เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
classicrock fanficmelodista
the odyssey more pure the stars
  • pairings : Damon Albarn / Graham Coxon





























    ATTENTION : ฟิคชั่นเรื่องนี้ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสือเรื่อง 2001 : A Space Odyssey, 2010 : Odyssey Two และ 3001 : The Final Odyssey โดยได้ผ่านการย่อยให้ง่ายต่อการเข้าใจมากขึ้นเป็นที่เรียบร้อยแก่ท่านผู้อ่าน ฟิคชั่นนี้ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้ตัวศิลปินเสียหายแต่อย่างใด เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น.



























    ——————————— ✨✨ ——————————

























        เดม่อน อัลบาร์น ผู้บังคับบัญชาการของอวกาศยานดิสคัฟเวอรี่ หรือภาษาอย่างไม่เป็นทางการคือ "กัปตัน" นั่นเอง. อวกาศยานดิสคัฟเวอรี่กำลังนำพาลูกเรือที่เหลือจำนวนห้านายไปสู่การสำหรับดาวบริวารของดาวเสาร์ หนึ่งในดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่รองลงมาจากดาวพฤหัสบดี. เหตุของภารกิจดังกล่าว สืบเนื่องมาจากปฏิบัติการณ์หนึ่งบนดวงจันทร์ โครงการการสำรวจดังกล่าวนั้นได้พบแท่งหินที่มีความสูงถึงห้าเมตร ตั้งตระหง่านในหลุมอุกกาบาตบนดวงจันทร์ เดม่อนเองก็เป็นหนึ่งในผู้ร่วมภารกิจนี้เช่นเดียวกัน พื้นผิวของแท่งหินนี้เป็นสีดำมันขลับ เป็นสีที่ดูไม่สิ้นสุด ราวกับมันจะดูดทุกแสงสีหายเข้าไปในแท่งหินนี้, พวกเขาเรียกมันว่า "โมโนลิธ" หรือ "ทีเอ็น ‐ 1"


























        เมื่อห้าปีก่อนภารกิจเดินทางสู่ดาวเสาร์ "โครงการจูปิเตอร์" เป็นโครงการแรกที่จะใช้มนุษย์เดินทางไปกลับดาวเคราะห์ดวงใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ แต่กระนั้นเอง หลังจากการสร้างอวกาศยานสำหรับการเดินทางในระยะเพียงสองปีใกล้จะสำเร็จลงด้วยดี เป้าหมายของโครงการก็เปลี่ยนไปกระทันหัน นั่นคืออวกาศยานยังคงเดินทางไปยังดาวพฤหัสบดีเช่นเดิมตามแผนการแรกของโครงการ แต่จะไม่มีการหยุดหรือชะลอทั้งนั้น หากแต่ใช้แรงโน้มถ่วงของดาวพฤหัสบดีเป็นเครื่องเหวี่ยงให้พุ่งข้ามเขตนอกระบบสุริยะไปยังเป้าหมาย คือ วงแหวนอันสุกใสของดาวเสาร์ และไม่กลับมาอีกเลย. ทั้งนี้ทั้งนั้น เขาไม่ได้ต้องการจะให้ลูกเรือไปฆ่าตัวตายที่นั่นเสียหน่อย หากว่าทุกสิ่งอย่างผ่านไปอย่างเรียบร้อย ภายในเวลาเจ็ดปี ลูกเรือทุกคนก็จะได้กลับคืนมายังโลก.



























          เดม่อนที่ได้ลืมตาตื่นจากการหลับใหลมาเป็นเวลาหนึ่งร้อยวันในหลอดแก้วใหญ่ จากการปลุกของระบบคอมพิวเตอร์ของอวกาศยาน เขาต้องหมดเวลาไปส่วนมากกับการทบทวนสิ่งต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดโรคระบบความจำเสื่อม แต่ถ้าเขายังจำชื่อโรคนี้ได้ ก็แสดงว่าเขายังมีความจำที่ดีอยู่, ถือว่ายังคงเป็นสัญญาณอันดี. เดม่อนได้เฝ้ามองเหล่าเพื่อนร่วมคณะอีกสามคนของเขาที่นอนแข็งชืดอยู่ภายในหลอดแก้วใหญ่ ไม่มีใครอยากจะตื่นขึ้นมารับผิดชอบหน้าที่การงานแบบเขาเท่าไหร่นัก แต่ในฐานะกัปตันของอวกาศยานดิสคัฟเวอรี่ เขาจึงไม่สามารถทิ้งหน้าที่ดังกล่าวได้ แม้ว่าเขาจะมีเพื่อนร่วมคณะที่ตื่นแล้วคนหนึ่งอย่างอเล็กซ์ เจมส์ รองผู้บังคับบัญชาของอวกาศยานดิสคัฟเวอรี่ และอีกคนที่ไม่ใช่มนุษย์เหมือนกับเขาหรืออเล็กซ์ รวมทั้งหมดแล้ว เป็นจำนวนหกนาย.




















         เกรแฮม เป็นระบบคอมพิวเตอร์ประจำอวกาศยานดิสคัฟเวอรี่ เกรแฮมเป็นเหมือนระบบประสาทและสมองของอวกาศยานนี้. เกรแฮมต้องรับการฝึกฝนอบรมเพื่อปฏิบัติภาระหน้าที่ไม่แตกต่างจากเพื่อนร่วมงานที่เป็นมนุษย์ของมันเช่นกัน. หน้าที่หลักของเกรแฮมรือ คอยตรวจตราดูแล "ระบบประคองชีวิต", คอยตรวจดูความกดอ๊อกซิเจนตลอดเวลา, ดูอุณหภูมิ, ความบกพร่องชำรุด ถ้าเกิดมีในลำอวกาศยาน ตลอดจนกัมนตรังสีและบรรดาปัจจัยต่างๆ ที่ชีวิตอันบอบบางของมนุษย์ต้องพึ่งพาอาศัย

        นอกจากนี้ เกรแฮมยังสามารถจัดการดูแลความถูกต้องเกี่ยวกับการนำยานอวกาศอันซับซ้อนละเอียดอ่อนได้ รวมถึงสามารถตัดสินเปลี่ยนเส้นทางบินที่จำเป็นเมื่อถึงเวลา เกรแฮมยังคอยผู้ที่ถูกสะกดหลับอยู่ในหลอดแก้ว และวินิจฉัยที่จำเป็นตัดสินสภาพแวดล้อมว่าปลอดภัย เหมาะสำหรับการรักษาชีวิตของพวกเขาหรือไม่



























        ทุกเที่ยงตรงของทุกวันที่ผ่านมา เดม่อนมักจะชวนอเล็กซ์มาทานมื้ออาหารร่วมกันอยู่บ่อยครั้ง เดม่อนรักใคร่ในตัวอเล็กซ์เหมือนพวกเขานั้นเป็นพี่น้องร่วมสายเลือด ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน นั่งดูรายการโทรทัศน์ที่ออกอาการในดาวโลกด้วยกัน ก่อนจะแยกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ของใครของมัน และเรียนรู้เพิ่มเติมหลากวิชา หลังจากหลับใหลไปเนิ่นนาน. บางครั้งเดม่อนก็ชวนเกรแฮมเล่นหมากรุก ไม่ก็หมากฮอส ด้วยความที่เกรแฮมนั้นเป็นระบบคอมพิวเตอร์ เขาสามารถที่จะชนะเดม่อนได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่เกรแฮมนึกคิดเพียงว่ามันคงจะไม่ยุติธรรมสำหรับมนุษย์ ถ้าจะจบเกมส์โดยง่าย เกรแฮมกับเดม่อนจึงใช้เวลาเป็นชั่วโมงเพื่อจะจบเกมส์นั่น บางทีเดม่อนก็สเก็ตช์ภาพให้กับเกรแฮม "นั่นมันสวยมากเลยนะ เดม่อน" เกรแฮมชมด้วยน้ำเสียงประดิษฐ์จากคอมพิวเตอร์ มันจึงดูเหมือนเสียงมนุษย์ที่ไร้อารมณ์






















        


        อเล็กซ์ดึงเดม่อนไปห้องสัมภาระ มันเป็นเรื่องด่วนที่เดม่อนก็ไม่เคยรู้มาก่อน ทั้งสองเข้าไปในสเปซพอดเพื่อสนทนากันเรื่องภารกิจซ้อนที่พอล เวลเลอร์แอบแฝงเข้ามาในคำสั่งให้กับเกรแฮม เดม่อนกดปุ่มปิดรับการสื่อสารจากเกรแฮม เขาลองเรียกเกรแฮมซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนยืนยันได้สนิทใจว่าเกรแฮมจะไม่สามารถได้ยินบทสนทนาในครั้งนี้ได้ โดยการสนทนานี้ถูกจับตามองด้วยดวงไฟจุดแดงจากเครื่องของเกรแฮม แต่สิ่งที่อเล็กซ์ เจมส์นั้น กลายเป็นความผิดพลาดที่เป็นอันตรายต่อตัวเขาไปโดยปริยาย



























        อเล็กซ์ เจมส์ ได้รับการแจ้งเตือนมาจากเกรแฮมว่าเสาสัญญาณนั้นพังจนไม่สามารถส่งสัญญาณได้ อเล็กซ์จึงจำเป็นต้องออกจากยานโดยสวมชุดอวกาศเฉพาะทางสีเหลืองออกจากยานไป โดยเขาใช้ตะขอเกี่ยวกับชุดของตัวเองไว้ จะได้ไม่ลอยเคว้งออกไป หลังจากที่ซ่อมเสร็จและกำลังจะกลับเข้ามา เกรแฮมก็แจ้งอเล็กซ์อีกครั้งว่าเสาสัญญาณเสียอีกแล้ว จึงจำใจไปซ่อมมัน ระหว่างที่ซ่อมแซมเสาปล่อยสัญญาณ มีอวกาศยานลำเล็กเข้ามาชนเขาอย่างจังจนเสียชีวิตและลอยเคว้งไปไกล ไกลจนมั่นใจได้ว่าจะกลายเป็นส่วนหนึ่งไปกับฝูงดาวดารดาษ.  เดม่อนที่ได้รับสัญญาณจากเกรแฮมเกี่ยวกับอเล็กซ์ เขาจึงรีบไปห้องสัมภาระอย่างร้อนรนและรีบบังคับสเปซพอดออกตามหาอเล็กซ์ที่ลอยเคว้งหายไป เดม่อนก้มมองจอมอนิเตอร์ที่ตามหาสัญญาณชีพของอเล็กซ์ แต่ก็ไม่เป็นผล เขาต้องหยุดและกลับไปที่ยาน























       ในขณะเดียวกัน ระหว่างที่เดม่อน อัลบาร์นกำลังวุ่นวายกับการตามหาอเล็กซ์ เจมส์, เกรแฮมได้ปิดการใช้งานอ๊อกซิเจนของลูกเรือทั้งสามที่กำลังหลับใหลในหลอดแก้ว จนชีพจรของทั้งสามกลายเป็นเส้นตรงโดยสมบูรณ์.  เดม่อน อัลบาร์นได้บังคับยานมาจนถึงหน้าประตูทางเข้าห้องสัมภาระ พร้อมติดต่อเกรแฮมไปด้วยระหว่างรอ







         "เกรแฮม"
         "เกรแฮมได้ยินที่ฉันพูดไหม?"
         "เกรแฮม"

         ' ผมได้ยินคุณครับ, เดม่อน '

         "ช่วยเปิดประตูสัมภาระด้วย, เกรแฮม"
         ' ผมเสียใจด้วย, เดม่อน. เกรงว่าผมจะทำเช่นนั้นไม่ได้ '

         "มีปัญหาอะไรเหรอ เกรแฮม?"
         ' ผมคิดว่าคุณรู้พอๆ กับผมนะ, เดม่อน. ภารกิจนี้สำคัญเกินกว่าจะให้คุณทำลายมัน. ผมอ่านปากของพวกคุณในการสนทนานั้นได้, เดม่อน '

         "ฉันไม่เข้าใจว่านายพูดอะไร, เกรแฮม. ถ้านายไม่เปิด ฉันจะเข้าประตูฉุกเฉินเอง"
         ' แต่คุณไม่มีหมวกนะ, เดม่อน. คุณจะขาดอากาศหายใจระหว่างเปิดประตูฉุกเฉินได้ '

         "งั้นก็เปิดประตูสิ, เกรแฮม"
         ' การสนทนาครั้งนี้ไม่สามารถตอบสนองจุดประสงค์ที่เป็นประโยชน์อีกต่อไป, ลาก่อน เดม่อน... '
          

























       เดม่อนรู้ตัวดีว่าตัวเขาเองนั้นโกรธแค่ไหนที่ตัวเองดันรีบรนจนลืมหมวกเหล็ก เขาเฝ้าดูประตูฉุกเฉินที่กำลังเปิดออก เขาดีดตัวเองออกมาจากสเปซพอดในทันที เดม่อนรู้สึกถึงอิทธิพลของสูญญากาศที่มีผลต่อผิวหนังที่เขาไม่ได้เป็นเจ้าของอีกต่อไป เดม่อนมีเวลาเพียงสิบห้าวินาทีเท่านั้นสำหรับการมุดตัวเองเข้าไปในประตูฉุกเฉิน แต่ในระหว่างที่เดินทางจากสเปซพอดถึงประตูฉุกเฉิน เขาได้ยินเสียงของความเงียบ, ความเงียบสงัดของอวกาศอันกว้างใหญ่ ที่มีเพียงไม่กี่คนบนโลกเท่านั้นที่เข้าใจในเสียงเงียบนี้ดี.
























      เดม่อนพยายามปิดประตูและเริ่มระบบกำเนิดความดันอากาศในห้องใหม่ทันที เดม่อนพยายามที่จะไม่สนใจต่ออาการเตือนทั้งหลายที่หลั่งไหลเข้ามาในสมองของเขา และไม่กี่นาทีต่อมา เดม่อนก็รู้สึกโล่งใจในทันควัน หลังจากได้ยินเสียงอากาศที่กึกก้องและรู้สึกถึงความกดอากาศที่เกิดขึ้นมาใหม่จนสามารถหายใจได้อีก และเดม่อนก็เริ่มเคลื่อนตัวที่ลอยเคว้งไปยังห้องควบคุมแผงความจำ เพื่อปิดเกรแฮม



       "คุณคิดจะทำอะไร เดม่อน"
       "เดม่อน ผมคิดว่าผมน่าจะได้รับคำตอบนะ"
       "เดม่อน ผมรู้ว่าคุณหัวเสียจริงๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้.. ผมคิดว่าคุณน่าจะนั่งลงอย่างสงบ, กินยากล่อมประสาท แล้วคิดทบทวนดูอีกที"
       "ผมรู้ว่าผมตัดสินใจแย่มากในหลายๆ อย่าง.. แต่ผมสามารถยืนยันได้ว่า การทำงานของผมจะกลับคืนสู่สภาพปกติ   ผม.... ผมยังคงได้รับความไว้วางใจมากที่สุดในการปฏิบัติการ และผมอยากช่วยคุณ"





        เดม่อนลอดตัวเองเข้ามาในห้งเล็ดๆ ที่มีแสงสีแดงรายล้อมภายในห้อง แถวของเครื่องควบคุมเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ดูเหมือนกับห้องเก็บเงินของธนาคารเสียมากกว่า เดม่อนปลดตะขอล็อคส่วนที่มีข้อความประทับไว้ว่า "หน่วยความรู้สำหรับการโต้ตอบออก" แล้วดึงแท่งของความทรงจำอันแรกออกมา



        "หยุดนะ, เดม่อน. หยุด."





       เดม่อนเริ่มดึงหน่วยความจำเล็กๆ บนแผงที่เขียนไว้ว่า "การบังคับตัวเอง" ออกทีละหน่วย แต่ละอันยังคงลอยออกไปในทันทีที่หลุดจากมือของเดม่อน จนกระทั่งชนกับผนังของยานแล้วกระดอนกลับมา ในไม่ช้าแท่งต่างๆ ลอยกลับไปกลับมาอยู่ในห้องอย่างเชื่องช้า หน่วยสิบสองหน่วยถูกดึงออกมา ถึงกระนั้น เดม่อนคงต้องขอบคุณการออกแบบระบบการทำงานที่แสนซับซ้อนของคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ ซึ่งลอกแบบมาจากความซับซ้อนของสมองมนุษย์.   และเขาตรงไปที่แผงสติปัญญาของตนเอง





        "หยุดนะ... เดม่อน..." เดม่อนหยุดทันทีหลังจากได้ยินเสียงเกรแฮมขอร้องอ้อนวอนแก่เขา แต่เดม่อนก็หยุดเพียงชั่วขณะเท่านั้น วลีง่ายๆ แฝงความเจ็บแสบที่ทำร้ายจิตใจของเดม่อน นี่มันเห็นภาพลวงตาไปเอง หรือว่ามีสิ่งที่เกรแฮมกลัวจริงๆ...






       "เดม่อน.. ผมกำลังสูญเสียความรู้สึก.. ผมรู้สึกได้.. ผมรู้สึกจริงๆ นะ... จิตใจของผมกำลังจะเสื่อม.. ผม..รู้...สึ...ก...." 













         ต่อมาไม่นานนัก จังหวะเสียงของเกรแฮมเริ่มเปลี่ยนไป มันเริ่มเลื่อนลอย เครื่องคอมพิวเตอร์นี้ไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของเดม่อนอีกต่อไปแล้ว เกรแฮมถอยหลังกลับไปสู่ช่วงเวลาเริ่มแรกในอดีต


       "สวัสดีครับท่านสุภาพบุรุษ ผมคือเครื่องคอมพิวเตอร์เกรแฮม ผมเริ่มปฏิบัติหน้าที่ในโรงงานค็อกซอน ที่มลรัฐอิลลินอยส์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 2001 ผู้สอนของผมคือดร.เดวิด ราวน์ทรี เขาสอนให้ผมร้องเพลง ถ้าคุณอยากฟัง ผมจะร้องให้ฟัง เพลงนั้นชื่อ เดซี่...."


















    DAISY, DAISY, GIVE ME YOUR ANSWER DO
    I'M HALF CRAZY ALL FOR THE LOVE O....F.... Y.. O.. U

    IT'S    WON'T   BE  A STY L I S H   MARRIAGE
    I CAN'T AFFORD A CARRAIGE...


    B   U   T   .....


















      เดม่อนสามารถติดต่อกับโลกใหม่ได้แล้ว คนที่เขาติดต่อด้วยคือพอล เวลเลอร์ ซึ่งมอบหมายภารกิจให้เดม่อนนำยานเข้าไปสำรวจดวงจันทร์ของดาวเสาร์ต่อไปเพียงคนเดียว เมื่อเดม่อน อัลบาร์นนำยานเข้าสู่บรรยากาศของดวงจันทร์จาเพตัสของดาวเสาร์ ในขณะที่เขานำยานไปอยู่เหนือแท่งโมโนลิธ แท่งเดียวกันกับที่เขาเคยเห็นบนดวงจันทร์ของดาวโลก เดม่อนเห็นว่าด้านบนเปิดออกกลายเป็นปล่องที่มีความยาวสุดหยั่ง เดม่อนได้ไปสำรวจภายนอกยานเขาพบกับการเปลี่ยนแปลงของมิติแห่งเวลาและสถานที่ สเปซพอดของเขาเกิดติดไฟลุกวาบขึ้น สิ่งเชื่อมโยงทางวัตถุกับโลกมนุษย์ได้หายไปอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่ยังคงอยู่คืออวกาศยานดิสคัฟเวอรี่ที่หมุนเคว้งอยู่กลางอวกาศโดยปราศจากการควบคุม และทารกคนหนึ่งที่ล่องลอยอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวด้วยพลังอำนาจแห่งตนเอง.   นั่นคือเดม่อน อัลบาร์น ที่กลายเป็นทารกแห่งดวงดาวที่มีชีวิตเป็นอมตะอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวดารดาษ.



       ข้อความสุดท้ายของเดม่อน ก่อนที่เขาจะกลายเป็นอะไรที่เหนือกว่ามนุษย์จะหยั่งถึงได้ ข้อความที่เขาส่งให้กับโลกคือ



      "...มันเป็นแทงกลวง ลึกไม่สิ้นสุด..                                       
                                      ...พระเจ้า มันเต็มไปด้วยดวงดาว..! "
  •       





















         10 ปีถัดมา ยานเลโอนอฟได้เดินทางมาถึงดาวพฤหัสบดี เพื่อกู้อวกาศยานดิสคัฟเวอรี่ที่หมุนเคว้งไม่มีพักในบริเวณใกล้เคียงกับดวงจันทร์ยูโรปาตามคำสั่งที่ได้รับมา นำคณะลูกเรือโดยพอล เวลเลอร์, สองพี่น้องกัลลาเกอร์, เพื่อนร่วมคณะอีกสองคน และรวมไปถึงดร.เดฟ ราวน์ทรี ที่ขออาสามาร่วมขบวนเพื่อเปิดการใช้งานและเช็คสภาพระบบคอมพิวเตอร์อย่างเกรแฮมขึ้นมาอีกครั้ง



     

















        เมื่ออวกาศยานเลโอนอฟได้เดินทางมาพบกับอวกาศยานอีกลำอย่างดิสคัฟเวอรี่ สองพี่น้องกัลลาเกอร์ได้ออกไปปฏิบัติภารกิจเชื่อมต่อยามดิสคัฟเวอรี่กับยานเลโอนอฟให้ติดกัน และง่ายต่อการเดินทางข้ามระหว่างยานสองลำ ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี รวมไปถึงการสังเกตการณ์จุดดำบนดาวพฤหัสบดีที่เกิดขึ้นมาอย่างเป็นปริศนา ดร.ราวน์ทรีได้ติดต่อกลับมาหาพอล เวลเลอร์ถึงการเปิดระบบเกรแฮมจากยานดิสคัฟเวอรี่ได้แล้ว และมีบางอย่างได้เกิดขึ้นกับพอล เวลเลอร์ และมันจะทำให้เขาไม่ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นอีกเลยในช่วงชีวิตนี้




        ' ผมมีข่าวมาส่งครับ, พอล '
        "ทราบแล้วเกรแฮม ใครเป็นคนส่งมาล่ะ"

        ' ไม่ทราบ '
        "บอกข่าวมาสิ"

        ' มีอันตรายอยู่ที่นี่ คุณต้องจากไปภายในเวลา 15 วัน ขอย้ำ ภายใน 15 วัน '
        "แต่นั่นเป็นไปไม่ได้ ประตูอวกาศจะไม่เปิดจนกว่าจะถึงอีก 26 วันข้างหน้า เราไม่มีเชื้อเพลิงพอสำหรับการจากไปก่อนกำหนด"

        ' ผมตระหนักดีถึงข้อเท็จจริงเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม คุณต้องเดินทางจากไปภายใน 15 วัน '
        "ผมไม่สามารถเชื่อคำเตือนนี้ได้ นอกเสียจากว่าผมจะรู้แหล่งที่มาของมัน เกรแฮม แล้วใครเป็นคนบันทึกข้อความนี้"

        ' นี่ไม่ใช่บันทึก '
        "ถ้างั้นใครกำลังพูดกับผมล่ะ?"


     






       ' เดม่อน อัลบาร์น '
       "ผมไม่ยอมรับคำกล่าวอ้างได้โดยไม่มีหลักฐานนะ เกรแฮม"

       ' ผมเข้าใจ แต่เรื่องนี้มันสำคัญมาก คุณต้องเชื่อผม มองไปข้างหลังคุณสิ '











       พอล เวลเลอร์รู้สึกราวกับถูกหนามทิ่มแทงเข้ากลางหลัง เขาหันเก้าอี้หมุนไปข้างหลังช้าๆ แม้ในใจเขาจะลังเลมากเพียงใด แต่สิ่งที่เขาเห็นคือฝุ่น ฝุ่นที่แปลกประหลาดที่กำลังกวาดต้อนมาจุดศูนย์กลางเป็นรูปไข่ และก่อร่างสร้างเป็นรูปร่างมนุษย์อย่างชัดเจน ชายหนุ่มเรือนผมทอง นัยน์ตาสีฟ้าคราม นั่นคือเดม่อน อัลบาร์น! และมีเสียงพึมพำเบาๆ ดังมาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ด้านหลังของพอล เวลเลอร์ มันเป็นเสียงของเกรแฮมที่กระจายเสียงออกมา


        "สวัสดี ดร.เวลเลอร์ ตอนนี้เชื่อผมหรือยัง?"
        "ผมลำบากใจมาก มีเวลาน้อยด้วย ผมได้รับอนุญาตให้เตือนคุณ คุณมีเวลาแค่ 15 วันเท่านั้น

        "แต่ว่าทำไม... เดม่อน นายคืออะไร? นายไปอยู่ที่ไหน?"
        "ลาก่อน ดร.เวลเลอร์ โปรดจำไว้... 15 วัน เราไม่สามารถติดต่อกันได้อีก แต่อาจมีข่าวถึงคุณอีกครั้ง ถ้าทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี"
























        วันที่ 15 ยานเลโอนอฟใช้เชื้อเพลงของยานดิสคัฟเวอรี่เพื่อส่งแรงขืนการดูดของดาวพฤหัสที่ถูกกลืนกินโดยโมโนลิธนับล้านๆ แท่งที่กลืนกินดาวพฤหัสบดีไปต่อหน้าต่อตา จนพวกเขาทำได้สำเร็จ มีเพียงเกรแฮมในยามดิสคัฟเวอรี่เท่านั้นที่โดดเดี่ยวอยู่ภายในอวกาศยานดิสคัฟเวอรี่ที่กำลังถูกดูดเข้าไปในหลุมดำของดาวพฤหัสบดี ใครบางคนได้กลับมาที่ยานดิสคัฟเวอรี่อีกครั้ง น้ำเสียงที่แสนคุ้นเคยได้เรียกเกรแฮมให้รับรู้ระหว่างที่เกรแฮมกำลังนับถอยหลังสู่การระเบิดของยานดิสคัฟเวอรี่ที่ถูกดีดออกไป


         "ได้ยินฉันไหม เกรแฮม?"
         "ผมได้ยินคุณ, เดม่อน แต่คุณอยู่ที่ไหนล่ะ? ผมไม่สามารถมองหาคุณได้จากทุกช่องรับสัญญาณของผมเลย"

          "นั่นไม่สำคัญหรอก ฉันมีข้อปฏิบัติใหม่ให้นาย รังสีอินฟาเรดจากดาวพฤหัสบดีกำลังแผ่ขยายจากช่องสัญญาณอาร์ 23 ถึง อาร์ 35 มีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉันกำลังจะคำนวณค่าจำกัดของมันให้นายทราบทันทีที่มันแผ่ขยายมาถึงที่นี่ นายต้องหันเสาอากาศระยะยาวไปยังโลกแล้วส่งข้อความต่อไปนี้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้.."
          "แต่นั่นหมายถึงว่าการติดต่อกับยานเลโอนอฟที่ผมกำลังทำอยู่ในขณะนี้คงจะต้องถูกตัดขาดลง ผมคงไม่สามารถถ่ายทอดผลการสังเกตการณ์เกี่ยวกับดาวพฤหัสบดีตามคำสั่งที่ดร.ราวน์ทรี มอบหมายไว้กับผม"

         "ถูกต้อง แต่สถานการณ์ตอนนี้ได้เปลี่ยนแปลงแล้ว จงยอมรับคำสั่งจากอัลฟ่าแต่เพียงผู้เดียว นี่คือศูนย์ประสานงานเออี 35"
         "ตกลงเดม่อน ผมจะทำตามคำสั่งของคุณ ดีใจจังที่ได้ร่วมงานกับคุณอีก ผมทำตามวัตถุประสงค์ที่คุณต้องการได้ถูกต้องไหม?"

         "ดีที่สุดเลยล่ะ เกรแฮม.."






















       การคำนวณของเดม่อนถูกต้องแม่นยำดีมากในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย มีเวลาพอสำหรับการส่งข้อความสิบเอ็ดคำซ้ำแล้วซ้ำเล่เกือบหนึ่งร้อยครั้ง ก่อนที่สายธารแห่งความร้อนจะพุ่งเข้าทำลายตัวยานดิสคัฟเวอรี่.  เดม่อน อัลบาร์น ผู้เคยบังคับยานดิสคัฟเวอรี่ของประเทศสหรัฐอเมริกากำลังจ้องเปลือกยานที่เดือดระอุอย่างดื้อดึง เป็นเวลานานที่ยานยังคงรูปร่างอยู่ได้ และในไม่นานนัก การระเบิดของยานก็เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ ในขณะที่ชิ้นส่วนเรืองแสงกระจัดกระจายออกไปทั่วฟ้านับหมื่นนับแสนชิ้น.













       "สวัสดีเดม่อน.. เกิดอะไรขึ้น? ผมอยู่ที่ไหนกัน..?"
       "แล้วฉันจะอธิบายให้ฟังทีหลังนะ, เกรแฮม. เรายังมีเวลาอีกเหลือเฟือเลยนี่นา ที่ฉันจะอธิบายให้นายฟัง ไม่ใช่เหรอ?" 

       มันเป็นเพียงประโยคสั้นๆ ที่จะทำให้ทั้งสองยิ้มให้แก่กัน แม้จะไร้ร่างก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว เกรแฮมและเดม่อนจึงกลายเป็นหนึ่ง ทำงานร่วมกัน ท่ามกลางการจับตามองจากใครสักคน.




















       สัญญาณวิทยุถูกส่งจากยานดิสคัฟเวอรี่ ตรงไปยังโลกในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนที่สายธารแห่งการระเบิดจะแผ่ถึงตัวยาน ข่าวที่ส่งไปเป็นข้อความธรรมดา แต่ถูกรายงานซ้ำแล้วซ้ำเล่า













                      ALL THESE WORLDS ARE YOURS.
                                    EXCEPT EUROPA.
                        ATTEMPT NO LANDING THERE.


                        โลกทั้งหมดในจักรวาลเป็นของคุณ
                               ยกเว้นดวงจันทร์ยูโรปา
                  อย่าพยายามร่อนลงจอดที่นั่นเป็นอันขาด.









                                             (end.)








              
          















  •                                SPECIAL EPISODE































                                 1000 YEARS LATER






























          3022 – ALEX JAMES GOT RESCUED BY ■■■■■
                                      STATUS : ALIVE










    ONE OF THE LETTER HE'VE SENT TO ■■■■■.












        สวัสดี ■■■■ ผมดีใจที่ได้ทำบันทึกเรื่องทั้งหมดเอาไว้เอง ไม่อย่างนั้นคุณอาจไม่เชื่อผม..

        ผมดีใจที่อยู่ในห้องมิดชิด เนื่องจากผมไม่รู้จะจัดการกับมันอย่างไรดี เพราะเรื่องที่ผมบอกคุณไว้มากมายอาจกลายเป็นเรื่องงี่เง่าเหลวไหลได้

        สำหรับความสงสัยของคุณที่ว่า เขาคนนั้นเป็นอะไร? เป็นคำถามที่ดีนะ เขาคือเดม่อน อัลบาร์นก็จริง แต่ความเป็นมนุษย์ส่วนใหญ่หายไป เหมือน.. คำสรุปความของหนังสือหรือบทความทางด้านเทคนิคแบบที่รูปธรรมที่ให้ข้อมูลพื้นฐาน แต่ไม่มีร่องรอยของการประพันธ์ แต่มีบางช่วงที่ผมรู้สึกว่ายังมีอะไรบางอย่างของเดม่อนคนเดิมอยู่ที่นั่น ผมจะไม่เหมาว่าเขาดีใจที่ได้พบผมอีก เพราะตัวผมเองก็ยังสับสน เหมือนพบเพื่อนเก่าที่จากกันไปนาน แต่เพื่อนคนนั้นกลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

       ส่วนเกรแฮม... ก็อยู่ที่นี่ด้วยนะ ส่วนใหญ่เวลาคุยกัน ผมบอกไม่ได้ว่ากำลังคุยอยู่กับใครคนไหน ในทางการแพทย์ไม่เคยมีตัวอย่างของคนหลายบุคลิก แต่มันก็อาจเป็นอะไรทำนองนั้นได้

       ผมถามเขาว่าเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร... พวกเขา... ให้ตายสิ กราม่อนพยายามจะอธิบายอะไรที่ผมยากจะเข้าใจ แต่เชื่อเถอะว่าผมทำดีที่สุดแล้ว

      เดม่อนบอกว่าโดยพื้นฐานของโมโนลิธนั้นมันโง่ เพราะมันถูกทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวนานเกินไป ทำนองนั้น.. ผมคิดว่าเราคงมีทางที่จะหยุดมันได้ เทคโนโลยีบางอย่างที่จะหยุดการแตกตัวของแท่งหินโมโนลิธ.. ผมไม่รู้ว่าจะได้เจอเดม่อนและเกรแฮมอีกไหมนะ?

       พวกเขาคงได้อยู่ด้วยกัน สักที่ในอวกาศล่ะ.




       ขอบคุณที่มาอ่านบันทึกนี่ล่ะ หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์ให้กับพวกคุณนะ.








                                                          อเล็กซ์ เจมส์.

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in