เราเป็นโรคจิตอย่างหนึ่ง คือชอบเดินห้าง เดินตลาด เดิน supermarket ถ้าเบื่อๆเครียดๆ การไปโฉบแถว Max Value แถวบ้าน ก็ทำให้ชีวิตบันเทิงขึ้นมาได้โดยไม่ต้องซื้ออะไรเลย แค่หยิบๆจับๆก็กลับบ้านได้ และไม่ว่าจะไปไหน ที่ที่ขอให้ได้แวะซักนิดซักหน่อยก็คงเป็นพวก supermarket อะไรพวกนี้ล่ะ
พอหลังจากกองๆข้าวของเอาไว้ ล้างหน้าแปรงฟันนิดๆ หยิบเงินติดตัวมานิดหน่อย ก็เดินดุ่ยๆกันออกมาจากโรงแรม ฝนหยุดสนิทแล้ว ท้องฟ้าเวลาเกือบสองทุ่มยังไม่มืดสนิทเสียทีเดียว แถบโรงแรมก็จัดว่าคึกคักพอสมควร เพราะมีร้านเปิด 24 ชั่วโมงอยู่หลายร้าน เรางี้เดินแบบคุ้นเคย (บอกแล้วว่าซ้อมมา 555) ปากก็อธิบายทางไปด้วยเยี่ยงไกด์ท้องถิ่น
"เนี่ยพิซซ่าบาทเดียวที่เคยดูในยักษ์คิ้วท์ไง "
(แต่ผิดค่ะนังเด๋อ ชื่อแค่คล้ายกันเฉยๆ
เรื่องนี้ยังไม่ได้เฉลยกับผู้ชายเพราะกลัวโดนหยามว่าอ่อน)
เรากำลังเดินไป Westside Market
Grocery Store ที่ห่างจากโรงแรมไปราวสองบล็อค
คือวิธีอธิบายทางใกล้ไกลของที่นี่ พูดกันเป็นบล็อคจะง่ายที่สุด เพราะถนนมันเป็นแบบนั้น หนึ่งบล็อคใช้เวลาเดินราว 3 นาที ถ้าบล็อคยาวหน่อยก็ราว 7นาที แต่ละบล็อคก็จะมีไฟแดงคนข้าม แต่ที่นี่น้านนนน ข้ามกันเลยจ้า มาถึงแรกๆก็ยังไม่คุ้นเคย เลยเป็นคนดี ยืนรอให้คนนำข้ามก่อน แต่อยู่ไปอยู่มาเริ่มจับทางได้ นำเองไปเลยจ้าาา 555555
ละแวกนี้จะมี grocery store หลายที่ จริงๆของที่ขายกับราคาก็ใกล้เคียงกัน แต่บางอย่างก็ต่างกันนิดหน่อย ตลอด7-8วันที่เรามาเที่ยว นอกจากอาหารที่พกมาเองแล้ว ก็พึ่งพาร้านชำนี่แหละในแต่ละมื้อ สะดวกและประหยัดกว่าเข้าร้านแน่นอน (เพราะไม่ต้องจ่ายทิป กรั๊กกกกส์) ของที่ซื้อบ่อยๆก็จะเป็นจำพวกน้ำดื่ม จริงๆที่เราลองเสิร์ชดู เค้าว่าน้ำประปาที่นี่ดื่มได้นะ แต่ผู้ชายบอกว่ารสชาติมันเหมือนน้ำประปาบ้านเรา มีกลิ่นเหมือนคลอรีน แต่อิฉันไม่รู้สึกค่ะ อิฉันเปิดก๊อกกรอกใส่ขวดไปกินนอกบ้านทุกวัน
ร้านชำแถว Williamsburg
น้ำตาจะไหล เห็นรูปแล้วนึกได้ว่าทำไมไม่ซื้อ
เราชอบดิสเพลย์ของร้านชำที่นี่มาก หน้าร้านมักจะมีถังใส่ดอกไม้ รวมไปถึงแผงผลไม้หลากสี ผลไม้ที่นี่เค้าขายเป็น .lb นะ (พวกของชั่งตามน้ำหนัก เช่นอาหารปรุงสำเร็จแบบตักก็เช่นกัน) 1lb.จะอยู่ราว 0.450 กก ตีคร่าวๆก็ประมาณครึ่งกิโลกรัม อย่างลูกแพร์ในรูปก็ ราคาต่อ 1lb ก็ประมาณ 80 บาท ไม่รู้ว่ากี่ลูกโลเหมือนกันเพราะไม่ได้ซื้อ ความกะเหรี่ยงคือตอนแรกที่มาจะไม่กล้าใช้เงินจ้า ก็เลยไม่ค่อยได้กินอะไรดีๆ แต่พอจะซื้ออะไรดีๆกินก็ไม่มีเงินแล้วจ้า เพราะชอปปิ้งหมด
ความสีสันนี้ ไม่เรียงเป็นเรนโบว์เลยล่ะ
โปรสตรอเบอร์รี่ 2 กล่อง 5$ ซื้อเลยๆๆๆ
สำหรับพวกผลไม้นี่ซื้อตาม Kiosk ข้างทางถูกกว่า อย่างสตรอเบอร์รี่ ในร้านชำจะกล่องละประมาณ 3.99$ แต่ร้านข้างทางจะขาย 2 กล่อง 5$ แต่บางร้านจะมีโปร เหลือ 2.99$ บ้างแล้วแต่ที่ อ้อ พวกผลไม้รวมแบบหั่นแล้วใส่กล่องแช่เย็นพร้อมกินนี่แพงมากมาย กล่องละเกือบๆสองร้อย ไปจนถึงหลายร้อย เอามีดมาจ้ะ ซื้อทั้งลูกไปปอกเอง เชื่อพี่
(มีด ----ใส่กระเป๋าโหลดนะ ถ้าถือขึ้นเครื่องอาจจะโดนโยนทิ้งตั้งแต่สนามบินขาออก 55555)
ของแพงอีกอย่างของที่นี่คือน้ำผักผลไม้สกัด ขวดละ 6.99$ คูณ 35 ดู สองร้อยกว่า บ้าไปแล้ววววววว คือเราชอบกินพวกน้ำผักผลไม้สกัดแบบนี้เพราะกินแล้วแล้วสดชื่น แล้วก็คล่องปรื๊ดๆ (อะไรคล่อง) แต่แพงกว่ายาถ่ายอีก กลับไปกินยามะขามแขกที่พกมาก็ได้ ได้ผลแน่นอน
น้ำผักผลไม้สกัดเย็น (cold pressed juice) หลากสี กลับมากินตลาดดินแดงก็ได้ 3ขวด 100
เค้กต่างๆ ราคาอยู่ราวๆ 4.99 ขึ้นไป ชิ้นใหญ่มาก แค่เห็นก็อิ่มแล้ว
กินได้ทั้งครัวเรือน
ไม่ว่าที่ไหนๆก็มีคนเนียนเอาของที่ตัวเองไม่ซื้อมาแหมะไว้ที่เชลฟ์อื่นเหมือนกันหมดทั้งโลกเลยเนาะ
ความเซ็งอีกอย่างของที่นี่คือของกินไม่รู้จะชิ้นใหญ่ไปไหน น้ำส้มขวดใหญ่มากกกก นมขายกันเป็นลิตร เค้กชิ้นเท่าบ้าน สตาร์บัคส์ยังมีไซส์จัมโบ้ โยเกิร์ตขายพ่วงแบบ 2ถ้วย3$ กะเหรี่ยงนอนโรงแรมไร้ตู้เย็นอย่างเราก็ได้แต่กัดปากดราม่าเดินฝ่าดงโยเกิร์ต 2ถ้วย 3$ ไปอย่างสะเทือนใจ แล้วไปหยิบโยเกิร์ตถูกๆมากินแทน ถ้วยละ .99c ประมาณ 35 บาท ไม่มีตัวเลือกเหลยยยย แล้วรสชาติที่มีก็เพลนๆมาก หึ! เสียใจ
โยเกิร์ตหลากรส เลือกไม่ถูกเลย อ้อ ไม่ต้องเลือก เอาอันที่ขายถ้วยเดียว และราคาถูกสุด
ที่นี่มีแทบทุกอย่าง เมล็ดกาแฟก็มี มีเครื่องบดให้พร้อม แต่สำหรับใครที่เลือกไม่เป็น (แบบเรา) ก็ลองไปดูตามเชลฟ์เมล็ดกาแฟ ที่มีแทบทุกร้านคือเมล็ดของ Dunkin และ Starbucks บางร้านจะมี Mc.Donald ด้วย สนนราคาเริ่มต้นไม่แพง ประมาณ 10$ กว่าๆ ขึ้นไป ชงเองก็ได้นะ เพราะส่วนใหญ่โรงแรมที่นี่จะมีเครื่องชงกาแฟ (พร้อมกาแฟซอง) ให้ทุกที่อยู่ แต่สำหรับเรา มาเพื่อกินกาแฟ ดังนั้น กินมาม่าได้ แต่ไม่ซื้อกาแฟเย็นไม่ได้นะจ๊ะ #โปรยเหรียญ1เซนต์โชว์
เมล็ดกาแฟ นิดหน่อย เบาๆ หกแบบ
เกี๊ยวนึ่ง ตัวใหญ่มากนะ แต่ไม่มีปัญญาอุ่น
นั่นไม่ใช่แกงขี้เหล็ก แม้หน้าตาจะเหมือนมากก็ตาม
นอกจากอาหารแห้งแล้วยังมีอาหารปรุงสำเร็จด้วย ขายเป็น .lb เช่นกัน มีทั้งหมูปลาไก่กุ้ง สลัด ราคาก็หลากหลายตามความหรูหรา พวกข้าวหน้าหมูทอดไก่ทอดก็มี อาหารเอเชียก็มีเช่นกัน แต่มันแช่เย็นอยู่ เป็นอันหมดหวังเพราะไม่มีไมโครเวฟ จะไปบอกให้เขาอุ่นให้ก็ไม่รู้จะพูดว่าอะไร กะเหรี่ยงอย่างเราเดินวนอยู่หลายรอบ ทั้งหิวทั้งง่วง ในที่สุดก็ถือน้ำเปล่ากับโยเกิร์ตไปจ่ายเงิน แล้วที่นี่นะ ถุงแม่งชิคมากเว้ย เปนถุงกระดาษแบบไม่มีหูเหมือนในหนัง แล้วก็ซ้อนด้วยถุงพลาสติกหูหิ้วอีกที วี้ดดดดดด (ตอนเด็กๆชอบเล่นชอปปิ้งคนเดียวแล้วอุ้มถุงกระดาษแบบนี้แหละ 55555555) คืออิถุงน้ำตาลมันก็ไม่มีโลโก้อะไรนะ แต่อินี่ก็อุตส่าห์พับใส่กระเป๋ากลับมาด้วย มาดูเป็นที่ระลึก ว่าครั้งหนึ่งเคยชอปปิ้งใน grocery แล้วอุ้มถุงกลับบ้าน
หน้าตาแบบนี้เลย credit : christilautomo.com
สำหรับดินเนอร์วันแรกก็เป็นข้าวกระป๋องที่พกมา คลุกน้ำพริกแห้งๆที่ซื้อจากเซเว่นไปด้วย
เนื่องจากผู้ชายชิงหลับไปแล้ว เหลือชะนีผู้หิวโหยและไม่มีปัญญาต้มน้ำด้วยเครื่องทำการแฟ จึงได้คิดวิธีอันชาญฉลาด นั่นก็คือเปิดน้ำร้อนจากก๊อก ใส่กล่อง แล้วเอากระป๋องข้าววางลงไป แช่น้ำให้อุ่น ประมาณ 15 นาที
เปิดมา เอาช้อนแซะใส่กล่อง
ช้อนยังแทบงอ!
แต่โลกยังต้องเดินต่อไป เราเคยกินข้าวแช่เย็นโดยไม่เข้าเวฟได้ อันนี้มันก็ต้องกินได้สิวะ
อืมม์ ดินเนอร์มื้อแรกที่นิวยอร์ก
อร่อยสุดๆไปเลยเว้ยยยย (ประชด)
ป.ล. ตอนใหม่มาแล้วนะคะ ^^