อัลบัม Bambi ได้รับอิทธิพลมาจากความเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม ซึ่งรวมไปถึงปรากฏการณ์ #MeToo ด้วย โดยเจค (นักร้องนำ) ได้กล่าวว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นทำให้พวกเราต้องพินิจดูว่ามายาคติของความเป็นชายที่เป็นพิษ (Toxic Masculinity)* ได้ส่งผลกระทบกับมุมมองต่อตนเองและโลกใบนี้ของเรายังไงบ้างครับ ที่ผ่านมา เราอาจรู้สึกกังวลว่าเราเนี่ยอ่อนแอสุดๆ เลย แต่ตอนนี้เราตระหนักมากขึ้นว่าการรับมือกับอาการซึมเศร้าและวิตกกังวลนั้นสำคัญแค่ไหน เพราะยิ่งผู้ชายเรียนรู้ที่จะจัดการกับมันได้มากขึ้น พวกเขาก็อาจระบายอารมณ์ออกมาในรูปแบบของความโกรธและความรุนแรงน้อยลงครับ"
นอกจากนี้ แซค (มือเบส) ยังกล่าวถึง Bambi เพลงไตเติลชื่อเดียวกันกับชื่ออัลบัมด้วยว่าเป็นเพลงเกี่ยวกับ "การไม่สามารถควบคุมอารมณ์ที่เหวี่ยงไปเหวี่ยงมาของตัวเองได้ รวมถึงการพยายามมอบความเข้มแข็งให้กับตัวเองสามารถผ่านช่วงเวลานั้นไปได้"**
I swear to God, I wasn't born to fight
สาบานเลยว่าผมน่ะไม่ได้เกิดมาเป็นนักสู้หรอก
Maybe just a little bit, enough to make me sick of it
แค่เจอเรื่องนิดๆ หน่อยๆ บางทีผมก็ทนไม่ไหวแล้วล่ะ
But I can read between the lines
แต่ว่าผมมองสิ่งต่างๆ ได้ทะลุปรุโปร่งนะ
I want to run from everything
ผมอยากวิ่งหนีจากทุกสิ่งทุกอย่าง
But my legs won't work, it's clear to me
แต่เห็นอยู่ทนโท่ว่าขาผมมันใช้การไม่ได้เอาเสียเลย
I haven't been much myself
ผมไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิด
And I feel like my friends are being put through this hell I'm feelingแล้วก็รู้สึกเหมือนลากเอาเพื่อนคนอื่นๆ ลงมาจมในนรกที่กำลังเผชิญอยู่ด้วย
I think that I'm living, if you could call it living
ผมว่าผมก็กำลังใช้ชีวิตอยู่นะ ถ้าคุณมองว่าสิ่งที่ผมทำคือการใช้ชีวิตน่ะ
So brash and unforgivin'
ฟังดูมั่นหน้าและไม่น่าให้อภัยเลย
Ruled by the vibe I'm bringing
ที่ปล่อยให้อารมณ์ครอบงำ
Serving myself
ทำเพื่อตัวเอง
Serving myself
ทำเพื่อตัวเอง
The timing's poor, I know it's never right
ผิดจังหวะตลอดล่ะ ไม่เคยถูกเวลาเลย
It's hard to see this time of nightตอนกลางคืนแบบนี้มันยากที่จะมองอะไรเห็น
Hard to know the reasons why I fucked it up again
ยากที่จะเข้าใจว่าทำไมผมทำทุกอย่างพังพินาศอีกแล้ว
Still I breathe a sigh
ผมก็ได้แต่ถอนหายใจ
It doesn't seem so lucky now
โชคไม่ดีเลยจริงๆ
Maybe I can figure out why
ผมอาจหาคำตอบได้สักวันว่าทำไม
I haven't been much myself
ผมไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิด
And I feel like my friends are being put through this hell I'm feelingแล้วก็รู้สึกเหมือนลากเอาเพื่อนคนอื่นๆ ลงมาจมในนรกที่กำลังเผชิญอยู่ด้วย
I think that I'm living, if you could call it living
ผมว่าผมก็กำลังใช้ชีวิตอยู่นะ ถ้าคุณมองว่าสิ่งที่ผมทำคือการใช้ชีวิตน่ะ
So brash and unforgivin'
ฟังดูมั่นหน้าและไม่น่าให้อภัยเลย
Ruled by the vibe I'm bringing
ที่ปล่อยให้อารมณ์ครอบงำ
Serving myself
ทำเพื่อตัวเอง
Serving myself
ทำเพื่อตัวเอง
Wait and see, I'll be making my own way now
คอยดูเถอะ ผมกำลังเดินตามทางของตัวเองอยู่
I'll be making my own way now, to where I got to be
ผมกำลังมุ่งหน้าไปที่ที่ผมต้องไปด้วยตัวของผมเอง
Wait and see, I'll be making my own way now
คอยดูเถอะ ผมกำลังเดินตามทางของตัวเองอยู่
I'll be making my own way now, to where I got to be
ผมกำลังมุ่งหน้าไปที่ที่ผมต้องไปด้วยตัวของผมเอง
Wait and see, I'll be making my own way now
คอยดูเถอะ ผมกำลังเดินตามทางของตัวเองอยู่
I'll be making my own way now, to where I got to be
ผมกำลังมุ่งหน้าไปที่ที่ผมต้องไปด้วยตัวของผมเอง
Wait and see, I'll be making my own way now
คอยดูเถอะ ผมกำลังเดินตามทางของตัวเองอยู่
I'll be making my own way now, to where I got to be
ผมกำลังมุ่งหน้าไปที่ที่ผมต้องไปด้วยตัวของผมเอง
Serving myself
ก้าวไปเพื่อตัวเอง
Serving myself
ก้าวไปเพื่อตัวเอง
* มายาคติของความเป็นชายที่เป็นพิษ (Toxic Masculinity) คือ ทัศนคติต่อความเป็นชายที่คับแคบและกดขี่ทางเพศ โดยมักเชื่อมโยงความเป็นชายกับความรุนแรง เซ็กส์ สถานะ และความก้าวร้าว เชิดชูว่าพละกำลังคือทุกสิ่งทุกอย่าง ส่วนอารมณ์คือความอ่อนแอ รวมถึงใช้เซ็กซ์และความดุดันมาเป็นเกณฑ์วัดความเป็นชาย มองว่าผู้ชายที่มีลักษณะของผู้หญิง ตั้งแต่การมีอารมณ์อ่อนไหวไปจนถึงการไม่แสดงออกถึงความต้องการทางเพศ นั้นไม่สมชาย
ในที่นี้ เจคต้องการสื่อว่าทัศนติต่อความเป็นชายที่ผิดเพี้ยน หรือ toxic masculinity นี้มักทำให้ผู้ชายคิดว่าตัวเองอ่อนแอไม่สมกับเป็นผู้ชายเวลารู้สึกอ่อนไหว และพยายามกดข่มอารมณ์เหล่านี้เอาไว้ค่ะ ทั้งที่จริงๆ แล้วผู้ชายเองก็สามารถมีอารมณ์ความรู้สึกได้ เศร้าได้ ซึมได้ ร้องไห้ได้เหมือนกัน สิ่งเหล่านี้ไม่ได้แปลว่าพวกเขาอ่อนแอเลย หากผู้ชายสามารถยอมรับได้ว่าตัวเองก็เศร้าเป็น เครียดหรือวิตกกังวลเป็น ไม่พยายามที่จะซุกซ่อนหรือหลอกตัวเอง จากนั้นก็หาทางรับมือกับมัน พวกเขาก็อาจแสดงอาการก้าวร้าวรุนแรงเพื่อแสดงถึงความเป็นผู้ชาย (แบบผิดๆ) น้อยลงค่ะ
Bambi was also shaped by cultural shifts, including the #MeToo Movement. “That really made us take a look at how toxic masculinity has influenced the way we see ourselves and the world overall,” says Luppen. “In the past we might have been apprehensive about being super-vulnerable, but now we’re more aware of how important it is to come forward about dealing with depression or anxiety. Because if more men are able to do that, they might be less likely to express those feelings as anger or violence."
According to Zach Sutton “Bambi” is about:
Feeling a lack of control over your mood swings, and trying to embolden the part of yourself that could help you get through that.
เพลงนี้เจคเป็นคนเขียนเนื้อร้องทั้งหมดเองค่ะ เรารู้สึกว่าเจคเป็นคนที่ลึกซึ้งและเข้าใจชีวิตมากๆ เลยนะ
สามารถยอมรับความรู้สึกอ่อนไหวของตัวเองได้แล้วพยายามทำความเข้าใจตัวเอง ประทับใจมาก ; ;
แอบคิดเอาเองว่าที่อัลบัมนี้ใช้สีชมพูเป็นหลัก อาจเพราะต้องการสื่อว่าวงของผู้ชายเองก็สามารถใช้สีที่มักใช้เป็นตัวแทนของผู้หญิงได้เหมือนกันค่ะ
bambi เป็นเพลงที่เราชอบมากที่สุดในอัลบัมที่สองเลย (ชอบเวอร์ชัน spotify single เป็นพิเศษ)
เหมือนมีคนเอาความรู้สึกของตัวเองเวลาเหนื่อยๆ ไปเขียนใส่ทำนองให้เลยค่ะ ฟังแล้วฮีลได้มากๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in