เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
I LOVE NOT MAN THE LESS, BUT BOOKS MORE PT. IIรั่วชิงบ้านสกุลหาน
(Book) รีวิว บันทึกรัติกาลต้องสาป
  • REVIEW: บันทึกรัติกาลต้องสาป Interview With The Vampire
    ผู้เขียน : Anne Rice
    ผู้แปล : รติพร ชัยปิยะพร
    ENTERBOOKS
    .
    ---
    *รีวิวนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วน*


              ช่วงนี้กองดองเยอะมาก และสิ่งที่เราทำคือเลือกอ่านหนังสือใหม่ที่เพิ่งได้มาหมาดๆ

              นอกจากนี้ เน้นหนีไปอ่านนิยายวายมากกว่า งานชายหญิงไม่ได้แตะ ส่วน fiction ไม่ใช่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ จะเน้นอ่านเล่มภาษาอังกฤษมากกว่า ดังนั้น บันทึกรัตติกาลต้องสาป Interview with the Vampire เล่มนี้ จึงถูกดองเค็มในไหไปพักใหญ่

    ต้องพูดว่าค่อนข้างสองจิตสองใจ เพราะเราเคยดู Interview with the Vampire ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ (และล่าสุดมีเวอร์ชั่น TV series โดย AMC) ส่วนตัวค่อนข้างรำคาญความคร่ำครวญของหลุยส์ เมื่อได้มาอยู่ในเวอร์ชั่นนิยายก็ยิ่งจะพลอยรู้สึกรำคาญไปอีก

              แต่สุดท้ายก็อยากฟังหน่อยว่าหลุยส์จะคร่ำครวญยังไงในเวอร์ชั่นนิยาย


              สำหรับใครที่ใหม่กับเรื่องนี้ ต้องบอกก่อนว่านี่คือบันทึก...ไม่สิ คือการเล่าผ่านการบันทึกเทปสัมภาษณ์ระหว่างมนุษย์กับแวมไพร์ที่่ชื่อว่า หลุยส์

              หลุยส์เล่าถึงที่มาที่ไปที่ทำให้เขาเปลี่ยนจากมนุษย์คนหนึ่งที่ท้อแท้สิ้นหวังกับความตายของน้องชาย เจ้าของไร่และเจ้าของทาสผิวสีในนิวออร์ลีนส์ วันหนึ่งถูกแวมไพร์นาม เลสแต็ท กัดเข้าให้ เขาไม่ตาย และได้กลายเป็นแวมไพร์ เผชิญหน้ากับการตั้งคำถามหลายๆ อย่าง ทั้งชีวิตใหม่ที่ไม่ได้ปรารถนา ความรู้สึกก้ำกึ่งผิดบาปในใจยามต้องดูดเลือดมนุษย์ และการอยู่ร่วมกับแวมไพร์เลสแต็ท

              หลุยส์ไม่ชอบเลสแต็ท เพราะเลสแต็ทไม่มีสิ่งใดเหมือนเขายกเว้นก็แต่คำว่าเป็นแวมไพร์ เขาไม่ชอบการกระทำหลายๆ อย่างของเลสแต็ทผู้สูงส่งฟุ้งเฟ้อ แต่เขาจำต้องอยู่ร่วมกับเลสแต็ทเพราะยังมีอีกหลายเรื่องในการเป็นแวมไพร์ที่เขาไม่รู้ ซึ่งเลสแต็ทคอยกั๊กเอาไว้ ในความคิดเราเลสแต็ทเป็นตัวละครที่น่าสนใจ มีความ manipulate เต็มขั้น แม้เราจะได้รู้จักเขาผ่านแง่มุมของหลุยส์ (ซึ่งกว่าครึ่งเป็นปักเจกส่วนตัวที่มองทุกอย่างเกี่ยวกับเลสแต็ทในด้านลบ) แต่ถึงอย่างนั้นในแง่ของ conflict ตัวละคร เราคิดว่าเลสแต็ทน่าสนใจที่สุดในเรื่องแล้ว


              หลังจากนั้นยังจะมีอีกหนึ่งตัวละครสำคัญที่เข้ามาในชีวิตของแวมไพร์ทั้งสองตนนี้คือ คลอเดีย เด็กสาวผู้ถูกเปลี่ยนเป็นแวมไพร์และมีส่วนสำคัญอย่างมากในเนื้อหาครึ่งหลัง

              เราจะได้เห็นวิถีชีวิตความเป็นแวมไพร์ท่ามกลางยุคสมัยที่เปลี่ยนผ่าน เร่ร่อนหลีกหนีไปเรื่อยเมื่อไม่สามารถอยู่ที่ใดที่หนึ่งได้นานๆ เพราะความเป็นแวมไพร์ของตน กับสังคมแวมไพร์ที่มาพร้อมเรื่องเล่าที่จะช่วยขยายแง่มุมของความเป็นแวมไพร์ที่มีด้านมืดมากมายได้อย่างดียิ่งขึ้น

              ซึ่งทั้งหมดนี้จะเล่าในมุมมองของหลุยส์ เหมือนเรานั่งฟังพ็อดแคสต์ยาวๆ ที่ยากจะหยุด ซึ่งตรงนี้อาจเป็นจุดด้อยของผู้ที่ใหม่มากกับการอ่านนิยายยุค 70 เพราะตามแบบนิยายเก่าทั่วไป การใช้ภาษา การพรรณา มันถือว่ายากสำหรับคนที่ไม่ได้อ่านนิยายแนวนี้มามากพอสมควร

              ยิ่งไปกว่านั้น นิยายเรื่องนี้ไม่มีจุดหยุดพัก ทุกอย่างเขียนยาวเป็นพรืด ไม่เหมือนงานเขียนทั่วไปที่เราคุ้นเคยกันว่า โอเค บทที่ 1, 2, 3 ... นิยายเรื่องนี้ไม่ใช่แบบนั้นเพราะไม่มีตัวคั่นบท ดังนั้นสิ่งที่เราจะเจอคือกลุ่มก้อนตัวหนังสือที่มองแล้วตาลาย การอ่านอย่างไม่มีจุดพักให้ (เพราะสำหรับบางคน หรือกระทั่งตัวเราเอง มักจะเลือกหยุดอ่านเพื่อทำสิ่งอื่นตอนจบบทแล้ว) ซึ่งอาจทำให้หลายคนท้อถอยเลิกอ่านได้ง่ายๆ เหมือนกัน แต่ตรงนี้นับถือผู้แปล คาดว่าเวลาแปลคงปวดหัวอย่างมาก

              แต่สำหรับใครที่อยากลองลิ้มชิมอะไรใหม่ๆ หรือคุ้นเคยกับสไตล์งานเขียนประเภทนี้อยู่แล้วเราก็จะได้จมกับความรุ่มรวยทางภาษา การสรรหาถ้อยคำมาพรรณา และการขบคิดตั้งคำถามถึงวิถีชีวิตและจริยธรรมความเป็นมนุษย์ (ผู้ถูกเปลี่ยนให้เป็นแวมไพร์โดยที่ไม่ได้ร้องขอ) ไปในขณะเดียวกัน แนะนำให้ลองอ่านทดลองอ่านก่อนได้เพื่อดูว่าตัวเองคลิกหรือเปล่า ที่ >> https://bit.ly/44ray07


    contact me



เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in