พัมพ์กิ้นเฮด
giftmeme เขียน
Muagg ปก
พิมพ์ครั้งที่ 1, สำนักพิมพ์บีโกเนียพับลิชชิ่ง
/
เบรนดอลไม่เคยเชื่อว่าผีมีจริงจนกระทั่งเขาสาดกาแฟใส่ผีตนหนึ่งที่ปรากฏตัวขึ้นในห้อง หลังจากนั้นสิ่งไม่มีชีวิตเย็นเยียบแสนอบอุ่นก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตแสนสามัญของนายหัวฟักทอง
โอเค นี่อาจเป็นการเริ่มต้นบล็อกรีวิวหนังสือ (หรือความรู้สึกหลังอ่าน) ที่ดูเฉิ่มเชยไปหน่อย แต่ต้องยอมรับว่าการจะเลือกหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นอ่าน โดยมากแล้วเริ่มต้นจากสะดุดตาเข้ากับปก ต่อมาคือคำเปรยสั้น ๆ บนปกหน้า และสุดท้ายพลิกกลับอ่านเรื่องย่อบนปกหลัง — ใช่ เรื่องนี้เข้าสูตรทั้งหมดสำหรับเรา และหลังจากได้อ่านจบ สองสามประโยคนั่นอธิบายทั้งหมดได้ดีจริง ๆ
ต้องยอมรับก่อนว่าเหมือนหนังสือเล่มอื่นที่เราซื้อมาด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้า ดีใจตอนแกะหีบห่อหลังรับพัสดุจากบุรุษไปรษณีย์ แต่สุดท้ายหนังสือปกสีส้มเจือแดงอย่างใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วงเล่มนี้ก็นอนกองอยู่พักใหญ่เลย กว่าจะได้แกะมาอ่านก็นั่นล่ะ บังคับตัวเองแกะซีลพลาสติกและห่อปกเสียดิบดีเพื่อวางเป็นคิวต่อไป พอจบเรื่องฝึกงานแล้วเลยได้เวลามานอนอ่านยาว ๆ (เหตุผลก็คือเชื่อว่าเล่มนี้เหมาะกับการอ่านตอนท้องฟ้าสีกำมะหยี่มากกว่าตอนพระอาทิตย์ทักทาย และคิดว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีเยี่ยม!) แต่ถึงอย่างนั้นก็ขอสารภาพบาปก่อนว่าอีกแรงจูงใจที่อยากให้แกะอ่านเร็ว ๆ แล้วเพราะแอบไปอ่าน
Over the wall บนเว็บก่อน แหะ รู้เรื่องตัวละครบ้างไม่รู้บ้าง — อย่างที่บอกว่าความรู้เป็นศูนย์ ไม่อยากรับรู้อะไรก่อนได้อ่านเองจริง ๆ
เกริ่นเรื่อยเปื่อยยาวพอตัวแฮะ
(พยายามจะไม่ให้มีสปอยล์ แต่คงหลุดมานิดหน่อย)
ความอบอุ่นกับสีส้มอาจยังฟังดูเข้ากัน แต่เมื่อแทรก ผี เข้ามาด้วยแล้วนึกภาพยากพอตัว เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ที่ทั้งหมดกลับกลมกล่อมและลงตัวในเรื่องนี้ แง่ของเรื่องราว เดือนตุลาคมของเบรนดอลชวนให้เราติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ เรื่องราวเรียบง่ายของเพื่อนบ้าน (หรือรูมเมท?) ไม่มีชีวิตที่แทรกซึมเข้ามาเป็นชีวิตประจำวัน เชื่องช้าอย่างใบไม้เปลี่ยนสี ก่อนความเย็นเยียบจะเริ่มเดินทางเข้าใกล้ กระทั่งวันฮาโลวีนที่มีหลายอารมณ์เจืออยู่ในนั้น เราไม่เคยมีอารมณ์ร่วมกับวันนี้เลย แต่การอ่านเรื่องนี้ การเป็นผู้เฝ้ามองเรื่องราวของทั้งคู่กลับชวนให้รู้สึกได้ถึงความสนุกในงานปาร์ตี้ กลิ่นหวานของลูกกวาดและรสจูบ สุดท้ายคือลมเย็นที่พัดมาอีกระลอกเพื่อกล่าวลาเดือนตุลาคม
วูบโหวงน่าจะเป็นคำอธิบายที่ดีที่สุด เพราะเมื่อรู้ตัวอีกที ฤดูหนาวใกล้มาถึงเต็มทน
เรากล้าพูดเลยว่านี่เป็นหนึ่งใน slice of life ที่จะติดอยู่ในใจไปอีกแสนนาน อาจเป็นเพราะเราเป็นพวกชอบขบคิดเกี่ยวกับเรื่องความตายอยู่แล้วด้วยส่วนหนึ่ง แต่ทั้งการใช้ภาษา การเปรียบเทียบ สำนวนวิธีการเล่าของเรื่องนี้ชวนให้เรารู้สึกเหมือนกำลังอ่านงานแปลดี ๆ สักเล่ม แต่เปล่าเลย เท่ชะมัด
หลังจากนี้คงเป็นเดือนตุลาที่ชวนให้เราเฝ้ารอการมาถึงของวันฮาโลวีนอยู่บ้าง
และรสชาติของพัมพ์กิ้นสไปซ์ลาเต้ที่เราไม่เคยดื่มคงติดค้างอยู่ในใจอีกพักใหญ่ทีเดียว
/
14 jun 2021 อ่าน-เขียน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in