Title: Honeymoon
Pairing: Min Yoongi x Jeon Jungkook
Rate: PG
Note: สวัสดีปีใหม่รีดเด้อทุกคนค่ะ ขอมอบตอนต่อของซีรีส์เวดดิ้งเป็นของขวัญให้ทุกคน ตอนนี้เขียนไว้ค่อนข้างยาวเลย กลัวจะมีคนเบื่อเหมือนกัน ยังไงก็เอ็นจอยค่ะ
_____________________________________________________________________________________________________
ภายในร้านคาเฟ่ย่านคารูโซกิล บรรยายกาศเงียบสงบด้านในต่างจากความวุ่นวายในย่านการค้าด้านนอก ใกล้ช่วงวันคริสมาสต์และวันหยุดปีใหม่เต็มที ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาคงหาซื้อสิ่งของเพื่อเป็นของขวัญให้แก่กันในช่วงวันหยุดยาว เด็กหญิงกับเด็กชายตัวน้อยในเสื้อกันหนาวสีอ่อนกำลังจะข้ามถนนกับหญิงสาวที่คาดว่าน่าจะเป็นแม่ ขาสั้นก้าวย่ำถี่ๆ มาหยุดอีกฝั่งถนนอย่างปลอดภัย มิน ยุนกิ มองภาพเหล่านั้นด้วยความเอ็นดู
"แต่งงานกันมาตั้งหกเดือนแล้วนะ ไม่มีวี่แววเลยหรอ?" ยุนกิละสายตาจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ตาเรียวมาหยุดที่พี่ชายซึ่งนั่งอยู่ตรงข้าม เรียวคิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย จนอีกฝ่ายต้องถามย้ำ
"เรื่องลูกน่ะ นายได้คุยกับจองกุกบ้างมั้ย" ยุนกิหลบสายตา แกล้งยกอเมริกาโน่ร้อนขึ้นจิบ แล้วพบว่ามันเย็นชืดหมดแล้ว
"ช่วงนี้จองกุกกำลังยุ่งกับร้านอาหารน่ะพี่"
"โทษฝ่ายนั้นไปเสียอีก"
"ผมก็งานยุ่งด้วยแหละ ไม่มีเวลาคิดเรื่องลูกหรอก"
มิน กึมแจ ถอนหายใจยาว ส่ายหน้าน้อยๆ อย่างอ่อนใจ ต่อให้คนตรงหน้าเป็นอัลฟ่าที่น่าเกรงขามและน่าเชื่อถือในสายตาคนอื่นเพียงใด แต่ในสายตาเขา ยุนกิก็คือน้องชายจอมดื้อเท่านั้น
"แม่บ่นมานะ บอกว่าอยากเลี้ยงหลานแล้ว"
"จีฮุนกับจีอูไงล่ะ ลูกของพี่สองคนก็พอแล้วมั้ง"
"พูดอะไรแบบนั้นน่ะยุนกิ" กึมแจขมวดคิ้วเล็กน้อย เขายกลาเต้ร้อนที่เย็นชืดไม่แพ้กันขึ้นจิบ ปรับท่าเอนหลังเล็กน้อยเพื่อให้นั่งสบาย
"จัดงานแต่งใหญ่โตก็แล้ว มาร์คจองกุกก็แล้ว ผลตรวจสุขภาพก็ดีทั้งคู่ ฐานะของเราก็พร้อมทุกอย่าง มีอะไรที่ติดขัดงั้นหรอ?"
"พี่นัดผมมาดื่มกาแฟหรือจะมาสืบสวนชีวิตคู่ของผมกันแน่" ยุนกิทำหน้าไม่สบอารมณ์ ผิดกับกึมแจที่หัวเราะเบาๆ ถ้าพวกลูกน้องเบต้ามาเห็นคงจะหนาวกันเป็นแถบๆ แต่ไม่ใช่กับเขา ผู้ที่เป็นอัลฟ่าเช่นเดียวกันและยังเป็นพี่ที่รู้จักน้องตัวเองดีเสียด้วย
"นายก็รู้นี่ ถ้าแต่งงานกันครบหนึ่งปีแล้วยังมีลูกให้ตระกูลเราไม่ได้ ผู้ใหญ่จะส่ง 'โอเมก้าที่พร้อมตั้งครรภ์' เข้าไปอยู่ในบ้านอีกคน นายคิดว่าดีมั้ยล่ะ สามคนผัวเมียน่ะ"
"......"
"เงียบแบบนี้ คงยังไม่ได้บอกจองกุกสินะ นายคิดว่าจะซื้อเวลาไปถึงเมื่อไหร่"
"จองกุกไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้"
"ใช่ จองกุกไม่จำเป็นต้องรู้ ทางที่ดีก็คือทำหน้าที่ของนายซะ แล้วครอบครัวนายจะไม่โดนตามรังควานจากใครอีก" กึมแจย้ำเสียงเข้มถึงสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนักของครอบครัวน้องชาย
"แต่เด็กควรเกิดความสมัครใจของพ่อแม่" ยุนกิตอบด้วยคำพูดหนักแน่น ผู้เป็นพี่เลิกคิ้วแล้วยิงคำถามต่อ
"แล้วนายกับจองกุกไม่ได้สมัครใจหรือไง?"
"เผื่อพี่จะลืมว่าผมกับจองกุกโดนจับคู่ให้แต่งงานกัน"
"แล้วยังไง? คนที่โดนบังคับแบบนายแต่เขาก็มารักกันทีหลัง อยู่กินกันจนแก่เฒ่าก็มีตั้งหลายคู่ แล้วนายจะมาพูดเหมือนโดนบังคับก็ไม่ถูก ตอนที่ตกลงแต่ง นายไม่คิดจะค้านซักคำ"
"ผมแค่ไม่อยากขัดใจผู้ใหญ่"
"อายุตั้งเท่าไหร่แล้ว จะมาใช้ข้ออ้างข้างๆ คูๆ แบบนี้น่ะหรอยุนกิ"
บทสนทนาของทั้งคู่จบลงตรงนี้ เมื่อจีอู จีฮุน และพี่สะใภ้มาถึงร้านกาแฟ หลานแฝดวิ่งกรูเข้ามาหาผู้เป็นพ่อ เสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากของเด็กๆ ทำให้ยุนกิผ่อนคลายลงบ้าง เด็กหญิงจีอูแก้มแดงปลั่งอ้อนขอนั่งตักคุณอายุนกิจนพี่สะใภ้ต้องปราม
"ไม่เป็นไรครับ จีอูมานั่งตักอานี่"
หลานตัวน้อยนั่งเล่นได้ไม่นานก็ผละออกไปหาผู้เป็นพ่อ ยุนกิมองภาพครอบครัวสุขสันต์ของพี่ชายแล้วพลอยมีความสุขไปด้วย เด็กแฝดวัยกำลังซนเกิดจากพี่ชายและพี่สะใภ้ ทั้งสองพบรักกันในรั้วมหาวิทยาลัย โชคดีเหลือเกินที่พี่สะใภ้มาจากตระกูลผู้ดีเก่าและเป็นโอเมก้าที่มีคุณสมบัติพร้อม ทั้งรูปทรัพย์และรูปสมบัติล้วนคู่ควรเหมาะสมกับลูกชายคนโตของเจ้าของธนาคารชื่อดังในเกาหลี งานแต่งงานจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ ไม่นานนักพี่สะใภ้ก็ตั้งครรภ์ และเด็กแฝดก็คลอดออกมาอย่างปลอดภัย ถือว่ากึมแจได้ทำหน้าที่อัลฟ่าอย่างครบถ้วน
อัลฟ่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่อยู่ส่วนยอดของพีระมิด แต่ด้วยปริมาณที่น้อยนิด บรรดาลูกหลานอัลฟ่าจึงจำเป็นต้องสืบพันธุ์ให้ได้มากที่สุด นี่เป็นธรรมเนียมที่บังคับใช้มาตั้งแต่โบราณกาล แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป สังคมเบต้าไม่สนับสนุนอัลฟ่าที่ครอบครองโอเมก้ามากกว่าหนึ่งตัว กฎระเบียบของเผ่าพันธุ์จึงถูกปรับเปลี่ยน แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ข้อบังคับใหม่อนุญาตให้อัลฟ่าสืบพันธุ์เฉพาะกับคู่ครองคนเดียวได้ โดยอยู่ภายใต้เงื่อนไขเวลาหนึ่งปีที่แต่งงานกัน หลังจากนั้นถือว่าเป็นหน้าที่ของสมาคมอัลฟ่าที่จะหา 'โอเมก้าที่พร้อมตั้งครรภ์' มาทดแทน 'โอเมก้าที่ไร้ความสามารถในการสืบพันธุ์'
ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์พัฒนาไปไกลกว่าความสามารถของมนุษย์ยังมีความคิดโบราณคร่ำครึแบบนี้อยู่อีก ยุนกิยิ้มเหยียดให้กับความน่าสมเพชของเผ่าพันธุ์อัลฟ่า คนภายนอกอาจมองว่าอัลฟ่ามีสิทธิพิเศษเหนือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ และโอเมก้าเท่านั้นที่ถูกกดอยู่ใต้สุด แต่ความเป็นจริงแล้ว อัลฟ่าอย่างเขาก็ยังติดอยู่ใต้กับดักที่มีชื่อว่าระบบชนชั้นเช่นเดียวกัน
ยุนกิคิดว่าเขาคงจะยอมรับเงื่อนไขนั้นได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ หากเพียงคู่ของเขาไม่ใช่จองกุก ไม่ใช่เจ้าของรอยยิ้มที่ทำให้โลกสว่างไสวคนนั้น ยุนกิไม่เคยพูดถึงเงื่อนไขนี้ให้จองกุกรู้ เขาคิดเองว่าเด็กคงมาเกิดเองตามธรรมชาติ อีกทั้งไม่อยากเร่งรัดจองกุกให้เหมือนว่าเขายอมแต่งงานด้วยเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว กลายเป็นว่าผ่านเวลาไปครึ่งหนึ่ง จองกุกก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีทายาท แต่การจะไปเร่งรัดเอากับคู่ของตัวเองก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ยุนกิต้องการเช่นกัน
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากมีลูก แต่การถูกจับคู่ให้แต่งงานกับอัลฟ่าที่ตัวเองไม่ได้รักใคร่ อีกทั้งยังต้องมีทายาทสืบสกุลถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับจองกุก ยุนกิไม่อยากให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าตนเป็นเพียงเครื่องมือผลิตลูก พอเด็กเกิด งานที่ได้รับมอบหมายก็จบสิ้น เพราะสำหรับยุนกิแล้ว มันมากกว่านั้น
ยุนกิคิดวนไปวนมา กว่าจะรู้ตัวขาข้างหนึ่งก็ก้าวผ่านประตูบ้านแล้ว
"กลับมาแล้วหรอครับ" จองกุกโผล่หน้าออกมาจากห้องนั่งเล่นพร้อมกับคุ้กกี้ในมือ ยุนกิรับคำแล้วเก็บรองเท้าเข้าตู้ เดินลากสลิปเปอร์ตามเข้าไป จองกุกในชุดนอนตัวโคร่งนั่งดูทีวีอยู่กับจานคุ้กกี้ก่อนแล้ว เขาหย่อนตัวลงข้างกันบนโซฟา
"เมื่อตอนเย็นผมเข้าไปบ้านใหญ่ คุณแม่ฝากนี่มาให้พี่ครับ" จองกุกยื่นซองกระดาษสีขาวมาให้โดยที่ไม่ได้ละสายตาจากจอ ยุนกิเปิดซองดึงสิ่งที่อยู่ด้านในออกมาดู กลิ่นน้ำตาลมะพร้าวผสมกลิ่นแชมพูหอมอ่อนๆ โชยมาจากคนข้างตัว เขาขยับตัวเข้าไปเบียดชิด โอบเอวคอดไว้หลวมๆ อีกฝ่ายไม่ได้ว่าอะไร กว่าทั้งสองจะเริ่มคุ้นเคยกับการสัมผัสร่างกายอีกฝ่ายโดยไม่รู้สึกเก้อเขินก็ย่างเข้าเดือนที่สี่ของการแต่งงาน
"จองกุก ไปญี่ปุ่นกันมั้ย" จู่ๆ ยุนกิก็ถามขึ้น
"ไปทำอะไรครับ"
"ก็...ไปฮันนีมูนมั้ง" พอพูดจบประโยค จองกุกหันขวับมาทำตาโตใส่ ยุนกิจึงโชว์ตั๋วเครื่องบินในมือที่แม่เขาฝากมาให้ บนตั๋วปรากฎชื่อของผู้โดยสารสองคน วันเวลาที่เดินทางซึ่งก็คือในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า
.
.
.
'คาวากูชิโกะตอนสิ้นปีหนาวชะมัด'
จองกุกขยับตัวอย่างกระสับกระส่าย ทั้งที่ก่อนเครื่องบินจะแตะแผ่นดินญี่ปุ่น เขายังรู้สึกปกติอยู่เลย ออกจะกระดี๊กระด๊าที่ได้มาเที่ยวด้วยซ้ำ เพียงแค่ระยะเวลาจากสนามบินนาริตะมาถึงทะเลสาปคาวากูชิโกะไม่กี่ชั่วโมง จู่ๆ จองกุกก็รู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ โอเมก้าตัวน้อยกระชับเสื้อโค้ทแน่นขึ้นแล้วหลับตาพิงศรีษะกับกระจกรถแท็กซี่ ยุนกิที่รับรู้ได้ถึงความผิดปกติของคู่ตนจากกลิ่น เขาโอบอีกฝ่ายให้มาเอนซบตัวเขาแทน
"ไปโรงพยาบาลดีกว่าไหม" เด็กดื้อที่ซบอยู่ครางประท้วงในลำคอ พึมพำว่าขอไปนอนพักที่โรงแรม ยุนกิจึงไม่ได้ว่าอะไรต่อ
เวลาผ่านไปอีกพักใหญ่ รถแท็กซี่ก็จอดเทียบหน้าทางเข้าโรงแรม จองกุกตื่นแล้วรีบลงจากแท็กซี่เข้าไปในโรงแรมอย่างรวดเร็ว ยุนกิตามเข้ามาทีหลังพร้อมกับเบลบอยและกระเป๋าอีกหลายใบ เขาเช็คอินและได้ห้องพักติดทะเลสาปสำหรับดูวิวภูเขาไฟฟูจิ ทั้งหมดนี่ก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่แม่เขาจัดแจงไว้ให้อีกเช่นกัน
ห้องพักสไตล์ญี่ปุ่นออกจะใหญ่เกินไปสำหรับสองคน ภายในมีทั้งห้องนอนและห้องนั่งเล่น แถมยังมีบ่อออนเซนกลางแจ้งอีกต่างหาก สำหรับคะแนนในการสร้างบรรยากาศ ยุนกิให้แม่ตัวเองเต็มร้อยคะแนน จองกุกสดชื่นขึ้นหลังจากที่ได้เห็นความสวยงามของภูเขาไฟฟูจิ เจ้าตัวซนเดินสำรวจไปทั่วห้อง แทบลืมไปว่าก่อนหน้านี้หลับคอพับคออ่อนอยู่ในอ้อมแขนของเขา
แผนออกไปขับรถเล่นชมเมืองเป็นอันพับเก็บไปก่อน เพราะสุขภาพของจองกุกยังไม่เต็มร้อย แม้เจ้าตัวจะทำหน้าโกรธมู่ทู่หรือเข้ามาออดอ้อนยุนกิอย่างไร แต่ผู้เป็นอัลฟ่าก็ไม่อนุญาตทั้งสิ้น จบลงที่โอเมก้าตัวขาวลงแช่น้ำประท้วงจนตัวเปื่อย ลำบากยุนกิต้องขู่ปนบังคับให้ขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อรับประทานมื้อเย็น
"พรุ่งนี้ไปขับรถเล่นกันนะครับ"
''ไม่มีปัญหา....ถ้านายไม่มีไข้" พอยุนกิพูดจบ จองกุกก็ทำหน้าบึ้ง พึมพำว่า เขาแค่เมารถเท่านั้นเอง ไม่ได้เป็นอะไรมากซักหน่อย แม่เขายังไม่จ้ำจี้จ้ำไชขนาดนี้เลย นี่มาเที่ยวหรือเปลี่ยนที่นอนเฉยๆ กันแน่ ค่าตั๋วก็แพง นึกว่าจะได้ออกเที่ยวเลยแต่ก็ต้องมาติดแหง็กในโรงแรม แช่น้ำนานก็บ่น แล้วจะให้เข้านอนตอนสามทุ่มด้วยเลยมั้ยล่ะ
"พี่ได้ยินนะ"
"ก็บ่นให้ได้ยินไง"
"เดี๋ยวนี้เถียงเก่งเหลือเกินนะ จองกุกที่เรียบร้อยคนนั้นไปไหนแล้วล่ะ"
"อยู่ในเมือง ถ้าอยากเจอก็ขับรถไปหาสิ" จองกุกกอดอก ไม่บ่อยนักที่อีกคนจะแสดงอาการเอาแต่ใจ ยุนกิยิ้มน้อยๆ แล้วสัญญาว่าพรุ่งนี้จะพาไป ถ้าจองกุกเข้านอนเร็ว อีกฝ่ายตอบตกลง เป็นอันว่าข้อขัดแย้งถูกยุติ
กลางดึกคืนนั้น ยุนกิรู้สึกตัวตื่นเพราะคนข้างตัวขยับตัวยุกยิก ทีแรกเขาคิดว่าจองกุกเปลี่ยนท่านอน แต่กลิ่นน้ำตาลมะพร้าวฉุนกึกรอบห้องทำให้เขารีบเปิดโคมไฟหัวเตียง ภาพที่เห็นทำยุนกิตื่นเต็มตา จองกุกในสภาพกึ่งรู้สึกตัวกึ่งฮีทพลิกตัวกระสับกระส่ายส่งเสียงครางในลำคอ ผิวขาวที่โผล่พ้นเสื้อผ้าแดงระเรื่อ กลิ่นเฉพาะตัวที่เคยหอมหวาน ตอนนี้ส่งกลิ่นยั่วยวนลุ่มลึก ยุนกิเขย่าอีกฝ่ายเบาๆ
"จองกุก เอายามารึเปล่า"
"พ--พี่ยุนกิ....ยุนกิ"
การรัทของอัลฟ่าค่อนข้างแตกต่างกับการฮีทของโอเมก้า ในขณะที่อัลฟ่ารัท ร่างกายยังจะพอมีสติรับรู้เหตุการณ์รอบตัวอยู่บ้าง ตรงข้ามกับโอเมก้าโดยสิ้นเชิง ตอนนี้จองกุกถูกสัญชาตญาณครอบงำจนแทบไม่มีสติแล้ว ยุนกิข่มอารมณ์ที่ถูกกระตุ้นโดยฮอร์โมนของโอเมก้า เม้มปากครุ่นคิดแล้วตวัดผ้าห่มลุกไปที่กระเป๋าเดินทางของอีกฝ่าย ค้นหาสิ่งที่หน้าตาคล้ายกับยาต้านรัทที่เขาเคยกิน อัลฟ่าหนุ่มหยิบยาและน้ำเปล่าไปวางข้างหัวเตียง ประคองจองกุกที่เหงื่อซึมเต็มแผ่นหลังขึ้นมาป้อนยา แม้จะทุลักลุเลนิดหน่อย เพราะจองกุกร้องจะเอาจูบจากเขาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยุนกิก็ทำให้โอเมก้าที่กำลังฮีทกลืนยาต้านลงคอไปได้
ยุนกิโอบกอดอีกฝ่ายไว้ ลูบหลังเบาๆ ไม่แตะต้องไปมากกว่านั้น เวลาผ่านไปสักพัก เมื่อยาต้านออกฤทธิ์ จองกุกกระสับกระส่ายน้อยลง ยุนกิจึงเอนตัวลงนอนและผล็อยหลับไปโดยที่จองกุกยังอยู่ในอ้อมกอดเช่นเดิม
.
.
.
โอเมก้าสร่างฮีทสะลึมสะลือลืมตาขึ้นมาเห็นเพดานห้องที่ไม่คุ้นเคย จองกุกรู้ว่าตนเองฮีทเมื่อคืนนี้ และคิดว่ายุนกิก็คงทำสิ่งที่ควรทำ แต่เช้านี้ตนเองยังอยู่ในชุดเดิม ไม่มีหลักฐานหรือร่องรอยของการร่วมรัก เหมือนว่าเขาหลับไปเฉยๆ และตื่นขึ้นมาอีกวัน จองกุกอึ้งไปเล็กน้อย ค่อยๆ เรียบเรียงความคิดในหัวแล้วลุกขึ้นนั่ง หยิบผ้าเช็ดตัวและแบกหัวใจที่หนักอึ้งเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
ยุนกิพาเขาออกไปนั่งรถเล่นในเมืองตามสัญญา แต่จองกุกไม่มีกะจิตกะใจที่จะชื่นชมความสวยงามของบ้านเมืองอีกแล้ว ดวงตากลมจ้องมองมือตัวเองที่อยู่บนตัก เมื่อยุนกิชี้ชวนให้ดูผู้คนหรือตึกรามบ้านช่อง จองกุกก็ได้แต่ยิ้มรับเบาๆ แล้วผินหน้าออกไปนอกหน้าต่างเท่านั้น มื้อกลางวันก็ทานเพียงแค่เล็กน้อยทั้งที่ปกติเป็นคนกินเก่ง เมื่อเห็นว่าจองกุกดูไม่สนุกเท่าที่ควร ยุนกิจึงเปลี่ยนจุดหมายปลายทางกลับไปที่โรงแรมตั้งแต่เพราะอาทิตย์ยังไม่คล้อยต่ำ
"หรือว่าอยากไปโรงพยาบาลมากกว่า?" จองกุกส่ายหน้า แล้วจึงรีบหลบฉากเข้ามาในห้องนอน ความรู้สึกต่างๆ ตีกันมั่วไปหมด ไม่ว่าจะเป็นแผนฮันนีมูนที่จัดแจงมาอย่างดีจากแม่ของยุนกิ หรือปฏิกิริยาอีกฝ่ายที่ปฏิบัติต่อเขาเมื่อคืน โอเมก้าตัวน้อยพยายามทำตัวไม่ให้มีปัญหา แต่อีกฝ่ายไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น ยุนกิเดินตามเข้ามาด้านใน เห็นจองกุกนั่งอยู่บนเตียง เขาจึงนั่งลงข้างกัน มือสีซีดวางทาบลงบนมือน้อย ถูนิ้วโป้งเบาๆ บนผิวเนื้อ
"จองกุก เป็นอะไรรึเปล่า มีอะไรทำให้นายไม่สบายใจงั้นหรอ" ทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย ความรู้สึกน้อยใจที่สะสมอยู่ก่อนหน้ากลั่นตัวออกมาเป็นหยาดน้ำตา จองกุกน้ำตาร่วงพรู
"ถ--ถ้าเราสองคนบอกตรงๆ ว่าไม่อยากมา แม่พี่ก็น่าจะเข้าใจนะครับ พี่จะได้ ม--ไม่ต้องฝืนใจมาอยู่กับผม" เจ้าตัวสะอึกสะอื้นเสียจนยุนกิทำอะไรไม่ถูก แถมยังไม่เข้าใจเรื่องราวอะไรทั้งสิ้น
"ชู่ว..จองกุกหยุดร้องไห้ก่อนนะ" ยุนกิปาดน้ำตาที่ยังไม่ทีท่าว่าจะหยุดไหล นึกโมโหตัวเองที่พลาดไปทำอะไรให้จองกุกเข้าใจผิดจนได้
"พ--พอพวกเรากลับไปเกาหลี พี่ก็บอกคุณพ่อคุณแม่ตรงๆ ว่าไม่พร้อมจะมีลูก ผ--ผมจะช่วยพูดอีกแรง ยังไงผู้ใหญ่ก็ไม่บังคับพวกเราหรอกครับ" ยิ่งพูดน้ำตาก็ยิ่งไหลออกมาจนแพขนตาแดงก่ำ ยุนกิประคองใบหน้าจิ้มลิ้มให้หันมามองตรงๆ
"พี่ไปบอกตอนไหนว่าไม่อยากมีลูก"
"ก็เมื่อคืนผ--ผมฮีท แต่พี่ไม่แตะต้องผมเลย จะให้ผมเข้าใจยังไงล่ะครับ นอกจากว่า พ--พี่ไม่อยากมีลูกกับผม" ยุนกิมองลึกเข้าไปในดวงตากลมโต เขาหลุดยิ้มออกมา
"พี่ขำอะไร" จองกุกหยุดร้องไห้ทันที ถามเสียงขุ่น
"ขำนายไง....เข้าใจผิดไปถึงไหนน่ะ จอน จองกุก นิสัยคิดเองเออเองน่ะ เลิกได้แล้ว อยู่ด้วยกันแต่ไม่เคยจะถามพี่ว่าอยากมีลูกมั้ย ทำไมนายฮีทแล้วพี่ถึงไม่ทำอะไร ทีตอนเถียงล่ะเถียงเก่ง แต่พอเรื่องสำคัญก็คิดเอง เข้าใจเองคนเดียวแบบนี้น่ะ" ยุนกิบ่นยืดยาวไม่พอ มือใหญ่ยังยืดแก้มอีกคนเป็นการลงโทษ ไม่สนใจเสียงร้องประท้วงอีกต่างหาก
"โอ๊ยๆ เจ็บนะ แล้วทำไมเมื่อคืนพี่ถึงไม่ทำล่ะ พี่ไม่อยากหรือไง?" จองกุกที่มุดออกมาจากฝ่ามือขาวซีดถามเสียงขุ่น อาการงอแงก่อนหน้าหายไปหมด อีกฝ่ายหยุดแกล้งแล้วประคองใบหน้าน้องให้มองสบตา
"ก่อนหน้านี้เราไม่เคยคุยกันเรื่องมีลูกซักครั้ง พี่ไม่อยากอาศัยช่วงเวลาที่นายกำลังฮีทเพื่อเอาเปรียบนาย"
"พี่อยากให้นายเต็มใจอยู่กับพี่ พร้อมที่จะสร้างครอบครัวกับพี่จากความรู้สึกของนายเอง ไม่ใช่เพราะโดนบังคับหรือว่าสถานการณ์พาไป" จองกุกใจเย็นลง รับฟัง และเข้าใจเหตุผลอีกฝ่ายมากขึ้น พอสบสายตากัน จองกุกเป็นฝ่ายที่หลบเลี่ยงไปก่อน เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ก่อนที่คนเด็กกว่าจะตอบเสียงเบา
"ผมก็ไม่ได้ติดปัญหาอะไรซักหน่อยนี่"
"ตกลงว่าอยากมีลูกกับพี่แล้วหรอ"
"อยากมีตั้งนานแล้วเถอะ"
"ไม่บอกพี่ล่ะ"
"ก็พี่ไม่เคยจะถาม แล้วก็ไม่เคยบอกรักผมเลยซักครั้ง ผมไม่อยากตั้งท้องกับคนที่ไม่ได้รักผมหรอกนะ!" ยุนกิเลิกคิ้ว จองกุกกลับมาเถียงฉอดๆ อีกครั้ง ต่างจากคนขี้แยก่อนหน้านี้ลิบลับ เขารู้สึกมันเขี้ยวเด็กขึ้นมาทันทีทันใด ก่อนจะกดน้องลงบนเตียงฟัดจูบจนผมยุ่งเหยิง
"พี่รักนาย เข้าใจมั้ยว่าพี่รักนาย" แต่แทนที่จะโกรธ จองกุกกลับหัวเราะคิดคักชอบใจ
"ผมก็รักพี่เหมือนกัน"
เย็นนั้นทั้งคู่ลงแช่บ่อน้ำร้อนและทานอาหารเย็นด้วยกัน วันรุ่งขึ้นยุนกิแก้ตัวใหม่โดยพาจองกุกไปนั่งรถเล่นอีกครั้ง สำหรับวันที่เหลือในทริป คู่แต่งงานย้ายไปพักที่อื่นต่อ สำรวจเมืองใหญ่ ตะลุยช้อปปิ้ง และตะลอนหาร้านอาหารอร่อยจนเหน็ดเหนื่อย พอกลับโรงแรม หัวถึงหมอนก็หลับปุ๋ยกันทั้งคู่ ช่วงเวลาฮันนีมูนสองอาทิตย์ในแผ่นดินญี่ปุ่นที่ยุนกิและจองกุกไม่ได้สัมผัสร่างกายกันเลย แต่ได้รู้จักนิสัยใจคอกันมากขึ้น ทั้งคู่แทบไม่ทะเลาะกันด้วยซ้ำ ยกเว้นเรื่องมื้อนั้นจะทานอะไร
เมื่อกลับมาประเทศเกาหลี ยุนกิและจองกุกกลับไปใช้ชีวิตกันตามปกติเหมือนก่อนหน้า แต่ความพยายามของแม่ยุนกิก็ไม่ได้ไร้ผลเลยเสียทีเดียว โอเมก้าตัวน้อยหยุดใช้ยาคุมกำเนิดและยุนกิปล่อยให้สัญชาตญาณครอบงำตัวเองในค่ำคืนที่จองกุกฮีท ความสัมพันธ์ฉันท์คู่รักพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด
เช้าวันหนึ่งในเดือนที่แปดของการแต่งงาน จองกุกมึนหัวเสียจนแทบลุกไม่ขึ้น อาการคล้ายกับวันแรกที่เขาตื่นมาหลังจากงานแต่งงาน เพียงแต่วันนี้ยุนกิไม่อยู่ข้างกายเขา ฝ่ายนั้นออกไปประชุมตั้งแต่เช้าแล้ว เขาหอบร่างโงนเงนมาจนถึงห้องน้ำ จองกุกเพิ่งสังเกตว่าใบหน้า แขน ขาของเขาดูมีเนื้อมีหนังมากขึ้น หรือจะเรียกว่าอ้วนขึ้นก็ได้ เจ้าของร่างนุ่มนิ่มใจกระตุก รีบค้นที่ตรวจครรภ์ที่แอบซื้อไว้เมื่อเดือนก่อนออกมา เขาทำตามคำแนะนำข้างกล่องแล้วนั่งรอ แต่ละวินาทีที่ผ่านไปเชื่องช้าต่างกับจังหวะหัวใจที่เต้นรัวแทบทะลุออกมานอกอก
ไม่ถึงหนึ่งนาที จองกุกหน้าตาตื่นรีบถลาไปที่ห้องนอน กวาดสายตาหาโทรศัพท์มือถือ ในมือกำที่ตรวจครรภ์เอาไว้แน่น เพราะผลตรวจนั้นปรากฎสองขีดหรือว่า 'ตั้งครรภ์'
จบ.
Talk: Congrats นะคะคู่แต่งงาน พี่อยากอุ้มหลานแล้วนะน้องจองกุก ก๊ากกกก
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in