"Tell me why you did that?"
"Why do you have to be so nervous?"
"I won't get you in trouble. Just tell me why you did that?"
เชื่อดิ ใคร ๆ ก็เคยทำผิดกันทั้งนั้นแหละ..
.
.
.
ข้างบนนู้นเป็นประโยคที่ยามมหาลัยพูดกับเราหลังเราโดนจับจากการให้เพื่อนใช้บัตรคนอื่นแอบเข้ามาในตึก..
.
.
มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอก คือเราแค่อยากให้เพื่อนเข้าไปนั่งรอระหว่างรอเราเรียน ก่อนไปเที่ยวด้วยกันต่อแค่นั้นเอง 555
.
แต่เนื่องจากการที่เราไม่ค่อยได้ทำผิด(?) และบัตรที่ใช้นั้นเป็นบัตรนักเรียนของรูมเมทที่เรายืมมาให้เพื่อน และรูมเมทมีสอบ Midterm ตอนเช้าวันถัดไป ตอนนั้นเลยรู้สึกกระวนกระวายมาก และระหว่างพยายามจะพูดอธิบายให้ลุงยามฟังไปก็เหมือนจะร้องไห้ 5555 ความรู้สึกจริง ๆ ไม่ได้จะร้องไห้หรอกแค่เครียดกลัวรูมเมทไม่ได้สอบ ยามบอกจะยึดบัตรไว้ โถ่
.
.
.
โรงเรียนที่อเมริกา (หรือที่อื่นด้วยรึเปล่าไม่แน่ใจ) จะมีช่วงเบรคระหว่างภาคเรียนประมาณ 2 อาทิตย์
ช่วงที่เราไปเป็นเทอม Spring เพราะฉะนั้นจะมี Spring break ระหว่างเทอม ประมาณกลางเดือนมีนาคม - เมษายน
.
.
เรามีเพื่อนคนไทยที่ไปเรียนที่นู่นเหมือนกันทั้งเพื่อนเราและเพื่อนรูมเมท แต่มีแค่เรากับรูมเมท 2 คนที่อยู่นิวยอร์ก คนอื่นจะไปฝั่งแคลิฟอร์เนียกันซะส่วนใหญ่
.
.
พอช่วงเพื่อนฝั่งแคลิฟอร์เนียเบรค เลยได้โอกาสที่เราจะนัดมาเจอกันที่นิวยอร์ก
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราได้เที่ยวเยอะมาก เรียกได้ว่าวันนึงคิวแน่นกว่าทัวร์จีน 8 โมงล้อหมุน เบอร์นั้นเลย เป็นช่วงประมาณอาทิตย์กว่าที่เราได้เที่ยว (อย่างจริง ๆ จัง ๆ) จนเกือบทั่วแมนฮัตตัน
.
.
.
.
.
แต่เนื่องจากคอลเลจที่เราเรียนยังไม่ได้อยู่ในช่วงเบรค เราเลยจำเป็นต้องโฟกัสทั้งสอบ เรียนและเที่ยวไปพร้อม ๆ กัน!
.
.
.
.
.
.
.
.
เราเอาความที่เจอตลอดว่าฝรั่งแยกเอเชียไม่ออกหรอก เค้าดูรูปไม่ออกหรอก มาใช้ในการขอยืมบัตรเพื่อนมาให้เพื่อนอีกคนใช้ ทั้ง ๆ ที่หน้าไม่ได้มีความเหมือนกันเล้ยยย เอาจริงคือต้องค่อนข้างเอ๋อเท่านั้นที่จะดูไม่ออกว่าไม่ใช่เจ้าของบัตร 555
.
.
เนื่องจากที่ตึกเรียนจะมีการสุ่มตรวจบัตรเป็นบางครั้ง แต่ด้วยความที่เราเองไม่เคยโดนเลยตั้งแต่เรียนมาหลายเดือน เลยทำเนียนเดินเข้าไปเฉย ๆ
.
เราเองไม่โดนตรวจอีกแล้วเหมือนกับทุกครั้ง
แต่ดั๊นนนน เพื่อนที่ใช้บัตรปลอมดั๊นนนนนโดนเรียก..
.
จริง ๆ เตี๊ยมกันไว้กับเพื่อนแล้วนะว่าถ้าโดนเรียกให้บอกเค้าว่าที่รูปในบัตรไม่เหมือนนั้นไม่มีอะไรมาก เพิ่งไปโมหน้าที่เกาหลีมา แต่เอาจริง ๆ ใครจะไปเชื่อ คิดได้ไงวะ 5555
.
ตอนนั้นได้แต่ทำอะไรไม่ถูก อุตส่าห์ทำหน้าตีเนียนผ่านไปแล้วนะตอนแรก แต่เมื่อโดนจับได้เลยต้องยอมรับชะตากรรม
.
.
ตอนนั้นพยายามอธิบายให้ลุงยามฟังแล้วว่าทำไมทำแบบนั้น แต่มันเหมือนจะร้องไห้ขึ้นมาเฉย ๆ อะ เก็ทมะ 555 มันพูดไรไม่ออก จริง ๆ คือไม่ได้จะร้องไห้นะแต่มันกดดันและเครียด (เป็นบ้า..) แต่ในขณะที่เราเครียดมากนั้น เพื่อนเรากลับรู้สึกตรงกันข้าม นางทำหน้าเหวี่ยงใส่ลุงยามประมาณว่าลุงจะมีปัญหาอะไรเยอะแยะ!
.
.
.
คุณลุงยามเบอร์นาร์ดเห็นเราเอ๋อมากเลยใส่มาเต็มที่ แต่ไม่ใช่แบบพยายามทำให้เรารู้สึกแย่หรอก เหมือนเค้าพยายามสอนมากกว่า เค้าบอกว่ารู้มั้ยทำแบบนี้มันไม่ถูกต้อง ถ้าไม่ใช่คนดี ๆ แอบเข้าไปล่ะ ไม่อยากให้ทำแบบนี้อีก มันไม่ดีต่อคนส่วนรวม คือเราก็เข้าใจแหละ เลยบอกไปว่าไม่ทำแล้วจ้า ขอบัตรคืนได้มั้ย..
.
.
สุดท้ายเค้าก็ปล่อยเราขึ้นตึกไปได้ ให้เพื่อนรอข้างนอก แต่ไม่ยอมคืนบัตรให้ บอกให้เจ้าของบัตรมาเอาเอง ลุงง่ะ ตอนนั้นก็เลยเครียดกว่าเดิม แล้วรูมเมทจะสอบยังไง๊
.
.
.
แต่ระหว่างยืนเครียดรอลิฟท์อยู่นั้น เค้าก็เดินมาคืนให้ซะเฉย ๆ ตอนนั้นพูดตามตรงคือน้องสับสนและงงมาก...
.
จริง ๆ ที่งงกว่าก็คือตัวเองนี่แหละ กลับมานั่งคิดถึงวันนั้นแล้วก็งงตัวเองว่าจะเครียดไรเบอร์นั้น 55555
.
.
.
.
.
นอกจากที่คอลเลจที่ตรวจบัตรแล้วก็มี Clubs & bars ที่ต้องตรวจเช่นกัน (แน่นอน555) ที่นี่ต่างจากที่ไทยคือเราจะเข้าคลับหรือบาร์ได้เมื่ออายุ 21 ปีขึ้นไปเท่านั้น ได้ยินมาว่าที่นี่เค้าตรวจจริงจังมาก แต่เราอายุเกินแล้วไม่มีปัญหา แต่จะมีเพื่อนบางคนที่ยัง 18 - 20 อยู่ แต่ที่คลับนี้ใช้หลักการคนเอเชียหน้าเหมือนกันได้ เราเห็นเพื่อนเอเชียแลกบัตรกันใช้ได้ไม่มีปัญหาเลย ส่วนเพื่อนยุโรปที่อายุไม่ถึงก็ใช้บัตรปลอม... หรือบางคนก็ขูดบัตรเปลี่ยนปีเกิด แต่ไม่โดนจับได้ งงเหมือนกัน จริง ๆ เราว่าถึงเค้าบอกกันมาว่าตรวจโหดแค่ไหน เราว่ายังไงก็หละหลวมอยู่ดี หรือเค้าหยวน ๆ ให้ก็ไม่รู้ (แต่ไม่น่านะ 555)
ครั้งนึงตอนรอตรวจบัตรเค้าถึงกับเล่นมุกว่า Show your fake ID please!!
การมี Rules ที่จริงก็สำคัญนะ แต่ละสถานที่ก็ต้องมีกฎไว้เพื่อความสงบสุขของทุกคน แต่แต่ละคนคงให้ความสำคัญกับ Rules ไม่เท่ากัน
.
.
.
แต่บางครั้งเราก็ไม่ได้ทำตามกฎเสมอไป (ทุกคนก็ต้องมีบ้างแหละ มั้ง../ หาพวก 5555)
.
มีบางครั้ง.. เอ่อ จริง ๆ แล้วก็หลายครั้ง ที่เราแอบเข้า Subway หรือขึ้นบัสฟรี จริง ๆ แล้วแย่มาก แต่บางทีมันก็สุดวิสัย เพราะบางทีเวลารีบมาก ๆ แล้วสถานีมันไม่มีเครื่องให้เติมเงิน หรืออย่างที่รอขึ้นบัสก็ไม่มีให้เติม แล้วบัตรที่มีเงินดันหมดพอดี๊พอดี
.
.
.
.
.
.
.
.
แต่ที่แย่กว่านั้นคือเรามีเพื่อนสนิทคนนึง ชื่อจัสติน นางจะมีโปรโมชั่นนู่นนี่ ตรงนี้ลดราคา ทำอย่างนี้คุ้มที่สุด อะไรแบบนี้มาเสนอตลอด จริง ๆ แล้วเค้าเป็นคนฉลาดมากเลย (โม้ตลอดว่าตัวเองเป็นกลุ่มคนเก่ง Top 3% ในมหาลัย 555 เบื่อมาก โม้ทุกอาทิตย์ 5555) เวลาไปเที่ยวกัน เค้าจะชอบเปิดประตูฉุกเฉินให้เข้าไปในสถานีจะได้ไม่ต้องเสียเงินค่า Subway (แย่มากกก) แต่คนทำงี้เยอะมากเลย แล้วเค้าจับไม่(ค่อย)ได้ด้วยเพราะที่นี่จะรูดบัตรแค่ตอนเข้า แล้วคนก็เยอะมาก บางสถานีก็มีแต่ประตูให้รูดบัตรเข้าเฉย ๆ ไม่มีคนเฝ้า ไม่มีเครื่องเติมเครื่องออกตั๋วอะไรใด ๆ
.
จัสตินยังมีการมาเล่าให้ฟังอีกว่า นี่ยูรู้มั้ย อาทิตย์ที่แล้วเพื่อนไอขึ้นรถไฟฟรีทั้งอาทิตย์เลย เราก็งง เฮ้ยได้หรอ เพื่อนเค้ายังมีการมาภูมิใจโชว์ด้วยว่าขอให้คนอื่นเปิดให้ (อันนี้ไม่โอเคมาก..)
.
.
แย่กว่านั้นอีกคือเพื่อนคนนิวยอร์กถือบัตรซับเวย์ที่เป็น Student card เค้าจะไม่ให้ใช้เกิน 3 ทุ่ม แต่มีอยู่ครั้งนึงที่เลยสามทุ่มมา 3 นาที ไปขอเค้าเค้าไม่ให้ นางเลยฝากให้เราถือลูกบาสให้แล้วพอรถไฟมาก็กระโดดข้ามที่กั้นตรงนั้นเลย.. (เราก็ยืนช็อคและเอ๋อไปพร้อมๆกัน) แต่เค้าดูชินมาก เดินมาหาแบบชิว ๆ ดึงลูกบาสกลับไปแล้วบอกแต๊งกิ้ว เราเลยแบบ เฮ้ยนี่ปกติหรอ 5555
.
ที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะรู้สึกว่านี่เป็นอะไรที่เป็นเรื่องของจิตสำนึกนิดนึง เพราะเค้าไม่เช็คไม่ตรวจละเอียด สิ่งที่ทำได้ให้รักษาผลประโยชน์ส่วนรวมมากที่สุดคงเป็นการทำตามกฎด้วยตัวเอง
.
.
.
.
.
นอกจากเรื่องแหกกฎทั้งหลายแหล่แล้วก็มีเรื่องอื่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พอจำได้แล้วรู้สึกว่าทำไมตัวเองทำอย่างนี้วะ 5555 อย่างเช่นเรื่องการบ้านจากมหาลัย ที่บางทีมันง่ายมาก เพราะส่วนมากจะเป็นปลายเปิด ให้เราได้คิดเยอะ ๆ ให้เขียนว่าทำไมถึงคิดแบบนี้ เขียนอะไรก็ได้ กับบางทีที่มันปวดหัวมากอย่างเช่นงานที่ต้องใช้โปรแกรมเฉพาะ ใส่สูตรในโปรแกรม คิดเลขเยอะ ๆ แล้วต้องมาวิเคราะห์ความหมายอีก โดยอาจารย์จะให้โจทย์มาแล้วเราก็ทำส่งกลับทางอีเมล มีหลายงานที่เราใช้เวลาหลายวันมาก จนคืนสุดท้ายมันไม่ไหวแล้ว ปลงมาก จะเช้าแล้วด้วย อยู่ดี ๆ ในหัวก็คิดทางแก้ปัญหานี้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด นั่นก็คือลบคำถามทิ้งแม่ง 5555 (แย่จัง อย่าทำตาม ไม่ดี)
.
แต่พอคะแนนออก อ้าวได้เกือบเต็มเฉย คืออะไรอาจารย์! 555
.
.
.
.
จริง ๆ แล้วมีเรื่องอื่น ๆ ที่เราเห็นว่าที่นิวยอร์กเค้าก็ดูไม่จริงจัง หรือไม่สนใจ หรืออะไรก็ไม่แน่ใจ อย่างเช่นกฎหมายเกี่ยวกับ Weed หรือกัญชา (อันนี้เราไม่ได้ยุ่งนะ แค่เขียนเพื่อบอกเล่าที่รู้ที่เจอมาเฉย ๆ 555) ในอเมริกานั้นกัญชาอาจเป็นสิ่งผิดหรือถูกกฎหมายขึ้นกับกฎหมายของแต่ละรัฐ แต่อย่างนิวยอร์กนั้นกัญชาถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่เพราะอะไรไม่รู้ ถ้าเราเดิน ๆ ไปในเมืองเราจะได้กลิ่นบางคนที่เดินสวนมา เป็นกลิ่นแปลก ๆ ตอนแรกเราก็ไม่รู้หรอก มารู้ทีหลังว่ามันคือกลิ่นของกัญชา ได้กลิ่นแบบนี้อยู่บ่อย ๆ ครั้งแรกที่ได้กลิ่นนี้คือหน้าห้องในอพาร์ตเมนต์! นึกว่ากลิ่นขยะเน่า ๆ อะ อารมณ์นั้นเลย เหมือนกับว่ามันค่อนข้างเป็นเรื่องปกติ เราเลยถามเพื่อนคนนิวยอร์ก เค้าบอกว่าเหมือนมันผิดกฎหมายแต่มันไม่ผิด (...) งงมะ แบบมันผิด แต่เค้าไม่ได้ทำอะไร ค่อนข้างที่จะปล่อย ๆ ไป
.
.
.
เคยมีบางครั้งที่เราเดินบนถนนตอนกลางคืนแล้วเห็นคนนั่งสูบอยู่ก็มี แอบตกใจนิดนึง ไม่เคย Expect ว่าจะเจออะไรแบบนี้ แต่ที่ตกใจกว่าคือเรื่องที่เพื่อนเล่าให้ฟังว่าตอนกลางคืนดึก ๆ ก็มีคนเข้าไปสูบกันใต้สะพานในเซนทรัลพาร์ค
.
.
.
จริง ๆ เราว่าเซนทรัลพาร์คสวยมากเลยนะ แต่ก็แอบน่ากลัวอยู่เหมือนกันนิดนึง ด้วยความที่มันใหญ่มาก ๆ คงเป็นเรื่องยากที่จะดูแลความปลอดภัยได้อย่างทั่วถึง มีแต่คนเตือนเราตลอดว่าถ้าจะไปให้ไปตอนกลางวันแดด ๆ คนเยอะ ๆ ก็พอ พอตกเย็นไม่ต้องไปแล้ว อันตราย
.
.
.
.
.
.
.
(นอกเรื่องนิด ข้ามได้ หลอน มีอยู่วันนึงเราไปเดินเล่นริมบ่อน้ำในเซนทรัลพาร์ค อากาศดีกำลังสบาย ๆ เดินอย่างแฮปปี้มีความสุขสวย ๆ ไม่มีอะไรหรอก แต่พอถัดมาประมาณสองสามวันมีข่าวว่ามีคนเจอศพในบ่อน้ำนั้น 2 ศพ (ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน) ถ้าจำไม่ผิดในข่าวบอกว่าศพนั้นเสียชีวิตมากี่เดือนแล้วไม่รู้ตั้งแต่ช่วงที่บ่อน้ำเป็นน้ำแข็ง พอน้ำแข็งละลายในช่วง Spring ตอนที่เราไปเดินเล่นนั้น ศพเลยลอยขึ้นมา... ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเราเป็นคนเจอจะช็อคเบอร์ไหน TT
>> ไปหามา https://www.nytimes.com/2017/05/10/nyregion/central-park-bodies-pond-reservoir.html เผื่อใครสนใจข่าวค่ะ)
.
.
.
.
.
.
.
กลับมาที่เรื่อง Weed..
นอกจากวีดในรูปของวีดเองแล้ว เราเพิ่งมารู้ว่า Brownies ใช้เป็นสแลงของวีดด้วย เพราะบางทีคนที่เสพกัญชาอาจใส่เข้าไปผสมในบราวนี่แล้วกินกัน
.
.
ความรู้สึกเราสำหรับเรื่องนี้คือแปลก เนื่องจากตลอดชีวิตที่ผ่านมาได้รับข้อมูลมาว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดี เป็นสิ่งเสพติด เป็นสิ่งผิดกฎหมาย พอมาอยู่ในสภาพที่สิ่งที่ถูกระบุอย่างนั้นกลายเป็นสิ่ง(เกือบจะ)ปกติเลยรู้สึกแปลก ๆ สำหรับเราเองค่อนข้าง No comment ว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกหรือผิด ไม่อยากพูดไปเลยว่ามันผิด แต่ก็ไม่ได้เห็นด้วยทั้งหมดว่ามันเป็นเรื่องดี เอาเป็นว่าเป็นเรื่องที่แล้วแต่คนมองแล้วกัน แต่ที่รู้คือในไทยและหลายประเทศในเอเชียผิดเต็ม ๆ ค่ะ 555 ไม่ใช่แค่ผิดกฎหมายแต่เป็นเรื่องที่ดูค่อนข้างไม่ดีด้วย
.
.
.
.
.
.
.
.
.
จริง ๆ อะไรที่เรารู้สึกว่าไม่ดี หรือรู้ว่ามันไม่ดีอย่าทำเลยดีกว่า ถึงเราไม่ได้โดนจับได้หรือโดนลงโทษ คนที่รู้สึกแย่หรือรู้สึกผิดก็คงไม่มีใครเลยนอกจากตัวเราเอง
.
.
นึก ๆ แล้วก็ยังหลอนกับการโดนยามจับได้ไม่หาย 55555 ยังหลอนทุกครั้งเวลาเจอคนชื่อ Bernard รู้สึกเหมือนจะโดนจับส่งฝ่ายปกครอง
.
นึกถึงวันที่แอบเข้า Subway แล้วมีตำรวจเดินตามขึ้นมาบนรถไฟสามคน ตอนนั้นระแวงกลัวโดนจับมาก ทั้งที่จริง ๆ แล้วตำรวจเค้าแค่มาขึ้นรถไฟเฉย ๆ
.
.
.
.
ยังไงก็ตาม สิ่งเหล่านี้ที่น้องได้กระทำลงไป (ยกเว้นเรื่อง Weed ) ล้วนเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี แต่แค่อยากบอกเล่าประสบการณ์บางอย่างที่ผ่านมาเก็บเอาไว้
Enjoy your life (don't break the rules!)
x
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in