วันแรกผ่านไปไม่เรียบลื่นอย่างที่คิด
แม่ปลุกเขาตั้งแต่เช้า และเมื่อเธอกลับมาจากทำงาน ถึงกับต้องเดินตึงตังหัวเสียขึ้นไปบนห้องลีวาน มือเล็ก ๆ เคาะประตูซ้ำไปซ้ำมา ทั้งแรงและดังเรื่อย ๆ ราวคนไม่มีความคิด แคนนิสโวยวายเสียงดังเรื่องกับข้าวจืดชืดในห้องครัว พร้อมด้วยเรื่องแมลงและมดไต่ตอมจานอาหารแสนประณีตที่เธอตั้งใจทำ
“ถ้าพี่แกอยู่ทุกอย่างมันคงดีกว่านี้”
เป็นครั้งแรกที่ลีวานมีความคิดถึงกลิ่นคลุ้งคาวเลือด เขาเขวี้ยงหนังสือสารคดีสัตว์น้ำที่เคยรักนักหนาลงบนพื้นห้อง, เครื่องนอนทั้งหมด, โคมไฟบนหัวเตียง, รวมถึงนาฬิกาปลุกที่ลุงแฟรงค์เคยซื้อให้ ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวเอง
ทุกอย่างกองรวมกันอยู่ข้างล่าง บางอย่างยังคงสภาพเดิม บางอย่างแตกหักประปราย บางอย่างแตกสลายเสียจนประกอบรูปไม่ได้ ราวไม่ต้องการมันอีกต่อไป
ลีวานอยากกรีดร้องขจัดเสียงในหัวออกไปให้พ้นทาง ทว่ายิ่งอยากทำมากเท่าไหร่ความรู้สึกสมเพชกลับเอ่อท่วมท้นอก เสียดสีเสียจนอยากอาเจียนให้รู้แล้วรู้รอด
ยากเกินไป — เขาเพียงแค่ไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังจะทำอะไรหรือต้องการสิ่งใด สิ่งสุดท้ายที่อยากทำคือชกผนังขรุขระตรงหน้าให้แตกระแหงเป็นรอยแยก เหมือนริมฝีปากแห้งผากที่กำลังเริ่มหลุดลอกของตัวเอง เขาเกลียดเนื้อหนังเปลือกนอก กลิ่นเหม็นสาบจากเสื้อผ้าเคล้าเหงื่อ คราบน้ำตาแห้งเหือดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ลีวานไม่ทันสังเกต เขาเห็นรอยผุลอกของบานประตู เหมาะสมกันดีกับรอยถลอกบนนิ้วมือ น่ารังเกียจไม่ต่างกันกับผนังปูนเปลือยสักนิด
เซฟโซนที่เคยกักเก็บและเฝ้าถนอมตัวตนของเขาได้แตกละเอียดลงนับตั้งแต่คืนนั้น คืนที่ลีลีฟจงใจทิ้งพวกเราทุกคนแทนที่จะเป็นตัวเขาเอง
กำแพงของเขาเกือบจะพังทลายลงอยู่แล้วทว่าความเป็นพ่อ หรือกระทั่งเลือดของพ่อที่หลั่งไหลอยู่ในตัวเขา ยิ่งทำให้เขาเกลียดตัวเอง แม้กระทั่งแม่ที่กลายเป็นอีกครึ่ง ประกอบกันรวมเป็นเนื้อหนัง มอบให้อีกหนึ่งชีวิตกำเนิดขึ้น เขาอยากจะเกลียดและเคยเกลียดพวกผู้ใหญ่ไม่ได้เรื่องอยู่หลายหน หนึ่งในนั้นกลายเป็นพ่อและแม่เสียส่วนใหญ่ ความต้องการเหล่านั้นกลับถูกหักลบ เพียงเพราะคำว่าพ่อและแม่ แม้ความเป็นพ่อคนหรือแม่คนจะห่างไกลหลายโขในสภาวะใดสภาวะหนึ่ง เขากลับเลือกที่จะเกลียดตัวเองได้มากกว่าใครบนโลก เกลียดที่เนื้อหนังโสโครกยังติดอยู่กับเขา เกลียดที่สายเลือดของคนจำพวกนั้นท่วมล้นภายในร่างกาย เกลียดที่ต้องคิดย้ำเตือนว่าพวกเขาเป็นความผิดพลาดและความสุขสม ณ ช่วงขณะหนึ่ง เกลียดที่ชีวิตเลือกที่จะกล้ำกลืนคำถามมากมาย และหันหน้าโอบกอดพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า, ลีวานเหม่อมองรอยแตกบนผนังเหลือบเงาดำด้านของสายฝนที่เคยพลัดตกกระทบลงบนพื้นห้อง ทิ้งรอยดำด่างไว้กับฝ้าเพดานให้นึกขัดใจเล่น
เขาเกลียด เกลียดทั้งหมด
ลีวานเหลือบมองพื้นที่คับแคบ ตั้งแต่บริเวณราวบันไดตู้โชว์ ที่บัดนี้กลายเป็นเศษซากไม้ขนาดใหญ่ตั้งขนานกับชั้นว่างเปล่า แทนที่ด้วยกล่องกระดาษที่แม่ไม่ได้ตั้งใจเก็บหนีให้พ้นทาง ทางซ้ายเป็นชั้นหนังสือขนาดกลาง มีเล่มโปรดของแม่ประปราย ชั้นล่างเป็นหนังสือสะสมของพี่ ครั้งหนึ่งเขาเคยมองว่ามันกว้างใหญ่ และพอใจกับบริเวณโดยรอบ หากแต่ตอนนี้กลับไม่รู้เลยว่าเคยมองเห็นเป็นอย่างนั้นอย่างหน้าตาเฉยได้ยังไง
ครั้งหนึ่งลีวานเคยละลาบละล้วงเปิดสมุดเฟรนด์ชิปของลีลีฟเข้า เนื้อกระดาษสีเรียบถูกแต่งแต้มด้วยหมึกปากกา ดินสอ รวมถึงสีชอล์ก สารพัดเครื่องเขียนรวมหมู่กันในสมุดของลีลีฟ เนื้อหาดาด ๆ ธรรมดาและตรงไปตรงมา กลับทำให้ลีวานฟุ้งเฟ้อไปเองว่าเธอช่างจินตนาการฝันหวานเหลือเกิน ไม่เว้นกระทั่งบรรดาเพื่อนพ้องในเล่ม ตัวเขาในตอนนี้อายุเทียบเท่ากับทุกคนในสมุดขณะนั้น ทว่าเนื้อหาจิปาถะกลับดูจืดชืด ไร้ซึ่งความซาบซึ้งเกินกว่าจะแทรกซึมเศษเสี้ยวความรู้สึกอย่างคนทั่วไปจะมีให้แก่ลีวานได้เท่าที่ควร
อาการบกพร่องทางความรู้สึก
“ความบกพร่องทางอารมณ์นำไปสู่ความบกพร่องทางพฤติกรรมจำแนกได้เป็นระบบ ตั้งแต่ mind (เบา) จนถึง severe
คุณหมอแดเนียลพูดกรอกหู มิส แคนนิส ซ้ำเป็นรอบที่สองเมื่อเธอตั้งประเด็นคำถาม ราวไม่ทบทวนคำตอบให้หายแคลงใจเสียที ลีวานไม่เข้าใจว่าแม่จะพาเขามาคลีนิคซอมซ่อนี่ทำไม เขาเกลียดกลิ่นเหม็นอับของน้ำยาถูพื้นฆ่าเชื้อโรค เกลียดหน้าจอทีวีในห้องของหมอที่กำลังถ่ายทอดสดรายการวาไรตี้ พวกเขาหัวเราะร่าสนุกสนาน เล่นเกมส์ทำสิ่งบันเทิง โดยที่ไม่สนใจใยดีว่าคนที่กำลังดูจะเป็นตายร้ายดียังไง ยกเว้นชีวิตราวพระเจ้าประทาน เพียงอย่างเดียวเท่านั้นแหละที่พวกเขารับรู้
ลีวานปลอบใจตัวเองให้ผ่านพ้นวันแย่ ๆ ด้วยกาแฟรสขม บางครั้งก็แอบแม่ซื้อเบียร์จากร้านสะดวกซื้อกลับมาดื่มเงียบ ๆ คนเดียวบนห้อง ถึงรสชาติขมเฝื่อนลิ้นจะไม่ได้สร้างความประทับใจแรกเป็นประสบการณ์น่าจดจำ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเพิ่มรสชาติแปลกต่างไม่เกินกว่าร่างกายโทรม ๆ จะรับเป็นความพึงพอใจได้ เพราะเขาเป็นคนคออ่อน จึงถูกแกล้งบ่อยครั้งในวงเหล้า โดยเฉพาะปาร์ตี้วันเกิดที่บ้านเจคอป เพื่อนร่วมห้องสมัยเกรดแปด หรือเป็นที่รู้จักทั่วไปในนามหนุ่มนักกีฬารักบี้เนื้อหอมนิสัยตรงกันข้ามรูปลักษณ์ที่พยายามก่อกวนเขาทุกครั้งเวลาเดินสวนทาง ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ชุลมุนหรือโล่งแจ้ง เพราะท่าทางไม่สุงสิงกับใครของลีวานตามด้วยประโยคเดิม ๆ ที่ตามมาหลอกหลอนกระทั่งในฝัน
ลีวานมองแก้วสีขุ่นของเหลวสีน้ำตาลเข้มเหลือบดำโชยกลิ่นหอมปะทะกับมวลอากาศ เขาสูดดมกลิ่นเจือจางของถ้วยกาแฟ ละเลียดเนื้อสัมผัสขมปร่าอย่างชอบใจ, น่าแปลก เขาจำได้ว่าตัวเองเคยชอบโอริโอ้รสหวานมากแค่ไหน พอหลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาแย่ ๆ อย่างแรกเท่าที่นึกออกกลับเป็นรสชาติขมขื่นของกาแฟดำล้วน
มันขมเหมือนของเหลวขุ่นสีเหลืองอ่อนแก้วสุดท้ายที่ปลอบใจเขาเมื่อคืนไม่มีผิด
เคนนิสบันทึกตารางประจำวันวันตามเวลาบนฉลากยาแขวนรวมกับปฏิทินแขวนผนังในห้องนั่งเล่น ลีวานเหลือบมองโพสอิทสีเขียวอ่อน เนื้อหาบนแผ่นกระดาษเป็นหมึกเจลสีดำเรียบเรียงประโยคง่าย ๆ ไว้ ต่างกับตัวหนังสือขยุกขยิกแบบเขียนไปทีติดเคียงคู่ไปกับตารางเวลากินยาของเขา บางตัวอักษรเลือนรางแทบจะตกหล่น ต้องใช้หลืบความจำอ่านตัวอักษรเอาเท่านั้น ถึงอย่างนั้นแม่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากพอจะแก้เปลี่ยนหรือเพิ่มเติมให้สละสลวย
ครั้งละ 4 เม็ด หลังอาหารเช้า-เที่ยง-
ลีวานคำนวณความน่าจะเป็นของการบริโภคยาเป็นจำนวนค่อนปี แล้วค่อยถอนหายใจเฮือกใหญ่กับความน่าเบื่อหน่ายของร่างกาย ที่พยายามจะแบกรับ เขาต้องใช้ความอดทนอย่างหนักเพื่อกลืนเม็ดยาสีฟ้าอ่อนลงท้องผ่านความแห้งผากตามคำคอ ติดรสชาติขมปี๋ชวนให้นึกแขยง ราวอาหารท้องถิ่นที่ไม่เคยลิ้มรสสัมผัสลงบนปลายลิ้น และติดอยู่ในความทรงจำตลอดไป คล้ายเป็นภาพหลอนจากการใช้ยาเกินขนาดอย่างนั้นก็ว่าได้
ฉับพลัน
ทั้งสามอย่างแสดงออกในรูปแบบคำสารภาพรักของสกาเล็ต — รอยจูบของเทรย์เวอร์ — สายตาอ้ำอึ้งยามผสานกันต่อรอยยิ้มแบบให้ไปทีของเขาจากเลนนอน
แน่นอนว่าลีวานปฏิเสธมันทั้งหมด
ลุงแฟรงค์เคยถามเขาอยู่หนหนึ่งว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร ลีวานตอบอย่างมั่นอกมั่นใจว่าโตขึ้นอยากมีปอดที่ขยายใหญ่กว่าเดิม กระเพาะกว้างขึ้นตัวสูงเหยียบ 6 ฟุต อยากจะเป็นเหมือนคนทั่ว ๆ ไปที่เขามีชีวิตสว่างไสว พอนึกทวนสิ่งที่พูดกลับต้องรีบกอบโกยเศษเสี้ยวความขาดวิ่นที่ติดหมิ่นเหม่อยู่บนตัวซ่อนไว้ไม่ให้ลุงสังเกตุเห็น แต่ก็สายเกินกว่าสายตาเฉียบคมจะอ่านตัวตนของเขาจนหมดจรด
“ก็เป็นอยู่แล้วนี่”
ในตอนนั้นลีวานคิดว่ามันเป็นคำพูดสวยหรูของผู้ใหญ่ที่เอาไว้ใช้กับเด็ก โดยเฉพาะเด็กไม่รู้จักคิดอ่านด้วยตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แท้ เขาเป็นเด็กอย่างนั้น
บางที สายตาของลุงอาจไม่เคยโกหกเลยก็ได้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in