เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
C R E E P Y P A S T Aเนตรธิ ~
Search and Rescue Woods | #15
  • ผมยังอยากหาข้อมูลเกี่ยวกับชายไร้หน้าให้มากขึ้นถ้าทำได้ แล้วก็เจอเรื่องหนึ่งที่คล้ายกัน ผมสอบถามเรื่องนี้ในวงเพื่อนๆ และเพื่อนผมคนหนึ่งก็บอกว่าเขาเคยเจออะไรบางอย่างในอุทยานที่เขาทำงานอยู่


    พวกเราห้าคนรวมผมด้วยกำลังทานข้าวเย็นด้วยกันในเมือง เพื่อนผมคนนั้นที่มีเรื่องเล่าเขาออกไปทาสีบูธประชาสัมพันธ์ใหม่ในอุทยานที่เขาทำงาน เขาได้ยินเสียงผู้ชายคนนึงด้านหลังร้องถามทางเพื่อไปที่ตั้งแคมป์ที่ใกล้ที่สุด แต่เขาไม่ได้หันไปมองว่าใครถามเพราะว่าปีนบันไดอยู่ แต่ก็ตอบลงไปว่าแถวนี้ไม่มีที่ตั้งแคมป์หรอกนะ ต้องขับต่อไปอีกซักสี่ไมล์ก็จะเจออีกอุทยานนึงแล้ว เพื่อนผมถามต่อไปอีกว่ามีอะไรให้ช่วยอีกไหม แต่เสียงชายคนนั้นตอบกลับมาว่าไม่ แล้วก็ขอบคุณเขา เพื่อนผมก็บอกว่ามันกลับไปทาสีต่อ แต่หูก็ยังฟังเสียงไปด้วยและมันไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าชายคนนั้นเดินจากไป

    "วินาทีชายคนนั้นเดินมาพูดกับผม ขนหลังคอผมลุกขึ้นมาเลย ผมก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไร แต่มันเป็นความรู้สึกแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นจนผมอยากจะรีบๆ ทาสีให้มันเสร็จแล้วกลับบ้านซะ ส่วนหนึ่งมันคงเป็นเพราะผมไม่สามารถหันไปมองดูเขาได้แต่ผมก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง มันมีกลิ่นประหลาดลอยตลบอบอวลอยู่แถวนั้นก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะเข้ามาเสียอีก กลิ่นมันเหมือนเลือดแห้งเก่าๆ ผมมองรอบตัวแต่ก็หาต้นเหตุของกลิ่นไม่เจอ ผมก็เลยรอให้ผู้ชายคนนั้นเดินจากไป แต่ผมไม่ได้ยินเสียงเขาขยับเท้าเลย ผมก็เลยคิดว่าเขาต้องยืนอยู่ที่เดิมและมองผมอยู่จากข้างล่างแน่ๆ ผมเลยร้องถามไปอีกว่ามีอะไรให้ช่วยอีกไหม ไม่มีเสียงตอบกลับมา แต่ผมมั่นใจเลยว่าเขายังอยู่ที่เดิมเพราะผมไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินจากไป ผมก็เลยหันบันไดเพื่อจะเอี้ยวไปดูด้านล่างว่าเขาทำอะไรอยู่ ผมเห็นสิ่งที่ทำให้สมองผมแทบแยกเป็นเสี่ยงๆ แต่สาบานเลย แค่เพียงเสี้ยววินาทีเดียวที่ผอมเอี้ยวตัวไปมอง ไอ้ห่านั่นมันไม่มีหน้า

    มันไม่มีใบหน้า เป็นแค่รอยเว้าเรียบๆ ลื่นๆ ผมเกือบจะหัวใจวายเลยตอนนั้นเพราะมันจูนสมองให้เข้าใจสิ่งที่เห็นไม่ได้จริงๆ ผมคิดว่าตัวเองกำลังจะพูดอะไรออกไป แต่มันก็เป็นแค่เสียง ป๊อบ ขึ้นมาในหัว แล้วผู้ชายคนนั้นก็กลับมามีหน้าตาเหมือนคนปกติ หน้าผมตอนนั้นคงเหวออมาก เพราะเขาถามผมว่าผมโอเคหรือเปล่า แล้วผมก็ตอบไปว่า เอ้ อ โอเค เขาถามผมถึงที่ตั้งแคมป์อีกครั้งแล้วชีมือไปทางที่เขาต้องไป แล้วเขาก็พูดประมาณว่า 'ผมไม่ใช่คนแถวนี้ คุณพอจะช่วยพาผมไปหน่อยได้ไหม'

    พอถึงตรงนี้ผมก็พอจะรู้แล้วว่ามันต้องมีอะไรแปลกๆ แน่ ไม่มีทางที่ชายคนนั้นจะมาถึงที่นี่โดยไม่รู้ว่าเขา อยู่ที่ไหน  แล้วผมก็ไม่เห็นรถแถวนี้ซักคัน งั้นเขาเข้ามาตรงนี้ได้ยังไงตั้งแต่แรก ผมตอบไปว่า ผมต้องขอโทษด้วยผมคงจะพาใครไปส่งโดยใช้รถของบริษัทไม่ได้ เขาก็มีท่าที 'ได้โปรดเถอะ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าที่นี่คือที่ไหน คุณช่วยพาผมออกไปจากตรงนี้ได้มั้ย' ผมทั้งสับสนทั้งกลัว ผมเริ่มคิดว่านี่มันจะเป็นการลวงทำร้ายร่างกายหรือเปล่า ผมบอกไปว่าผมเรียกแท็กซี่ให้มารับเขาออกไปได้นะ แล้วผมก็ล้วงกระเป๋าเข้าไปหยิบโทรศัพท์ เขาคนนั้นก็พูดว่า 'ไม่ต้อง' แล้วก็รีบเดินจากไปเลย

    แต่เขาไม่ได้เดินออกจากอุทยานไป เขาเดินทะลุเข้าไปในป่า ผมกระโดดขึ้นรถแล้วสตาร์ตรถออกไปจากที่นั่นทันที ช่างเรื่องทาสีมันเหอะ ผมมองกระจกหลังเพื่อดูว่าเขาอยู่ไหน ผมเห็นเขายืนอยู่ที่แนวต้นไม้อีกแล้ว คิดไม่ออกเลยว่าทำไมเขาเดินไวขนาดนี้ แล้วรอบนี้มันก็ไม่มีหน้าจริงๆ มันยืนมองผมขับรถออกไป ก่อนที่ผมจะเลี้ยวรถตรงโค้ง ชายคนนั้นก็ก้าวเท้ายาวๆ ถอยหลังเข้าไปในต้นไม้แล้วเหมือนจะสลายหายไปเลย ผมคิดว่าบางทีเขาอาจจะถูกกลืนไปกับความมืด แต่มันรู้สึกเหมือนว่าจางหายไปมากกว่า”


    น่าสนใจที่พอหมอนั่นเล่าจบ คนอื่นก็เสริมเรื่องเหมือนๆ กันขึ้นมาทันที ต่างกันก็แต่ท้ายเรื่อง


    "เออ เอาจริง ฉันก็เคยเจอเรื่องแปลกๆ แบบนีี้เหมือนกันสมัยก่อน ฉันออกไปสำรวจเส้นทางที่จะทำเป็นทางเดินป่า ฉันอยู่กลางป่าเลยเพื่อที่จะดูว่าทางเดินมันควรจะผ่านตรงไหนบ้าง ฉันอยู่คนเดียวราวๆ สองชั่วโมงได้ ไม่ได้ตั้งใจดูนักว่ากำลังเดินไปทางไหนเพราะมัวแต่มองพื้นมากกว่า อยู่ๆ ฉันก็เกือบเดินชนเข้ากับใครคนหนึ่งตอนที่กำลังขึ้นถึงยอดเนินเขาเล็กๆ แล้วฉันก็เห็นหน้าเขาและหน้าตาตอนนั้นฉันคงเหมือนไอ้งั่งมาก เพราะฉันหยุดยืนจ้องหน้าเขาอยู่อย่างนั้น ต้องใช้เวลาซักวินาทีนึงเลยกว่าจะรู้ว่ามีอะไรบางอย่างไม่ปกติ ใบหน้าของเขาใหญ่มาก! ฉันรู้ว่ามันฟังดูแปลกแต่มันต้องอธิบายด้วยคำนี้จริงๆ หัวของเขาก็ไม่ได้ใหญ่ผิดปกติ แต่ใบหน้าของเขามันกินพื้นที่มากเกินไปเหมือนกับมีคนขยายเฉพาะใบหน้าเขาให้ใหญ่กว่าที่มันควรจะเป็นซักสองเท่าได้ เขาไม่ได้พูดอะไรแต่ก็มองฉัน ฉันถอยหลังแล้วก็พูดอึกอักไปว่าขอโทษที แล้วฉันก็เดินผ่านเขาแล้วออกไปจากตรงนั้นทันที ตลอดทางที่เดินมาฉันหันไปดูข้างหลังเป็นระยะๆ เพราะฉันกลัวว่าเขาจะโผล่ขึ้นมาข้างหลัง ก็รู้นะว่ามันฟังดูประหลาดแต่สาบานเลยว่าเนี่ยเป็นเรื่องที่ขนลุกที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอเลย"



    ผมเปลี่ยนห้อข้อการสนทนาเป็นเรื่องบันไดหลังจากนั้น ความกระตือรือร้นในการคุยก็เปลี่ยนแปลงไปโดยทันที ไม่มีใครพูดอะไรเลยในตอนแรก มันมีความรู้สึกเหมือนเป็นตราบาปอะไรบางอย่างเมื่อต้องพูดถึงเรื่องนี้ ต่อให้ทุกคนอยู่ห่างจากที่ทำงานก็เถอะ ผมเลยทำลายความอึดอัดลงด้วยการเริ่มเล่าเรื่องของตัวเอง แล้วผู้ชายคนที่เล่าเรื่องชายไร้หน้าก็เล่านี่ให้ฟัง ด้วยเสียงที่เบามาก

    "หลายปีมาแล้วผมไปแค้มปิ้งกับแฟน เราตั้งแคมป์อยู่ห่างจากถนนหลักประมาณสองไมล เราเข้านอนพร้อมกันคืนนั้น แต่เราไม่ได้หลับเลยเพราะว่า .. "

    เพื่อนเราคนนึงโพล่งมุกตลกขึ้นมาขัดจังหวะ แล้วเราก็เกือบจะได้เปลี่ยนเรื่องคุยกันอีกแล้ว แต่ผมดึงเข้าเรื่องเดิมไว้ได้

    "เออ เออ ตลกมาก ไอ่เชี่ย ไม่ใช่ มันเพราะว่าเราสองคนได้ยินเสียงฟันบดกันตลอดทั้งคืน น้องชายผมกัดฟันแบบนั้นเวลามันนอนแล้วเสียงนั่นก็ทำให้ผมนึกถึงขึ้นมา แฟนผมกลัวมากแต่ผมก็บอกให้เธอทำเป็นไม่ได้ยินเพราะว่าผมก็ทำแบบนั้นมาตลอด เดี๋ยวมันก็หยุดเอง พวกคุณก็รู้ว่าผมหมายถึงอะไร

    เราทุกคนรู้ว่าเขาหมายความว่าอะไร ..

    "สุดท้ายเธอก็หลับลงได้ ผมหลับตาแต่นอนไม่หลับอยู่สองชั่วโมงหลังจากนั้นเพราะรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ ผมพลิกตัวไปหาเธอ แต่เธอไม่ได้นอนอยู่แล้ว ผมตกใจแทบบ้า เพราะ .."

    เขาหยุดคิดครู่นึงแล้วก็ดื่มเข้าไปอีกอึกใหญ่ๆ

    "แล้วผมก็วิ่งออกจากเต้นท์ร้องเรียกหาเธอ แต่ก็ไม่ได้เดินไปไกลหรอกนะเพราะว่าเธออยู่ตรงสุดที่ตั้งแคมป์นี่เอง เธอกำลังยืนมองดูอะไรบางอย่างในหมู่ต้นไม้ หน้าเธอขาวซีด กองไฟที่มอดแล้วยังสว่างพอทำให้ผมเห็นหน้าเธอได้ชัด ผมวิ่งไปหาเธอ ก็เห็นว่าเธอหลับอยู่ เธอเดินละเมอ แต่ดวงตาเบิกโพลง สายตาล่องลอยไปไกล ผมโอบไหล่เธอจะพาเธอเดินกลับเต้นท์ แต่เธอไม่ขยับ เธอพึมพำพูดว่า 'ฉันต้องไปแล้ว เอ้ดดี้ ฉันต้องไปแล้ว มันอยู่นี่แล้ว' ผมก็เลยพูดว่า 'ที่รัก คุณกำลังละเมอ กลับไปนอนกันเถอะ' แต่เธอไม่ยอมขยับเลย เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น พึมพำแต่ว่าต้องไปแล้ว ต้องไปแล้ว ผมเลยมองไปทางที่เธอกำลังมองอยู่ มันมีอยู่บันไดตั้งอยู่ในป่านั่น ห่างจากเราไปประมาณสิบห้าหลา สีเทา ทำจากคอนกรีต แล้วเธอก็เหมือนจะเริ่มเดินไปเข้าไปหามัน ผมกระชากตัวเธอไว้แล้วเธอก็ตื่น เธอมองหน้าผมแบบงงๆ ถามว่าทำไมเธอมาอยู่นอกเต้นท์ได้ ผมไม่ได้เล่าอะไรที่เห็น แค่บอกว่าเธอละเมอเดินมาตรงนี้ เสียงกัดฟันนั่นหายไปแล้ว พอเธอมาถึงเต้นท์เธอก็หลับไปอีกรอบ ไม่รู้สิคุณ ผมรู้สึกไม่ดีทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้"

    พวกเราเข้าใจดี



    "พวกนายจำเด็กคนนั้นได้มั้ย จำได้ไม่ได้แล้วว่าเขาเป็นอะไร แต่มีปัญหาทางสมองซักอย่าง ไม่ใช่ดาวน์ ซินโดรมนะ แต่ก็อะไรแบบนั้นล่ะ" ในกลุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นมา "คือฉันได้อ่านรายงานเคสนั้นหลังจากที่พวกเขาเจอเด็กนั่นหนึ่งสัปดาห์หลังจากหายตัวไป เนื้อหาในนั้นมันประหลาดจนน่าเหลือเชื่อเลย แต่นายก็ต้องทำใจเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งนะเพราะใครจะรู้ว่าเรื่องที่เด็กนั่นพูดเป็นเรื่องจริงซักแค่ไหน แต่บางเรื่องมันก็ไม่น่าจะใช่เรื่องแต่งขึ้นมาจริงๆ"

    "เช่นเรื่อง ?"

    "เรื่องแรกเลยก็คือ เด็กนั่นพูดถึงบันได เขาเล่าว่าเขากำลังนั่งดูพ่อเขาก่อกองไฟ แล้วบันไดนั่นก็ 'เข้ามาหาเขา' เขาต้องเดินขึ้นบันไดนั่นไม่งั้นเรื่องร้ายๆ ก็จะเกิดขึ้นกับเขา พวกตำรวจไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดต่อจากนั้น เพราะเขาเอาแต่พูดว่า 'เหมือนแคมป์ไฟ' ซ้ำไปซ้ำมา แล้วเขาก็พูดถึงเสียงบางอย่าง แต่ก็อธิบายไม่ได้ว่าเป็นเสียงอะไร แค่บอกว่าเสียงมันดังมากจนต้องเอามือปิดหูไว้จะได้ไม่ต้องได้ยิน แต่เรื่องที่ฉันจำได้ดีที่สุดคือตอนที่เจ้าหน้าที่ถามเด็กคนนั้นว่าหายไปไหนมากันแน่ เด็กนั่นตอบว่า เขาก็อยู่ตรงนี้แหละ พร้อมกับเอานิ้วชี้ที่อกตัวเอง พวกนั้นคิดว่าเด็กคงคิดว่าตัวเองไม่ได้หายไปไหนตั้งแต่แรก เด็กเล่าอีกว่าเขาไม่รู้สึกกลัวเลยเพราะเขามีบันไดเป็นเพื่อนคุย แต่บันไดไม่ได้คุยกับเขาเหมือนเวลาที่คนคุยกันนะ อย่างที่ฉันบอก มันเป็นเรื่องซับซ้อนแล้วก็อยากจะเชื่อมากๆ ฉันมีความรู้สึกว่าพวกตำรวจคงไม่ได้คิดเป็นจริงเป็นจังกับที่เด็กเล่าแน่ๆ ลงท้ายพวกเขาแค่พูดว่าเด็กมีอาการความจำเสื่อมหรือหลงลืมบางอย่างไปและคงไม่มีเรื่องผิดกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่มีคำอธิบายชัดๆ ว่าทำไมเด็กคนนั้นถึงกลับมาหลังจากหายตัวไปหนึ่งสัปดาห์โดยไม่มีแม้แต่รอยเปื้อนบนเนื้อตัว ไม่ได้อดอาหาร แต่ก็นั่นแหละ พวกตำรวจว่ายังไงก็ต้องเป็นไปตามนั้น"


    ยังมีีคำถามมีมากเลยที่ผมต้องหาคำตอบ จะยังคงสอบถามคนรอบตัวต่อไป อัพเดตครั้งหน้าจะมาในเร็วๆ นี้ ต้องขอบคุณทุกคนที่อดใจรอ สามารถเข้าไปพูดคุยกันได้ที่ searchandrescuewoods.tumblr.com




    (โปรดติดตามตอนต่อไป)
    -----------------------------------------

    ที่มา : https://creepypastatoo.fandom.com/wiki/Search_and_Rescue_Woods
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in