- เรื่องเล่าจากสมุดเล่มเล็กๆและความทรงจำสั้นๆของเราในแต่ละวันเอง
- รีวิวทุกสิ่งอย่างที่ขวางหน้าโดยไม่แยกประเภทใดๆ
พูดถึงคาโงชิม่ากันสักนิด [鹿児島]
คาโงชิม่าเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นที่อยู่ใต้สุดของเกาะคิวชูค่ะ ทางด้านขวาบนของจังหวัดนี้คือจังหวัดมิยาซากิที่เรากำลังจะต้องไปเรียนต่อ ส่วนฝั่งซ้ายบนของจังหวัดนี้คือจังหวัดคุมาโมโต้ บ้านของเจ้าหมีคุมะมง หมีที่ไม่ใช่หมีแสนกวนแก้มแดงๆนี่เอง
ก่อนจะมาเที่ยวที่นี่เราไม่รู้จักคาโงชิม่าเลยค่ะ เคยเห็นจังหวัดนี้ผ่านรายการ ดูให้รู้ ของคุณฟูจิ ฟูจิซากิ ช่อง Thai PBS (เป็นรายการที่มีสาระและมีประโยชน์มาก ควรดู) เห็นมันมีฟาร์มหมูดำที่เลี้ยงหมูด้วยอาหารคุณภาพดี และเพราะว่าหมูดำคาโงชิม่านี่แหละ คือที่สุดของหมูดำอร่อยๆเราเลยรีบเปลี่ยนแผน เอาระยะทางกับความใกล้ไปอ้างให้พ่อกับแม่เบนเป้าหมายไปคาโงชิม่าทันที
เห็นแก่กินที่สุดเลยแก
29/3/2017
เราต่อเครื่องบิน Airbus ของ Hongkong Airlines (ซึ่งลำเล็กมากแต่เหยียดขาสบายดี) มาลงที่สถานีมิยาซากิตอนเวลาประมาณบ่ายสามโมงของญี่ปุ่น มื้อกลางวันทานบนเครื่องค่ะ มีหมูผัดซอสกับมันบด โซบะเย็น ขนมปังก้อนนึงกับเนย น้ำผลไม้ให้เลือก น้ำเปล่า ตบท้ายด้วยเต้าหู้หวาน ซึ่งนี่แหละคือสาเหตุที่เลือกสายการบินนี้ นอกจากเรื่องราคาแล้ว เราก็ตัดสินใจทันทีเพราะอาจารย์ที่โรงเรียนบอกว่าอาหารบนเครื่องอร่อยนี้แหละ (เห็นแก่กินอีกแล้ว)
ส่วนคุณพนักงานที่พูดภาษาจีนกับดิฉัน อยากจะบอกว่าหน้าดิฉันไม่เหมือนคนจีนเลยสักนิดนะ TT
เราใช้เวลาช่วงบ่ายที่เหลือทั้งหมดนั่งรถไฟในมิยาซากิหลายคัน แต่เราจะไม่เขียนลงในนี้หรอกค่ะ เพราะชื่อเรื่องนี้คือ Real Time Diary @ Kagoshima #หัวเราะ
เรากับครอบครัวมาที่สถานี Kagoshima Chuo ด้วยรถไฟ Kirishima 17 ค่ะ เป็นรถไฟ express ราคาประมาณคนละ 3000 เยน รถไฟมี 4 โบกี้ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าจะถึง เก้าอี้หมุนเข้าหากันได้ เก้าอี้เอนได้เยอะ นั่งดูวิวนอกกระจกรถได้เพลินมาก แต่พอเข้าเขตจังหวัดคาโงชิม่าเราดันหลับเสียอย่างนั้น ดังนั้นจะไปรีวิวทิวทัศน์ในตอนของมิยาซากิก็เเล้วกันนะคะ
จริงๆแล้ว ปกติเราเป็นคนชอบใส่กางเกงขาสั้น ไม่ได้สั้นมาก แต่ก็สั้นเหนือหัวเข่าไปนิดหน่อย ตอนนั่งเครื่องบินมาต่อเครื่องที่ฮ่องกง ก็ยังโอเค จนมาถึงญี่ปุ่นเจอลมเย็นๆ ก็ยังโอเค เเต่พอก้าวขาออกจากรถไฟ Kirishima 17 มาได้แค่ก้าวเดียวนี่แทบจะตะโกนร้องออกมาเป็นคำหยาบคาย
หนาว หนาวจริงๆ หนาวแบบหน้าสั่นเหนียงสั่นกันไปที
คือช่วงบ่ายๆเย็นๆลมมันกำลังดี ใส่ขาสั้นก็อยู่ได้ เราสามารถเดินบนท้องถนนได้โดยที่หน้าไม่มัน มันดีมาก นี่แหละคืออากาศที่ใฝ่ฝัน พอหมดช่วงเย็น ฝันสลายกลายเป็นช่วงกลางคืนแห่งความทรมาน ฝนก็ตก จะเปลี่ยนกางเกงก็ยังไม่ได้เพราะจะให้เปิดกระเป๋ารื้อหาก็คงยาก
ใครจะมาเที่ยวช่วงเดือนมีนาคม เมษายน อย่างประมาทเชียวนะคะ มันพ้นหน้าหนาวไปแล้วก็จริง แต่ถ้าไม่คุ้นชินกับสภาพอากาศอย่างนี้ หรือเป็นคนที่ขี้หนาว หนาวง่าย แนะนำให้เตรียมเสื้อกันหนาวกับเสื้อผ้าอุ่นๆมาด้วยจะดีกว่าค่ะ อากาศที่เกาะนี้เองก็ค่อนข้างจะแปรปรวนด้วยนะ
สถานี Kagoshima Chuo
สถานีนี้เป็นหนึ่งในสถานีใหญ่ๆบนเกาะคิวชูค่ะ มี Travel Information มี JR มีร้านอาหารหลายร้าน แผงขายหนังสือ kiosk มินิมาร์ทและออพชั่นอื่นๆอีกมากมายที่เสริมสร้างความดูดีของสถานีให้เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว แถมด้วยการมีเครื่องขายอัติโนมัติที่บรรจุซุปข้าวโพดรสชาติดีต่อใจเอาไว้ด้านใน ซุปข้าวโพดยี่ห้อนี้เป็นของแนะนำจากเราเอง เผื่อหลายคนกดตู้แล้วเจอมันในวันหนาวๆ ก็อยากจะให้ลองชิมดู นั่งเคี้ยวข้าวโพดได้แบบเพลินๆ แฟนพันธุ์แท้ซุปข้าวโพดไม่ควรพลาด 130 เยน เท่านั้นค่ะ (กับการเรียนทุ่มเทเหมือนขายของฟรีอย่างนี้ไหม)
นี่คือหน้าตาของซุปข้าวโพดในเครื่องขาย ด้านขวาเป็นซุปหัวหอม อร่อยเหมือนกัน แล้วแต่คนชอบเลย
นอกจากออพชั่นทั้งหมดที่กล่าวมา จากสถานี Kagoshima Chuo นี้ ทุกคนยังสามารถเดินทะลุไปที่ห้าง AMU ชื่อดังที่อยู่ติดกับสถานี JR ได้อีกด้วย หน้าสถานีก็มีแท็กซี่ให้เรียก แถมด้วยรถรางประจำเมือง
รถรางที่นี่มีขนาดค่อนข้างเล็กค่ะ แต่สะดวกดีหากจะนั่งชมเมือง เพราะมันแล่นบนบริเวณช่วงกลางของถนน ดังนั้นเวลาข้ามถนนให้ระวังรถรางด้วย เดี๋ยวจะโดนสอยเหมือนตัวละครใน Final Destination
และด้วยความที่มันมีขนาดเล็กนี่แหละ ทำให้เราล้มเลิกความคิดที่จะนั่งรถรางกลับโรงแรม ไปนั่งแท็กซี่แทนเพราะกระเป๋าเดินทางใบละ 29 นิ้ว คงไม่สะดวกที่จะยกขึ้นยกลง แขนพังกันไปพอดี... แท็กซี่ที่นี่คิดอัตราค่าบริการเริ่มต้นประมาณ 600 หรือ 600 กว่าเยน จำไม่ค่อยได้ (ทั้งที่เพิ่งขึ้นเมื่อเย็น) แต่รถไม่ค่อยติดค่ะ อาจเพราะเป็นต่างจังหวัดรถเลยค่อนข้างน้อย ในสถานีเองก็เช่นกัน เเม้จะเป็นสถานีใหญ่ก็จริง แต่กลับไม่พบความวุ่นวายเหมือนสถานที JR ในโตเกียวเลยแม้สักนิด
เราพักโรงแรมที่ชื่อ Green Rich อยู่ห่างจากสถานี JR Kagoshima Chuo มาประมาณสองสถานีรถราง ถ้านั่งรถรางมาใช้เวลาประมาณ 7 นาทีจะถึง ตัวโรงแรมมองด้านนอกค่อนข้างเหมือนอพาร์ทเมนต์ ทั้งตึกไม่ได้เป็นโรงแรม โรงแรมจะเริ่มจากชั้นสามขึ้นไปค่ะ
ไม่ได้ถ่ายรูปห้องพักมาให้ชมกันได้ เพราะไปถึงก็ทิ้งตัวลงนอนด้วยความง่วง ด้วยความที่ไฟลท์มันออกตอนตีสี่ ตอนไปสนามบินก็ไม่ค่อยได้นอน พอนอนบนเครื่องก็ไม่ค่อยสะดวก แถมยังต่อเครื่องบ่อย ทำให้ mood ความสุขตอนไปเที่ยวลดลงประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์
ห้องค่อนข้างดีค่ะ ห้องน้ำมีน้ำอุ่น มีอาหารเช้าให้ทุกวันช่วง 8.30 ถึง 10 โมง หน้าห้องมีของหลายอย่างให้เช่าฟรี เช่น ชุดยูกาตะ ชุดนอน เครื่องฟอกอากาศ เครื่องทำความชื้นยังมี! ซักผ้าที่โรงแรมนี้ได้ อบผ้าได้ ที่ชั้น 5 กับ ชั้น 9 ก็จะเป็นมุมเครื่องขายอัติโนมัติด้วยค่ะ เป็นบริเวณที่รถรางจอดด้วย อยู่ใกล้ Tenmonkan ที่เป็นถนนเดินซื้อของด้วย สะดวกมากๆ แต่ในตู้เย็นไม่มีอะไรให้เลย ต้องไปซื้อจาก lawson ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมเองค่ะ เดินไปประมาณห้านาทีก็ถึงแล้ว สะดวกอีกเหมือนกัน
lawson ที่นี่แทบจะมีตรงกันข้ามกันเป็นคู่ระหว่างฝั่งถนนเป็นระยะๆ
Tenmonkan
เทนมนคังนี้เหมือนเป็นใจกลางเมืองของคาโงชิม่าค่ะ แทบย่านนี้จะมีร้านอาหารมากมาย ส่วนรอบๆนอกเทนมนคังก็จะเป็นบาร์ มีพวกผู้ชายผู้หญิงหน้าตาดียืนหาลูกค้าเข้าร้านพร้อมกับหูฟังอันเล็กๆเต็มไปหมด
จากโรงแรม Green Rich เดินเลี้ยวซ้ายไปผ่าน ร้านสะดวกซื้อ lawson ก็จะถึงค่ะ
นี่เป็นภาพด้านในของถนนเทนมนคังฝั่งนึง (มีสองฝั่ง) แต่เพราะเราไปถึงคาโงชิม่าตั้งประมาณ สองทุ่ม กว่าจะมาถึงเทนมนคังก็เกือบ 3 ทุ่มเข้าไปแล้ว ร้านหลายๆร้านก็เลยปิดไปเสียก่อนแล้วค่ะ
สุดท้ายที่จะรีวิวในวันนี้คือร้าน Katsuya ค่ะ
คัทสึยะเป็นร้านขายข้าวหน้าหมูทอด ร้านเดียวกับที่มีสาขาที่ไทย โลโก้ชื่อร้านแทบจะเหมือนกันเป้ะ แตกต่างที่ในร้านจะมีกาน้ำชาร้อนๆกับถ้วยชาเอาไว้ให้ดื่มฟรี กับผักดองที่เราไม่แน่ใจว่ามันเรียกว่าอะไร (ซึ่งอร่อยมาก) เอาไว้ตักกินในมื้ออาหารได้ตลอด
ขอบคุณรูปจาก http://www.homemate-research-japanese-food.com
ราคาอาหารในร้าน ถ้าเป็น ข้าวหน้าหมูทอดไซส์เล็กสุดจะอยู่ที่ประมาณ 490 เยน แต่เท่าที่ลองสั่งมากิน ต่อให้เป็นไซส์เล็กก็ยังเยอะอยู่ดีค่ะ ทานแทบจะไม่หมด
ส่วนนี้คือจานที่เรากิน คาเร่คัตสึ แกงกะหรี่หมูทอดนั่นเอง จานนี้เป็นไซส์กลางนะ 750 เยน
รสชาติอาจไม่ต่างจากที่ร้านที่ไทยมากนัก แต่อร่อยจริงๆค่ะ เนื้อหมูไม่เลี่ยน ผักดองก็ช่วยได้เยอะ
พิกัดร้านนี้อยู่ใน Tenmonkan ห่างจากร้าน Yoshinoya (มีที่ไทยอีกเหมือนกันร้านนี้) ไปไม่เกินห้าสิบก้าว ถัดออกมาจากร้านอีกหน่อยจะเป็นร้านขายพวกเครื่องสำอางค์ที่ราคาน่าจะอยู่ในช่วงที่ทุกคนอยากจะซื้อ
สุดท้ายแล้ว วันนี้เราก็นั่งเครื่องบินมาเพื่อมานั่งกินแกงกะหรี่กับชาร้อนๆในร้าน และซุปข้าวโพดที่ดีต่อใจที่คาโงชิม่า ส่วนรูปก็กดถ่ายผ่านโทรศัพท์เสียส่วนใหญ่ เพราะเรายังไม่ได้เอาสัมภาระเก็บที่โรงแรม ฝนก็ตก เลยไม่สะดวกจะหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายบ่อยๆด้วยสิ
แต่แหม มาวันแรกก็ทำแค่กินกับนอน ช่างเป็นการเปิดทริปที่ดีเสียจริงๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in