เหมือนเดิม...
"เลิกคลาสแล้วไปไหนรึเปล่าปัน" ธารถามขณะที่ผมกำลังก้มเก็บของใส่กระเป๋า
"ก็ไม่มีธุระอะไรนะธารถามทำไมเหรอ"
"ว่าจะชวนไปกินเค้กนะ เห็นร้านหน้านั่งอยู่ตรงหน้ามอ ไปมั้ยล่ะ" ธารถามพลางลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ ผมนิจ้องตาค้างเลยครับพี่น้อง แค่บิดขี้เกียจทำไมคนเราถึงได้ดูดีขนาดนี้ ลองเป็นผมสิ แค่ยืนหาวเฉยๆยังเหมือนหมาเกาขี้เรื้อนเลยอะ โฮวววววววว แต่เอาจริงๆผมก็พูดเกินไปหน่อยหน้าตาผมก็ไม่ได้ขี้ริ้ว ขี้เหร่อะไรขนาดนั้น แค่ไม่ชอบแต่งตัวเท่านั้นเอง ใช่!!! ผมรู้ตัวครับว่าแต่งตัวไม่ได้เรื่อง แต่ผมพอใจจะแต่งแบบนี้ ไอ้เสื้อพ่อกางเกงลุงที่เพื่อนมันชอบล้อกันน่ะ เสื้อที่ไซส์ใหญ่กว่าขนาดตัวเกือบสามไซส์ กับกางเกงตัวโคร่งขนาดที่ว่ากินเท่าไหร่ก็ไม่มีทางคับเพราะสามารถขยับเข็มขัดที่เจาะไว้ซะหลายรู ก็ใส่แบบนี้แล้วมันสบายดีออก
"เอ้า เหม่ออีกแล้วนะ ตกลงว่าไงไปมั๊ย"
"ปะ ไปสิ มึงสองคนไปด้วยกันนะ" ผมหันไปชวนไอ้หน้าหล่ออีกสองคนที่กำลังนั่งเล่นหูเล่นตากับสาวในห้องอยู่ แค่ผ่านไปเดือนเดียวผมก็สนิทกับพวกมันจนขึ้นมึงกูได้แล้วครับ ยกเว้นธารเท่านั้นที่มันยังพูดเพราะกับผม ผมเลยไม่กล้าขึ้นมึงกูกับมัน
"เอาสิ ได้ยินมาว่าสาวน่ารักๆชอบไปนั่งกัน" แอซเอ่ยพร้อมทำหน้าเจ้าเล่ห์กับกันต์ เฮ้ออ ผมว่าคนหน้าตาดีส่วนใหญ่มักจะมีนิสัยเจ้าชู้แน่ๆ แต่สำหรับธารคงจะต้องเป็นส่วนน้อย เพราะตั้งแต่เปิดเรียนเป็นเดือน ผมยังไม่เห็นธารจะสนใจผู้หญิงคนไหน เหมือนอีกสองคนนั้นเลย ถึงจะมีผู้หญิงเข้ามาขอเบอร์ ขอไลน์ไม่ขาดก็ตาม ส่วนผมนะเหรอ แค่เดินผ่านยังไม่มีใครแลตามามองเลยครับ แต่เอาจริงๆผมก็ไม่ค่อยสนเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ เรื่องที่ผมสนน่ะ มีแค่เรียนยังไงให้ได้ A การทำให้ต้นกระบองเพชรที่ปลูกไว้ออกดอก และพี่ภูสุดหล่อเท่านั้นแหละ
ผมใช้เวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาสืบหาข้อมูลทุกอย่างของพี่ภู หรือ พิภู นิติโชติวรกุล อายุ 21 ปี เรียนวิศวะ ปี 3 สูง 187 เซ็นติเมตร น้ำหนัก 65 กิโลกรัม ผมสีน้ำตาลคาราเมล เป็นคนกรุงเทพฯโดยกำเนิด ที่บ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับการนำเข้ารถจากต่างประเทศ เป็นลูกคนที่ 2 มีพี่ชาย 1 คน และน้องสาว 1 คน ที่สำคัญปัจจุบันอยู่ในสถานะ โสด
!!! วะฮะๆ ได้ยินมาแบบนั้นแล้วผมนิแทบจะตีปีกบินกันเลยทีเดียว แต่เสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงกิติศัพท์ความเจ้าชู้นั้น ก็อยู่ในขั้นที่ว่า ถ้าจะลองเอ่ยชื่อมาทายว่าพี่เค้าเคยคั่วรึเปล่า ก็อาจจะพบว่ามีเกือบจะทุกชื่อที่พูดออกมาเลยก็ได้ งานนี้ไม่หมูซะแล้ว แต่ผมไม่ยอมแพ้หรอกไอ้เนิร์ดอย่างผมน่ะ ถ้าสนใจอะไรขึ้นมาแล้วกัดไม่ปล่อยหรอกครับ คิคิ
"ปันมึงนั่งเหม่อทำหน้าโรคจิตอีกแล้วนะ คิดอะไรประหลาดๆอยู่ใช่มั๊ย"
กันต์ถามพร้อมจ้องหน้าผม เฮอะใครจะบอกกันว่ากำลังคิดแผนจับผู้ชายอยู่ โดนล้อตายเลย อ่อ เพื่อนทั้งสามคนรู้ว่าผมชอบพี่ภูครับ เพราะผมบอกพวกมันตั้งแต่อาทิตย์แรกที่เริ่มรู้จักกัน และแอซกับกันต์ก็บอกกลับมาว่าพวกมันน่ะ ได้ทั้งชายหญิง เพราะงั้นไม่ต้องกลัวว่าพวกมันจะรังเกียจ แต่กับธารผมไม่แน่ใจในรสนิยมมันเท่าไหร่ฮะ มันไม่เคยบอก และผมก็ไม่อยากเซ้าซี้ถาม แต่เราทั้งสี่ก็ยังเป็นเพื่อนที่ผมคิดเอาเองว่าสนิทกัน คึคึ ป๊ะป๊าสอนให้คิดบวกครับ ถึงจะเหมือนคิดเข้าข้างตัวเองไปหน่อยก็เหอะ
"เออนี่ ไอ้ปัน คืนนี้พี่รหัสกุชวนไปเลี้ยงมึงจะไปมั๊ย ไปเปิดหูเปิดตาหน่อยก็ดีมั้ง เอาแต่คลุกดูการ์ตูนอยู่ที่ห้องตลอด น่าเบื่อตายเลย" เสียงแอซเอ่ยถามผมขณะที่เราทั้งหมดกำลังเดินกลับหอหลังจากไปกินเค้กกันมา ความจริงมันก็ไม่ใกล้หรอกนะครับจากหน้ามอไปหอเนี้ย แต่เมื่อเช้าพอผมบอกว่าจะเดินมาเรียนพวกมันก็พร้อมใจกันจอดรถไว้ที่หอ แล้วยอมเดินมาเป็นเพื่อนผมน่ารักใช่ม้า เพื่อนโพ้มมมมๆ
"ไม่ดีกว่า มึงก็รู้กูไม่ชอบไปที่แบบนั้นทั้งมืด ทั้งเสียงดัง แถมยังมีกลิ่นบุหรี่อีก รู้มั๊ยมันอาจจะส่งผลเสียให้สายตาเราเสียเพราะแสงสว่างไม่เพียงพอ ให้หูสูญเสียการได้ยินเพราะเสียงที่ดังเกินไป และปอดเราอาจจะเป็นอันตรายเพราะควันบุหรี่ แถมตับเราก็อาจจะแข็งเพราะเหล้าก็ได้นะ" ผมรัวใส่มันเป็นชุดอย่างเป็นห่วง เพราะช่วงนี้สายรหัสของมันพาไปเลี้ยงได้ทุกวัน
"กุแค่ไปผับนะไอ้ปัน พูดซะเหมือนกุจะไปผจญแหล่งเผยแพร่โรคร้ายอะไรซักอย่างเลย แต่ยังไงวันนี้มึงก็ปฏิเสธไม่ได้เพราะกุกับไอ้กันต์ได้ข่าวเด็ดมา มึงฟังแล้วต้องอยากไปกะพวกกุแน่ๆ" แอซไม่พูดเปล่ายังหันไปพยักเพยิดกับกันต์ จนต่อมความอยากรู้ของผมพุ่งขึ้นมาทำให้ต้องหันไปจ้องไอ้กันต์แทน
"กุได้ยินมาว่าวันนี้ไอ้พี่ภูของมึงก็จะไปด้วย เห็นว่าสนิทกับลุงรหัสของกุ มึงไม่อยากไปใกล้ชิดกับพี่มันรึไง ในผับมืดๆ คนเยอะๆ จะเบียดจะซบเค้าก็ไม่เอะใจว่ากำลังโดนลวนลามหรอกมั้ง" แค่ได้ยินคำว่าพี่ภูไปด้วยใจผมก็อยากจะรีบไปรอพี่เค้าที่ผับตอนนี้เลย ทั้งที่มันแค่เพิ่งจะหกโมงกว่าๆเอง
"'งั้นตกลง กุไปด้วย กุว่ารีบไปอาบน้ำแต่งตัวกันดีกว่าไปรอพี่เค้าที่ผับเลยมั้ย ไปเร็วๆดีกว่า จะได้ไม่น่าเกลียด"
"แหมมม พอบอกว่าพี่ภูไปนี่หูตั้งหางกระดิกเชียวนะ มึงไม่ต้องรีบขนาดนี้ก็ได้ ไปตอนนี้จะไปช่วยเค้าเปิดผับรึไง พวกกุจะออกกันประมาณสามทุ่มมึงอาบน้ำแต่งตัวรอละกัน พวกกุเสร็จแล้วจะไปเรียกที่ห้อง อ่อ แล้วแต่งตัวดีๆนะมึง เอาแค่ใส่เสื้อผ้าให้ถูกไซส์กับตัวมึงพอดีๆนะมีมั๊ย ถ้าไม่มีกุจะพาไปซื้อก่อน แล้วแว่นก็ไม่ต้องเสือกใส่ไปนะมึง ในผับมันเบียด เดี๋ยวใครมาชนตกแล้วจะโดนเหยียบเปล่าๆ"
กันต์พูดหลังจากมองผมจากหัวจรดเท้า ด้วยสายตาหวั่นๆ ไอ้เสื้อผ้าแบบนั้นผมก็มีอยู่หรอก แค่ไม่ชอบใส่เฉยๆ ก็ใส่ทีไรมีแต่คนมอง แถมยังชอบเข้ามาวอแว ผมเลยไม่ค่อยจะหยิบมาใส่ซักเท่าไหร่แต่วันนี้จะไปอ่อยพี่ภู งั้นผมขอจัดเต็มสักวันละกันเนอะ ^^
"แล้วธารจะไปด้วยใช่มั๊ย" ผมถามขึ้นหลังจากเห็นเค้านิ่งไป ตั้งแต่แอซเริ่มชวนผมไปเที่ยว
"ไปสิ ปันไปเราก็ไป" ธารตอบพร้อมยิ้มให้ผม อ่าา ถ้าธารไปด้วยผมก็อุ่นใจขึ้นมาหน่อย เพราะถ้าไปกับไอ้สองคู่หูจอมกะล่อน มันต้องทิ้งให้ผมกลับห้องคนเดียวแน่ๆ ก็พวกมันน่ะวันไหนไปเที่ยวแล้วละก็ ถ้าไม่หิ้วใครมานอนด้วยก็ต้องไปหายหัวไปจนผมต้องโทรตามให้เข้าเรียนตลอดน่ะสิ
"งั้นเอาตามนี้นะเจอกันสามทุ่ม เอารถกุไปก็แล้วกัน คงกินไม่เยอะหรอก" ธารกล่าวสรุปก่อนจะเดินไปไขกุญแจเข้าห้องพวกเราอีกสามคนจึงแยกย้ายกันเข้าห้องตัวเองเหมือนกัน
“อืมมม ตัวไหนดีนะ” ผมบ่นกับตัวเองขณะเปิดตู้เสื้อผ้าดู เท่าที่หาข้อมูลมาพี่ภูชอบสีขาว แต่เสื้อขาวที่มีดูจะคอกว้างเกินไปหน่อยแต่พี่ภูชอบนินา ใส่ๆไปก็ได้ ส่วนกางเกงเอาเป็นสีซีดเข้ารูปตัวนั้นละกัน ไม่ต้องสงสัยกันนะครับว่าทำไมผมถึงมีเสื้อผ้าที่เหมือนคนปกติทั่วไปเค้าใส่กัน คนที่บ้านซื้อให้น่ะครับ แค่ผมไม่ค่อยชอบหยิบมาใส่เท่านั้นเอง ก็บอกแล้วไง ว่าใส่ทีไรมีคนมาวุ่นวายด้วยตลอด บอกกงๆ พี่ปันไม่ปลื้ม
“ก๊อกๆๆ” พอเสียงเคาะประตูดังขึ้นปุ๊บ ผมก็รีบกระโจนไปเปิดทันทีก็รออยู่แล้วนิครับ อยากไปหาพี่ภูจะแย่ที่จริงผมแต่งตัวเสร็จตั้งแต่สองทุ่ม แต่ก็ไม่กล้าไปเร่งพวกเพื่อนมัน เพราะกลัวจะโดนแซะเอาอีก พอเปิดประตูไปก็เจอเทพบุตรทั้งสามยืนทำตาโต จนผมชักจะระแวงว่าลืมรูดซิปรึเปล่า
"เอ่อ พวกมึงทำไมจ้องกุขนาดนั้นกุมีไรผิดปกติรึเปล่า"
เอาจริงพวกมันคงจะไม่ชินที่เห็นผมแต่งตัวเหมือนคนปกติ แถมยังไม่ใส่แว่น ผมไม่ได้สายตาสั้นหรอกนะ แค่ใส่เพราะคิดว่าจะทำให้ดูฉลาดขึ้นมากกว่า ถึงแม้ว่าผมจะฉลาดอยู่แล้วจริงๆก็เถอะ (หราาา)
"มึงคือไอ้ปันเด็กเนิร์ดเพื่อนกุจริงๆหรอวะ โหพอมึงแต่งตัวปกติแล้วนี่ โคตรน่ารักเลยรู้ตัวรึเปล่า"
แอซว่าพลางก้มลงมาจ้องผมจนใกล้ คือไอ้ฝรั่งครับ มึงพูดเฉยๆก็ได้ไม่ต้องก้มมาซะใกล้ขนาดนี้ ถึงจะเพื่อนกันแต่หล่อขนาดนี้ พี่ปันก็ใจสั่นได้นะ
"ใช่ๆ กุเห็นด้วย พอไม่ใส่แว่นแล้วทำให้เห็นหน้ามึงชัดๆ แมร่งน่ารักชิบหายเลยวะ ใช่มั๊ยไอ้ธาร" แน่ะ สมกับเป็นคู่หูกันจริงๆ กันต์ไม่พูดเปล่าต้องก้มลงมาจ้องผมอีกคน ดีใจมันก็ดีใจนะที่เพื่อนชม แต่ที่ผ่านมามึงมองไม่เห็นถึงความน่ารัก ความคิ้วท์บอยของกุเลยใช่ม้ายยย ชิส์ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมเลยหันไปหาร่างสูงอีกคนที่ยังไม่เอ่ยอะไรออกมาซักคำ อยากจะรู้เหมือนกันว่าธารจะว่ายังไง
"กะ ก็เหมือนเดิมนั้นแหละ" พูดจบธารก็หันหน้าหนี ผมเริ่มจะเสียความมั่นใจนิดๆ เพราะธารเป็นคนที่ผมเชื่อถือคำพูดมากกว่าสองคนนั้น ไอ้เราก็อุตส่าห์จัดเต็มขนาดนี้ ธารยังบอกว่าเหมือนเดิม หรือจะไปเปลี่ยนเสื้อสีอื่นดีนะ
"น่ารักเหมือนเดิม" ธารพูดขึ้นเมื่อเห็นผมทำหน้ากังวลก่อนจะเดินเข้าลิฟท์ไป ผมรีบเดินเข้าลิฟท์ตามธารไปทันทีพร้อมให้ไปยิ้มหวานให้หนึ่งที เพราะพูดดี เข้าหูพี่ปันสุดๆ ก็ธารน่ะเคยโกหกผมที่ไหน เพราะงั้นผมจึงเชื่อทุกอย่างที่ธารพูดมากกว่าให้สองคนนั้นยังไงล่ะ
หึหึ นี่สิเพื่อนรักตัวจริงของพี่ปันผู้ที่เห็นความน่ารักของผม แม้ไม่ต้องใส่เสื้อผ้าที่ดูดี ธารก็ยังรู้ว่าผมน่ะน่ารัก วะฮะๆ
PS.1 : ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เจอพี่ภูซะที รออีกนิดน้าา พี่ภูใกล้จะออกโรงแล้ววว
PS.2 : ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวอีกที อยู่ให้กำลังใจกันก่อนน้าา
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in