เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ไปเที่ยวกันจ้าแม่squarrium
เการักที่เกาหลี : พอกันทีทริปที่ต้องจำไปจนตาย!
  • เอาล่ะ ได้เวลาสาธยายทริปเร่งด่วน BKK-Seoul แล้วจ้าา

    นี่เป็นการไปเกาหลีครั้งที่สองของเรา หลังจากที่เคยไปครั้งแรกเมื่อตอนเรียนจบ ด้วยความที่เรียนศิลปะมา ครั้งนั้นยังมีไฟเต็มที่ เพื่อนเลยแพลนไปตระเวนเข้ามิวเซียม แกเลอรี่รอบโซล ครั้งนี้เลยขอเที่ยวกันแบบเพลิน ๆ ที่อื่นบ้าง

    แต่จากการเที่ยวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ กลายเป็นทริปที่จะจำไปจนตายตั้งแต่เริ่มจองตั๋วเครื่องบินครั้งแรก

    เราให้เพื่อนที่เพิ่งจะเคยไปต่างประเทศครั้งแรกจอง และใช่ นี่ก็เป็นการจองตั๋วเครื่องบินครั้งแรกของมัน

    ด้วยความที่ไม่ค่อยได้เจอกัน คุยกันทางไลน์แต่ละทีก็ไม่ได้คืบหน้ามาก เลยไม่ได้ช่วยกันตรวจสอบอะไร พอเห็นว่าตั๋วเครื่องบินถูก ตามสไตล์ทริปคนประหยัดนางก็จองเลยและก็ได้ราคาถูกมาจริง ๆ 

    แต่แม่งดันเป็น Seoul - BKK  BKK - Seoul โว้ย! มึงจองสลับประเทศ!

    สุดท้ายก็ทำเรื่อง Refund และได้เงินกลับมาเต็มจำนวน อะ รอดตัวไป

    ใช่ นั่นมันคือความผีด่านแรกเว้ย ทริปนี้เราเจอความผีหนักมากจนเกือบไม่ได้กลับประเทศ... 

    10 OCT 19

    เราเดินทางด้วยสายการบิน T'Way โลวคอสจากเกาหลี ตอนแรกก็จินตนาการไว้ย่ำแย่กว่านี้ เพราะเป็นลำเล็ก ที่นั่ง 3-3 แต่ว่าเบาะกว้างพอสมควร มีที่เหลือให้ยืดขา แต่น้ำไม่มีให้ซักขวด มาเป็นแก้วกระดาษให้ โอเค ก็โลวคอสอะเนอะ...

    การผ่านตม.ก็คือฉลุยทุกคน ไม่มีปัญหา

    วันแรกที่เราไปถึงก็ยังไม่ได้ทำอะไรมาก เน้นเดินอยู่แถว ๆ ที่พัก คือย่านฮงแด (Hongik University Station) และเริ่มมื้อแรกในเกาหลีด้วยการกินเฝอเวียดนาม.. อื่มม เดินตามป้ายตามกลิ่นขึ้นไป แต่ก็อร่อยดีนะ
    วิวจากที่พัก
    ช่วงเย็นเราเดินเดาสุ่มไปนั่งร้านอาหาร (ซึ่งน่าจะสำหรับสายกับแกล้มเหล้าโดยเฉพาะ) สั่งมั่ว ๆ มา กะจะกินชิลล์ ๆ สรุปได้ต๊อกบ๊กกีมาเป็นหม้อ โอมายก้อดด 

    ช่วงดึกแพลนกันไว้ว่าจะไป Club Brown ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับสถานี Hapjeong เราเลยเลือกจะเดินไปเพราะห่างจากที่พักสถานีเดียว อากาศตอนกลางคืนเย็นมาก ประมาณ 13 องศา แต่ก็ยังทนได้ เดินกันไปเม้ากันไป แล้วก็ไปเมากรุบ ๆ ต่อในคลับ  ด้วยความที่ไปเร็วและคนเกาหลีเที่ยวกันดึกมากกกก ในนั้นเลยคนน้อย แต่ว่าเป็นเพลงสไตล์ฮิพฮอพ ๆ มันส์ ๆ บรรยากาศได้อยู่

    แล้วก็จบวันไปแบบมึน ๆ เดินลากขากลับที่พักนั่นแหละ
  • 11 OCT 19

    แพลนสำหรับวันนี้คือ 하늘공원 (Haneul Park) ที่อยู่แถว ๆ สถานี World Cup Stadium (ซึ่งอย่าเรียกว่าแถว ๆ เลย เดินไกลมากจ้า)

    น่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจใหม่ที่กำลังฮิตของชาวเกาหลีทุกช่วงวัยเลยมั้ง เพราะเห็นตั้งแต่เด็กประถมยันคนแก่ถือของกินและเสื่อไปปูปิกนิกกันบนภูเขาเลย  ส่วนเราขอซื้อตั๋ว Round Trip นั่งรถขึ้น-ลงเขาเลยแล้วกัน เพราะเดินไม่ไหวจริง ๆ (ตั๋วคนละ 4000 วอน)
    ปิดหน้าเพื่อนหน่อย เดี๋ยวมันด่า 555
    ถึงแม้ว่าแดดจะแรงไปหน่อย แต่วิวสวยมาก ๆ ใครไปเกาหลีต้องแวะไปถ่ายรูปหน่อย

    พอกลับมาจากฮานึลพาร์คเราก็ไปแวะหาอะไรกินเล่น ๆ ที่ตลาดกวางจัง ตอนแรกว่าจะกินปลาหมึกดึ๊บ ๆ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้ลองซักที

    ที่ต่อไปสำหรับวันนี้ก็คือ L'atelier เป็นนิทรรศการที่นำงานศิลปะจากศิลปินดัง ๆ ใน Impressionism มาทำเป็นภาพเคลื่อนไหว เนรมิตบรรยากาศตามภาพวาดให้เหมือนกับเราได้เข้าไปอยู่ในนั้นจริง ๆ มี 6 จุดให้เช็คอินด้วยการปั๊มตราปั๊ม (อันนี้เราชอบเป็นพิเศษ เดินหาสนุกมากถึงมันจะหาไม่ยากก็เหอะ) หลาย ๆ จุดก็ว๊าวอยู่เหมือนกัน ถ่ายรูปกันสนุกสนาน แต่เสียอยู่อย่างคือมืดไปหน่อย และมีการบรรยายเป็นภาษาเกาหลี (ซึ่งเราฟังไม่ออก จบ) 

    เสร็จจากนิทรรศการก็เป็นเวลาแห่งการช็อปปิ้งแล้วจ้าาา มาเกาหลีแต่สิ่งที่ว๊าวที่สุดคือ Uniqlo ราคาถูกมาก บางชิ้นลดราคาแล้วเหลือแค่ 250 บาท! เราเลยไปกวาดมาทั้งหมด 5 ตัว ค่าเสียหายแค่ 1,500 บาทเอง อยู่ไทยซื้อกางเกงยีนส์ตัวเดียวก็หมดแล้วจริง ๆ 555555

    ช่วงดึกก็นัดกันไว้ว่าจะไปทัวร์ผับดัง ๆ แถวฮงแด เลยไปนั่งชิลล์หาอะไรกินเพื่อบิ๊วตัวเองก่อน แล้วก็เจอร้านอร่อยที่จำชื่อไม่ได้ แต่ว่าอร่อยมากกก เราสั่งซุปหอยแมลงภู่มากิน กับไก่ชิ้นปิ้ง ตอนแรกไม่คิดว่าจะอร่อย กะมานั่งเม้ากันเฉย ๆ สรุปคือเวิร์คมาก ใครมาเกาหลีแนะนำให้แวะ (แต่จำชื่อร้านไม่ได้นะ 55555555)

    ผับเกาหลีที่เราเข้าไปคือแบบ เหยียบลงไปไม่เจอพื้นอะเอางี้ 55555555555 มีแต่ทิชชู่กับแท่งไฟที่เป็นโฟม สกปรกมากกก อยู่ได้แปปเดียวก็ขอออกก่อนละ 
  • 12 OCT 19

    เป็นอีกวันที่แทบจะไม่เป็นไปตามแพลน เพราะย้ายไปย้ายมา แต่วางไว้ว่าจะไป Heyri Art Walley ซึ่งเป็นที่รวมคาเฟ่ แกเลอรี่ มิวเซียม ร้านอาหาร ต้องนั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่ Hapjeong ขึ้นทางออกที่ 2 แล้วนั่งรถบัสสาย 2200 ไปลงที่ Heyri Art Walley เลย ตอนแรกเราเข้าใจว่านั่งไปแค่ 5 สถานี ที่ไหนได้ มันต้องนั่งเป็นชั่วโมง! ก็คือข้ามจังหวัดเลยนั่นแหละ

    แว๊บแรกที่เข้าไปไอ้เราก็แบบ แม่งจะคุ้มมั้ยว๊าา เพราะนั่งรถนานมาก แล้วมันก็ดูไม่ค่อยมีอะไร แต่พอเดินไปเรื่อย ๆ คืออากาศดีมาก ๆ แล้วก็มีร้านคาเฟ่ที่ออกแบบสวย ๆ ให้ถ่ายรูปเยอะมาก กลายเป็นว่าเรายืดเวลาออกไปเรื่อย ๆ เพราะขี้เกียจกลับ มัวแต่เดินถ่ายรูป ใครจะไปแนะนำให้เผื่อเวลาทั้งวันไปเลย จะได้คุ้ม เพราะเดินไม่หมดแน่นอน 
    ส่วนการเดินทางกลับก็เหมือนตอนมา นั่นคือข้ามไปรอรถสาย 2200 กลับไปที่เดิม แล้วก็นั่งยาวเป็นชั่วโมงเหมือนเดิม

    ช่วงตอนเย็นเราก็แวะไปที่ MMCA (Museum of Modern and Contemporary Art) ซึ่งจะเข้าฟรีหลัง 6 โมงเย็น เราเลยได้เดินไปชมงานศิลปะแบบ Conceptual Art ที่ห่างหายมานาน 

    แล้วก็แวะไปกินข้าวแบบหิวโหยที่ร้านแถว ๆ นั้น ราคาแรง แต่ให้ฟีลเหมือนกินข้าวที่บ้าน คุณยายเจ้าของร้านก็ดูแลเหมือนลูกเหมือนหลาน สั่งข้าว คุยกันแบบงู ๆ ปลา ๆ ไปนั่นแหละ อร่อย แต่ราคาก็แรงด้วยจ้า อากาศตอนนี้หนาวมาก พร้อมกับความห้าวที่ไม่ยอมใส่โค้ทมาเพราะคิดว่าเกะกะ แต่ตัวนี่แทบแข็งตาย จนเพื่อนต้องซื้อเสื้อมาใส่ทับเลยอะ 

  • 13 OCT 19

    วันนี้แพลนไม่มีอะไรมากเลย เราไปเริ่มที่ K Museum of Contemporary Art แถวย่านอัพกูจอง เป็นมิวเซียมที่ต้องเสียค่าธรรมเนียม และต้องเลือกเป็น Exhibition ไปด้วย ไม่ใช่ว่าซื้อแล้วชมได้ทั้งหมด แถมงานก็ไม่เป็นที่ประทับใจอย่างแรง ขอข้ามไปแล้วกัน ...

    อีกที่นึงที่เราหามาตั้งแต่ตอนอยู่ไทยก็คือร้านหนังสือ Storage Book&Film เพราะดูเป็นร้านหนังสือนอกกระแสที่น่าจะมีอะไร แต่เอาจริงก็ท้อตั้งแต่เดินทางละ เรานั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานี Namyeong สายสีน้ำเงินแล้วก็เดินไปที่ร้าน ซึ่งมันไกลมากกกกก เป็นเส้นทางขึ้นเขา ยิ่งเดินยิ่งขึ้นเขา ยิ่งเดินยิ่งใกล้ N Seoul Tower มาก เดินไปเรื่อย ๆ ก็จะพบว่าต้องไปลง Sookmyung Women's University สายสีฟ้าใกล้กว่า... 
    ระหว่างทางไปร้านหนังสือ กับทางขึ้นเขา
    พอไปถึงแล้วก็.. ร้านมันก็เล็ก ๆ ไม่มีอะไรมาก แถมแปลไม่ออก 55555555 คือปกหนังสือมันน่าหยิบทุกเล่มเลย แต่เราแปลไม่ออกนั่นแหละ จบ เลยเดินดูอยู่แปปนึงแล้วก็ออกมาถ่ายรูปเล่นกับเพื่อน ได้วิวก่อนพระอาทิตย์ตกดินไปหนึ่งช็อต ส่วนขากลับเรานั่งรถบัสเลย ถ้าจำไม่ผิดน่าจะสาย 202 ส่งตรงถึงสถานี Namyeong ย่นเวลาไปหลายสิบนาที 

    ไม่เป็นไร คิดซะว่ามาเดินออกกำลังกายเล่น...
    มุมใกล้ร้านหนังสือ เกือบจะถึง N Seoul Tower อยู่แล้ว
    ละด้วยความหงุดหงิดที่ไปร้านหนังสือแล้วไม่ได้อย่างที่คิด เราเลยเดินเล่นหาร้านหนังสือที่ฮงแดอีกรอบ ชื่อ BOOK LiBRO อยู่ในห้าง Lotte Cinema เป็นร้านที่ใหญ่มากกก ได้พื้นที่ทั้งชั้นไปเลย ส่วนเราก็ได้ปกผ้าห่อหนังสือมาหนึ่งอัน

    มื้อเย็นก็ไปจบกันที่ แกเลอรี่หมูดอกไม้ 꽃돼지갤러리 กด ทเวจี แกเลอรี่ (55555555) ร้านนี้คนไทยเยอะมาก เหมือนย้ายจากกรุงเทพมานั่งร้านนี้กันหมดแล้ว เป็นบุฟเฟ่ต์จุก ๆ พนักงานแฮปปี้ไม่ดุ เอาเป็นว่าผ่าน แนะนำจ้า

  • 14 OCT 19

    เริ่มวันใหม่ด้วยการช้อป เราเข้าห้าง AK AND ที่อยู่ใกล้ที่พัก แล้วไปได้รองเท้าราคา 300 กว่าบาทมาจาก SPAO แฮปปี้มาก ทรงคล้าย ๆ คอนเวิสอยู่ แทนกันได้ไม่เขิน

    วันนี้แพลนไว้ว่าเป็นวันแห่งการช้อปปิ้ง เราเลยนั่งรถไฟไปสถานี Ewha Womans University ก่อนถึงมหาลัยมีร้านเครื่องสำอางเยอะมากเหมือนยกมาทั้งประเทศ แล้วก็ไปถ่ายรูปที่ซิกเนเจอร์ของม.เค้า บรรยากาศน่าเรียนมาก 

    พอช่วงเย็นก็ถึงเวลาไปสนามบิน

    นี่แหละ ความพีคมันอยู่ที่ตรงนี้

    เราไปเช็คอินผ่านเครื่อง ซึ่งที่นั่งถูกจองไปหมดแล้ว เรากับเพื่อนได้นั่งแยกกันหมดเลย

    พอเข้าไปถึงเค้าท์เตอร์จะโหลดกระเป๋า

    พนักงานก็แจ้งว่า Booking ที่เราจองไปมันไม่รวมกระเป๋านะ...

    ชิบหาย ...

    ชิบหายของจริงโว้ยยยย

    เรากับเพื่อนเลยถอยออกมานั่งอ่านอีเมลที่จองไว้กับเว็ปเอเจนซี่ ถกกันไป ๆ มา ๆ สรุปแล้วคือมันไม่รวมกระเป๋าจริง ๆ ทางออกคือต้องจ่ายเพิ่มคนละเกือบ 6000 บาท ! 

    เอาตรง ๆ คือหน้าซีดยิ่งกว่าพื้นรองเท้า ซีดจนแบบถ้ามีใครเอามือมาสะกิดนิดนึงกูจะล้มใส่เลยนะ อหหห ซึ่งมันก็ทำอะไรไม่ได้จริง ๆ นะ ในหัวเราตอนนั้นคิดจะหาไปรษณีย์ด้วยซ้ำ หาราคาใหญ่เลย ส่งของจากเกาหลีเข้าไทยเท่าไรวะ ฮือออ

    สรุปแล้วก็นั่นแหละ จ่ายค่าโง่ไป 5600 บาท แงงง ดีที่เพื่อนเรามีบัตร SCB ไปด้วย แลกเงินกันตรงนั้น รูดกันตรงนั้น ไม่งั้นไม่ได้กลับบ้านอะ แงงง

    แล้วแม่งก็วุ่นวายตั้งแต่ตอนนั้น เพราะในช่องสแกนกระเป๋าคนมันเยอะจนล้นออกมาข้างนอก ยืนต่อคิวรอกันจนเกือบขึ้นเครื่องไม่ทัน พอหลุดจากตรงนั้นมาได้คือวิ่งเลย เพราะมันจะไม่ทันแล้ว ต้องนั่งรถไฟเปลี่ยน Terminal อีก แม่งเป็นสุดยอดประสบการณ์ที่ไม่เอาอีกแล้วจ้าแม่ ขอร้อง

    พอขึ้นเครื่องมาได้ก็ถึงเวลาอยู่กับตัวเอง (เพราะนั่งแยกกับเพื่อน อิเวน) จมกับหนังสือที่พกไปด้วย นั่งสงบสติกับเงินที่เพิ่งเสียไปแบบงง ๆ > เล่มนี้ที่ช่วยเราไว้บนเครื่องบิน แง [Review]เกาหลีใต้ที่นอน : รู้จักเกาหลีอีกมุมที่ไม่ใช่นักท่องเที่ยว



    พอถึงไทยทุกคนก็เหมือนโดนสูบวิญญาณ อยากสลบคาพื้นสนามบิน

    แต่ชีวิตต้องเดินต่อ ด้วยความที่เราไม่ได้ลาพักร้อนเพิ่ม ถึงบ้านประมาณตี 2 กว่า วันรุ่งขึ้น 6 โมงเช้าเราก็ต้องตื่นไปทำงานละ

    ลาก่อน ...

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in