ไอยูเปิดคอนเสิร์ตมาด้วยเพลง "The Red Shoes" พร้อมกับโชว์ที่เตรียมมาเป็นอย่างดี เชื่อว่าแทแอนาหลายคนน่าจะเสียน้ำตากันตั้งแต่เพลงแรกแน่ ๆ ความรู้สึกเหมือนกันการรอคอยสิ้นสุดลง คนที่เราได้แต่ฟังเพลงผ่านหูฟังมาโดยตลอด มายืนร้องเพลงอยู่ตรงหน้าเราจริงๆแล้ว หลังจากจบเพลง ไอยูทักทายแทแอนาเป็นภาษาไทย พร้อมกับบอกว่าขอโทษที่พูดภาษาไทยไม่ได้นะคะ แล้วอธิบายคอนเซ็ปต์ของคอนเสิร์ตครั้งนี้ว่าเปรียบเหมือนกับภาพยนตร์ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา หลังจากนั้นก็แสดงต่อด้วยเพลง "Cruel Fairy Tale" พร้อมกับ vcr สวย ๆ, "dlwlrma" ชื่อเดียวกับคอนเสิร์ต และเป็นชื่อเดียวกับอินสตาแกรมแอคเค้าน์ของไอยู ที่เมื่อพิมพ์ตามแป้นคีย์บอร์ดภาษาเกาหลีแล้วจะอ่านได้ว่า "이 지금" ที่แปลว่าตอนนี้ ไอยูบอกว่าอยากให้ทุกคนอยู่กับตอนนี้ มีความสุขกับช่วงเวลานี้ ต่อจากนั้นก็มาถึงเพลง "Every End of the Day" อีกเพลงที่ทุกคนรู้จักเป็นอย่างดี เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่แทแอนาร่วมกันทำโปรเจคชูแบนเนอร์ที่มีข้อความว่า "Sunday, Better day 종일 너만 생각하는 그런 날" (วันอาทิตย์ที่ดีที่ฉันนึกถึงเธอทั้งวัน) เพราะเราได้มาเจอกันและใช้เวลาร่วมกันในวันอาทิตย์ คิดว่าแทแอนาแทบทุกคนที่มาดูคอนเสิร์ตวันนี้ คงจะนึกถึงไอยูตั้งแต่ก่อนมาเจอกันอีกแน่ ๆ
หลังจากจบเพลงไอยูก็อ่านแบนเนอร์โปรเจค แล้วก็ขอบคุณที่เตรียมโปรเจคมาให้ แล้วก็คุยกับแทแอนา ไอยูเป็นคนคุยเก่ง ช่างคุย และคุยสนุก ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมคอนเสิร์ตที่โซลรอบสุดท้ายถึงใช้เวลาไป 5 ชั่วโมงกว่าทั้งร้องเพลง ทั้งคุยกับแฟน ๆ ต่อจากนั้นก็มาต่อด้วยเพลงสุดฮิตอย่าง "Good Day (좋은 날)" เพลงนี้แค่ได้ฟังไอยูร้องท่อน 'I'm in my dream' ไฮโน้ต 3 อ็อกเต็ป เราก็รู้สึกคุ้มค่ามาก ๆแล้ว เป็นอีกคอมพลีทนึงในการฟังเพลงของเรา คุ้มค่ากับที่รอคอย, "Between The Lips (50cm) ส่วนตัวชอบโชว์ช่วงนี้มากๆ ให้ความรู้สึกเหมือนดูมิวสิคัล ไอยูฝึกซ้อมมาอย่างดี โปรดักชั่นดีมากๆ เข้าสู่พาร์ทที่สอง ที่ไอยูบอกว่าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและการเลิกรา เหมือนหนังแนวโรแมนติก คอเมดี้ เมโลดราม่า โดยเริ่มต้นด้วยเพลง "Friday" เพลงนี้เป็นเพลงประจำวันศุกร์ของเรา พอถึงวันศุกร์ เราจะเปิดเพลงนี้ฟังตอนเช้าก่อนออกไปทำงาน ด้วยเมโลดี้ที่น่ารัก เนื้อเพลงว่าด้วยการเฝ้ารอจะได้พบเจอกันในวันศุกร์ เหมือนทุกคนที่อยากให้ถึงวันศุกร์เร็ว ๆ อีกทั้งเพลงนี้ยังมีท่อนที่แฟนชานท์ที่น่ารักอีกด้วย มาต่อกับเพลง "Meaning Of You" จากอัลบั้ม "The Flower Bookmark" ด้วยความที่เป็นเพลงเก่า ทำให้ฟังแล้วรู้สึกย้อนอดีต เป็นอีกเพลงที่เราชอบมาก ๆ
ต่อจากนั้นไอยูบอกว่าได้เตรียมเพลงภาษาไทยมาให้แทแอนาด้วย เราไม่นึกว่าไอยูจะร้องเพลงภาษาไทย เห็นที่ไอยูถามแทแอนาในคาเฟ่ว่าช่วยแนะนำเพลงภาษาไทยให้หน่อย เราก็ไม่นึกว่าจะร้องจริงๆ ด้วยความที่ตารางงานยุ่ง เราเลยไม่ได้คาดหวัง น้องบอกว่าฝึกซ้อมเพลงนี้มา 1 เดือน หวังว่าจะชอบกัน พอทำนองเพลงขึ้นมา เราเต็มตื้นไปเลย เพลง "รัก" ของคุณปุ๊ อัญชลีที่ไอยูเลือกมาร้อง เป็นเพลงที่เราชอบมาก และคิดว่าหลายๆคนก็คงชอบมากเหมือนกัน พอเริ่มร้อง เราก็นั่งนิ่งฟัง ไอยูร้องดี ร้องเพราะมาก เข้าถึงอารมณ์และความหมายของเพลงจริง ๆ ประทับใจ พอร้องจบ ไอยูบอกว่าทำได้ไม่ดีเท่าตอนซ้อม พร้อมกับบอกว่าก่อนที่จะเลือกเพลงภาษาต่างประเทศมาร้อง จะดูที่ความหมายของเพลง และทำความเข้าใจเนื้อเพลงทั้งหมดก่อน พออ่านเนื้อเพลงนี้ก็ประทับใจ เนื้อเพลงสวยมาก จนถึงกับต้องถามตัวเองว่าเราจะเขียนเนื้อเพลงที่สวยขนาดนี้ได้ไหม พร้อมกับบอกว่าชอบท่อน "แต่ไม่รู้จะขอบคุณ ไม่รู้ทำอย่างไร ไม่รู้ว่าสิ่งไหน จะยิ่งใหญ่ควรค่าพอ..." เป็นพิเศษ พอร้องให้ฟังท่อนที่ชอบเสร็จ ก็พูดเนื้อเพลงเป็นภาษาเกาหลีให้ฟัง เพลงนี้เป็นเพลงรักที่เนื้อเพลงสวยงาม มีความหมายลึกซึ้ง ดีใจที่ไอยูเลือกเพลงที่มีความหมายดีแบบนี้มาร้องให้ฟัง นี่แสดงถึงความตั้งใจ ใส่ใจ และเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี
หลังจากจบเพลงรัก ไอยูบอกว่าบางสิ่งบางอย่าง เมื่อเวลาผ่านไป เราก็จะลืม แต่ก็มีบางอย่างที่ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ก็ยังคงไม่ลืม ก่อนที่จะร้องเพลง ไอยูเดินไปเปลี่ยนไมค์สีม่วงประจำตัวเป็นสีฟ้า เหมือนสีประจำวงชายนี่ และร้องเพลง "A Gloomy Clock (우울시계)" ที่จงฮยอนร่วมแต่งและร่วมร้องในอัลบั้ม "Modern Time" พร้อมกับจอที่เปลี่ยนเป็นสีขาวดำ เคยสงสัยว่าทำไมนาฬิกาถึงเศร้า แต่พอได้ฟังก็รู้คำตอบ มันหนักอึ้ง ไม่รู้ว่าตอนร้องเพลงนี้ไอยูจะเศร้าแค่ไหน คงจำกันได้ว่าช่วงเวลานี้ของปีที่แล้ว จงฮยอนได้จากโลกใบนี้ไป และเพื่อเป็นการรำลึกถึงเพื่อนคนสำคัญ ไอยูจึงเตรียมเพลงที่ไม่ได้อยู่ในเซ็ตลิสต์นี้มาร้อง เมื่อวานนี้คนที่ไอยูคิดถึงคงได้ยินเพลงที่ไอยูตั้งใจส่งไปถึงแล้วล่ะ
หลังจากจบพาร์ททริบิวต์ มาต่อกันด้วย "The Story Only I didn't Know" และ "Mia (Lost Child)" ซิงเกิ้ลแรกของไอยู พอได้มาฟังแบบสด ๆ แล้วรู้สึกดีจริง ๆ เริ่มเข้าสู่ช่วงเพลงสนุกสนาน "Twenty-three" เพลงแทนตัวตนของไอยูในวัย 23 ปี, "Glasses" ที่เปรียบการใส่แว่นตาเพื่อให้มองเห็นสิ่งต่างๆชัดขึ้น กับเรื่องบางเรื่องที่เราไม่จำเป็นต้องไปเก็บมาคิดใส่ใจ ปล่อยให้สายตาเบลอๆบ้างก็ได้ ถ้าเธอยิ้มให้ ก็จะยิ้มตามไปด้วย จะไม่คิดว่าเบื้องหลังรอยยิ้มนั้นมีอะไรซ่อนอยู่รึเปล่า เพราะปกติเราก็เหนื่อยกับเรื่องต่างๆมากพอแล้ว ต่อด้วย "Zezé (제제)" เพลงที่ไอยูแต่งขึ้นโดยชื่อเพลงมาจากเด็กชายช่างจินตนาการ ไร้เดียงสา แต่ก็เป็นตัวป่วนในหนังสือเรื่อง "ต้นส้มแสนรัก (My Sweet Orange Tree)" เราชอบ 2 เพลงที่ผ่านมามากขึ้น เมื่อได้มาดูการแสดงจากไอยู
จากนั้นเราก็ได้ฟัง "BBIBBI" ซิงเกิ้ลล่าสุดจากไอยู ก่อนร้องไอยูบอกว่านี่เข้าสู่พาร์ทที่สามแล้ว เป็นเพลงที่แต่งเอง แล้วตัวเองก็เห็นพัฒนาการในการเขียนเพลงที่เปลี่ยนไปจากแต่ก่อน แต่ว่าเพลงนี้ไม่ได้ร้องให้แฟนๆนะ เพราะเนื้อเพลงที่พูดถึงการล้ำเส้น พร้อมกับให้ใบเหลือง เตือนเหล่าแอนตี้ที่ชอบจับผิด คอยวิจารณ์ตัวเองว่าให้รู้ขอบเขตบ้าง
เพลงนี้แทแอนาร่วมกับทำโปรเจคชูหัวใจสีเหลืองส่งกลับไปให้ไอยู พอจบเพลงไอยูบอกว่าตัวเองให้ใบเหลืองไป แต่ทุกคนกลับส่งหัวใจสีเหลืองกลับมาให้ เพราะพวกคุณทำให้ฉันเป็นคนที่อ่อนโยนขึ้น
หลังจากนั้นเราก็ได้ฟัง "Palette (팔레트)" ในเวอร์ชั่น Acoustic พร้อมกับได้ฟังไอยูแร็พท่อนที่เป็นของจีดราก้อน ก่อนหน้าที่คอนเสิร์ตจะเริ่ม "Palette" เพิ่งทำสถิติยอดวิวใน Youtube ครบ 100 ล้านวิว พอได้มาฟังเพลงนี้ในโอกาสแบบนี้ ยิ่งรู้สึกพิเศษมากขึ้นไปอีก
มาต่อกับเพลงน่ารักๆอย่าง "Marshmellow" กับไอยูในชุดกระโปรงแดง พร้อมด้วยเพื่อนๆมาร์ชเมลโล ย้อนกลับไปในช่วงแรกๆของไอยู พอร้องจบไอยูบอกว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะแสดงเพลงนี้แล้ว เพราะตัวเองโตขึ้น และคงต้องปล่อยเพลงนี้ไป ต่อไปก็จะแสดงเพลงที่โตขึ้นตามวัยให้ได้ชมกัน พอใส่ชุดสีแดง และใกล้ถึงวันคริสต์มาส เราเลยได้มีโอกาสฟังเพลง "Merry Christmas in Advance (미리 메리 크리스마스)" เป็นของขวัญวันคริสต์มาสล่วงหน้าจากไอยู เพลงนี้เป็นอีกหนึ่งเพลงที่อยู่ในเพลย์ลิสต์ช่วงเทศกาลคริสต์มาสของเราทุกปี ต่อจากนั้นความสนุกก็เพิ่มมากขึ้นด้วยเพลง "Last Night Story (어젯밤 이야기)" เพลงที่ตัดพ้อถึงเรื่องราวในปาร์ตี้เมื่อคืนก่อนในจังหวะสนุกๆ พอได้เห็นไอยูเต้นเพลงนี้ด้วยอารมณ์กวน ๆ แล้วยิ่งชอบเพลงนี้มากขึ้น จากที่ชอบมากอยู่แล้ว ไอยูบอกว่าเพลงนี้เป็นของรุ่นพี่โซบังชา (소방차) ทุกคนในเกาหลีรู้จักเพลงนี้ ถ้าใครเป็นแฟนละคร "Reply 1988" คงน่าจะคุ้นหูเพลงนี้กันบ้าง ก่อนจะมาถึงเพลงสุดท้าย "You&I (너랑 나)" ซิิ้งเกิ้ลที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก และทำให้ไอยูเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง พอถึงแฟนชานท์ท่อนที่ต้องตะโกนว่า "아이유 참 좋다 (I like IU)" เสียงดังมาก ๆ เหมือนทุกคนรอให้ถึงท่อนนี้อยู่
พอคอนเสิร์ตจบลง ทุกคนยังไม่ลุกไปไหน พร้อมกับส่งเสียงเรียกให้ไอยูออกมาแสดงอังกอร์ ช่วงนี้เราได้ดู vcr ก่อนเข้าสู่เพลง "Through the Night (밤편지)" เด็กหญิงอีจีอึน เดินเข้าไปในร้านวิดิโอเทป ผ่านชั้นต่างๆที่มีป้ายบอกประเภทแทนชื่ออัลบั้มต่างๆของไอยู พอเดินไปถึงชั้นที่เขียนว่า "Palette" ก็เลืิอกหยิบวิดีโอเทปนึงออกมาเปิดดู วิดิโอเทปนี้เป็นเทปบันทึกคอนเสิร์ตครั้งนี้ของไอยู เธอดูจนถึงดึกดื่น ก่อนที่ไอยูจะออกมาอีกครั้งในชุดราตรียาวสีขาว สวยมาก ๆ พร้อมกับร้องเพลง "Through The Night" เพลงสารภาพรักที่ขอให้คนที่รักนอนหลับอย่างสบาย อย่างที่รู้กันว่าไอยูมีปัญหาการนอนไม่หลับ การที่คนนอนไม่หลับ โดดเดี่ยวในเวลากลางคืน แต่งเพลงเพื่อให้คนอื่นนอนหลับฝันดี เป็นอะไรที่ลึกซึ้งและบริสุทธิ์ พร้อมกับที่ทุกคนร่วมกับเปิดแฟลชไลท์จากมือถือ เปรียบเหมือนแสงจากหิ่งห้อยส่งกลับไปให้ไอยู หวังว่าจะช่วยให้นอนหลับฝันดีได้
ก่อนจะปิดท้ายด้วย "Dear Name (이름에게)" เพลงที่ปลอบประโลม ช่วยเยียวยา และให้กำลังใจคนที่ท้อแท้และหมดหวัง เพลงนี้เป็นเพลงที่เราอยากฟังมากที่สุดในคอนเสิร์ต เป็นเพลงที่เราฟังทีไรก็น้ำตาซึมตลอด แค่ได้ยินเสียงคีย์บอร์ดโน้ตแรกดัง เราก็รู้สึกเหมือนถูกตรึง ถึงเราจะไม่ได้ร้องไห้ แต่การที่ได้นั่งนิ่งๆจมไปกับเสียงของไอยูในเพลงนี้ ก็ทำให้รู้สึกอิ่มเอม และมีความสุข
ในเพลงนี้ทุกคนร่วมกับชูแบนเนอร์โปรเจคสุดท้ายที่บอกว่า "ดอกไวโอเล็ตของคุณ ก็ผลิบานที่ประเทศไทยด้วยเช่นกัน"
พอจบเพลงนี้ vcr ข้างหลังฉายภาพต้นดอกไวโอเล็ตที่กลีบค่อยๆปลิวไปตามลมพร้อมกับข้อความปลอบประโลม
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in