คุณเคยมีคนที่คุยด้วยทุกวันไหมครับ?
คนที่คุณคอยเล่าว่าวันนี้คุณไปเจออะไรมาบ้าง
คนที่รู้ว่าคุณมีปัญหาเรื่องอะไรคุณกินอะไร คุณชอบอะไร
คนที่รู้ทุกเรื่องของคุณไม่ว่าจะเป็นเรื่องทั่วไปหรือความลับ
คนที่คุณคุยด้วยคนสุดท้ายก่อนนอนและคุยด้วยเป็นคนแรกของวัน
คนที่คุณไม่รู้ว่าเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคุณตอนไหนแต่รู้ตัวอีกทีคุณก็ขาดเขาไม่ได้
สำหรับผม ผม ‘เคยมี’ ครับ
แต่บางคนบอกกับผมว่าเจ็บกว่าการ ‘ไม่มี’ คือการ‘เคยมี’
ไม่จริงหรอกครับไร้สาระ ….
เจ็บกว่าการ ‘เคยมี’ คือต้อง ‘ทนเห็น’ เขาไปทำแบบนี้กับคนอื่น มากกว่า
ความรักแม่ง Bullshit
“ไอ้จูเลิกคิดถึงแม่งเหอะ แดกเหล้าดีกว่า”
เพื่อนผมหันมากอดคอพร้อมยกแก้วสีอำพันขึ้นมายัดใส่ปากผม ผมจำไม่ได้แล้วว่ามันแก้วที่เท่าไหร่สำหรับคืนเฮงซวยแบบนี้แต่ช่างแม่งไม่อยากจะจำอะไรอีกแล้ว ลืมทุกอย่าง ลืมไปให้หมดได้ยิ่งดี
เอาล่ะผมจะเล่าให้ฟังง่ายๆผม ‘โดนเท’ ครับ
ขอย้อนไปเมื่อปีที่แล้วผมสนิทกับรุ่นน้องที่ชมรมคนหนึ่ง เขาชื่อ อิมชางกยุน หรือที่ผมเรียกว่า ‘ชยุน’
ผมจำไม่ได้แล้วว่าเราสนิทกันได้ยังไงรู้เพียงแค่ว่า เราอยู่ชมรมฟุตบอลเหมือนกัน ผมเป็นรุ่นพี่กองหน้า เขาเป็นเด็กใหม่ที่ฝีมือไม่เอาไหนมันเลยต้องมีการเทรนด์ตัวต่อตัวกันบ้าง ผมกับชยุนเจอกันทุกวันที่ชมรม นานวันเข้าคุยกันมากๆเริ่มมีการคุยแชทกัน แรกๆก็คุยเรื่องบอล ไปๆมาๆก็คุยแม่งทุกเรื่อง ทุกเรื่องห่าเหวที่จะลากมาคุยกันได้ แล้วก็เริ่มลามมาถึงการโทรศัพท์หากันทุกวันเช้ามายังมานั่งกินข้าวด้วยกันอีก ห่างกันเฉพาะตอนเรียนเท่านั้นแหละครับ
โหแม่ง…แฟนกันชัดๆ
ใครๆก็พูดครับติดตรงที่มันไม่ใช่
เราไม่ใช่แฟนกัน…แต่มันใกล้กับคำว่าแฟนมาก มากจนผมกลัว
‘เราอยู่คุยกันไปแบบนี้นานๆได้ไหม’ จู่ๆชยุนก็เอ่ยขึ้นมาในขณะที่เราเดินกลับบ้านด้วยกัน
‘จนตายเลยก็ได้’ ผมยิ้มให้พลางขยี้หัวคนเป็นน้องอย่าเอ็นดู
เราติดอยู่กับวังวนแบบนี้ประมาณปีกว่า
เอาจริงๆนะต่อให้ไม่ได้รู้สึกรัก มันอย่างน้อยที่สุดมันก็ต้องรู้สึกผูกพัน
ผมไม่รู้หรอกว่าว่าความรักคืออะไรแต่ผมรู้ดีว่าความเจ็บเป็นยังไง
อยู่ๆชยุนก็‘หายไป’ จากชีวิตผม
เขามาขอลาออกจากชมรมโดยที่ไม่ได้บอกผมเลยแม้แต่คำเดียวส่งข้อความ กาเกาไปก็ไม่มีการตอบกลับมา โทรไปก็ไม่รับ เจอก็หลบหน้าปล่อยให้ผมเป็นบ้าอยู่คนเดียว
แม่งอะไรวะเนี่ย!
ลองคิดดูสิครับอยู่ๆคนที่เคยคุยด้วยทุกวันก็หายไป
ตอนนั้นผมไม่รู้เลยว่าระหว่างการใช้ชีวิตประจำวันโดยไม่มีเขากับการห้ามคิดถึงเขา อะไรมันยากกว่ากัน?
ผมเซอยู่สองอาทิตย์จนมินฮยอกเพื่อนตัวดีของผมคาบข่าวมาบอก
“มึงเขาคุยกับฮยองวอนอยู่ว่ะ”
หะ…อะไรนะ ?
ไอ้ฮยองวอนเดือนคณะข้างๆ…แค่คิด ผมก็ปรี๊ดจนแทบระเบิด สรรหาคำด่าร้อยแปดมากล่าวโทษทุกอย่างรอบตัวใช่สิ ผมมันไม่หล่อไม่เท่หน้าก็ตี๋ ไม่ได้สูงยาวตาคมผิวเข้มแบบที่ไอ้หมอนั่นมันชอบนี่! เออ อยากคุยกับแม่งนักใช่ไหม ไปเลย จะทำอะไรก็ทำผมไม่แคร์แล้วโว้ย พอกันดี!
“มินฮยอกแดกเหล้า”
“ได้เลยเพื่อนคืนนี้กูเลี้ยงเอง”
"เอ้าาา ชนนนน"
รู้ตัวอีกทีก็นั่นแหละครับ…ร้านเหล้า ตั้งแต่ผมโดนเท ร้านนี้ก็กลายเป็นบ้านหลังที่สองไปโดยปริยาย ผมชนแก้วกับเพื่อนนับครั้งไม่ถ้วนประกอบกับเสียงดนตรีคลอเบาๆ แต่ทว่าทุกเพลงที่เล่นนั้นบาดใจคนมีแผลเหลือเกิน เราแลกเปลี่ยนเรื่องคุยกันต่างๆนานาพอเพลงเริ่มเศร้าและผมเริ่มอิน ทั้งมินฮยอกและพี่ชยอนูพยายามจะปลอบใจผมด้วยคำพูดขายฝันผมทำได้แค่ยิ้มรับและเปลี่ยนเรื่องคุย
เอาเถอะครับผมรู้ว่ามันจะผ่านไป
แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้…
“เออพี่เข้าใจแต่ลองนึกถึงเรื่องดีๆที่มีด้วยกันดิ อย่างน้อยมันก็ไม่ได้แย่ไปซะหมด”
นี่คงเป็นประโยคที่ยาวที่สุดที่พี่ชยอนูพูดออกมาวันนี้ก็ว่าได้ ผมรู้ดีครับว่าพี่เขาพยายามอย่างมากในการจะปลอบผม ผมนั่งมองน้ำแข็งในแก้วที่เริ่มละลายอย่างช้าๆ
ผมเคยลงทุนซ้อมบอลล่วงเวลาเพื่อที่จะชนะในการแข่งขัน เพียงอยากจะยินคำว่า ‘เก่งจัง’
ผมเคยตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษทั้งๆที่ผมไม่เก่งเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่รู้ว่าเขาชอบ
ผมลงทุนแอบไปหัดกลองในห้องซ้อมของเพื่อนเพียงแค่เขาเอ่ยปากว่า ‘คนเล่นดนตรีนี่เท่เนอะ’
ผมลองทำอะไรที่ผมไม่เคยทำทุกอย่างเพื่อเขา
แล้วไงวะ…สุดท้าย ได้อะไร ?
นอกจากน้ำตาและความซมซาน
สมเพชตัวเองชิปหายอีจูฮอน
“พี่มินฮยอก”
“ชางกยุน…..”
มินฮยอกเอ่ยผมเงยหน้าตามชื่อโดยอัตโนมัติ ผู้ชายที่ผมคิดถึงที่สุดในเวลานี้ยืนอยู่ตรงหน้า บนใบหน้าเขาไม่ฉายหวั่นไหวแม้แต่น้อยที่เห็นพวกผมนั่งอยู่ตรงนี้ ก้อนเนื้อในอกของผมเต้นรัวเหมือนจะระเบิดออกมา มือเท้าเย็นเฉียบ ตอนนั้นผมไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว เขามายืนอยู่ตรงหน้าผม เขามายืนอยู่ตรงหน้าผมจริงๆ..
ผมอยากจะเดินเข้าไปกอดเขาเหลือเกินอยากจะพร่ำบอกว่าคิดถึงเขามากแค่ไหน อยากจะบอกว่าตอนกลางคืนมันยาวนานจนทนไม่ได้เมื่อไม่มีเขา ชีวิตประจำของผมกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อและไร้ชีวิตชีวา คนที่เคยทำให้ผมยิ้มให้ผมหัวเราะ มันมีแต่เขาคนเดียวเท่านั้น
คิดถึงจนจะขาดใจอยู่แล้ว..
“อ้าวฮยองวอน”
พี่ชยอนูเอ่ยทักผู้ชายที่เดินมาสมทบ ทันทีที่เข้ามาถึงเขาก็เดินไปโอบไหล่ชยุนทันที พลางยิ้มทักทายคนทั้งโต๊ะ ทั้งมินฮยอกและพี่ชยอนูหน้าซีดเผือก ผมทำได้แค่มองอยู่แบบนั้น แต่ผมเห็นสายตา ผมไม่ได้คิดไปเอง ชยุนสบตาผม เรามองหน้ากัน ผมไม่ได้คิดไปเอง ในขณะที่มินฮยอกและที่ชยอนูคุยกับฮยองวอนตามประสาคนรู้จัก ผมกลับทำได้แค่ยิ้มและคล้อยตามบทสนทนา แต่สายตาผมยังจับจ้องไปที่เขา ต่างคนต่างไม่เอ่ยคำพูดใดใด ฮยองวอนกล่าวลาและขอตัวไปที่โต๊ะ ชยุนยิ้มให้โบกมือให้ทุกคนในโต๊ะ …ยกเว้นผม
ทำไมวะ?
“แม่งเหล้าหวานไปปะวะไปเอาที่ขมๆมาให้กูหน่อยดิ!”
ผมโวยวายเมื่อพวกเขาทั้งคู่เดินคล้อยหลังไป ทำเป็นแซวคุยกับเพื่อนเพื่อไม่ให้บรรยากาศกร่อยผมไม่อยากให้บรรยากาศสนุกสนานในวงเหล้าต้องหายไป ผมยกเหล้าหลายแก้วติดต่อกันและชนเหล้ากับเพื่อนหลายที ปากก็พลางเอ่ยปากแหย่สาวโต๊ะอื่นๆเพื่อเรียกอารมณ์ให้กลับมาอีกครั้ง
แต่ในใจใครจะรู้วะว่าแม่ง โคตรเจ็บเลย
พระเจ้าคงไม่รักผมเท่าไหร่เผลอๆไม่มีใครรักผมด้วยซ้ำ
แต่ช่างมันเหอะเพราะคืนนี้ผมจะรักตัวของผมเองที่สุด
“มินกูว่ามึงเมาแล้ว กลับเหอะ”
ผมมองดูเพื่อนผมที่นอนกลิ้งไปกับโต๊ะอย่างไร้สภาพความเป็นคน ตอนแรกจะพาผมมากินเหล้าย้อมใจ ที่ไหนได้สุดท้ายก็เมาเอง ผมหันไปมองรุ่นพี่ที่เคารพรัก พี่ชยอนูที่แข็งแกร่งดังเหล็กกล้า เหล้าที่เข้าปากไปไม่สามารถทำอันตรายใดใดเขาได้แม้แต่น้อย ยังคง Strong อยู่เหมือนไม่ได้สัมผัสแอลกอฮอล์ผมฝากฝังเพื่อนรักไว้กับพี่ชยอนูแล้วขอตัวมาเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตาก่อนกลับบ้าน
เมื่อผมจัดการธุระล้างหน้าเสร็จเรียบร้อยพอสร่างเสียหน่อยผมก็กลับไปที่โต๊ะแต่คนทั้งคู่กลับหายไปแล้ว ชิปหาย ผมรีบควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าตังค์ ปรากฏว่าไม่ได้อยู่ที่ตัวและไม่ได้อยู่ในห้องน้ำ เอาแล้วไง เอาแล้วไง อีจูฮอนนนน
“เพื่อนพี่กลับไปหมดแล้ว”
เสียงคุ้นหูเอ่ยขึ้นจากทางด้านหลังผมหันขวับทันทีที่ได้ยิน
“ให้ผมไปส่งไหม?”
นี่เป็นDead Air ที่อึดอัดที่สุดในโลก
สุดท้ายก็ลงเอยที่ว่าผมขึ้นรถมากับชยุน ผมกำชับกับเขาหลายรอบว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวกลับเองซึ่งเอาจริงๆผมไม่รู้หรอกว่าจะกลับยังไง แต่เขาก็ทำได้ตอกกลับมาเบาๆว่า ปากดีดูสภาพเสียบ้าง ผมถึงยอมขึ้นรถมาด้วย รถของเขายังเหมือนเดิม ไม่สะอาดแต่ก็ไม่รกต่างออกไปหน่อยคงจะเป็นกลิ่นน้ำหอมปรับอากาศเมื่อก่อนจะเป็นกลิ่นมิ้นท์สดชื่นแต่ตอนนี้กลายเป็นลาเวนเดอร์เสียแล้ว ฮยองวอนคงชอบล่ะมั้ง
พูดถึงฮยองวอน
“ฮยองวอนล่ะ”
ไม่อยากรู้หรอกสาบานเลย แต่ถามเพื่อไม่ให้มันเงียบ
“พี่เขาอยู่กับเพื่อนก่อนอะผมง่วงแล้วก็เลยขอกลับก่อน พอดีมาเจอพวกพี่มินฮยอกพอดีก็เห็นเขาโบกแท็กซี่กลับไปแล้ว”
โอโห… เล่นตอบซะชัดเจนแจ่มแจ้งกะไม่ให้มีคำถามต่อไปเลยดิ ผมทำได้แค่พยักหน้าหงึกๆแล้วก็ปล่อยให้รถเงียบต่อไป
“เฮ้อ!”
อยู่ๆชยุนก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วก็ตีรถเข้าข้างทาง อ้าว…อะไรวะ ?? ผมตีหน้างง เขาจับพวงมาลัยแน่นเหมือนพยายามจะอดทนกับอะไรบางอย่างก่อนจะกรอกตาไปมาอย่างหัวเสีย
“ช…”
“นี่พี่ไม่รู้อะไรเลยจริงๆหรอ!”
ชยุนขึ้นเสียงแหลมเปี๊ยบจนผมตกใจ เขาหันมาจ้องตาผมอย่างเอาเป็นเอาตาย
เดี๋ยว…นี่มันอะไรเนี่ย?
“พี่ไม่รู้จริงๆหรอที่ผมหายไปเพราะอะไร! นี่พี่โง่หรือพี่โง่กันแน่วะ”
“ก็พี่…”
“พอแล้วไม่ต้องพูด! ผมรอให้พี่พูดมาปีกว่าแล้ว ผม รอ ไม่ ได้ อีก ต่อ ไป แล้ว!”
เขาแหวลั่นรถกระแทกเสียงใส่ทุกคำที่พูดมา จนผมเริ่มตกใจ แต่กลับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องทำอย่างไร ผมจึงทำได้เพียงทำหน้าเลิ่กลั่กไปมาและพยายามเบรกอารมณ์ที่ดูเหมือนจะทะลุปรอดของชยุน
“ผมรักพี่ผมรักพี่ ผมรักพี่ ได้ยินมั้ย ชัดพอรึยัง!”
อ้าวเมื่อกี้ยังด่าอยู่เลย ทำไมตอนนี้บอกรักเฉยอะ
“ฟังนะฟังให้ดี แล้วเก็บไปคิด คนที่เขาไม่มีใจเขาไม่ทนคุยด้วยแบบไร้สถานะเป็นปีๆหรอกโว้ย ผมรักพี่ รักพี่มาตั้งแต่แรกแล้ว แล้วไงล่ะ! ผมรอให้พี่พูดรอให้พี่รู้สึก แล้วพี่ก็ใบ้แดก ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมก็รอไปดิรอห่ารอเหวอะไรก็ไม่รู้!”
“....ชยุนคือพี่..”
“ไม่ต้องแก้ตัว! คนที่เขาไม่รักกันอะ เขาคุยโทรศัพท์กันทุกวัน กินข้าวด้วยกันทุกมื้อ ดูแลกันแบบนี้หรอวะ! ผมเจอหน้าพี่บ่อยกว่าเจอหน้าพ่อหน้าแม่ผมอีกมั้ง!!”
“.....”
“ผมรักพี่นะเว้ยรักพี่มาก… ฮึก ผมอุตส่าห์ลากพี่ฮยองวอนมาล่อ ปล่อยข่าวให้พี่มินฮยอกฟัง ลองหายไปจากพี่ ดูว่าพี่จะทำยังไง แล้ว ฮึกๆ เชี่ยยยยย”
น้ำตาเริ่มไหลออกมาอาบแก้มชยุน เขาก่นด่าผมไปพลางร้องไห้ไป สองแขนของผมรีบคว้าเขามากอดไว้เต็มรัก ผมไม่ค่อยเข้าใจนักหรอกว่าสถาการณ์ตรงหน้านี่คืออะไร แต่ผมเริ่มจะจับต้นชนปลายถูกแล้ว และนั่น ก็ทำให้ผมยิ้มออก
โถเด็กน้อยเอ๊ย นี่มัน2016แล้วไม่มีใครเขาใช้วิธีลองใจกันแล้วไอ้หนู
“ไอ้พี่โง่ทำไมแม่งไม่ทำอะไรเลยวะ พยายามหน่อยดิ ผมคิดถึงพี่จะตายอยู่แล้วไม่รู้หรอ ฮึกๆ”
แขนเล็กตีเข้าที่หน้าอกผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า และทุกครั้งมันเริ่มจะแรงขึ้นเรื่อยๆ พูดกันตรงๆก็มีสะเทือนบ้าง แต่ทุกครั้งที่แรงหมัดเหวี่ยงเข้ามาที่หน้าอก ผมกลับยิ่งกอดเขาแน่นขึ้น แน่นขึ้นทุกครั้ง
ด่ามาสิด่ามาเลย ด่าไปบอกรักไปแบบนี้ ชอบ
“รักพี่ขนาดนี้เลยหรอ?" ผมก้มลงกระซิบข้างหูคนในอ้อมกอดและคลี่ยิ้มบางๆ
“อือ”
“พี่ก็รักชยุนเหมือนกันครับ”
“......”
“ไม่อยากเปลืองค่าเหล้าแล้วอะ เป็นแฟนกันเถอะ”
“นี่พี่ไม่ได้เมาใช่ป่ะ?”
“ถึงพรุ่งนี้พี่สร่างพี่ก็ยังจะพูดคำเดิม"
ผมบอกว่าคืนนี้ผมจะรักตัวเองที่สุดคงไม่ใช่แล้วแหละ
เพราะคืนนี้ผมรักชางกยุนที่สุดเลย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in