ฉันตื่นขึ้นมาท่ามกลางความเงียบงัน ช่วงเวลาประมาณตีสาม มีเพียงแสงไฟสลัว ๆ เล็ดลอดเข้ามาผ่านทางมู่ลี่
สายตาฉันปรับความคมชัดได้ยาก ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจค่อย ๆ เดินไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงห้องน้ำโดยอาศัยแสงสว่างเพียงน้อยนิดจากด้านนอกอพาร์ทเมนท์
ฉันเข้าไปนั่งบนชักโครก ขาสองข้างไม่ได้ชิดติดกัน
ช่วงเวลาที่โลกกำลังหลับใหล มักเป็นช่วงเวลาที่ฉันถูกความคิดและความทรงจำครอบงำ ในเวลาแบบนี้ความคิดเป็นนายของฉัน ระหว่างที่นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ฉันสังเกตเห็นเงาของวัตถุหนึ่งอยู่ตรงหว่างขาของฉัน
สิ่งนั้นมีลักษณะเป็นท่อน นั่นเป็นหนึ่งในชิ้นส่วนของมนุษย์ ช่วงหน้าแข้งลงไปจนถึงข้อเท้า สีเนื้อที่ซีดเกินกว่าสีผิวของมนุษย์ปกติทั่วไป ราวกับว่าถูกของมีคมตัดให้ขาดมาเป็นระยะเวลานาน
ฉันพยายามรวบรวมสติแล้วเดินอย่างปกติที่สุดเพื่อเดินไปหาแม่ที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงอีกฟากหนึ่งของห้อง ความพยายามในการสวดมนต์ระหว่างเดินไปไม่เสียเปล่า หลังจากสิ้นสุดคำพูดของฉัน มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งตอบกลับมาอย่างเยือกเย็นว่า สาธุ
แต่หารู้ไม่ว่านั่นทำให้ฉันกลัวกว่าเดิม ฉันเดินไปสะกิดแม่ด้วยความลุกลี้ลุกลน แม่ตื่นขึ้นมาปลอบฉันเพียงไม่ถึงนาที ก่อนที่ฉันตัดสินใจสวดมนต์อีกครั้ง ฉันหันไปถามแม่ว่าแม่นำสวดให้หน่อยได้ไหมเพราะฉันจำบทสวดมนต์ภาษาบาลีไม่ได้ ฉันเถียงกับแม่ไปมาจนกระทั่งเหลือบไปเห็นเงาของผู้หญิงคนหนึ่งขยับไปมาปรากฎอยู่บนมู่ลี่
ณ ตอนนั้นฉันเข้าใจคำพูดของบุคคลหนึ่งในรายการที่ฉันเพิ่งได้ดูไปก่อนเข้านอนแล้วว่า “เราก็ไม่เชื่อเรื่องอะไรแบบนี้หรอกค่ะ จนกระทั่งได้เจอกับตนเอง”
แขน ขา ของฉันอ่อนแรงไปเสียหมด
ฉันกลัวมากจนไม่สามารถจำเหตุการณ์หลังจากนั้นได้
เสียงนาฬิกาปลุกมักจะดังทุกวันในเวลาเจ็ดโมงยี่สิบเก้านาที ฉันมีนิสัยที่ต้องตั้งนาฬิกาปลุกก่อนเวลาที่ตั้งใจจะตื่นจริง ๆ สักหนึ่งนาทีเป็นอย่างน้อยหรือมากกว่านั้น
เช้าวันนั้นมีเพียงแสงอาทิตย์สลัว ๆ ราวกับว่าฝนจะตกลงมาในช่วงสาย เรื่องราวเมื่อคืนทำให้ฉันไม่สามารถใช้ชีวิตในตอนเช้าได้อย่างปกติ แม้ว่าแสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาในห้องจะเพียงพอต่อกิจวัตรประจำวันที่ทำทุกเช้าก็ตาม
ฉันกดสวิตซ์ ไฟในห้องถูกเปิดขึ้นหมดทุกดวง
เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ฉันรู้สึกขวัญผวา กลัว ไม่กล้าที่จะอยู่ในห้องนั้นคนเดียวไปอีกสักพัก
และฉันพร่ำภาวนาอยู่เสมอว่า หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก ฉันก็จะก้าวผ่านไปได้อย่างแน่นอน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in