Boyfriend
อีมินฮยองถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยของวันเขาหลับตาแล้วค่อย ๆ ลืมขึ้น มือคลำวนอยู่ที่หัวตาด้วยความอ่อนล้า นาฬิกาดิจิทัลบนจอคอมพิวเตอร์บอกเวลาเกือบเจ็ดโมงเช้าแล้ว นี่เขาปั่นงานจนไม่ได้หลับได้นอนอีกแล้วเหรอ
ตระหนักถึงความบ้าพลังของตัวเองแล้วก็ชักหวั่น มินฮยองจัดงานเซฟงานขึ้นไดรฟ์เตรียมนำไปปรินต์ที่ร้านในมหาวิทยาลัย แล้วลางสังหรณ์ของเขาก็เป็นจริงในวินาทีถัดมา
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แน่นอนว่าไม่ใช่เสียงนาฬิกาปลุก
หน้าจอปรากฏชื่ออันคุ้นเคยที่ทำให้เขาต้องถอนหายใจเป็นรอบที่หนึ่งร้อยเอ็ด แต่ก็ยื่นมือไปกดรับทันที
“ว่าไง”
“รับเร็วจัง” ปลายสายทำเสียงประหลาดใจ “อย่าบอกผมนะว่าพี่ยังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืน”
“…”
มินฮยองไม่ตอบ แต่ให้ความเงียบเป็นการยอมรับ
“…” ปลายสายก็เงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง “เดี๋ยวผมไปรับ วันนี้เรียนแปดโมงครึ่งใช่ไหม”
“อืม…”
“อีกครึ่งชั่วโมงเจอกัน”
แล้วสายก็ตัดไป
มินฮยองเกาหัวตัวเอง เห็นทีเขาคงทำอะไรไม่ได้นอกจากอาบน้ำแต่งตัว รอให้คน ๆ นั้นมารับนั่นแหละ
ครึ่งชั่วโมงถัดมารถยนต์สีดำของนาแจมินจอดรถเทียบหน้าหอพักของเขา ตรงเวลาเหมือนที่เคยเป็นมาตลอด
พอมินฮยองเดินเข้าไปใกล้รถ ก็ได้ยินเสียงปลดล็อก เขาเปิดประตูเข้าไปนั่ง เครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำปะทะใบหน้า แจมินประจำอยู่ที่ที่นั่งคนขับ สวมแว่นสายตาและมองตรงไปบนถนนตรงหน้า
“เอ่อ...”
ไม่มีคำทักทายสักคำ
มินฮยองไม่ทันเอ่ยอะไรอีก แจมินก็เหยียบคันเร่งพารถกลับสู่ถนนเส้นหลักมุ่งหน้าสู่มหาวิทยาลัย มินฮยองควานหาเข็มขัดนิรภัยมาคาด ในใจรู้สึกผิดจนไม่กล้าขัดบรรยากาศนิ่งเงียบของคนข้างกายขึ้นมาเลย
ไม่ต้องพูดเขาก็รู้ แจมินโกรธมาก เรื่องที่เขาทำงานจนไม่ยอมหลับยอมนอน
รถแล่นเรื่อยมาจนถึงสี่แยก แจมินจอดรถตามสัญญาณไฟ ส่วนมินฮยองนั่งกุมมือ ไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นบทสนทนาอย่างไร
“วันนี้ส่งงานเหรอครับ”
กลับเป็นคนอารมณ์ไม่ดีที่เริ่มก่อน
มินฮยองละล่ำละลักตอบกลับไป “อื้ม รายงานภาษาอังกฤษ”
“เห็นทำมาตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว เพิ่งเสร็จเอาเมื่อเช้าเหรอครับ”
“…”
รู้สึกเหมือนโดนอาจารย์ดุอยู่เลยอะ
มินฮยองเจ็บปวดใจเหลือเกิน แต่ทำได้แค่ยิ้มแห้ง ๆ
“ก็...ฉันหัวแล่นตอนกลางคืนนี่นา”
แจมินไม่พูดอะไรอีก สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว รถจึงทะยานสู่มหาวิทยาลัยต่อไป
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงมหาวิทยาลัยแจมินจอดรถในที่ประจำใกล้กับคณะของพวกเขา ทว่าเมื่อดึงเบรกมือขึ้น กลับยังไม่ดับรถ
มินฮยองหันไปทำหน้างงใส่คนอายุน้อยกว่า
“ไม่รีบขึ้นไปเรียนเหรอ”
“อีกตั้งชั่วโมง พี่จะไปเปิดห้องเรียนหรือไง”
“ก็จะไปปรินต์งาน...”
“ผมโกรธ”
แจมินโพล่งขึ้นมา ก่อนจะเบนสายตามามองเขา
แม้จะคบกันมาได้หลายเดือนแล้ว แต่สายตาของนาแจมินก็ยังคงเป็นสิ่งที่มินฮยองไม่อาจต้านทานได้ เคยมีคนบอกเขาว่า เสน่ห์ของแฟนหนุ่มของเขาคือรอยยิ้มและนัยน์ตา ก่อนหน้านี้มินฮยองไม่เคยเชื่อเลย จนมาเจอกับตัวเองจึงได้ตระหนักว่า สายตาของแจมินไม่ได้แค่เต็มไปด้วยเสน่ห์ล้นเหลือ แต่ยังสร้างแรงกดดันมหาศาลให้กับคนที่เขาไม่พอใจได้ด้วย
ปกติมินฮยองไม่เคยได้รับสายตาเช่นนี้ ยกเว้นตอนที่เขาดื้อมากจริง ๆ
“ขอโทษ...” เขาพูดเสียงอ่อน
“รู้ใช่ไหมว่าผมโกรธเรื่องอะไร”
“เรื่องที่ไม่ดูแลตัวเอง”
“ผมบอกกี่รอบแล้ว ทำไมพี่ชอบฝืนตัวเองแบบนี้ แล้วจะเรียนรู้เรื่องได้ยังไง”
มินฮยองหน้ามุ่ย เถียงอะไรไม่ออกสักคำ ยิ่งเห็นสายตาดุ ๆ ใต้กรอบแว่นของแจมินบวกกับความง่วงจากการนอนไม่พอ เขาจึงทำได้แค่นั่งเงียบ ๆ
แจมินถอนหายใจ ก่อนจะเอี้ยวตัวไปเบาะหลัง ควานหาอะไรบางอย่างมายื่นให้เขา
มินฮยองมองของตรงหน้าอย่างประหลาดใจ
“ดื่มก่อนขึ้นไปเรียน ข้าวพี่ก็ยังไม่ได้กิน ผมซื้อคิมบับไว้ให้ในนี้” ถุงพลาสติกจากร้านสะดวกซื้อถูกยื่นมาให้ “กินด้วยนะ ถ้าไม่กินผมโกรธจริง ๆ ด้วย”
“…นี่ก็โกรธอยู่ไม่ใช่หรือไง”
“มินฮยอง”
แจมินเรียกเขาเสียงเข้ม จนเจ้าของชื่อได้แต่ยิ้มแห้งใส่ แล้วรับของพวกนั้นมาด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างแท้จริง
“ขอบคุณมากนะ”
“ถ้าพี่ไม่มีแฟนแบบผมนี่คงแห้งตายคาหอไปแล้ว”
“จ้า แจมินเป็นแฟนที่ดีที่สุดเลย”
พอเขาพูดแบบนั้น แจมินก็หลุดรอยยิ้มเล็ก ๆ ออกมา ทำเอามินฮยองยิ้มตาม
“หายโกรธแล้วนะ”
“พี่ก็อย่าดื้ออีกแล้วกัน”
มินฮยองไม่กล้ารับปาก และแจมินก็รู้ดีด้วยว่าเขาไม่มีทางทำเช่นนั้นได้ ตารางชีวิตการทำงานของมินฮยองไม่ค่อยเหมือนชาวบ้าน มีไอเดียตอนดึก ปั่นงานข้ามคืน แล้วแหกตาไปเรียน เสร็จแล้วค่อยกลับมานอนตอนกลางวัน ใช้ชีวิตเป็นค้างคาวไปได้
“เช้านี้แจมินก็มีเรียนใช่ไหม”
แต่แจมินกลับส่ายหน้า “มีตอนบ่ายครับ พี่เลิกเรียนแล้วบอก เดี๋ยวมารับไปกินข้าว แล้วไปส่งนอนที่หอ”
มินฮยองพยักหน้ารับ ทำท่าจะเปิดประตูออกไปแล้ว แต่แจมินคว้าข้อมือเขาไว้ก่อน
มินฮยองกะพริบตาปริบ ๆ ใส่ “อะไร”
แจมินยิ้มหวานใส่เขาขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย และมินฮยองรู้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้น
คนอายุน้อยกว่าเคลื่อนหน้ามาใกล้แล้วกดจูบเบา ๆ ลงบนริมฝีปากเขา เป็นจูบที่เหมือนการทักทายกึ่ง ๆ จะหยอกล้อ ใช้เวลาไม่นานก็ผละออกไป
“ตั้งใจเรียนนะครับ”
มินฮยองพยักหน้ารับ พึมพำเสียงเบาว่า “นายด้วย” แล้วรีบหอบข้าวของพร้อมกับหน้าร้อน ๆ ของตัวเองลงจากรถไป
เมื่อเขาหันหลังกลับมามองรถของแจมิน มินฮยองก็อ้าปากค้าง
…รถแจมินฟิล์มใสจนเห็นรอยยิ้มกว้างที่ประดับอยู่บนหน้าของเจ้าของรถอย่างชัดเจน
ไม่ต้องเดาเลยว่าเหตุการณ์เมื่อครู่จะมีใครเห็นไปแล้วบ้าง
โอ๊ย นาแจมินนนนนนนนนนน!!!
มินฮยองได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจ
FIN
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in