ในที่สุด วัน day off ที่จะได้เข้าเมืองของเราก็มาถึง วันนี้จะมีคนขับรถตู้พาเรา โจ และเด็ก J1 จากฟิลิปปินส์ ได้แก่ นิค แดเนียล จัสมิน ชาร์ม เตย่า รวมถึงอังเดร ไปทำบัตรประกันสังคมและแวะซื้อของที่ Walmart ในเมือง Kalispell ตามตารางที่นายจ้างระบุไว้ พวกเราต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวไปขึ้นรถ เนื่องจากสำนักงานประกันสังคมนั้นอยู่ห่างจากโรงแรมเรา 1 ชั่วโมง และเผื่อเวลาในการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ด้วย
บรรยากาศในสำนักงานค่อนข้างเงียบ คุณป้าเจ้าหน้าที่ให้เรากรอกข้อมูลและนำส่งเอกสารการทำงานทั้งหมด แม้พวกเราจะมีกันเยอะแต่เจ้าหน้าที่ก็ใช้เวลาไม่มากในการจัดการ คุณป้าเจ้าหน้าที่ยังคะยั้นคะยอให้พวกเราหยิบอมยิ้มคนละ 2-3 ไม้ในโหลแก้วบนโต๊ะไปลองกินดูอีกด้วย อมยิ้มรสผลไม้พวกนั้นเปลี่ยนลิ้นพวกเราเป็นสีแดง สีฟ้า สีเหลือง ตามสีห่อกระดาษ
ช่วงสาย คนขับรถพาพวกเรามาปล่อยทิ้งไว้ในโซนวอลมาร์ท โดยให้เวลาในการซื้อของและรับประทานอาหารกลางวันราว 3 ชั่วโมงก่อนพากลับโรงแรม เราและโรสย้ำกับลุงคนขับอีกทีว่าต้องกลับให้ทัน 5 โมงเย็นเนื่องจากพวกเรามีงานล้างจานรออยู่ โซนวอลมาร์ทที่ว่านี้ นอกจากจะมีวอลมาร์ทและลานจอดรถกลางแจ้งขนาดใหญ่แล้ว ยังมีร้านอาหารกระจายอยู่รอบ ๆ ลานจอดรถ ไม่ว่าจะเป็น Panda Express, Coldstone, Taco Bell หรือถ้าเดินข้ามถนนไปอีกสักนิดก็จะเจอโซน Costco และ Target
สมัยเรียนมัธยมต้นช่วงปี 2008-2010 ครูอเมริกันเราเคยสอนเรื่องสถานที่โดยให้พวกเราสามารถอธิบายได้ว่า market, store, supermarket และ superstore ต่างกันอย่างไร ครูทิ้งท้ายไว้ว่าประเทศไทยไม่มี superstore หรอกนะ ให้นึกอย่างไรก็นึกไม่ออกอยู่ดี พวกคุณลองไปเสิร์ชและทำความรู้จักกับ Walmart แล้วกัน
นับว่าอ่านขาด
สภาพแวดล้อมค่อนข้างแปลกตามากสำหรับเรา ความรู้สึกเหมือนเวลาไป Outlet รูปร่างตึกเรียบ ๆ ที่เหมือนโกดังตั้งกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ ลานจอดรถกว้างสุดลูกหูลูกตา มีซูเปอร์สโตร์, ซูเปอร์มาร์เก็ต, ร้านอาหารแบบ stand-alone ไม่ต้องพึ่งพาพื้นที่ในศูนย์การค้าอยู่รอบ ๆ เรียกได้ว่าทั้งโซนนี้มัน all-in-one ของจริง
หลังจากทำความคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ชาร์ม สาวฟิลิปปินส์พี่ใหญ่สุดของกลุ่มที่ทำตำแหน่ง House Attendant ชวนเราและโจเดินข้ามไปกิน Buffalo Wild Wings อีกฝั่งด้วยกัน
เอาวะ ไก่บัฟฟาโล จะเหมือนไก่ร้านพิซซ่าบ้านเราไหมนะ
เพื่อน ๆ ฟิลิปปินส์พากันไปนั่งโต๊ะยาวโดยมีเรากับโจนั่งริมโต๊ะ ทุกคนใช้ภาษาอังกฤษสลับตากาล็อกคุยกันทำให้พวกเราพอฟังออกบ้าง ส่วนเราและโจยังเคอะเขินจึงแอบคุยภาษาไทยกันบ้างจนชาร์มตะโกนมาจากหัวโต๊ะ
" Hey, English please. We wanna know too! hahaha "
แม้จะรู้ว่าตัวเองเสียมารยาทแต่ก็ยังไม่กล้าออกจากคอมฟอร์ทโซน เรื่องกินเรื่องใหญ่จริง ๆ เพราะพลิกเมนูแต่ละแผ่นไปไม่มีซอสไก่ที่ถูกใจเราเลย เอาไงดีวะโจ ช่วยชั้นเลือกหน่อยโว้ย
" Sorry sorry... Let us pick the menu for a moment. "
แป๊บนึงนะคุณพี่... เดี๋ยวไปคุยด้วย
เลือกไปเลือกมาอยากจะโทรสั่งไก่พิซซ่าบ้านเรามาให้จบ ๆ ซอสไก่ที่นี่มีให้เลือกหลายแบบและมีระดับความเผ็ดให้ด้วย ถ้าเป็นแบบ mild คือสีไก่ซีดมาก ไม่มีซอส มีแต่ไก่ทอดกับผงเครื่องเทศ, ซอส Thai curry และ Thai Sriracha ก็ดูจะผิดที่ผิดทางไปหน่อย ส่วนซอสที่อยู่ในระดับเผ็ดพวกเราก็ไม่อยากเสี่ยงอีก สุดท้ายเราและโจเลยเลือกเซ็ต Traditional Wings ที่เป็นซอส Original Buffalo มา แหม่ ครั้งแรกก็ต้องเพลย์เซฟหน่อย สั่งรสออริจินัลนี่แหละ ถ้ารสนี้ไม่อร่อยคือร้านมึงไม่อร่อยแล้วล่ะ ส่วนเพื่อนฟิลิปปินส์เลือกซอส Honey BBQ กัน
นั่งคุยและทำความรู้จักกันสักพัก ไก่ก็มาเสิร์ฟ
กลิ่นน้ำส้มสายชูและเครื่องปรุงรสของไก่รสออริจินัลเราและโจแรงมาก ซอสสีส้มข้น ๆ ถูกคลุกเคล้ามากับชิ้นไก่อย่างดี แม้กลิ่นจะไม่คุ้นเคยแต่หน้าตาไก่เซ็ตนี้ก็ดูน่าทานไปหมด เรากับโจหยิบไก่มาคนละ 3 ชิ้นก่อนส่งจานไปฝั่งเพื่อนฟิลิปปินส์ เครื่องเคียงที่กินคู่กับไก่ของที่นี่คือเซเลอรี่และแครอทจิ้มกับน้ำสลัดแรนช์
กัดไก่คำแรก
โอ๊ย ช่วยด้วย สั่งอะไรมาวะเนี่ย
เราและโจรีบหยิบเซเลอรี่และแครอทมากินให้ร่างกายปรับรสชาติได้ ก่อนจะจุ่มไก่ของตัวเองลงในถ้วยแรนช์ รสชาติของไก่ไม่คุ้นเคยกับเด็กไทยแท้อย่างพวกเรายิ่งนัก ความเข้มของเครื่องปรุง กลิ่นซอส ล้วนแต่เป็นส่วนผสมที่พวกเราไม่ค่อยได้เจอในชีวิตประจำวันเท่าไรนัก
ไอหยา... ไม่ชอบ ทำยังไงดี เหลือไก่อีกเป็นภูเขา
" Can we have your Honey BBQ chickens too? "
ใครก็ได้ส่งไก่อีกรสมาทางนี้หน่อย S.O.S.
นิคและแดเนียลส่งไก่ฝั่งฟิลิปปินส์มาให้เราและหยิบไก่ออริจินัลใส่จานตัวเอง เราและโจพอจะกินไก่รสฮันนี่บาร์บีคิวได้บ้าง แม้จะรสชาติหวานปะแล่มแต่ก็ไม่มีกลิ่นเครื่องปรุงขึ้นสมองเหมือนไก่ชิ้นก่อน
นี่เราต้องปรับตัวอีกเยอะสินะ... เราคิดพลางหันไปนั่งดูอังเดรกินไก่ทั้งสองรสอย่างเอร็ดอร่อย
แม้จะกินไปบ่นไป แต่เราก็รับผิดชอบไก่ที่สั่งมาร่วมกันจนหมด พวกเราพากันไปวอลมาร์ทด้วยเวลาช้อปปิ้งที่เหลืออีกเกือบ 2 ชั่วโมง เราเริ่มจากการเดินไปดูมุมอาหารและของสด ผลไม้กลุ่มเบอร์รีต่าง ๆ ถูกนำมาลดราคาเหมือนขายพอเป็นพิธี สตรอว์เบอร์รีลูกโตในกล่องขนาดเหมาะมือถูกวางไว้บนชั้นสินค้าลดราคา โดยลดแล้วเหลือเพียงกล่องละไม่ถึงร้อยบาท นอกจากนี้ยังมีพวกบลูเบอร์รี แบล็คเบอร์รี และราสเบอร์รีวางอยู่ใกล้ ๆ กัน เราตื่นตาตื่นใจกับราคาผลไม้ต่างชาติเหล่านี้มาก มาถึงถิ่นเขาแล้วก็ต้องราคานี้แหละเนอะ
เราหยิบสตรอว์เบอร์รี 2 กล่องใส่รถเข็นและเดินสำรวจต่อ เรายังเห็นผลไม้ที่ไม่คุ้นเคย เช่น เนคทารีน อีกด้วย แม้โซนต่าง ๆ ในวอลมาร์ทจะคล้ายกับซูเปอร์มาร์เก็ตที่ไทย แต่ขนาดของโซนและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์แตกต่างกับบ้านเรามาก มีทั้งของที่เป็น mass production ที่เห็นได้ทุกที่, สินค้าออร์แกนิกส่งตรงจากฟาร์ม (ที่มีราคาสูงกว่า mass production), อาหารมังสวิรัติ (ที่มีให้เลือกหลากหลายมาก ใครเป็นวีแกนคือได้กินอาหารอร่อยทุกวันแน่นอน), อาหารปราศจากกลูเตน นอกจากนี้โซนอาหารยังมีซูชิบาร์ ซาซิมิ ผัดสไตล์จีน ซุป ทาโก้ พิซซ่า ไก่ทอด ไก่อบ พาสต้า เบเกอรี่ ฯลฯ ที่ทำเสร็จใหม่ ๆ พร้อมหยิบรับประทานเลยก็มี
คือที่กรุงเทพมันก็มีแบบนี้จริง ๆ แหละ แต่มันไม่ได้หลากหลายละลานตาขนาดนี้
โซนอาหารแห้ง นอกจากพวกเส้นและซอสพาสต้าคละแบบ ยังมีสินค้าจากฝั่งเอเชียที่คุ้นเคย ทั้งเครื่องเทศ เครื่องปรุงรส อาหารกระป๋อง และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งสาขาที่เราไปมีมาม่าต้มยำกุ้งซองละ 1 USD เพียงรสชาติเดียว ที่เหลือเป็นหมี่โกเรงจากอินโดนีเซียและรามยอนจากเกาหลีใต้ โจหยิบปลากระป๋องและนิชชินรสไก่มา ส่วนเราหยิบนิชชินยากิโซบะคัพและไข่ไก่แพ็คสำหรับต้มกินพอให้หายอยาก
ส่วนเพื่อน ๆ ฟิลิปปินส์ดูจะซื้อของใช้มากกว่าของกิน นิคได้ผงซักฟอกกล่องใหญ่มา ส่วนกลุ่มสาว ๆ ซื้อเครื่องสำอางและเสื้อผ้า อังเดรหายไปที่มุมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์นานจนไม่รู้ว่าสุดท้ายได้อะไรกลับมา ก่อนกลับเราเดินสวนกับกลุ่มเด็กไทยที่แยกกับเราที่สถานี Whitefish
" ได้ทำที่ไหนอะ "
เราถามไปโดยสัญชาตญาณ แค่เคยเห็นหน้าไม่ได้แปลว่ารู้จักกันนี่หว่า แต่ก็หลุดปากถามไปเสียแล้ว
" อยู่เมนี่ แกอะ "
" เลคแมค "
" ฝากบอกไอ้ตาลด้วยว่าอากาศค่อยไม่หนาวบ้านแกดิ "
แมป ตัวแทนเด็กไทยฝั่ง Many Glacier ตอบเรามาอย่างอารมณ์ดี จริงของมัน ฝั่งตะวันออกมีแต่ภูเขา โรงแรมก็ยังไม่เปิดให้เข้าพักด้วย หิมะคงยังละลายไม่หมดและน่าจะหนาวกว่าฝั่งเราหลายเท่า
ยังไม่ทันได้ตอบกลับ แมปก็เดินเข้าวอลมาร์ทเสียแล้ว
อะไรของมันผู้ชายคนนี้
คนขับรถมารับพวกเราตรงเวลา
ต้องกลับไปทำงานแล้วสินะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in