- 03 bait -
หย่งชินแน่ใจว่าตนกำลังโดนปั่นหัวอยู่แน่ ๆ
นับแต่คิมโดยองแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าจะกลับไปหาวิธีถอดแหวนออก จนถึงวันนี้ก็ปาเข้าไปกว่าสัปดาห์แล้ว
หนึ่งสัปดาห์ที่แหวนเงินวงนั้นยังติดแหง็กอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของผู้ชายคนนั้นไม่ไปไหน และนอกเสียจากการนั่งหันหลังก้มหน้าทำอะไรก๊อก ๆ แก๊ก ๆ ในทุกวันหลังจากอีกฝ่ายกลับถึงบ้าน (คิมโดยองเคยอธิบายว่าเขากำลังพยายามดึงแหวนออกอยู่) ตามด้วยการหยิบมือถือมาต่อสายถึงเขาที่กำลังเฝ้าดู พูดด้วยน้ำเสียงเสียใจอย่างสุดซึ้งว่า ‘ยังไม่สำเร็จนะครับ...’ ก็ไม่เห็นจะมีอะไรคืบหน้าไปมากกว่านั้น
นั่นมันเรียกพยายามตรงไหนกัน !
นั่นมันพยายามแล้วเหรอ !
หย่งชินรู้สึกหงุดหงิดเหลือกำลัง มือที่ถือโทรศัพท์กำแน่น “ถ้าพรุ่งนี้ผมยังไม่ได้แหวนคืน ผมจะเข้าไปบริษัทคุณ”
ปลายสายเงียบไปเล็กน้อย หย่งชินเดาว่าอีกฝ่ายน่าจะอึ้งไปเพราะคำขู่ของเขา
“ได้ครับ” คราวนี้เป็นหย่งชินเองที่อึ้ง เสียงคิมโดยองดูไม่ได้เดือดร้อนเท่าที่เขาคาดไว้ “คุณจะเข้ามากี่โมง”
“สักบ่าย ๆ” เขาคาดคะเนระยะเวลาตื่นนอน อาบน้ำแต่งตัวจนเดินทางไปถึงที่นู่น โดยที่ไม่ทำให้ตัวเองลำบากมากไปนัก
“เที่ยงแล้วกัน จะได้กินข้าวกันสักมื้อ”
พูดจบก็ตัดสายไปดื้อ ๆ หย่งชินที่ตั้งรับกับการรวบรัดแบบนั้นไม่ทันจึงได้แต่กัดฟันกรอด นี่ไง เขาไม่ได้เข้าใจผิด หมอนั่นกำลังปั่นหัวเขาอยู่จริง ๆ ด้วย !
“บอกไว้ก่อนนะ ข้าวกลางวันของคุณติดสินบนผมไม่ได้”
หลังจากเลี้ยวเข้าร้านอาหารละแวกนั้นในวันต่อมา หย่งชินจึงเอ่ยเสียงเย็นชาใส่หน้าคิมโดยอง
“คร้าบ คร้าบบบ”
อาการหน้างอเป็นม้าหมากรุกของหย่งชินให้ความรู้สึกติดลบต่อคนมองอยู่นิดหน่อย แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าท่าทางเซื่องซึมซังกะตายที่เขาเจอเป็นครั้งแรก โดยองก้าวนำไปด้านใน เลือกโต๊ะที่ว่าง แล้วกางเมนูส่งให้อย่างเอาใจใส่
หย่งชินค้อนอีกฝ่ายขวับ คิดว่ามาทำดีด้วยแล้วจะรามือเรื่องคอมเพลนงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ !
“คุณ อันไหนอร่อยน่ะ”
หลังจากนั่งพลิกเมนูไปมาอยู่นาน หย่งชินจึงถามขึ้น โดยองแอบขำกับอาการนั้น แต่ก็แนะนำอาหารที่ขึ้นชื่อและรสชาติดีจริง ๆ ให้สองสามอย่าง
“สั่งเป็นกับข้าวแล้วมากินด้วยกันเหรอ ?” คนตรงข้ามถามขึ้นอีกครั้ง เหมือนการตัดสินใจเป็นสิ่งที่ยากเสียเหลือเกิน
“ถ้าคุณอยากลองหลายอย่างก็เอาแบบนั้นก็ได้”
“แต่ผมไม่ชอบกินอาหารร่วมกับคนอื่น” ว่าเสร็จก็เหลือบมองเขาด้วยหางตา ประหนึ่งดูแคลนอยู่ไม่น้อย
“แล้วคุณจะถามเพื่อ ?”
“นี่ คุณกล้าพูดแบบนี้กับลูกค้าได้ไง” หย่งชินบ่นมุบมิบ คิ้วงี้ขมวดมุ่น
โดยองกลอกตาเจตนาให้อีกฝ่ายเห็นจะจะ “ขอโทษครับคุณหลี่” ปากพูดกับกิริยาไม่ไปด้วยกันแม้แต่น้อย ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังกล่าวต่อว่า “เร็ว ๆ เข้าเถอะ สั่งช้าก็กินเสร็จช้า เดี๋ยวคุณจะหาว่าผมถ่วงเวลาอีก”
คราวนี้เป็นหย่งชินที่เบ้ปาก แต่ก็ไม่ได้ต่อปากต่อคำอะไร เขาหันไปสั่งอาหารที่อยากลองกินดู แต่ละอย่างล้วนแล้วแต่เป็นเมนูที่โดยองบอกว่าอร่อย ไม่นำพาสายตาคนตรงข้ามที่มองมาล้อ ๆ
ระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ หย่งชินมองไปรอบ ๆ ร้าน เขารู้สึกอารมณ์ดีขึ้นนิดหน่อย นานแล้วที่ไม่ได้ออกมานอกบ้าน ไม่ได้พบเจอผู้คน ไม่ได้มีความรู้สึกว่าอยากกิน หรือต้องกิน
ก่อนหน้านี้เขาก็ตัวผอมบางอยู่แล้ว นับจากเกิดเรื่องจึงแทบจะปลิวลมได้อยู่รอมร่อ ถ้าเทียบกับคนสูงโปร่งอย่างคิมโดยองตรงหน้า หย่งชินตัวเล็กกว่า แถมยังดูบอบบางกว่ามากด้วย
เขาสองคนไม่ได้คุยกัน บรรยากาศที่ควรน่าอึดอัดกลับค่อนไปทางเฉยชาเสียมากกว่า ที่จริงคือ หย่งชินไม่ได้แคร์อะไรพนักงานบริษัทสั่งเสียก่อนตายสักเท่าไหร่ ในเมื่อมันไม่จำเป็นที่เขาต้องทำอะไรเปลืองแรงแบบนั้นเลย
ถ้าเขาจะพอมีความรู้สึกอะไรกับคิมโดยองคนนี้อยู่บ้าง ก็คงเป็น ความหงุดหงิดล่ะมั้ง
ยิ่งเหลือบไปเห็นแหวนของเขาเองยังกอดเกี่ยวนิ้่วนางข้างซ้ายของอีกฝ่ายไม่ไปไหน หย่งชินยิ่งหน้างอหงิก
โดยองสะดุ้งเล็กน้อยตอนมือของอีกฝ่ายเอื้อมมาจับมือของเขาหมับ แหวนเจ้ากรรมวงเดิมถูกดึงถูกหมุนอยู่สักพักแต่ก็ไม่ขยับ เป็นเขาเองที่เริ่มเจ็บจนเผลอร้องออกมาคำเล็ก ๆ ตาโต ๆ ของหลี่หย่งชินจึงได้ช้อนมองหน้าเขานิ่ง
ทำหน้าเหมือนโกรธกันมาสักสิบชาติงั้นแหละ
“มื้อนี้คุณกินน้อย ๆ เลย”
หย่งชินว่าพลางสะบัดมือเขาออก เหมือนทิ้งขยะ
“ทำไมล่ะ” โดยองถาม
“ผมว่าคุณต้องไดเอท”
“ผม ?” โดยองชี้หน้าตัวเอง ดูงุนงง “ผมเนี่ยนะ ?”
“ไม่ใช่คุณแล้วจะใคร”
“อย่าบอกนะว่า คุณจะให้ผมลดน้ำหนักเพื่อจะได้เอาแหวนออกได้”
ใบหน้าเล็กกดขึ้นลง ทำหน้าเหมือนโล่งอกไม่น้อยที่เขาฉลาดขึ้นมาได้
“ไหนว่าคุณรีบ” โดยองลองหยั่งเชิง เพราะที่เขาเข้าใจ วันฆ่าตัวตายของหลี่หย่งชินคือหนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้พอดิบพอดี
“ก็รีบไง”
“แล้วลดน้ำหนักมันรีบได้ตรงไหนกัน”
“คุณไม่เคยได้ยินคอร์สเร่งรัดรึไง” หย่งชินเชิดคางสวน ส่ายหัวน้อย ๆ เหมือนโดยองช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ซื่อบื้อซะเหลือเกิน “ผมมีเวลาให้คุณหนึ่งอาทิตย์ ออกกำลังกาย กินให้น้อยที่สุด แล้วเอาแหวนออกมาซะ !”
หย่งชินแน่ใจว่าตนกำลังโดนปั่นหัวอยู่แน่ ๆ
นับแต่คิมโดยองรับปากว่าจะลดน้ำหนัก นี่ก็เป็นวันที่สามแล้วที่ตนต้องมานั่งดูหมอนั่นถอดเสื้อโชว์อก ใส่กางเกงขาสั้นตัวเดียว แล้วเดินทำนู่นทำนี่อยู่ในบ้าน
“นี่คุณ” หย่งชินกรอกเสียงเข้าไปทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย “ออกกำลังกายสิ ไม่ใช่เดินเฉย ๆ”
“แค่ขยับเท่ากับออกกำลังกายไง สสส.บอก คุณไม่เคยดูทีวีสิเนี่ย”
“เหงื่อไม่ออกจะลดน้ำหนักได้ไง !“ หย่งชินแผดเสียง
“ทำไมจะไม่ออก” โดยองบ่นพึมพำ ครู่เดียวก็กดตัดสายโดยไม่สนใจว่าจะโดนโวยวายใส่ แต่ทันใดนั้นเขาก็กดวีดีโอคอลกลับไปใหม่ “เนี่ย คุณดูสิ เหงื่อเต็มเลยเนี่ย” ไม่พูดเปล่า เขาดึงโทรศัพท์มาใกล้ ๆ กับแผงอก ใช้นิ้วชี้ให้เห็นจะจะว่าการทำงานบ้านก็เรียกเหงื่อได้
หย่งชินอึ้งจนพูดไม่ออก
โดยองยังไม่เลิกเคลื่อนมือถือต่ำลงไปกว่านั้น
“เฮ้ย ๆๆๆ พอ !”
โดยองแอบขำโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ “เพราะฉะนั้นคุณอย่าพูดมั่วซั่ว ผมลดน้ำหนักให้คุณอยู่ คุณก็เห็น”
“อย่าให้รู้นะว่าคุณแอบกินข้าวเย็น”
“อื้อ ผมไม่กิน”
“ของทอดก็ต้องงดนะ”
“ครับ ครับ”
“กาแฟก็ห้ามไปก่อน”
“รู้แล้วน่า”
“ขาหมูที่คุณชอบพักนี้ก็ไม่ได้นะ”
หย่งชินนึกถึงเมนูที่อีกฝ่ายโปรดปรานขึ้นมาได้เลยห้ามเสียงเย็นเฉียบ
เป็นอีกครั้งที่โดยองแสร้งหันไปด้านข้างแล้วแอบยิ้ม ก่อนที่หย่งชินจะห้ามอะไรให้เขาต้องผิดศีลข้อมุสาอีก โดยองก็หันกลับมาสบตากับคนตัวเล็กในโทรศัพท์พลางกล่าวสั้น ๆ ว่า
“ครับ รู้แล้วครับ คุณแม่”
.....
#เอี่ยวไถ่โดเตนล์
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in