คืนวันที่ 25 พฤษภาคม 2017
เราหอบสัมภาระลงมาจากแอร์พอร์ตลิงค์พร้อม 'โจ' เพื่อนที่จะไปทำงานด้วยในครั้งนั้น เรากับโจรู้จักกันมาราวสองปีครึ่ง เรียนคณะเดียวกัน อยู่กลุ่มเดียวกัน โจชอบผจญภัยมาก เวลาเล่าเรื่องอะไรให้ฟัง โจจะว้าวและเออออกับเราไปเสียหมด เราจึงคิดว่า เออ ดีแล้วล่ะที่ได้มาด้วยกัน แล้วนี่ต้องอยู่ด้วยกันไปอีก 3 เดือนกว่าเลยหรอวะ จะรอดใช่ไหมพวกเรา
เข็นกระเป๋าไปเช็คอินเรียบร้อยและพบปะครอบครัวโจ นี่เป็นครั้งแรกของเราและโจที่จะได้ออกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ แม้ว่าโจจะไปเที่ยวต่างประเทศบ่อยแต่สำหรับการไปใช้ชีวิตอยู่บนเขาในอเมริกาตลอดระยะเวลา 3 เดือนนั้น นับว่ายาวนานมาก แถมยังไปกันเองแบบไม่มีผู้ใหญ่ดูแลแล้ว หนุ่มสาววัย 20-21 ปีจะอยู่ได้จริง ๆ ใช่ไหมนะ พี่สาวโจได้จัดแจงเช็คเอกสารสำหรับต่อเครื่องและยื่นตม.ให้พวกเราอีกรอบก่อนจะพากันไปส่งที่ขาออกผู้โดยสารนอกประเทศ สนามบินสุวรรณภูมิ
อีกครั้งแล้วสินะ ที่ชั้นต้องโยกย้าย
ก่อนออกจากประเทศไทยและใช้เวลาอีก 6 ชั่วโมงบนเครื่อง ขอรับประทานอะไรที่มันคุ้นเคยและอิ่มท้องหน่อยเท้อออออ ทันทีที่ตม. ไทยปั๊มตราลงบนพาสปอร์ตเรา เราเดินตรงไปที่ร้านพิซซ่าและไก่ทอดผู้พันในเกตทันที! เอาวะ ขอสักหน่อย รสชาติที่คุ้นเคย พลันยัดพิซซ่าถาดเล็กและไก่อีก 2-3 ชิ้นลงท้อง
ไม่เกิน 1 ชั่วโมงหลังจากอิ่มท้อง เครื่องบินไฟลท์ KE652 ก็ได้พาเราและโจออกจากประเทศไทย มุ่งหน้าเข้าสู่กรุงโซล
ตื่นเต้นที่สุด! ไม่ได้ออกนอกประเทศมาตั้ง 2 ปีแน่ะ!
เช้าตรู่ของวันที่ 26 พฤษภาคม 2017 เราและโจก็ได้มาถึงกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เรามีเวลาในการต่อเครื่องราว 10 ชั่วโมง นั่นหมายความว่า เราสามารถออกไปเที่ยวในเมืองได้ระหว่างวัน และต้องกลับมาให้ทันไฟลท์ช่วงค่ำ เนื่องจากเราทำการ Check Thru กับโคเรียนแอร์ มาแล้ว ทำให้ไม่ต้องเผื่อเวลาเข้ามาเช็คอินหรือโหลดสัมภาระอีกรอบ
" แก เอาไง ไปไหนกันดี "
" ซื้อทัวร์ไปมะ ไม่เคยมาเกาหลีเลย เห็นในเว็บมันบอกอยู่ว่ามีเคาท์เตอร์ transit tour ซัมติงอยู่ "
พูดจบโจก็ลากเราไปติดต่อเคาท์เตอร์ทรานสิททัวร์ที่สนามบินอินชอน
ทรานสิททัวร์จะมีให้เลือกหลากหลายตามช่วงเวลาการต่อเครื่อง เช่น ถ้าเวลาต่อเครื่องเราน้อยกว่า 5 ชั่วโมง ให้เลือกทัวร์สั้น ๆ สัก 3 ชั่วโมง โดยจะมีทัวร์พาออกไปไหว้พระแถวเมืองอินชอน หรือไปตลาดท้องถิ่น เป็นต้น และในเงื่อนไขทัวร์ก็ระบุไว้ชัดเจนว่าให้เราเผื่อเวลาไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมงเสมอ เนื่องจากเป็นบัสทัวร์จึงต้องเผื่อเวลาในการเดินทางด้วยเช่นกัน ตอนนี้เรามีเวลาเหลืออีกประมาณ 8 ชั่วโมงหลังจากรอตม.และเดินสำรวจสนามบิน จึงเลือกทัวร์ 5 ชั่วโมงไป โดยทัวร์นี้จะพาเราไปพระราชวังชังด็อกกุงและถนนอินซาดง พร้อมพาไปรับประทานอาหารกลางวันด้วย เราและโจควักเงินออกมาคนละ 5 USD สำหรับค่าทัวร์ โดยทัวร์นี้จะเป็นกลุ่มเล็ก ๆ นับว่าโชคดีมากที่วันนั้นทัวร์ยังไม่เต็ม
นั่ง ๆ ยืน ๆ รอแถวเคาท์เตอร์ทัวร์ไม่เกิน 1 ชั่งโมง ไกด์สาวท่าทางปราดเปรียวเดินถือธงตรงมาหาพวกเรา ไกด์เช็คจำนวนคนและขอให้ติดเข็มกลัดลูกทัวร์ไว้ พร้อมพาไปขึ้นรถบัส ซึ่งระหว่างทางไปพระราชวัง ไกด์รีบสอบถามลูกทัวร์ว่าจะกินอะไรเป็นข้าวกลางวัน มีให้เลือกสองอย่างคือ บุลโกกิ กับ บิบิมบับ อะไรวะนิ สองอย่างเองหรอ เราคิดพลันหันไปหาโจเพื่อจะถามว่าแกจะกินอะไร จะได้บอกไกด์ อ้าว อีโจหลับ
ไม่เป็นไร มากันสองคน โจไม่กินเนื้อด้วย เอาวะ
" 1 Bulgogi 1 Bibimbab, please "
ไม่ปลุกมาถามหรอก แกจะหลับทำไมตอนนี้เนี่ย
อีกไม่ถึงอึดใจ รถบัสพามาจอดหน้าพระราชวังชังด็อก ใจจริงเราอยากไปพระราชวังคย็องบกมากกว่า เพราะดูคลาสสิค ดูเป็นสถานที่ไอคอนิกว่าเรามาถึงเกาหลีแล้วนะ แต่ทัวร์นั้นเต็มไปเสียก่อน ไกด์อธิบายว่าพระราชวังชังด็อกเป็นพระราชวังฤดูร้อน เคยถ่ายทำแดจังกึมด้วย จะมีสวนฮูวอนอยู่ด้านหลัง แต่ตอนนี้ยังไม่เปิดให้ชมนะ ต้องรอเดือนมิถุนายนก่อน
เดี๋ยวนะ ๆ
ถ่ายแดจังกึมด้วยหรอ!
เราชอบแดจังกึมมาก เป็นซีรีส์ที่สามารถดูแล้วดูอีกได้ รีรันกี่รอบก็ตามดูทุกรอบ ดูจนจำบทได้ พอรู้ว่าสวนหลังวังนี้ถ่ายแดจังกึม ภาพในซีรีส์แว้บเข้ามาในหัวเป็นฉาก ๆ สุดท้ายคืออินไปหมด ดีใจสุด ๆ ที่ได้มาที่นี่ (อ้าว) ไกด์พาเดินชมรอบ ๆ และปล่อยพวกเราเดินถ่ายรูปกันอีกประมาณครึ่งชั่วโมง
" โจ ตามมา! อยากไปดูสวน! "
โจวิ่งตามเรามาติด ๆ สภาพเราสองคนดูไม่ได้สุด ๆ ได้อาบน้ำล่าสุดน่าจะเกือบ 15-16 ชั่วโมงที่แล้วได้ ผมเราเริ่มจับตัวกันเป็นเส้นลีบ ๆ หน้าโจก็เริ่มมันแผล่บ แถมยังต้องมาวิ่งหาสวนอีก
จะไปหาเจอได้ยังไงล่ะ! ชื่อเค้าก็บอกอยู่ว่าเป็นสวนต้องห้าม เปิดเดือนหน้าด้วย โอ๊ย
เราล้มเลิกความตั้งใจและยอมไปขึ้นรถบัสแต่โดยดี ไกด์พาไปร้านอาหารเกาหลี เจ้าของร้านทยอยเสิร์ฟอาหารตามออเดอร์ลูกทัวร์
" ทำไมสั่งอันนี้ให้เค้าอะ "
เอาแล้ว โจ เอาแล้ว
" ก็แกหลับ ไม่กินเนื้อด้วย กินไปเหอะน่า "
โจทำหน้าบูดแล้วคลุกข้าวยำเกาหลีไปด้วย ก่อนออกจากร้านเราเหลือบไปเห็นว่าโจแทบไม่กินอะไรในชามเลย ยกเว้นไข่ดาวและเครื่องเคียงใกล้ตัว (ชั้นขอโทษ)
ตามแพลน ไกด์พาเราไปเดินถนนอินซาดงต่อ โจที่แลกเงินมาเผื่อรีบวิ่งไปร้านรถเข็นขนมต็อกขนมปลาเพื่อหาของกินชดเชยมื้อกลางวัน ส่วนเราเดินดูถุงเท้าและเครื่องสำอาง สมัยเรา Skinfood, 3CE, และ Etude ยังถือเป็นของฝากของใช้ยอดฮิตอยู่ จึงได้ซื้อติดไม้ติดมือมาบ้าง รวมถึงมาส์กแผ่น Innisfree ที่ขาดไม่ได้
บ่ายสามโมงตรง ไกด์พาเรากลับมายังสนามบินเรียบร้อย เราและโจเตรียมขึ้นเครื่องไปซีแอตเทิลต่อในอีก 3 ชั่วโมงข้างหน้า
เมื่อไหร่จะถึงอเมริกาสักทีนะ...
...
..
ลาก่อนโซล ครั้งแรกและจะมีครั้งต่อไป เจอกันในอีก 3 เดือนข้างหน้านะ
สำหรับใครที่ยังสนใจทรานสิททัวร์ สามารถจองได้ที่เว็บไซต์ของสนามบินอินชอนโดยตรงได้เลยนะคะ แนะนำให้จองล่วงหน้าไปก่อนเนื่องจากทัวร์กรุ๊ปเล็กมาก ถ้าวอคอินอาจจะเต็มค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in