เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
รวมเรื่องกุดYimp Praneet Charuphan-ngam
เรื่องกุด 002
  • เวลาเกือบจะหนึ่งทุ่มแล้ว แต่กลางฤดูร้อนของเมืองไทยเวลานี้พระอาทิตย์ยังไม่ทันจะตกดิน
    ท้องฟ้ากำลังเปลี่ยนสี ด้วยริ้วสีที่อวดอ้างว่าตำแหน่งไหนอยู่ใกล้พระอาทิตย์มากกว่ากัน

    เสียงกดลดกระจกรถทำให้ เขา ซึ่งเป็นคนขับต้องรีบหันมองคนข้างๆ
    “เปิดกระจกทำไม ตกใจหมด”
    “อยากเห็นสีของท้องฟ้าที่แท้จริง” เธอผู้นั่งอยู่เคียงข้างเขาตอบ
    “หา?” เขางุนงง แล้วเธอก็ยิ้มให้เขาแทนคำอธิบาย จริงๆรอยยิ้มของเธอก็อธิบายได้อยู่หรอก
    ..ปล่อยฉันเถอะน่า นายไม่ต้องรู้หรอก เขาคิดว่าเธอคงกำลังคิดแบบนี้

    “คราวหลังบอกก่อนนะ จะได้ไม่ตกใจ” เขาบอก แล้วปล่อยให้เธอเฝ้ามองสีท้องฟ้าที่แท้จริงของเธอไป

    เขาเป็นคนชอบสังเกตพฤติกรรมของผู้คนและสามารถอนุมานความคิดของคนผู้นั้นได้เสมอ และเธอก็เป็นโจทย์ที่อ่านง่ายมากสำหรับเขา
    จำไม่ได้ว่าเขาเริ่มอ่านความคิดของเธอได้ตั้งแต่เมื่อไหร่

    อาจตั้งแต่วันที่เขาเอะใจว่า เธอกำลังตกหลุมรักเขา
    หรือจริงๆอาจจะเริ่มจากวันที่เธอแสดงท่าทางงอนๆ เพราะได้กลิ่นน้ำหอมที่แปลกไปบนตัวเขา

    “ปกติไม่ใส่น้ำหอมนี่?” เธอถามเกริ่น
    “มีคนซื้อให้ เราว่ากลิ่นนี้หอมดี ไม่ใช่กลิ่นแนวเฟรชๆแบบน้ำหอมผู้ชายปกติ แพงด้วยนะ” เขาเล่าโดยไม่คิดอะไร
    “ไม่ชินว่ะ” แล้ววันนั้นเธอก็ทำตัวผิดปกติ เขารับรู้ถึงคำถามมากมายที่ผุดขึ้นในใจเธอ
    “คนที่ซื้อน้ำหอมให้คือใคร?
    “เป็นผู้หญิงใช่ไหม?”
    “กำลังคุยกับคนนี้สินะ?”
    แต่เธอก็ไม่ได้เอ่ยถาม เพียงแต่จะคอยทำเสียงฟุดฟิดในจมูก แทนการพูดออกมาตรงๆว่า “ฉันไม่ชอบ”

    ..เขารู้ เพราะเขาอ่านใจเธอออก
    หรือบางที เธอนั่นแหละที่เปิดให้เขาเข้าไปอ่านใจเธอได้

    แต่ ทำไมเธอถึงต้องลดกระจกลงเพื่อมองสีของท้องฟ้า
    ทั้งที่บรรยากาศรถติดตอนเย็นในกรุงเทพมันไม่ได้น่ามองวิวสักนิด
    เขามองเธอเพื่ออ่านความในใจเหมือนที่เคยทำได้เสมอ

    แต่มันกลับเป็นเพียงภาพหญิงสาวมองไปตามริ้วสีของท้องฟ้า สายตาของเธอไม่ได้บอกว่าเศร้า เหงา หรือสุข
    น่าแปลกที่เขากลับไม่รับรู้ถึงความคิดใดๆจากเธอ
    เขาไม่อาจอ่านใจเธอในตอนนั้นได้
    ..อาจเป็นพลังจากแสงอาทิตย์ที่เธอกำลังซึมซับ
    หรือบางที เธอนั่นแหละที่ปิดไม่ให้เขาเข้าไปอ่านใจเธอได้

    เวลาผ่านพ้นไป เธอไม่มีโอกาสนั่งเคียงข้างเขาบนรถคันเดิมแล้ว และเขาเองก็ไม่ได้คิดจะติดต่อกับเธอเป็นการส่วนตัวอีก
    จู่ๆ คำถามที่เขาไม่คิดจะหาคำตอบกลับได้รับการเฉลย

    “สีฟ้าจริงๆของท้องฟ้าไม่เคยทำให้ใครแสบตา”

    เธอตั้งชื่อให้กับภาพถ่ายที่เธอถ่ายด้วยตัวเองและโพสต์ลงเฟซบุ๊ค หลายคอมเมนต์ถามหาความหมายของประโยคนั้น

    แต่เขากลับรู้ความหมายของมันดีกว่าใคร
    แม้เขาและเธอจะห่างไกลกันหลายร้อยกิโลเมตร
    แต่เขากลับรู้ว่าเธอกำลังคุยกับเขา

    น่าแปลก..ที่ตัวเขาเองกำลังอยู่บนรถคันเดิม ถนนเส้นเดิม และเวลาเดิมๆที่เคยมีเธอนั่งเหม่ออยู่ข้างๆ

    ท้องฟ้ากำลังอวดริ้วสี แดงบ้าง ส้มบ้าง ม่วงบ้าง
    เขาเพิ่งตระหนักถึงช่วงเวลาที่คนเราสามารถมองพระอาทิตย์ด้วยตาเปล่า

    สำหรับเธอแล้ว เขาคือพระอาทิตย์
    มีพลังแต่ร้อนแรง และทรมานยามเฝ้ามอง

    ในที่สุดเขาก็ได้รู้ความจริงในเรื่องนี้
    ..อาจเพราะแสงอาทิตย์ที่เขาบังเอิญซึมซับอยู่ในเวลานี้
    หรือบางที เขาแค่นึกขึ้นมาได้ว่า
    ทุกครั้งที่เธอมองหาสีท้องฟ้าที่แท้จริง เธอกำลังเหน็ดเหนื่อยกับการอยู่กับเขา

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in