*รีวิวนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วน*
I said, maybe you're gonna be the one that saves me
And after all, you're my wonderwall.
จากนี้ไปคงฟังเพลง
Wonderwall ของวง
Oasis ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะอ่านเรื่องนี้จบแล้วอินมาก อ่านจบอารมณ์ไม่จบ สำหรับเราแล้วยกให้นิยายเรื่องนี้เป็น Top3 ในปีนี้ของเราเป็นที่เรียบร้อย
สารภาพว่าตอนแรกที่ประกาศลิขสิทธิ์มาคือเฉยมาก คิดว่าน่าจะผ่านเพราะอ่านเรื่องย่อแล้วไม่รู้สึกอยากตามอะไรขนาดนั้น แต่ลงตัวอย่างให้อ่านก็แวะไปอ่านเสียหน่อย อ่านไปอ่านมากลายเป็นว่าเรารอตัวอย่างตอนต่อไปของนิยายเรื่องนี้ที่อัพแบบวันเว้นวันอย่างไม่รู้ตัว
พอได้ฤกษ์วางขายช่วงงานหนังสือก็เลยสอยมาแล้วลัดคิวเรื่องอื่นๆ ไปหลายเรื่อง พออ่านจบปุ๊บคือไม่เสียใจเลย อ่านจบมีนั่งร้องไห้พักหนึ่ง เปิดเพลง Wonderwall แล้วก็นั่งร้องไห้คนเดียวในห้องตอนบ่ายสองโมงครึ่งของวันที่ 17 ตุลาคม 5555
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ
ลู่เหยียน นักร้องนำวงร็อกใต้ดิน
VENT ที่หน้าตาดี มีเสน่ห์ และมีน้ำเสียงทรงพลัง มานะและพรสวรรค์ในการร้องและแต่งเพลงมีพร้อม แต่สิ่งที่ขาดคือฝีมือกีตาร์ที่ห่วยบรม และการเงินขัดสนต้องยกมือปิดหน้า
ชีวิตปกติก็ดูย่ำแย่พอแล้ว ตอนนี้ยังต้องมาเจอกับวิกฤตการณ์ในวง เพราะวงดนตรีที่ตั้งมาสี่ปีเกิดแตกกะทันหัน มือเบสกับมือกีต้าร์ขอออกจากวงไปทำมาหากินที่บ้านเกิด เหลือแค่ตัวนักร้องนำอย่างลู่เหยียน และมือกลอง
หลี่เจิ้น โดดเดี่ยวยิ่งกว่าเดียวดาย
เงินติดตัวก็ไม่ค่อยจะมี ตึกที่อยู่ก็กำลังเผชิญกับการไล่ที่ แถมยังต้องมองหาสมาชิกใหม่เข้ามาในวง แล้วลู่เหยียนก็ได้เจอกับคุณชายใหญ่
เซียวหัง ผู้มีออร่าคนรวยฉาบไล้เต็มตัว หลังเกิดเรื่องเข้าใจผิดกันไปก็ได้โคจรมาเจอกันเรื่อยๆ กระทั่งในวันหนึ่งที่ฝนตกหนัก ลู่เหยียนตัดสินใจพาคุณชายใหญ่แซ่เซียวชื่อหังผู้หนีออกจากบ้านมาตัวเปล่าแล้วนั่งยองๆ อย่างสิ้นไร้ไม้ตอกกลับไปอยู่ด้วย
เซียวหังจึงกลายมาเป็นเพื่อนบ้านคนใหม่ที่อยู่ห้องตรงข้าม เริ่มต้นใช้ชีวิตดิ้นรนในแบบคนชนชั้นล่าง จากนั้นก็ขยับเข้ามาอยู่ในห้องเดียวกับลู่เหยียนแบบงงๆ
เรื่องราวประมาณนี้ แต่มันก็มีมากกว่านี้ เพราะโดยรวมแล้วมันคือนิยายที่บอกเล่าถึง
การดิ้นรนไปยืนในจุดสูงสุดตามที่หวังของตัวเอกทั้งสองคน พวกเขาปีนบันไดขึ้นไปทีละขั้นๆ เพื่อที่จะได้ยืนมองกันและกันในจุดที่สูงที่สุดของชีวิต ลู่เหยียนนอกจากเป็นนักดนตรีก็ทำงานรับจ้างสารพัดอย่างชนิดที่เราจะคิดไม่ถึงเลยล่ะ บวกความหน้าด้านช่างพูดช่างจำนรรจาแล้วไม่ยากเลยที่จะทำให้เราหลงรัก และเซียวหังเองแรกๆ ดูเป็นลุคคุณชายเย็นชาแต่ความจริงสายกวนโอ๊ยมาก สายหื่นด้วย แต่ถ้าใช้คำจำกัดความที่ดูเหมาะสมหน่อยก็ต้อง...สายซัพ
สองคนนี้ซัพพอร์ตกันดีมาก จนกับจนมาเจอกัน คุณชายเซียวคนนี้ออกจากบ้านมาเพราะตีกับพ่อ ชนิดที่ไม่มีวันกลับไปคืนดีกัน พอออกมาก็ออกมาแต่ตัวของแท้ เงินไม่มี มือถือไม่มี กระทั่งบัตรประชาชนก็ไม่ดี เพราะงั้นงานรับจ้างที่หาทำในช่วงถังแตกจึงมีจำกัด
แต่เราชอบที่พี่แกไม่มีลุคคุณชายเอาแต่ใจเหมือนเรื่องอื่นๆ ก็คือมีความสามารถและรู้ว่าตัวเองถนัดทำอะไร คุณชายเซียวคนนี้ชอบสายเขียนโค้ดสายคอมพิวเตอร์ หลังจากห่างหายมาสี่ปีเพราะพ่อห้ามให้ไปเรียกเศรษฐศาสตร์แทน ตอนนี้เลยกลับมาเคาะสนิมสกิลเก่าอีกหน โดยมีคนที่คอยสนับสนุนคือลู่เหยียน
ส่วนลู่เหยียนต้องบอกว่าล้มลุกคลุกคลานมานานกว่านั้น แบ็คกราวนด์ตัวละครคือเห็นทะเล้นแบบนั้นแต่ชีวิตน่าสงสารมาก ทว่ากลับเป็นคนที่น้อยครั้งจะร้องไห้และไม่เคยยอมแพ้ ภายหลังได้สมาชิกวงเข้ามาเติมเต็มให้วงกลับเป็นวงอีกครั้ง นั่นคือ
ต้าเพ่า มือกีต้าร์ กับ
สวี่เยี่ย มือเบส จากนั้นก็เริ่มต้นโบยบินครั้งใหม่ พร้อมกับความฝันที่ว่าอยากออกจากใต้ดินแล้วขึ้นไปอยู่บนดินดูบ้าง
ความสัมพันธ์ตัวละครในเรื่องมันดีมากจริงๆ อารมณ์ประมาณนิยายของ Wu Zhe แต่มาในแนวขำๆ ฮาๆ คือพระนายซัพพอร์ตกันดีในเวย์ของพวกเขา แต่แบบตบหัวเรียกไอ้ลูกหมา มาหาพ่อมา อะไรแบบนี้ หรือ มาให้เอาหน่อย (?) จะขึ้นเวทีก็ขึ้นไปสิฉันขอขึ้นบนตัวนายก่อน (?) ก็คือเฮ้ยๆๆๆ พี่เซียว 55555 แต่เราชอบคือมันไม่มีดราม่าของสองคนนี้เลยเพราะพวกเขาเหมือนจับมือเดินไปด้วยกัน คอยถามกันว่างานของอีกฝ่ายเป็นยังไง วันนี้ทำได้ดีหรือเปล่า สนับสนุนการตัดสินใจของอีกฝ่าย คอยผลักดันกันและกัน มันโคตรเฮลท์ตี้เลย จะร้องงง
แล้วอีกอย่างที่ชอบคือตัวละครอื่นๆ ในเรื่องไม่จางเลย เรารักพวกเขามากๆๆๆ แต่ละคนมีสตอรี่ของตัวเอง อย่างพวกแก๊งห้องเช่าตึกเดียวกัน หรือพวกนักร้องวงใต้ดินในหลุมหลบภัย แม้จะเป็นตัวประกอบแต่ก็ยังมีการบอกเล่าแบ็คกราวนด์ของพวกเขาว่าเป็นไงมาไง เจอกับอะไรมาบ้าง (อย่างอดีตเพื่อนร่วมวงยังมีซีนซึ้งมาให้ สองหน้าสุดท้ายทำเราน้ำตาแตก)
มันเป็นการให้น้ำหนักตัวประกอบซึ่งการทำแบบนี้มันทำให้เราคนอ่านอินไปกับพวกเขาเหล่านั้น และค่อนข้างใจหายตอนรู้ว่าเนื้อหามันดำเนินมาในหน้าสุดท้าย เพราะเราไม่ได้โบกมือลาแค่กับลู่เหยียนและเซียวหัง แต่เราต้องโบกมือลาตัวประกอบทุกตัวในเรื่องที่เดินทางมากับเรากว่า 880 หน้า อิ่มใจแต่ก็ใจหายอย่างบอกไม่ถูก ในเล่มสองมีการแข่งขันในรายการประกวดด้วย อันนี้ไม่ได้ลงรายละเอียดมากเน้นพูดข้ามๆ แต่เราชอบดูรายการทำนองนี้อยู่แล้ว อารมณ์แบบ
หมิงรื่อ (The Coming One: Superband) อ่านแล้วเลยอินมาก แต่นิยายใช้ประเด็นนี้มาพลิกอีกตลบโดยการใส่ความเป็นนายทุนวงการบันเทิงเข้าไป ซึ่งพอมาคิดมันก็จริงนะ ในแง่ของธุรกิจวงดนตรีในจีนมันสู้พวกไอดอลหรือศิลปินเดี่ยวไม่ได้เลย ส่วนตัวเลยชอบประเด็นนี้มากๆ
แล้วในภาพรวมมันคือการล้มลุกคลุกคลานของคนสองคนในสายงานที่ต่างกันแต่เป้าหมายก็คืออยากประสบความสำเร็จเพื่อกันและกันไง ที่สำคัญมันเรียล อย่างเซียวหังก็เริ่มจากศูนย์ของแท้ ต้องเคาะสนิมสกิลใหม่ เงินไม่มี อุปกรณ์ไม่พร้อม อาศัยยืมคอมพิวเตอร์พังๆ มาเขียนโค้ด ไม่ก็วิ่งไปร้านเน็ต ใช้บุหรี่อัดให้ตัวเองมีสติเพื่อทำงานหาเงินสร้างชื่อเสียงเล็กๆ ให้แบรนด์ตัวเองเป็นบันไดเหยียบขึ้นไปในจุดที่สูงกว่า เหมือนกันกับลู่เหยียน ที่ขอแค่มีโอกาสไม่ว่าอะไรก็สามารถใช้เพื่อโฆษณาให้วงตัวเองได้ แบบกว่าจะประสบความสำเร็จได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ
แอบเสียดายเรื่องน้องชายเซียวหังนิดหน่อย นึกว่าจะมีพูดถึงแต่ว่าไม่มี หายไปเลย ไม่รู้เป็นไงต่อ
ส่วนปกสวยมากกก เข้าใจว่าใช้ปกต้นฉบับ แบบว่ามันดูสบายตาสุดๆ คุณปราณหยกแปลได้อรรถรสมาก ชอบมาก ศัพท์แสงอ่านแล้วได้อารมณ์จริงๆ อย่างพวกพาร์ทต่อปากต่อคำกันเนี่ย แต่ก็มีหลุดๆ มาที่เห็นเด่นๆ คือ 2 จุด:
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in