เวลาที่ได้ใช้ร่วมกัน มันทั้งเต็มไปด้วยความสุขและความสับสน
ความใจดีและความอ่อนโยนของชิราอิชินั้นนิชิโนะรู้สึกถึงมันได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการกระทำหรือถ้อยคำที่คอยแสดงความเอาใจใส่ ทั้งเวลาที่ได้พูดคุยและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน สามารถรับรู้ได้ถึงความสุขล้นที่แผ่ซ่านอยู่เต็มหัวใจ จนเผลอคิดไปว่าทุกอย่างกำลังไปได้ดีแล้วแท้ๆ แต่ถึงอย่างนั้นชิราอิชิก็ยังไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมาอยู่ดี แม้ว่าจะรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคน แต่พอมองลึกเข้าไปในดวงตาของผู้หญิงคนนั้นก็ยังคงมีแต่ความคลุมเครืออยู่เต็มไปหมด
สุดท้ายแล้วก็ไม่รู้ว่าเธอมีความรู้สึกอย่างไรกับนิชิโนะกันแน่
"เป็นอะไรรึเปล่า ?"
เสียงทักท้วงดังขึ้นทำให้นิชิโนะนึกขึ้นได้ว่าเธอไม่ได้อยู่เพียงลำพัง พอมองหน้าซากุไรที่แสดงความเป็นห่วงก็เผลอยิ้มออกมาอย่างเหนื่อยล้าก่อนจะส่ายหน้าเชิงว่าไม่เป็นไร ก้มมองถ้วยข้าวที่ไม่ได้ลดปริมาณลงเลยสักนิดก็รู้สึกผิดกับอีกฝ่ายที่อุตส่าห์ชวนมาด้วยกัน
ความจริงนิชิโนะไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มานั่งกินข้าวกับซากุไรเลยสักครั้งแม้ว่าจะทำงานอยู่แผนกเดียวกันก็ตาม แต่พอนึกย้อนกลับไป ขนาดคนที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนอย่างชิราอิชิเธอยังหลงตัวไปกับอีกฝ่ายไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ เพราะอย่างนั้นแล้วมันคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนักหรอกหากจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมา อีกอย่างซากุไรก็ดูน่าไว้ใจกว่าชิราอิชิในตอนนั้นเยอะเลย
ซากุไรชั่งใจอยู่สักพักก่อนจะถอนหายใจออกมาพลางมองมายังนิชิโนะที่เริ่มจะเหม่อลอยขึ้นมาอีกแล้ว "เดี๋ยวข้าวก็เย็นหมดหรอก"
"อ๊ะ โทษทีๆ"
"แน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นอะไรน่ะ"
"แน่ใจสิ แค่เครียดเรื่องงานเท่านั้นเองแหละ"
"แต่ว่า--" โทรศัพท์ที่สั่นมาขัดจังหวะการพูดของซากุไร เธอมองมันสลับกับหน้าของนิชิโนะก่อนจะตัดสินใจรับโทรศัพท์ บทสนทนาที่ไม่ได้ตั้งใจแอบฟังผ่านเข้ามาในโสตประสาท ทั้งสีหน้าที่เปลี่ยนไปจากเมื่อกี้ลึกลับ ทำให้นิชิโนะเผลอใช้มือทัดผมไว้ที่ใบหู
นั่นคงจะเป็นวาคัตสึกิสินะ
นิชิโนะรู้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เมื่อ2-3อาทิตย์ก่อนหลังจากที่ซากุไรเผลอหลุดปากออกมาว่าเพิ่งจะย้ายไปอยู่กับวาคัทสึกิ เธอก็เลยลองถามออกไปตรงๆ และก็ได้คำตอบอย่างตรงไปตรงมาจากอีกฝ่ายเช่นกัน ทั้งโดนยิงคำถามกลับมาด้วยว่าเธอคิดอย่างไร
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนก็คงจะคิดว่ามันแปลกไม่น้อยล่ะมั้ง แต่ในตอนนี้ นิชิโนะกลับรู้สึกอิจฉาทั้งคู่ขึ้นมาเสียอย่างนั้น
.
.
หลังจากที่แยกกับอีกคน นิชิโนะก็กลับห้องโดยไม่ได้แวะไปที่ไหนอีก ขณะที่กำลังทิ้งร่างกายแสนเหนื่อยล้าลงไปที่โซฟาหนังสีครีม โทรศัพท์ในกระเป๋าก็สั่นไม่ยอมหยุด เธอรู้ดีว่าคนที่โทรมาในยามนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นจึงรับสายโดยที่แทบไม่ต้องมองเลยด้วยซ้ำ
"คะ ?"
"นานาเสะนอนรึยัง ?" เสียงหวานทุ้มที่เรียกชื่อต้นของเธออย่างห้วนๆนั่นไม่ว่าจะได้ยินกี่ครั้งก็ไม่รู้จักเคยชินเสียทีจนต้องเอื้อมมือไปหยิบตุ๊กตามากอดไวแล้วชันเข่าขึ้นมา
"ยังค่ะ เพิ่งกลับมาถึงห้อง.."
"เอ๋ ดึกขนาดนี้เลยเหรอ ช่วงนี้ทำงานหนักเกินไปรึเปล่า?"
"ก็แค่ช่วงนี้เท่านั้นแหละ แล้วไมล่ะ ทำไมถึงยังไม่นอน ?" แล้วการต้องเรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อต้นเหมือนกันก็เป็นสิ่งที่สร้างความลำบากให้กับหัวใจของนิชิโนะอยู่ไม่น้อย ตอนนี้ก็เลยซบหน้าที่ร้อนผ่าวลงกับตุ๊กตาทำให้เสียงอู้อี้ไม่ชัดเจนจนคนที่อยู่ในสายหัวเราะออกมา
"มีเรื่องที่อยากคุยด้วยน่ะ...คือ..ที่นัดกันไว้คราวก่อน..”
"ทำไมเหรอ?"
"ดูเหมือนว่าจะติดงานกะทันหันน่ะค่ะ"
"งั้นก็ต้องยกเลิกสินะคะ"
"อื้อ ขอโทษด้วยนะ...ก็เลยจะถามว่าวันพรุ่งนี้ว่างรึเปล่าน่ะ"
"พรุ่งนี้เหรอคะ..พรุ่งนี้..." นิิชิโนะพึมพำไปมาก่อนจะนึกอยู่พักใหญ่ พรุ่งนี้ไม่ต้องทำโอที ไม่ได้นัดกับใครไว้ ไม่ได้มีธุระที่ไหน...แปลว่าว่างสินะ พอสรุปกับตัวเองได้ดังนั้นจึงตอบชิราอิชิไป "ว่างค่ะ"
"ดีเลย ! งั้นเดี๋ยวฉันไปหาที่ห้องนะ"
"เอ๊ะ !?--ทำไมถึงเป็นห้องฉันล่ะคะ" ถึงชิราอิชิจะเคยมาที่ห้องของเธอก็เถอะ แต่แบบนี้มันออกจะกะทันเกินไปหน่อยไหม....
"ฉันมีนัดแถวนั้นพอดีเลยน่ะ หรือนานาเสะอยากไปไหนรึเปล่า ?" ปลายเสียงใจเย็นไม่ได้รับรู้ถึงความประหม่าของนิชิโนะเลยสักนิด
"ก็....ไม่มีค่ะ..."
"งั้นแปลว่าโอเคนะ...ฉันไม่กวนแล้ว ฝันดีค่ะ"
ชิราอิชิวางสายไปแล้วเหลือเพียงนิชิโนะที่ยังคงแนบโทรศัพท์ไว้ที่หูของตัวเองพร้อมหลับตาลงอย่างใช้ความคิด ความสับสนเหล่านั้นได้ย้อนกลับมาหาเธออีกครั้ง เหมือนกับว่าเป็นกับดักที่คอยทำให้เธอวนเวียนอยู่กับความไม่เข้าใจในความคิดของอีกฝ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมกันนั้น ความรู้สึกที่อยากจะให้วันพรุ่งนี้มาถึงเร็วๆนั้นก็ช่างน่ารำคาญเสียยิ่งกว่าอะไร
.
.
.
ในคืนนั้น นิชิโนะฝันถึงชิราอิชิ
ในความฝันนั้นพวกเรากำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่ตรงโซฟาสีครีมที่เหมือนกับในห้องของนิชิโนะ ซึ่งนั่นคงจะแปลว่าสถานที่คงจะเป็นภายในห้องของเธอ หญิงสาวอายุมากกว่าพูดอะไรบางอย่างกับนิชิโนะก่อนจะค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ ต่อจากนั้นในความฝันที่แสนเลือนลางที่จำได้คือ
ชิราอิชิกำลังจูบเธอ
"บ้าหน่า ! "
พอนึกถึงทีไรก็ต้องยกมือขึ้นมาปิดหน้าที่กำลังแดงของตัวเองทุกที เรื่องแบบนั้นน่ะ....ไม่เคยจินตนาการถึงมันเลยสักครั้ง
ถึงตอนนั้นก็เกือบจะทำอะไรแบบนี้ไป แต่นั่นก็เพราะเธอกำลังเมาอยู่ต่างหาก ในชีวิตจริงก็ไม่เคยจะไปจูบกับใครที่ไหน ไม่เคยหมกหมุ่นกับเรื่องแบบนั้นด้วย แต่ทำไมถึงได้... คิดแล้วก็เผลอเอามือมาลูบริมฝีปากตัวเองไปมา ทั้งความรู้สึกและสัมผัสทุกอย่างราวกับว่าเกิดขึ้นมาจริงๆนั้นทำให้นิชิโนะหายใจไม่ทั่วท้อง "ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ..."
"เอ่อ...นานาเสะ ทำอะไรอยู่น่ะ ?"
นิชิโนะหันขวับไปมองหญิงสาวที่ทักท้วงถึงท่าทางแปลกๆของเธอที่กำลังพิงหัวเข้ากับประตูห้องไว้อยู่ เธอเลิกลั่กเด้งตัวกลับขึ้นมาในทันทีก่อนจะส่งยิ้มแก้เก้อไปให้อีกฝ่าย และมันคงเป็นปฏิกิริยาตอบสนองโดยอัตโนมัติถึงเรื่องที่กำลังคิดอยู่ขณะนี้ สายตาของเธอถึงได้เผลอไปจ้องมองริมฝีปากสีแดงอยู่นานจนโดนท้วงเข้าอีกรอบ
"นี่ ได้ยินที่พูดไหม ?"
"อ-เอ๊ะ !? ค่ะๆ..ท-ทำไมถึงมาเร็วจังล่ะคะ ?"
"ก็ส่งข้อความมาบอกแล้วไงว่ากำลังจะถึงน่ะ"
"อ๋อ....ข้อความนั่นสินะ" ถ้าตอบตามความจริงแล้วนิชิโนะที่เอาแต่คิดวกวนอยู่กับความฝันบ้าๆนั่นก็แทบจะไม่ได้สนใจสิ่งต่างๆรอบตัวเลยสักนิด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายส่งข้อความมาตอนไหน "คือว่า—ขอเปิดประตูแปปนะคะ" ตัดบทสนทนาไปเสียดื้อๆ ก่อนจะหมุนตัวกลับมาหน้าประตูเพื่อเปิด ปากก็พึมพำอะไรไม่ได้ศัพท์ไปด้วย
"นี่ ให้ฉันช่วยไหม ?"
"ม-ไม่เป็นไรค่ะ"
"ให้ฉันช่วยดีกว่านะ" ชิราอิชิท้วงขึ้นมาอีกรอบที่เห็นคนตรงหน้ายังเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเปิดประตูอยู่ไม่ไปไหนสักที
"ไม่เป็นไ—อ๊ะ ได้แล้ว!" หลังจากทุลักทุเลอยู่สักพักก็เจอกุญแจที่ใช้ไขกับประตูห้องเสียที ก่อนจะหันไปหาคนที่กำลังยืนรออยู่ "เชิญค่ะ"
ชิราอิชิเดินตามนิชิโนะเข้าไปในห้องแล้วเดินตรงไปนั่งที่โซฟา ไม่ได้มาตั้งหลายอาทิตย์แต่ห้องของหญิงสาวก็ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก การ์ตูนที่วางอยู่บนโต๊ะทำให้ชิราอิชิหยิบมันขึ้นมาอ่านระหว่างรอนิชิโนะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้อง
"ดูเหมือนจะชอบอ่านอะไรแบบนี้จริงๆเลยน้า" ทักขึ้นโดยสายตายังไล่อ่านตามตัวในหนังสือในกรอบคำพูดเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของอีกฝ่ายเดินไปมา
"ก็มันสนุกดีนี่นา...มีแค่น้ำอัดลมนะ เอาไหม ?" นิชิโนะตอบโต้ขณะที่เดินมาเปิดดูของในตู้เย็น ไม่คิดว่าชิราอิชิจะมาห้องของเธอในเร็ววันก็เลยไม่ได้ซื้ออะไรตุนไว้เลย
"อื้อ อะไรก็ได้" อ่านไปได้อีก2-3หน้าก็วางลงไว้ที่เดิม ถึงจะคิดว่าช่วงห่างของอายุจะไม่ได้มากมายถึงขนาดนั้นแต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดีว่ามันสนุกตรงไหนกัน นั่นคงจะเรียกว่าเป็นช่องว่างระหว่างวัยรึเปล่านะ
จากนั้นก็รับกระป๋องน้ำอัดจากหญิงสาวที่นั่งลงข้างๆ มองดูชุดกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดตัวโคร่งของอีกคน ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่นิชิโนะเผลอปล่อยตัวเวลาอยู่กับเธอได้ขนาดนี้ แต่เห็นแล้วก็อดแซวออกมาไม่ได้ทุกที "แน่ใจนะคะว่าเป็นสาวออฟฟิศจริงๆน่ะ"
"แน่ใจสิคะ เป็นสาวออฟฟิศที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำแทบทุกวันด้วยนะ!" กล่าวอย่างจริงจังจนได้ยินเสียงหัวเราะ คนอายุมากกว่าเปิดกระป๋องน้ำอัดลมก่อนจะยกมันขึ้นแนบกับริมฝีปาก และมันก็ทำให้นิชิโนะเผลอจ้องมองไปที่ริมฝีปากนั่นอีกครั้ง
บ้าเอ๊ย... วันนี้ก็สบถอะไรแบบนี้ออกมาอย่างนับไม่ถ้วนเมื่อเริ่มจะนึกถึงความฝันนั่นอีกแล้ว พอเข้าข้างว่าตัวเธอนั้นไม่ได้หมกหมุ่กอะไรกับมันเสียหน่อยแต่กลับเอาแต่คิดถึงมันไม่ยอมหยุด กลายเป็นว่าที่ใช้เวลาสงบใจอยู่ภายในห้องนอนอยู่หลายนาทีนั้นช่างไร้ค่าเมื่อจ้องไปตามริมฝีปากที่เริ่มจะเปียกชื้นเพราะน้ำอัดลม
พอโดนสบสายตาเข้าอย่างกระทันหันก็รีบทำเป็นยกน้ำอัดลมขึ้นมาดื่มกลบเกลื่อนก่อนจะมองหาอะไรก็ได้ในห้องสีขาวโพลนไร้การตกแต่งนี้เพื่อจะได้ละความสนใจจากริมฝีปากนั่นเสียที มองเห็นกล่องเกมคอนโซลที่ไม่มีเวลาเอามาเล่นสักทีก็เหมือนจะจำได้ว่าชิราอิชิเองก็เป็นคนที่เล่นเกมเหมือนกัน อย่างนั้นก็เลยหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดดู "เล่นเกมกันหน่อยไหม ?"
"หื้อ ก็ได้นะ" อีกฝ่ายตอบตกลงอย่างว่าง่าย นิชิโนะเลยเดินไปเอามันมาต่อเข้ากับโทรทัศน์จากนั้นก็เลือกเกมที่สามารถเล่นกับอีกฝ่ายได้
"มีแต่เกมแข่งรถแฮะ พอไหวไหม?"
"ถนัดเลยล่ะ" ชิราอิชิกล่าวแล้วยกยิ้มขึ้นมาอย่างภูมิใจจนคนที่มองเห็นอดจะหมั่นไส้เอาเสียไม่ได้
"งั้น..มาแข่งกันดีไหมคะ ?"
"ถ้าแพ้แล้วอย่ามาโวยวายทีหลังแล้วกันนะ"
ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เล่นเกมมาตลอดอย่างนิชิโนะจะแพ้ให้กับชิราอิชิถึง5ตารวด สายตาขุ่นเคืองของหญิงสาวหันไปหาคนที่กำลังหยักยิ้มขึ้นมาตรงมุมปากแสดงความเหนือชั้นกับการแข่งขันที่นิชิโนะเองก็เผลอจะไปจริงจังกับมันตั้งแต่ที่เริ่มแพ้ให้กับอีกฝ่ายตั้งแต่รอบแรก เธอหลับตาลงพร้อมระบายลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิดแล้วเอนไปที่โซฟาอย่างเต็มแรง เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ ตอนนี้นิชิโนะที่กำลังอารมณ์เสียเพราะเล่นเกมแพ้ได้ลืมเลือนความฝันนั่นไปหมดแล้ว
...จนกระทั่ง
รับรู้ได้ถึงแรงยวบยาบบนโซฟาทำให้สังเกตว่ามีบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ตัวเธอ พอลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเป็นชิราอิชิที่เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้พร้อมค่อยๆเอื้อมมือเข้ามาหา จู่ๆร่างกายที่ขยับตามความนึกคิดไม่ได้ก็หลับตาลงแทบทันทีพร้อมกับใจที่เริ่มเต้นกระหน่ำรัวขึ้นเรื่อยๆ
แต่แล้วก็อีกฝ่ายก็ไม่ได้ทำอะไรอย่างที่เธอกลัว มือที่แสนอ่อนโยนนั้นกำลังลูบหัวนิชิโนะอย่างเบามือคล้ายว่าเป็นรางวัลปลอบใจของผู้แพ้ นิชิโนะจึงค่อยๆปรับลมหายใจเข้าออกให้เป็นปกติก่อนจะลืมตาขึ้นช้าๆ
ชิราอิชิเพียงส่งยิ้มมาให้ ทั้งมือที่ยังคงกระทำอยู่อย่างนั้นคล้อยให้เธอเกิดความรู้สึกสงบใจอย่างน่าประหลาด
ซึ่งนั่นมันก็เป็นเพียงเสี้ยวเดียวของวิธีการที่หลอกให้นิชิโนะตายใจ
ก่อนที่มือจะเลื่อนต่ำลงมาคลอเคลียอยู่บริเวณแก้มสีแดงระเรื่อ ทั้งนิ้วเรียวยาวไม่อยู่สุขที่คอยสัมผัสลูบไล้อยู่ที่ริมฝีปากของนิชิโนะ แต่กระนั้นคนๆนี้ก็ยังไม่ยอมเอ่ยปากอะไรออกมาถึงการกระทำที่สร้างความร้อนให้กับเธอ จนท้ายที่สุดนิชิโนะที่ทนไม่ไหวก็เป็นฝ่ายทักท้วงออกไป
"จ-จะทำ...อะไร..ค-คะ.."
"รับรางวัลของคนเล่นเกมชนะไงล่ะ"
“ห-หา รางวัลอะไรก—“
อีกฝ่ายหยุดคำพูดของนิชิโนะเอาไว้ได้ด้วยการเคลื่อนใบหน้าเข้ามาประชิดจนปลายจมูกแทบจะสัมผัสกันจนต้องหลับตาปี๋เข้าอีกรอบ
ทั้งที่ไมได้ถูกพันธนาการไว้ใดๆแต่เธอที่อยากจะตอบโต้ออกไปกับนิ่งไม่ขยับหนีคล้ายว่ากำลังเฝ้ารอสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
...และแล้ว
เพียงเสี้ยววินาทีที่ปลายจมูกคลาดเคลื่อนกันไปเปลี่ยนเป็นริมฝีปากที่เธอเอาแต่เฝ้านึกหาทั้งวัน
สัมผัสนั้นช่างบางเบา และไร้การรุกล้ำใดๆก่อเกิดเป็นความธรรดามสามัญที่เผลอคิดไปว่าสามารถรับไว้ได้อย่างหมดห่วง
แต่ถึงอย่างนั้น หัวใจของนิชิโนะกับเต้นรัวเร็วอย่างน่าอัศจรรย์
ชิราอิชิค้างทิ้งไว้อย่างนั้นก่อนจะถอดถอนออกมามองนิชิโนะที่ตัวแข็งทื่อ ใช้เวลานานหลายนาทีกว่าจะได้ยินเสียงโวยวายดังออกมาด้วยความขัดเขิน
"ม-เมื่อกี้ทำอะไรคะ !?"
"จูบไง"
"แล้วจู่ๆทำไมถึงได้—"
จูบ...คำๆนี้ที่ไม่ได้หลุดออกจากปากที่อ้าค้างไว้อย่างนั้น แล้วของแบบนั้นน่ะใช้เป็นรางวัลได้ด้วยเหรอไง
"เห...นานาเสะไม่ได้อยากจะจูบกับฉันหรอกเหรอ ?"
"หา--ทำไมฉันถึงต้องอยากทำแบบนั้นด้วยเล่า !?"
"ก็เอาแต่มองตรงนี้อยู่ตลอดเลยไม่ใช่เหรอไง"
สายตาเลื่อนไปตามนิ้วที่แตะเข้ากับอวัยวะที่กำลังขยับเมื่อพูดออกมานั้นเล่นทำเอาเธอนึกคำแก้ตัวไม่ออก เพราะแม้กระทั่งตอนนี้เธอก็ยังคงเอาแต่จ้องมันอยู่อย่างนั้น
"แปลว่าฉันเข้าใจผิดไปเองสินะ ?" ชิราอิชิที่เห็นว่านิชิโนะเอาแต่อ้ำอึ้งอยู่ก็ทำท่าทางผิดหวังแล้วถอนหายใจออกมา จากนั้นก็สบตากับนิชิโนะก่อนจะสร้างความตื่นตระหนกให้แก่หญิงสาวอายุน้อยอีกรอบ "งั้น...จะคืนให้นะ"
"เดี๋—"
กลืนคำพูดนั้นไหลลงคอไปพร้อมกับสัมผัสที่แนบชิดเข้ามาอีกครั้งอย่างไม่ทันตั้งตัว คนที่ดูท่าว่าจะอ่อนโยนอยู่เสมอทำเป็นค้างเอาไว้เหมือนกับในคราแรก แต่เมื่อเริ่มรู้สึกได้ว่าเธอกำลังเคลิบเคลิ้มตามไปกับสิ่งเหล่านั้นก็ออกแรงเน้นย้ำให้เกิดอาการวูบวาบขึ้นมาบริเวณท้อง
เวลาที่ได้สูญเสียไปแลกมาซึ่งกับสัมผัสแปลกใหม่แสนนุ่มนวลราวกับกลัวว่ามันจะหลอมละลายหายไป ความเชื่องช้าในตอนแรกที่รอให้คนไม่ประสีประสาเรียนรู้กับมันค่อยๆเร่งเร้าขึ้นนั้นเหมือนแรงดึงดูดอะไรบางอย่างทำให้เอื้อมแขนไปโอบรอบคอของอีกฝ่ายตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่อาจทราบได้ ทั้งแผ่นหลังที่กำลังแนบชิดลงกับเบาะโซฟาอย่างไม่ทันได้รู้ตัว
"...มากไปแล้วค่ะ"
พูดออกมาทั้งที่ลมหายใจยังหอบถี่อยู่เช่นนั้น คนที่บอกจะคืนให้กลับคืนให้เยอะไปเสียจนเลยเถิดมาขนาดนี้ แต่เธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะสำนึกผิดขึ้นมาเลยสักนิด ทั้งจมูกที่ยังคลอเคลียไม่ยอมออกห่าง และคำพูดที่เข้าทางตัวเองไปเสียหมด
"งั้นคราวนี้....ขอคืนนะ"
กล่าวขึ้นมาแค่นั้นก่อนทุกอย่างจะเริ่มวนเวียนกลับไปกลับมาอยู่อย่างนั้นคล้ายว่าจะไม่มีวันสิ้นสุดลง ทั้งที่ก็คงต่างรู้กันอยู่แล้วว่าต่อให้รับมาหรือคืนให้มากเท่าไรแต่ประสบการณ์ที่สอนให้รู้เมื่อครู่ก็ไม่อาจทำให้มันเกิดความพอดีขึ้นมาระหว่างเราทั้งคู่ได้
ทั้งนี้ทั้งนั้นนอกจากโซฟาสีครีมที่กำลังใช้มันเป็นที่รองรับร่างของผู้หญิงสองคนอยู่นั้น ทุกอย่างก็ดูจะแตกต่างจากสิ่งที่เอาแต่สร้างภาพมันขึ้นมา ทั้งความรู้สึกและสัมผัสที่ได้จากสิ่งที่กำลังจดจ่อกับมันทุกวินาที นิชิโนะค้นพบว่ามันไม่ได้หอมหวานอย่างที่จินตนาการไว้นัก
...ถึงแม้ว่าจะผิดจากที่คาดการณ์เอาไว้ แต่รสชาติที่สับสนปนเปไปหมดเมื่อปลายลิ้นได้สัมผัสกันนั้นช่างทำให้หยั่งรู้ถึงเนื้อแท้ความจริงของความรู้สึกที่กำลังเชื่อมโยงผ่านจูบละมุนที่มอบให้กันอยู่ขณะนี้...
.
.
"เรียกฉันออกมาดึกดื่นเพื่อมาดูเธอหมดสภาพอยู่แบบนี้เหรอไง" ฮาชิโมโตะพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่พอใจเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทของตนยังคงเอาแต่มอบอยู่กับโต๊ะแบบนั้น ปลายสายเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านั้นแสดงออกถึงความกระวนกระวายจนเธอยอมดึงตัวเองขึ้นมาจากเตียงแสนรักของตัวเอง แต่ภาพที่ปรากฎมาให้เห็นกับเป็นคนที่เอาแต่เงียบจนถึงเมื่อกี้ "พรุ่งนี้ไม่ใช่ว่าต้องไปแต่เช้าเหรอ?"
"ก็นอนไม่หลับอ่ะ"
"นี่ อายุตั้งเท่าไรแล้ว ยังจะมาตื่นเต้นกับอีแค่ไปต่างจังหวัดไม่กี่วันอีกเหรอ" เสียงแสดงความเบื่อหน่ายเต็มทนทำให้ชิราอิชิที่ยังมอบอยู่แบบนั้นแย้งขึ้นมาทันที
"ใครจะไปตื่นเต้นกับเรื่องนั้นกันเล่า" หย่นจมูกเมื่อนึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ นั่นก็สร้างความเบื่อหน่ายให้ไม่แพ้กัน
"แล้วอะไรล่ะ"
"...."
เสี้ยววินาทีทีี่ใบหน้าแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาคงจะดูไม่ออกเลยสักนิดถ้าหากเธอไม่ใช่คนที่รู้จักกับอีกฝ่ายมาเป็นเวลานาน ฮาชิโมโตะเท้าคางก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงแสดงความเห็นใจ "มีอะไรที่เด็กคนนั้นให้เธอได้ไม่มากพองั้นเหรอ"
"เปล่านี่..." ชิราอิชิหลับตาลงเมื่อรับรู้ถึงคำถามที่แท้จริงของอีกฝ่าย เธอไม่ได้รู้สึกไม่พอใจหรือต้องการอะไรจากนิชิโนะทั้งนั้น ความจริงแล้ว เธอเองต่างหากที่ไม่สามารถรับความพึงพอใจที่มีต่อตัวเองได้เสียที
"ใส่ใจกับความรู้สึกของตัวเองให้มากกว่านี้หน่อยสิไมยัง"
"นั่นสินะ..."
เห็นด้วยกับคำพูดของฮาชิโมโตะจนต้องยอมรับออกมาเช่นนั้น ความขี้ขลาดในตัวเธอดูเหมือนว่าจะมากล้นเสียจนโดนมองออกอย่างง่ายดาย
ทั้งที่เคยคิดเอาว่าจะไม่ทำอะไรครึ่งๆกลางๆออกไปแต่สุดท้ายแล้วก็ได้แต่ปล่อยให้นิชิโนะต้องเฝ้ารออยู่เรื่อยไป
รู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดหลอกลวงของตัวเองที่ไม่อาจจะเอื้อนเอ่ยอะไรออกไปได้เสียที
....พอหันไปมองเงาในกระจกที่สะท้อนภาพของตัวเองขณะนี้ก็พบว่ามันช่างน่าสมเพชเสียจริง....
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in