"พอตเตอร์นอกจากลายมือจะแย่แล้ว... ความสามารถในการปรุงยาก็ยังแย่ตามไปด้วยหรือนี่ น่าผิดหวังจริงๆ สามปีมานี่เธอได้พัฒนาอะไรไปบ้างไหม?"
อาจารย์ประจำวิชาพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยันเมื่อจ้องมองลงไปในหม้อปรุงยา จมูกงองุ้มเชิดขึ้นอย่างคนถือตัว ดวงตาสีดำขนกาไร้ประกายของความเอื้ออาทรใดๆ
"แล้วนี่มัน... ฉันควรให้คำจำกัดความมันว่าอะไรดี?"
อาจารย์ผู้สอนยังคงเยื้องย่างเชื่องช้าไปรอบโต๊ะไม้สี่เหลี่ยมชำเลืองมองลงไปในหม้อของนักเรียนผู้โชคร้ายรายถัดไป
"หายนะ"
ใครสักคนแทรกตอบขึ้นมาตามด้วยเสียงหัวเราะเยาะเย้ยขบขันดังออกมาจากลุ่มนักเรียนในชุดเสื้อคลุมสีเขียวสลับดำ คงไม่ได้ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นพวกไหน
"โอ้ ขอบคุณมากคุณน็อต"
เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อยังคงหัวเราะร่วนไปพร้อมๆ กับกลุ่มเพื่อน โดยเฉพาะเด็กหนุ่มผมสีบลอนด์ตัวสูงที่ดูเหมือนจะเป็นหัวโจกของกลุ่มชนกำปั้นเข้ากับน็อตแสดงความสะใจอย่างชัดเจน ทั้งๆ ที่เป็นพฤติกรรมไร้มารยาท แต่ดูเหมือนว่าอาจารย์ผู้สอนจะไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก อันที่จริงออกจะให้ท้ายเสียด้วยซ้ำ
"วีสลีย์ฉันคิดว่าในหัวของเธอจะมีสมองอยู่มากกว่านี้เสียอีก"
เด็กหนุ่มก้มหน้า ริมฝีปากเม้มแน่น ด้วยความรู้สึกอายและไม่พอใจ ใบหน้าเริ่มขึ้นแดงจนเกือบจะคล้ายสีผมของตัวเขาเอง
"มะรืนนี้จะเป็นการสอบจริง ไม่มีตำรา ไม่มีเสียงนกเสียงกาคอยช่วยบอก"
เขาพูดประโยคนี้และเจาะจงปรายสายตาไปทางเด็กสาวผมหยิกสีน้ำตาลที่ยืนนิ่งอยู่ข้างเพื่อนชายผู้โชคร้ายทั้งสองคนของเธอ
"ถ้าพวกเธอคนไหนยังทำน้ำยาจิตสับสนได้ห่วยเหลือคณา นอกจากฉันจะพิจารณาเรื่องเกรดแล้ว ฉันจะพิจารณาเรื่องคะแนนบ้านของพวกเธอด้วย เอ้า เลิกชั้น!"
อาจารย์ประจำวิชาสะบัดชายผ้าคลุมสีดำเดินลิ่วออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วเมื่อพูดจบประโยค
เด็กๆ หลายคนในชุดเสื้อคลุมสีดำสลับแดงมีสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก นอกจากจะไม่มั่นใจเรื่องปรุงยาให้ถูกต้องตามตำราแล้ว พวกเขาก็ยังไม่มั่นใจว่าการให้คะแนนนั้นจะยุติธรรม ยิ่งในเมื่อ เซเวอรัส สเนป เจ้าของวิชาเป็นอาจารย์ประจำบ้านของพวกมารยาททรามอย่างเด็กบ้านสลิธีริน
สลิธีริน กับ กริฟฟินดอร์ ไม่เคยแม้แต่จะยอมหลับตาจับมือกัน เด็กทั้งสองบ้านเป็นศัตรูคู่อาฆาตมาตลอดจากรุ่นสู่รุ่น มันเหมือนเป็นธรรมเนียมไปแล้วว่าพวกเขาต้องเกลียดกัน แข่งขันชิงดีชิงเด่น ขยี้กันไปมา ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม คะแนนสอบ คะแนนบ้าน ควิดดิช และโดยเฉพาะอย่างยิ่งดวลไม้กายสิทธิ์ แต่ต้องเป็นตอนที่ไม่มีพวกอาจารย์อยู่แถวนั้นนะ
"ให้ตายสิ! ฉันละเกลียดพวกนั้นจริงๆ ขอพนันด้วยเหรียญซิกเกิ้ลทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ในถุงเท้าคู่เก่าเลยว่า พวกสลิธีรินไม่มีทางได้ต่ำกว่าเกินความคาดหมายแน่ๆ ยังไงสเนปก็ต้องเข้าข้างพวกมันอยู่แล้ว แถมยังมาว่าฉันไม่มีสมองอีก! ถ้าฉันไม่มีสมองแล้วแครบกับกอยล์นี่มันเป็นยังไงล่ะ?!"
รอน วีสลีย์ เหวี่ยงทันทีที่เห็นว่าพวกเด็กบ้านสลิธีรินออกจากห้องไปจนหมดแล้ว เด็กหนุ่มยังคงมีใบหน้าแดงก่ำถมึงทึงไม่ต่างจากสีผมของเจ้าตัว
"ใจเย็นน่าโรนัลด์ ถ้าเธอตั้งใจทำตามที่สูตรบอกไว้อย่างน้อยๆ ก็คงไม่ถึงกับได้แย่มากหรอก"
"โอ้ ขอบคุณมากเฮอร์ไมโอนี่ เธอกำลังบอกว่าฉันไม่มีโอกาสแม้แต่จะผ่านพอรับได้ด้วยซ้ำ"
เฮอร์ไมโอนี่ทำไปไม่ได้มากกว่าฝืนยิ้มให้กับเพื่อนสนิท มองดูเด็กหนุ่มพ่นลมหายใจออกทางจมูกระบายความโกรธ เธอรักรอนนะ แต่สเนปก็ไม่ได้พูดเกินจริงเท่าไหร่ น้ำยาในหม้อของรอนดูเหมือนหายนะในวันสิ้นโลกดีๆ นี่เอง
"พรุ่งนี้ฉันค่อยทำก็แล้วกันวันนี้หมดอารมณ์แล้ว! แฮร์รี่เราไปกันเถอะ"
"เอ่อ... ฉันว่าฉันจะอยู่ต่ออีกหน่อยนะ"
รอนเบิกตาโพลงไม่เชื่อในสิ่งที่หูได้ยิน แฮร์รี่เนี่ยนะจู่ๆ จะพิศวาสวิชาปรุงยาขึ้นมา คงต้องให้สเนปถูกปลาหมึกยักษ์ดึงจมหายลงไปในทะเลสาบก่อนแบบนั้นน่าพอดูมีความเป็นไปได้
"ไม่เอาน่าแฮร์รี่นายจะทำตัวบ้าเรียนเป็นเฮอร์ไม่โอนี่คนที่สองไม่ได้นะ!"
คนถูกพาดพิงหันขวับมองเพื่อนผู้ปากเสียด้วยสายตาพิฆาตทันที แต่รอนก็ไม่ได้สนใจ
"เราค่อยมาทำต่อพรุ่งนี้ก็ได้ คาบบ่ายพวกเราว่างนี่นา"
"รอน ฉันมีซ้อมควิดดิชนายลืมไปแล้วเหรอ?" วู้ดเอาฉันตายแน่ถ้าคราวนี้ฉันขาดซ้อม นายไม่เห็นสีหน้าของเขาตอนที่เดินมากำชับฉันเมื่อตอนมื้อเช้าหรือยังไง?"
"จริงด้วยนะ เขาดู เอ่อ... ดูสติแตกขึ้นเรื่อยๆ ทุกปีเลย ว่าแต่รอบนี้พวกเธอแข่งกับเรเวนคลอใช่ไหม?"
"ใช่ ที่แย่คือเราเป็นแต้มรองสลิธีลิน วู้ดบอกว่าถ้าเราไม่ปิดเกมเรเวนคลอให้ได้มากกว่าร้อยแปดสิบคะแนนเราจะไม่มีโอกาสได้ถ้วย"
"โธ่! แฮร์รี่ นายก็แค่จับลูกสนิชให้ได้ก่อนที่อีกฝ่ายจะทำคะแนนนำเราสิ อย่างนายทำได้อยู่แล้ว"
"รอน เธอต้องคิดถึงความเป็นไปได้อื่นด้วยสิ อย่างถ้าเกิดแฮร์รี่บาดเจ็บขึ้นมาล่ะ? ฉันไม่ได้หมายความว่าแฮร์รี่จะเกิดอุบัติเหตุหรืออะไรหรอกนะ แต่จากหลายๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมามันก็... เฉียดฉิวอยู่นะ"
เด็กสาวรีบแก้ตัวเป็นพัลวันเมื่อถูกเพื่อนสนิททั้งสองจ้องเขม็งมอง เรื่องที่เธอคาดเดาอุบัติเหตุในการแข่งล่วงหน้า ราวกับว่าเธอเพิ่งจะอวยพรให้แฮร์รี่ไม่รอดจากเกมควิดดิชแมทซ์ที่กำลังจะมาถึง
"แต่... ก็ถูกของเฮอร์ไมโอนี่นะ ต่อให้ฉันไม่บาดเจ็บ แต่ถ้าเกิดฉันดันจับลูกสนิชไม่ได้ล่ะ?"
แฮร์รี่มีสีหน้ากดดัน ถ้าแข่งควิดดิชไม่ชนะเขาก็ซวย แต่ถ้าสอบไม่ผ่านวิชาปรุงยาก็ซวยเหมือนกัน
"เพราะงั้นฉันอยู่ปรุงยาจนกว่าจะสำเร็จดีกว่า สเนปอาจจะน่ารำคาญ แต่วู้ดน่ะน่ารำคาญกว่าเวลาที่เขา... เอ่อ นายก็รู้ สติแตก"
เพื่อนสนิททั้งสองพยักหน้าอย่างเข้าใจ พวกเขาเคยเห็นวู้ดในแบบนั้นมาก่อน
"งั้นฉันอยู่ด้วย เฮอร์ไมโอนี่เธอต้องอยู่ช่วยเรานะ"
รอนถือวิสาสะกระตุกแขนเสื้อคลุมของเพื่อนสาวถี่รัว เฮอร์ไมโอนี่กลอกตาและถอนหายใจ
"ถ้าเป็นตอนนี้คงไม่ได้หรอกอีกเดี๋ยวฉันต้องไปเข้าเรียนอีกวิชา"
"ว่ายังไงนะ?!"
รอนแหกปากแหวเสียงดังลั่นห้อง โชคดีที่ว่าไม่มีใครอยู่แล้วนอกจากพวกเขาสามคน
"ก็ตามที่พูดนั่นแหละ ถ้าเป็นหลังจากนี้อีกสักสองสามชั่วโมงน่ะได้แน่ๆ อีกอย่างฉันต้องตรวจทานเรียงความการบ้านประวัติศาสตร์เวทมนตร์ซ้ำด้วย ฉันไม่ค่อยไม่มั่นใจกับมันเท่าไหร่"
และพ่อหนุ่มผมแดงแห่งกริฟฟินดอร์ก็แหกปากอีกครั้ง ด้วยใบหน้าที่ตื่นตกใจกว่าเดิม
"การบ้าน? การบ้านอะไร?! มีการบ้านด้วยเหรอ?! แฮร์รี่?!"
เด็กหนุ่มทำเพียงพยักหน้าตอบรับ เขาเสกคาถาอันตรธานใส่หม้อ แล้วก็เริ่มเปิดหนังสือใหม่อีกครั้ง
"แย่แล้ว! งั้นเรารีบไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ! ฉันกับนายเราต้องรีบทำการบ้าน! บินส์เอาเราตายแน่!"
รอนสติแตก คราวนี้หันมาพยายามกระชากแขนเสื้อของเพื่อนชายแทน
"โทษทีรอน... คือ... ฉันทำเสร็จไปแล้ว"
คำพูดของแฮร์รี่ก่อให้เกิดความเงียบไปทั่วทั้งห้อง ก่อนที่ โรนัลด์ วีสลีย์ จะตะโกนโหวกเหวกอีกครั้ง ด้วยสีหน้าและท่าทางเหมือนว่ากำลังเห็นสิ่งที่น่ากลัวกว่าแมงมุมเต้นแท็ป
"เสร็จแล้ว?! ได้ยังไง!!"
โชคดีที่สเนปไม่ได้อยู่ในห้องทำงาน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงจะถูกฟาดด้วยสันหนังสือ หักคะแนนบ้าน และโดนกักบริเวณเป็นแน่แท้
"ก็... เมื่อวานมันมีช่วงคาบเช้าที่ว่าง เอ่อ... นายจำได้ไหม? นายออกไปดูเฟร็ดกับจอร์จปั่นประสาทพวกเด็กปีหนึ่งปีสอง แล้ว... แต่ฉันไม่ได้ออกไปด้วย พออยู่คนเดียวเฉยๆ มันน่าเบื่อ ก็เลยทำให้มันเสร็จๆ ซะ"
เด็กหนุ่มตอบตะกุกตะกัก เขาห่อไหล่ลง พยายามฝืนยิ้ม มันดูค่อนข้างกระอักกระอ่วนเพราะความรู้สึกผิด
"แฮร์รี่! นาย มัน เพื่อน ทรยศ!"
รอนตะโกนลั่นหมายมั่นจะเข้าไปกระชากคอเสื้อของเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด แฮร์รี่ยกแขนขึ้นการ์ดป้องกันตัวเองเพื่อกันทั้งคอเสื้อและผมของเขาที่รอนพยายามจะกระชาก สองสิงห์หนุ่มตะลุมตุมบอลจนล้มลงไปนอนกับพื้น แฮร์รี่พยายามจะตะกายลุกขึ้นมา แต่ทว่ารอนก็คว้าขาของเขาไว้ได้ทัน
"โอ้ ให้ตายสิเมอร์ลิน! หยุดทะเลาะกันสักทีเถอะ!"
ดูเหมือนว่าหญิงสาวคนเดียวในกลุ่มจะหมดความอดทนกับความไม่จริงจังของเพื่อนทั้งสอง เธอตะโกนราวกับแม่เสือคำรามตวาดลูกๆ ในตอนที่กำลังซน
"รอนเธอรีบไปทำเรียงความประวัติศาสตร์เวทมนตร์ซะ แล้วฉันจะไปหาที่ห้องสมุดหลังเรียนเสร็จ! แล้วเราค่อยมาที่นี่ด้วยกันอีกที ส่วนเธอแฮร์รี่อยู่ที่นี่นะอย่าไปไหนละ!"
เด็กหนุ่มทั้งสองหยุดนิ่งไม่ไหวติงอยู่กับพื้นเมื่อได้เห็นสีหน้าและท่าทางของเฮอร์ไมโอนี่ ตอนนี้ในใจของรอนอดนึกถึงมอลลี่แม่ของเขาขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้
"เร็วสิ!"
เธอตวาดอีกครั้งเมื่อสถานการณ์ยังคงนิ่งเฉย คราวนี้เด็กหนุ่มทั้งสองเด้งตัวลุกขึ้นแยกออกจากกันทันที แฮร์รี่กลับไปยืนประจำตำแหน่งเดิมที่เคยยืนอยู่ ส่วนรอนรีบเก็บข้าวของรวบไว้ในอ้อมแขนและเดินตามหลังเพื่อนสาวต้อยๆ ราวกับเป็นลูกสุนัขหลงทาง
แฮร์รี่ถอนหายใจแรง ทั้งห้องเงียบลงไปในถนัดตา ตอนนี้ก็เหลือแค่เขากับหม้อเส็งเคร็ง และตำราปรุงยาที่ไม่มีคุณภาพ เด็กหนุ่มมั่นใจว่าไม่ใช่ความผิดเขาทั้งหมดแน่นอน ไอ้ตำรานี่มันสอนกำกวมชัดๆ
และในขณะที่เขากำลังก้มๆ เงยๆ อยู่กับหน้าหนังสือ เสียงยานคางอันแสนจะคุ้นเคยก็ปะทะเข้าโสตประสาทของเด็กหนุ่ม
"โอ้โห ดูสิใครถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว"
เดรโก มัลฟอย
พระเจ้าช่วยกางเกงในเมอร์ลินด้วยเถอะ! แฮร์รี่สบถในใจ อุตส่าคิดว่าจะได้อยู่อย่างสงบไม่มีใครรบกวน ก็ดันมีไอ้ตัวน่ารำคาญอันดับหนึ่งโผล่มาซะได้ เขามองดูมัลฟอยเดินเยื้องย่างจากประตูเข้ามาในห้องเรียนด้วยความไม่สบอารมณ์
"แฮร์รี่ พอตเตอร์ ผู้โด่งดังความนิยมตกแล้วเหรอเนี่ย? ถึงไม่มีเพื่อนรักขนาบซ้ายขวา"
แฮร์รี่เงยหน้าจากหนังสือขึ้นมองคู่อริ มัลฟอยก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ชอบทำเสียงยานกวนประสาท ตีสีหน้าชวนหมั่นไส้ให้อยากยกบาทาถีบสักทีสองที
"นายก็ไม่มีพวกโทรลเด็กเดินตามเหมือนกันนั่นแหละ"
เด็กหนุ่มบ้านกริฟฟินดอร์พูดโดยที่เผลอนึกถึงภาพของคู่หูแครบและกอยล์ในชุดโทรลไปด้วย
"ไปให้พ้นซะมัลฟอย ฉันกำลังยุ่ง"
แฮร์รี่ตอบปัดอย่างไม่ใส่ใจก้มหน้าลงอ่านตำราอีกครั้ง น่าแปลกที่คราวนี้มัลฟอยกลับเงียบไปเสียเฉยๆ ไม่ต่อล้อต่อเถียงเหมือนเดิมแล้ว ก็ดีเหมือนกันตอนนี้เขาเองก็ไม่มีอารมณ์จะมาต่อยตีกับใครด้วย
แต่ยังไม่ทันจะได้หายใจหายคอให้ผ่อนคลาย เสียงวางหม้อเครงใหญ่ก็ดังขึ้นมาจากด้านฝั่งตรงกันข้ามของโต๊ะตัวที่แฮร์รี่กำลังใช้อยู่
เดรโก มัลฟอย กำลังเตรียมอุปกรณ์ปรุงยา
"ทำอะไรของนาย?!"
แฮร์รี่ถามเสียงดัง เขามีสีหน้าแปลกใจผสมสลับกับความไม่พอใจ เพราะไม่รู้ว่ามัลฟอยจะมาไม้ไหนอีก
"ก็ทำแบบที่นายทำ"
เด็กหนุ่มบ้านสลิธีรินตอบห้วนในแบบที่ทำให้คนฟังเริ่มรู้สึกเดือด
"ฉันบอกแล้วยังไงว่าวันนี้ฉันไม่มี-"
"ที่นี่เป็นห้องเรียนพอตเตอร์ ไม่ใช่หอกริฟฟินดอร์ และฉันก็ไม่เห็นป้ายชื่อของนายแปะไว้ตรงไหนด้วย"
แฮร์รี่ถูกขัดก่อนที่จะได้พูดจนจบประโยค น้ำเสียงยานยังกวนอารมณ์เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนชวนให้อยากจะเถียงใส่กลับ แต่ติดก็ตรงที่ว่าอีกฝ่ายดันพูดถูก ใครจะใช้ห้องเรียนนี้ก็ได้ตราบใดที่ยังไม่ถูกสเนปตะเพิดออกไป
นอกจากนั้นเด็กหนุ่มบ้านสลิธีรินก็ไม่ได้พูดกวนประสาทต่อ แถมไม่ได้หันขึ้นมามองหน้าของแฮร์รี่เลยแม้แต่น้อย ปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปของศัตรูคู่อาฆาตทำให้เขาเผลอตัวจ้องอีกฝ่ายโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ อาจจะเผลอจ้องนานเสียจนกระทั่งมัลฟอยเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ตาของทั้งคู่ประสานกัน เด็กหนุ่มบ้านกริฟฟินดอร์รีบก้มหน้าหลบดวงตาคมสีเทาที่กำลังมองมาทันที
ช่างไม่กล้าหาญสมกับเป็นกริฟฟินดอร์เอาเสียเลย
แต่มัลฟอยก็คือมัลฟอยเงียบได้เพียงแค่ไม่ถึงห้าวินาทีก็เปิดปากพูดอีกครั้ง แฮร์รี่เองก็ดันเผลอรอฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร
"สงบศึกเป็นไง?"
?!
"อย่างนายเนี่ยนะจะสงบศึก?"
แฮร์รี่ พอตเตอร์ แทบจะไม่เชื่อหูของตัวเอง เดรโก มัลฟอย กำลังขอเจรจาสงบศึก?! ให้โลกถล่มทลาย ดวงจันทร์หล่นลงมาทับลอร์ดโวลเดอมอร์ตายซะก่อนเถอะ
"ฉันก็อยากผ่านฉลุยเหมือนกันแหละน่า ก็ถือซะว่าช่วยๆ กันไป ถึงนายจะไม่ค่อยฉลาดแต่อย่างน้อยก็คงพอมีกึ๋นอยู่บ้างใช่ไหมล่ะ? อย่างพวกคาถาทำความสะอาด คาถาอันตรธานอะไรเงี้ย เพราะดูแล้วอย่างน้ำยาของนายคงจะต้องแก้กันอีกหลายหม้อเลยละนะ"
คนฟังถึงกับคิ้วกระตุก ยังไม่ทันจะได้สงบศึกดีก็หาเรื่องตีกันอีกเสียแล้ว
"ไม่ล่ะขอบใจ แต่ฉันคิดว่านายคงไม่ต้องกังวลเรื่องคะแนนหรอก สเนปไม่มีทางให้ลูกรักอย่างนายได้ต่ำกว่า ย. ยอดเยี่ยม เป็นแน่ ที่สำคัญฉันมีเฮอร์ไมโอนี่คอยให้คำแนะนำอยู่แล้ว"
เด็กหนุ่มสาธยายยาวเหยียด ยกมือข้างหนึ่งขึ้นเสียผมสีดำหยักศกไม่เป็นทรงของตัวเองเกาแกรกกรากในตอนที่สายตายังคงจ้องมองบนหน้ากระดาษตำราวิชาปรุงยา
"ไม่จำเป็นต้องมีนายและก็ไม่เคยต้องการด้วย"
แฮร์รี่เงยหน้าสบตาคู่อริต่างบ้านในตอนที่พูดประโยคสุดท้ายจบ มันทำให้มัลฟอยนิ่งไปชั่วครู่ ดวงตาสีทั้งสองข้างหรี่ลงแสดงสีหน้าเรียบเฉยแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้น ไม่ทันไรบนใบหน้าก็เปลี่ยนกลับไปเป็นเย่อหยิ่ง และฉาบทับไว้ด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันอีกครั้ง
"ช่าย~ เพื่อนสาวลูกมักเกิ้ลอันสุดแสนจะชาญฉลาดของนาย ถึงฉันจะไม่ชอบยัยเลื-ยัยเกรนเจอร์เพื่อนนาย แต่ก็อดสังเวชใจไม่ได้ละนะ ลำพังต้องกระเตงวีสลีย์ไปคนนึงแล้ว ยังต้องกลับมาเปลี่ยนผ้าอ้อมให้นายอีก"
คราวนี้เด็กหนุ่มเบิกตาโพลงเมื่อรู้สึกว่ากำลังถูกเหยียดหยามเกินขอบเขต คิ้วขมวดจนแทบจะชิดกัน เผลอกำมือข้างหนึ่งกระแทกเข้ากับโต๊ะในจังหวะสั้นๆ ตอนนี้เขาควรจะเหวี่ยงหมัดไปที่หน้าของมัลฟอยเอาให้หม้อไหกระเด็นครอบหัวซะด้วยซ้ำ เพียงเสียแต่ว่าเขาเหนื่อยเกินกว่าจะยกแขนฟาดลงไปบนใบหน้ากวนประสาทนั่น แค่ไอ้การคนน้ำยาในหม้อก็วุ่นวายพออยู่แล้ว แถมคิดดูมันไม่คุ้มกันเลยสักนิด ถ้าเขาอัดมันนอกจากจะปรุงไอ้ยานี่ไม่เสร็จแล้ว เผลอๆ พวกเขาจะได้ไปค้างคืนต่อที่ห้องพยาบาลให้มาดามพอมฟรีย์สวดจนหูชาแน่ๆ
"ถ้าคิดจะกวนประสาทกัน โน่น ประตูมี! หรือไม่ก็ย้ายหม้อกับก้นอันสูงศักดิ์ของนายไปอยู่ที่มุมอื่น!"
มัลฟอยหลุดหัวเราะ ไม่ได้ดังแต่ก็ไม่ได้เบา แฮร์รี่กลอกตาถอนหายใจ แต่ก็ไม่ได้โต้ตอบ
กลิ่นของน้ำยาในหม้อลอยตลบอบอวลอยู่ในห้องเรียน แฮร์รี่ถอดแว่นตาที่ขึ้นไอฝ้าออกมาจากเช็ดกับชายเสื้อคลุมเขาสวมมันกลับไปอีกครั้ง ก้มลงมองสีของน้ำยาในหม้อต้ม ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้แตกต่างจากตอนที่อยู่ในคาบของสเนปสักเท่าไหร่ เด็กหนุ่มถอนหายใจแรงก่อนจะตวัดไม้กายสิทธิ์ร่ายคาถาอันตรธานอีกครั้ง จบวันนี้ไปเขาคงเก่งคาถาอันตรธานมากกว่าปรุงยาสำเร็จแน่ๆ
แฮร์รี่ถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกและพับแขนเสื้อขึ้นเสมอข้อมือในตอนที่เริ่มปรุงยาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรู้สึกร้อนหรือเพราะกดดันที่ทำไม่สำเร็จเสียที เขาชักไม่แน่ใจแล้วว่าหลักสูตรที่กำลังเรียนอยู่นี่ถูกเขียนขึ้นโดยคนที่มีความรู้จริงๆ นี่ก็ใส่ทุกอย่างตามที่หนังสือบอกแล้วนะ ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงยังไม่ได้ เด็กหนุ่มบ้านกริฟฟินดอร์พ่นลมหายใจแรงออกทางจมูก มันควรจะเงียบทันทีหลังจากนั้น แต่กลับมีเสียงกลั้นหัวเราะในลำคอตอบกลับมาเสียนี่
"ขำอะไรมัลฟอย?"
เขาจะเพิ่งสังเกตว่ามัลฟอยก็ถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกเหมือนกัน แถมพับแขนเสื้อเชิ้ตไปเสียถึงศอก เด็กหนุ่มบ้านสลิธีรินยังคงยิ้มและพยายามที่จะกลั้นหัวเราะด้วยการยกกำปั้นข้างหนึ่งขึ้นมาปิดปาก
"เปล่า แค่ตลกดีที่นายกำลังจะใส่ดอกสนีซเวิร์ทลงไปก่อน"
คนฟังคิ้วกระตุกและหยุดมือทันที ดอกสนีชเวิร์ทเลยได้แต่ค้างเติ่งอยู่ในมือไม่ได้ลงไปอยู่ในหม้ออย่างที่ควรจะเป็น
"ทำของนายไปเถอะมัลฟอย"
"เสร็จนานแล้วต่างหาก"
ฟังแล้วดูไม่น่าเชื่อเท่าไหร่นัก แฮร์รี่เลยเขย่งตัวชะเง้อมองไปยังหม้อฝั่งตรงกันข้าม น้ำยาของมัลฟอยเสร็จแล้วจริงๆ ด้วย แถมถูกต้องทั้งสีทั้งกลิ่น เหลือแค่เอาไปทดลองใช้จริงเท่านั้น เด็กหนุ่มเบ้ปากด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ เขาอาจจะเก่งกว่ามัลฟอยในหลายๆ ด้าน แต่เรื่องปรุงยานี่เขาแพ้หมดรูปจริงๆ
"พอตเตอร์ ไม่ใช่แบบนั้น"
จู่ๆ มัลฟอยก็พูดขึ้นในขณะที่แฮร์รี่กำลังจะหยิบส่วนผสมบางอย่างโยนลงไปในหม้อ เขาเลยเป็นอันต้องหยุดชะงักเป็นครั้งที่สอง เพียงเสียแต่ว่ารอบนี้เด็กหนุ่มบ้านสลิธีรินไม่ได้แค่พูดเพียงอย่างเดียว กลับเดินอ้อมมายังด้านหลังของเขา
"มันต้องแบบนี้"
พ่อหนุ่มกริฟฟินดอร์แทบจะสะดุ้งโหยง มัลฟอยขยับแนบตัวเข้าใกล้แผ่นหลังของเขา เท้าแขนทั้งสองข้างวางมือลงบนโต๊ะไม้ ทำเพียงขยับแค่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นเล็กน้อยชี้ว่าเขาควรจะใส่อะไรลงไปบ้างตามลำดับ ถ้าในตอนนี้มีใครมาเห็นเข้าก็คงต้องคิดว่ามัลฟอยกำลังโอบแฮร์รี่จากทางด้านหลังเป็นแน่แท้
"ละ-ละ... แล้วนายรู้ได้ยังไง?"
น้ำเสียงที่ออกมาจากลำคอนั้นตะกุกตะกักกว่าที่เคย แฮร์รี่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน โดยเฉพาะยิ่งกับคนอย่างมัลฟอย
"ก็ดูรูปในหนังสือสิ สีของนายไม่เหมือนกับสีที่อธิบายในหนังสือเลยสักนิด"
แฮร์รี่ควรจะฟัง แต่หูของเขากลับไม่ได้จับใจความประโยคเท่าไหร่นัก มันเบลอไปหมด ความรู้สึกที่ชัดเจนที่สุดในตอนนี้คงจะมีแค่เพียงสัมผัสจากแผ่นอกของมัลฟอยที่กำลังแนบอยู่บนหลังของเขา เด็กหนุ่มรู้ว่ามัลฟอยเป็นคนตัวสูงแต่ก็ไม่คิดว่าความสูงจะต่างกันได้ถึงขนาดนี้ ศีรษะของเขาน่าจะสูงแค่ประมาณช่วงไหล่ของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ เพราะมัลฟอยต้องคร่อมตัวลงเพื่อพูดกับเขา ในวงแขนของมัลฟอยเขาดูตัวเล็กลงไปในถนัดตา
"อีกอย่างในนี้มันบอกว่าให้ใส่ส่วนผสมตัวนี้ลงไปก่อน นายก็เผลอหยิบสลับกันอยู่เรื่อย"
ริมฝีปากไม่ได้ห่างจากใบหูของแฮร์รี่ มันใกล้มากจนได้ยินทุกคำพูดอย่างชัดเจน มันใกล้มากจนรู้สึกได้ถึงทุกลมหายใจอุ่นที่สัมผัสแผ่วแนบอยู่ข้างแก้ม
"หญ้าสเคิร์ฟวีกับดอกสนีซเวิร์ท มันเหมือนกันตรงไหน? แล้วเขาให้ใช้แค่นี้นายก็กำซะเต็มมือ โง่หรือเปล่าเนี่ยพอตเตอร์?"
พอถูกด่าอารมณ์หลากหลายก็เริ่มแทรกเข้ามา ทั้งอาย ทั้งหงุดหงิด ทั้งโมโห ทั้งสับสน ทั้งใจเต้น คนเราจะสามารถรับความรู้สึกทั้งหมดนี้ได้ในครั้งเดียวจริงๆ น่ะเหรอ?
สำหรับแฮร์รี่เขาทำไม่ได้ จะให้อยู่ในวงแขนของมัลฟอยต่อไปหรือจะยอมให้ตัวเองถูกด่าซ้ำซากก็ไม่อยากเลือกอะไรทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเขาจะต้องเอาตัวเองออกจากสถานการณ์ตรงนี้ไปให้ได้
"ก็ดอกมันสีขาวเหมือนกันนี่หว่า!"
ใช้ความฉุนเฉียวเป็นตัวเปิด แฮร์รี่ตวัดตัวหันกลับไปเผชิญหน้าคู่อริโดยหมายมั่นจะผลักมัลฟอยออกไปให้พ้นทาง
"ใครมันจะไปรู้..."
แต่ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจะคิดผิด บางทีการตัดสินใจนี่มันอาจจะทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลงกว่าเดิม
มัลฟอยที่ก้มลงมาในระยะประชิด ใบหน้าของพวกเขาอยู่ห่างกันเพียงแค่ไม่กี่สิบเซน ใบหน้าเหล่อเหลา ดวงตาคมสีเทา จมูกโด่งเป็นสัน ถึงจะใส่แว่นแต่แฮร์รี่ก็มองเห็นรอยกระจางๆ เล็กน้อยบนสันจมูกและแก้ม ผิวของมัลฟอยขาวซีดเสียจนมองเห็นกล้ามเนื้อและเส้นเลือดที่ลำคอ
"ไม่รู้อะไร พอตเตอร์?"
แฮร์รี่หลบสายตาที่มัลฟอยส่งมา ในหัวตีกันยุ่งไปหมด เขาก็ไม่รู้อะไรทั้งนั้นเหมือนกันนั่นแหละตอนนี้
"จะรู้หรือไม่รู้อะไรมันก็เรื่องของฉัน ช่วยถอยออกไปหน่อยได้ไหม เหม็นขี้หน้านายจะแย่แล้ว!"
"แล้วถ้าฉันไม่ล่ะ?"
"มัลฟอยเลิก-!"
"หอมดีนะ ทาร์ตน้ำตาลเหรอ?"
แฮร์รี่พยายามจะทำความเข้าใจในสิ่งที่มัลฟอยพูด แต่หัวใจที่อยู่ในอกของเขานี่สิมันโคตรจะเต้นแรงเลย เสียงของมันดังกลบทุกอย่างรวมถึงสติที่เขากำลังรวบรวมด้วย เด็กหนุ่มรู้สึกเพียงแค่ว่าแก้มทั้งสองข้างนั้นร้อนผ่าว หายใจก็ไม่คล่อง แถมเลนส์ของแว่นตาก็เริ่มจะขึ้นเป็นฝ้าจนมองไม่ชัดอีกครั้ง
"อะ-อะไรนะ?!"
เด็กหนุ่มบ้านกริฟฟินดอร์ไม่รู้ว่าตัวเองจะยังหลงเหลือความกล้าหาญดั่งราชสีห์อยู่ไหม ไม่ต้องกล้าขนาดนั้นก็ได้เขาขอแค่ความกล้าพอที่จะถีบหรือดันตัวของคู่อาฆาตให้ออกไปให้พ้นก็พอ
"กินเลอะเทอะเป็นเด็กเลยนะพอตเตอร์ มีเศษทาร์ตน้ำตาลติดอยู่ที่ปอยผมนายนี่แหนะ"
มัลฟอยพูดขึ้นในขณะที่มือข้างหนึ่งเลื่อนไปยังกรอบหน้าของแฮร์รี่ นิ้วยาวสัมผัสถูกผิวแก้มแค่ปลายเล็บ และหยิบสิ่งที่ดูเหมือนว่าจะเป็นเศษของทาร์ตน้ำตาลออกจากปอยผมสีดำสนิท
"พอตเตอร์"
มันใกล้มาก... มากเกินไป ไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายขยับเข้าหาอีกฝ่ายก่อนกันแน่ แต่พวกเขาไม่ได้สนใจ ในหัวไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น
"มัล..."
สุดท้ายแฮร์รี่ก็เป็นฝ่ายหลับตาลงก่อน ถึงจะมองไม่เห็นแต่ก็รู้สึกได้ถึงไอร้อนที่แผ่วอยู่ใกล้กับริมฝีปากของตัวเอง รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังขยับเผยอริมฝีปาก
ให้ตาย
"คิดว่าฉันจะจูบนายจริงๆ เหรอหัวแผลเป็น?"
อะไรนะ?
แฮร์รี่ลืมตาขึ้น และมัลฟอยถอยห่างออกไปแล้ว อยู่ห่างเสียจนรู้สึกโหวงอย่างประหลาด เด็กหนุ่มบ้านสลิธีรินยืนกอดอก ใบหน้าเปื้อนยิ้มหัวเราะด้วยความสะใจ
"ฉัน ไม่มี วัน จูบ นาย ที่นี่ หรอก"
ไม่รู้เลยว่าควรจะรู้สึกอย่างไรก่อนดี โกรธเคือง อับอาย เกลียดชัง ทั้งร่างเป็นเหมือนสัญญาณไฟที่เสียหายสลับสีมั่วไปมา แต่ที่ทำให้แฮร์รี่รู้สึกแย่ที่สุดคือ
เขาดันเกิดความรู้สึกเสียใจ
แฮร์รี่รู้สึกได้เลยว่าทั้งใบหน้ากำลังร้อนผ่าวยิ่งกว่าเดิม มือทั้งสองข้างกำแน่นจนเล็บจิกลงไปในผิวเนื้อฝ่ามือ นอกจากความโกรธที่มีต่อมัลฟอยแล้ว เขาก็โกรธตัวเองไม่แพ้กัน โกรธเผลอตัวทำอะไรแบบนั้น น่าจะรู้ตัวว่าไม่ควรเผลอตัวเชื่อใจพวกสลิธีริน งูมันก็เป็นแบบนี้เลื้อยไหลหนีไปเรื่อย ไล่ต้อนเราตอนที่ประมาท เลือดเย็นพอที่จะไม่ปรานี บีบรัดเหยื่อจนสาแก่ใจกลืนกินทั้งที่ยังมีชีวิต
รอยยิ้มเย้ยหยันร้ายกาจยังคงฉาบอยู่บนครึ่งหน้าของมัลฟอย คงกำลังสนุกสนานกับการเล่นมุกตลกทำร้ายจิตใจคนอื่น
"ฝากเก็บหม้อกับอุปกรณ์ด้วยละกันนะ ถ้าเซเวอ- ศาสตราจารย์สเนปกลับมาแล้วเห็นสภาพห้องเรียนคงจะไม่พอใจเท่าไหร่นักหรอก"
เขาเกือบจะถลาตัวเข้าไปต่อยไอ้คนทุเรศสักหมัดสองหมัดแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะประโยคที่มัลฟอยพูดออกมาดึงสติแฮร์รี่ให้รีบหันกลับไปสำรวจหม้อปรุงยาของตัวเอง ดูเหมือนว่าเขาจะเผลอชนมันจนล้ม ของเหลวสีเขียวเข้มหกเลอะไปทั่วทั้งโต๊ะ หนังสือตำราชุ่มไปด้วยรอยด่างย้อมกระดาษจนเป็นสีเขียว ส่วนผสมอื่นๆ จมหายไปกับสีของน้ำยา ไม่ก็ไหลหยดแหมะลงบนพื้น โชคดีแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้ทำไฟไหม้ทั้งโต๊ะ ทั้งหมดนี่เป็นเพราะมัลฟอยทั้งนั้น!
"พอตเตอร์"
มัลฟอยเรียกชื่อของเด็กหนุ่มบ้านกริฟฟินดอร์อีกครั้งในจังหวะที่เจ้าตัวยืนขวางบานประตูของห้องเรียนปรุงยา ต่อให้ไม่ได้มองแต่เขาก็รู้สึกได้ว่ามัลฟอยกำลังจะไป
"แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่ทำที่อื่นนะ"
สิ้นประโยคแฮร์รี่หันหลังกลับไปในทันที แม้ว่าจะสัญชาตญาณจะตอบรับเร็วแค่ไหนที่สุดแล้วเขาก็ตามไม่ทันอยู่ดี หน้าบานประตูเหลือเพียงความว่างเปล่า
ใบหน้าของเด็กหนุ่มบ้านกริฟฟินดอร์ยังคงขึ้นสีแดงเข้มเหมือนกับสีประจำบ้านของตัวเอง เหมือนกับสีผมของเพื่อนสนิทของเขา เพียงเสียแต่ว่าความรู้สึกมันไม่ได้มีแค่ความโกรธอีกต่อไป
งูเนี่ยมันเชื่อใจไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ
--------------------------------------------------------------------------
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in