียบนะนายจรัญ”
“แต่พี่บอกจะยอมทุกอย่าง”
จรัญฮึดฮัด ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มฉายแววไม่พอใจ นั่นทำให้จิณณ์หลุดขำ มันเหมือนเติมเชื้อไฟให้มากขึ้นเมื่อเด็กหนุ่มกำลังจะอ้าปากโวยวาย แต่ทว่ากลับถูกปลายนิ้วหยุดไว้
“ไม่ได้ปฏิเสธ แค่บอกว่าโลภแล้วเอาเปรียบพี่มากๆ”
“ก็ได้ งั้นผมขอใหม่”
“พี่จิณณ์ครับ ผมขอจีบพี่ได้ไหมครับ”
แววตารั้นของเจ้ากระต่ายเกรเรจอมเอาแต่ใจยังคงเหมือนเดิม พอจิณณ์หลุดขำเจ้ากระต่ายจะฮึดฮัด แต่คำตอบของจิณณ์ก็น่าพอใจเกินกว่าที่จะทาบทับ เมื่อริมฝีปากอิ่มทาบทับลงบนริมฝีปากบางของคนเอาแต่ใจ
คราวนี้มันอ้อยอิ่ง อ่อนหวาน เนิ่นนานกว่าจูบครั้งไหนๆที่พวกเขาเคยจูบเสียอีก
x
“ แล้วเมื่อไหร่ผมถึงจะขอพี่เป็นแฟนได้ ”
“นั่นสิ อะไรที่นายคิดว่า มันแลกเปลี่ยนแล้วมันเหมาะสม ก็คงเป็นอันนั้นล่ะนะ”
จรัญถามมันขึ้นในตอนที่จิณณ์กำลังก้มหน้าก้มตาตรวจแบบฝึกหัดที่เป็นการบ้านเมื่อสัปดาห์ก่อน จิณณ์พยักหน้าอย่างพอใจเมื่อเจ้ากระต่ายเกเรทำโจทย์ยากๆที่ซับซ้อนได้มากกว่าเดิม ในขณะเดียวกันคำตอบของติวเตอร์หนุ่มทำให้เด็กหนุ่มไม่ประทับใจเสียเท่าไหร่ ขมวดคิ้วมุ่นจิปากอย่างไม่พอใจในคำตอบ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ใช่ ข้อตกลงคือจรัญขอจีบจิณณ์
แต่ใครจะไปนึกว่าต้องแข่งกับอีกหลายคนเล่า
ไหนจะ แทน เจ้าของใบหน้าคมเข้มสีน้ำผึ้ง เดือนมหาลัยคณะนิเทศศาสตร์ , เจมส์ หนุ่มหล่อของดีประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผู้มีรอยยิ้มที่น่ารักและนัยน์ตาหยีๆรูปจันทร์เสี้ยวที่ชวนใจละลาย และศัตรูอื่นๆอีกเยอะแยะมากมายนับไม่ถ้วนที่จรัญแทบอยากจะพุ่งเข้าไปชกหน้า ถ้าไม่ติดว่า ไม่มีสถานะอะไรเลยนอกจากคนคุย
ถึงจะบอกว่าคนคุย แต่ก็ไม่เคยคุยอะไรนอกจากเรื่องเรียน
เพราะแบบนั้นไง จรัญเลยหงุดหงิด
“ขอมากกว่านั้นไม่ได้จริงๆเหรอ?”
เมื่อไม่ได้ด้วยกล ก็คงต้องเล่ห์ เมื่อเจ้าจรัญยอมลงทุนแปลงร่างเป็นกระต่ายขี้อ้อน วางคางเกยหลังมือบนโต๊ะ ใช้นัยน์ตากลมโตแป๋วแหววมองช้อนอย่างออดอ้อน หวังให้ติวเตอร์ใจอ่อน ยอมอ่อนข้อให้เขาสักนิด
“อะไรล่ะนั่น ทั้งกอด หอม จูบ ได้ไปเยอะแล้วจรัญเจ้าเด็กโลภ”
“ได้เยอะกว่านี้อีก ถ้ามียอมมีเซ็ ”
ชีทกระดาษถูกม้วนฟาดลงกลางศีรษะทุยๆอย่างเต็มรักเต็มใคร่โดยติวเตอร์หนุ่มที่คลี่รอยยิ้มหวานเย็นส่งมาให้อย่างคาดโทษ
“สงสัยพรุ่งนี้คงต้องไปเที่ยวกับเจมส์แล้วล่ะมั้ง เจมส์ชวนไปดูหนังพอดีเลย”
“ไม่ เดี๋ยวดิ ทีผมชวนพี่ยังไม่ไปเลย อะไรวะ”
“แต่คราวที่แล้วเราตกลงกันว่า ถ้าผ่านเกิน70% พี่จะยอมไปด้วย แต่นายดันผ่านคาบเส้นเองนี่นา”
ติวเตอร์ว่าแบบนั้นพลางไหวไหล่พลางปั้นสีหน้าประมาณว่า ' มันไม่ใช่ความผิดขอฉัน ' ใส่เด็กหนุ่มที่กำลังฮึดฮัดจนต้องขบฟัดกรอด
“แต่คราวนี้ทำการบ้านมาถูกทุกข้อ ดังนั้นห้ามไปเที่ยวกับไอเจมส์อะไรนั่น”
“แค่ไปเที่ยวเองจรัญ ดูหนัง กินข้าว แล้วก็กลับ”
“ไม่ได้! ไม่ให้ไป หวง พอใจยัง”
“พอใจแล้ว งั้นรางวัลวันนี้ก็อดไปนะ”
“ไม่”
“จะเอาทั้งหมด ทั้งหมดของพี่น่ะ ผมจะเอามันทั้งหมดเลย”
เด็กเกเรจอมเอาแต่ใจว่าแบบนั้น ก่อนรั้งร่างกายของติวเตอร์หนุ่มขึ้นนั่งบนตัก ปลายนิ้วของจิณณ์ไล้ตามสันกรามขึ้น กดเกลี่ยที่รอยแผลเป็นบนโหนกแก้มซ้ายของจรัญในตอนที่แว่นถูกดึงออกไปอีกครั้ง และเป็นอีกครั้งที่พวกเขาสบสายตาโดยไร้สิ่งใดขว้างกั้น ก่อนที่จิณณ์จะถูกรั้งคอลงมาให้แนบริมฝีปากลงรับรสจูบดุดันอีกครั้ง
จิณณ์หลับตาลง เป็นอีกครั้งที่ถูกควบคุมโดยจักรวาลของจรัญที่หล่อหลอมให้จิณณ์เป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลจอมเอาแต่ใจอย่างจรัญ
ใครจะฝืนกฏแรงดึงดูดระหว่างมวลที่ถูกบัญญัติขึ้นโดยจรัญได้เล่า แต่เจ้าเด็กจอมเอาแต่ใจนี่อาจจะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังได้เปรียบขนาดไหน เพราะจิณณ์ก็ไม่เคยทำกับใครแบบนี้เช่นกัน
เพราะข้อตกลงระหว่าง ‘จรัญ’และ ‘จิณณ์’ น่ะ ทำให้พวกเขาเป็นของกันและกันตั้งแต่เริ่ม
แค่จรัญไม่เคยสังเกตและจิณณ์เองก็ไม่เคยบอก ถ้าบอกไปก็คงเอาแต่ใจมากกว่านี้ นั่นคงไม่ดี แต่จิณณ์ก็ชอบมัน.
เรื่องปั่นหัวจรัญน่ะ เป็นเรื่องโปรดปรานของจิณณ์พอๆกับที่ชอบให้จรัญเอาแต่ใจและเอาเปรียบจิณณ์ไปตลอดนั่นล่ะ
-To be continued.-
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in