ผมยังคงเดินตามหญิงสาวมาหลังจากลงจากรถเมล์ เป็นเหมือนเงาในค่ำคืนซึ่งตามติดเธอไปทุกที่ หญิงสาวคงจะรู้ถึงการสะกดรอยของคนแปลกหน้าคนเดิม... แต่คราวนี้ เธอไม่ได้หันมาพูดห้ามปรามผมเหมือนเช่นที่อยู่บนรถเมล์ เธอเดินมุ่งมั่นไปทีละก้าวอย่างเป็นจังหวะ...รถพยาบาลคันแล้วคันเล่าวิ่งสวนทางการเดินของพวกเราไปอย่างรวดเร็ว เสียงไซเรนดังอื้ออึงไปทั่วทั้งเมืองในคืนนี้
---
และแล้วก็ถึงที่หมายปลายทางของหญิงสาว เธอยืนรออยู่ตรงทางคนเดินบนกึ่งกลางสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาระหว่างฝั่งหนึ่งกับอีกฝั่งหนึ่ง มองลงไปที่สายน้ำผืนใหญ่ มือทั้งสองข้างของเธอวางอยู่บนแผงกั้นที่ได้แยกอาณาเขตระหว่างความสว่างบนสะพานและความมืดมิดเบื้องล่าง สายลมที่เจือไอร้อนบนสะพานโบกปลิวผมของเธอสยายไปข้างหลัง เสียงไซเรนที่ต่างแย่งกันแผดเสียงได้จางหายไปแล้ว เหลือแต่เพียงเสียงไหลเอื่อยของแม่น้ำที่สอดประสานกับเสียงแผ่วเบาของสายลม และรถที่วิ่งไปมาบนสะพาน...ผมยืนห่างจากเธอไม่ไกลนัก เมฆก้อนใหญ่บนท้องฟ้าสีเทากำลังเคลื่อนบดบังพระจันทร์
ณ ที่แห่งนั้น ผมและเธอเป็นเพียงตัวละคร 2 คนที่อยู่ในฉาก เราทั้งคู่ต่างเป็นสิ่งแปลกปลอมที่มาทำลายบรรยากาศความว่างเปล่าของสถานที่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ พวกเรากลับถูกความเงียบของพื้นที่เข้ามาโอบรัดให้กลายมาเป็นหนึ่งเดียวกับพวกมัน
“ทำไมคุณยังตามมาอีก” หญิงสาวพูดขึ้นมาในที่สุด
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน...” ผมหยุดคิดชั่วขณะหนึ่ง “คงเป็นเพราะ...ผมอยากพิสูจน์ให้แน่ใจว่า คุณคือคนที่ผมรู้จักรึเปล่า”
“ก็ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่หรอว่า เราไม่เคยรู้จักกัน...ทำไมคุณถึงยังไม่ยอมปล่อยฉันไปซะที”
“อย่างแรก...คุณมีหน้าตาคล้ายกับผู้หญิงที่ผมเคยรู้จัก อาจรวมถึงรูปร่าง น้ำเสียง และท่าทางด้วยที่แทบจะเหมือนกัน และอย่างที่สอง...คุณมีปานสีดำที่เดียวกับเธอ”
เธอจับปานสีดำบนคอเธออย่างแผ่วเบา
“ถ้าไม่เป็นการรบกวนคุณมากเกินไป...ขอให้ผมอยู่พูดคุยกับคุณอีกสักแปปได้รึเปล่าครับ” ผมเอ่ยถามเธอหลังจากที่พวกเรานิ่งเงียบไปนาน
“คุณช่วยเล่าเรื่องราวของผู้หญิงคนนั้นให้ฟังหน่อยสิคะ” เสียงของเธออ่อนลง
---
หลังจากนั้น ชิ้นส่วนจากความทรงจำค่อย ๆ ถูกลำเรียงออกมาเศษซากจากอดีตที่ถูกกาลเวลากัดกร่อนความเป็นจริง จนท้ายที่สุดเหลือเพียงเรื่องเล่าหนึ่งเรื่องจากมุมมองของผู้ถ่ายทอด..จากจุดเริ่มต้นจนถึงวันสุดท้ายของความสัมพันธ์…
สีหน้าของหญิงสาวไร้การฉายส่องของอารมณ์ เธอเหม่อมองออกไปในความมืดมิดเบื้องล่างเช่นเดิมคล้ายกับว่าเธอดูดซับเรื่องราวทั้งหมดไว้ ก่อนที่จะระเหยออกไปผ่านลมหายใจของเธอ และปล่อยให้ความมืดละลายไอจางของเรื่องราวนั้นให้หายวับไปตลอดกาล
เสียงความวุ่นวายจากอีกฝั่งหนึ่งของสะพานกลับมาดังขึ้นอีกครั้ง รถทหารที่บรรทุกพลทหารอยู่เต็มคันแล่นผ่านหลังพวกเราไปเป็นขบวน
“เรื่องทั้งหมดก็มีเท่านี้ครับ...ผมอยากจะขอโทษเธอกับสิ่งที่ทำไป..." ผมหยุดนิ่งไปชั่วขณะเมื่อสัมผัสได้ว่าเสียงเริ่มสั่นเครือ "...ขอโทษที่ทรยศต่อความสัมพันธ์ของเรา"
“แล้วคุณได้พบเธออีกมั้ยหลังจากนั้น”
“ไม่ได้พบอีกเลย...จนผมมาเจอคุณที่บาร์คืนนี้”
หญิงสาวหยิบบุหรี่จากกระเป๋าขึ้นมาจุด ก่อนพ่นควันขาวออกไปเป็นทางยาว
“ฉันคิดว่าถึงเวลาที่คุณต้องไปแล้ว” เธอมองผมด้วยสายตาที่บ่งบอกเป็นสัญญาณเตือนว่า เวลาของผมได้หมดลง
---
ด้วยสถานการณ์ที่ไร้ข้ออ้างใด ๆ เพิ่มถึงเวลาแล้วที่ผมต้องปล่อยเธอไป ผมมองหน้าเธอเสมือนเป็นคำอำลา พร้อมจดจำใบหน้านั้นที่บรรจุเต็มไปด้วยความลับไว้มากมายเป็นครั้งสุดท้าย
“คุณกำลังจะเดินทางไปที่ไหนหรอครับ... ทีแรกเห็นคุณจะลงที่ท่ารถ แต่คุณกลับเปลี่ยนใจมาลงที่นี่แทน” ผมถามก่อนที่จะเดินจาก
“ฉันไม่สามารถบอกได้ว่าสถานที่นั้นเรียกว่าอะไร...หลายเดือนที่ผ่านมามีเรื่องมากมายเกิดขึ้น ทุกวัน ฉันเฝ้ามองหาสถานที่สงบสักแห่งเพื่อหยุดคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และหลังจากที่ไปบาร์ในคืนนี้ ฉันคิดว่าพบสถานที่ที่ว่าแล้ว”
“แล้วผมมีทางที่จะรู้ถึงสถานที่แห่งนั้นบ้างรึเปล่าครับ”
“คุณจะรู้ในวันหนึ่ง” เธอตอบ
แสงไฟจากปลายบุหรี่ที่เธอคีบอยู่ตรงร่องนิ้วกำลังดูดกลืนมวนของมันอย่างช้า ๆ ผมมองกระเป๋าสะพายไหล่ใบกลางของเธอ
“ดูจากสิ่งที่คุณติดตัวมาด้วย คงไปไม่นานสินะครับ”
เธอนิ่งคิดและเหม่อมองออกไปปลายสะพานที่ทอดยาวออกไป
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“ผมจะได้เจอคุณอีกรึเปล่า”
เธอหันกลับมามองผม...เราสบสายตากันอีกครั้ง
“นี่เป็นครั้งแรก...และครั้งสุดท้ายที่เราจะพบกัน สิ่งนี้ฉันมั่นใจอย่างแน่นอน”
หญิงสาวสูบอำลาบุหรี่ที่เหลืออยู่ปลายมวนก่อนจะโยนมันทิ้งลงพื้น และใช้เท้าบดขยี้มันจนแบนราบ ควันขาวจากปลายมวนยังคงพยายามเฮือกสุดท้ายเพื่อเผาไหม้ตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่มันจะล้มเหลวในที่สุด...และนั่นคือประโยคสุดท้ายของบทสนทนาของเรา
To be continued...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in