เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
EVERY SINGLE PIECE OF YOU MAKES ME FALLa week before valentine
[JOHNNY/JAEHYUN] And I Cannot Wait to See You Again Really Soon
  • Title: And I Cannot Wait to See You Again, Really Soon.

    Rating: PG-15

    Fandom: NCT

    Categories: M/M

    Relationship: JOHNNY/JAEHYUN

    Characters: JOHNNY, JAEHYUN, DOYOUNG, TAEYONG (mentioned)

    Note:

    • ในจักรวาลสมมุติที่เกาหลีใต้ยังมีราชวงศ์
    • ถ้าราชาศัพท์ผิดไปบ้างก็... *พนมมือ*

     

    ––––––––––

     

    รถยนต์แล่นผ่านอาคารสูง แสงไฟสะท้อนเข้ามาในรถเป็นสีสันต่าง ๆ อยู่บนฝ่ามือขาว แจฮยอนมองแสงสีที่สลับไปมาในมือขณะที่หูฟังคำพูดมากมายที่ออกมาจากปากของชายที่นั่งข้างคนขับราวกับกำลังอ่านบทละคร

    “ทั้งหมดก็ประมาณนี้กระหม่อม ไม่มีอะไรมาก หลัก ๆ แค่ต้องทรงเป็นประธานเปิดงานและกล่าวสุนทรพจน์เล็กน้อย แล้วก็ทอดเนตรการแสดงเปิดงาน” ว่าพลางยื่นแผ่นรองเอกสารสีน้ำเงินเข้มให้เขา “นี่สคริปต์กระหม่อม”

    แจฮยอนรับมันไป กวาดสายตาอ่านเพียงเล็กน้อยพอให้เข้าใจใจความหลักของข้อความทั้งหมด ก่อนจะส่งคืนเลขาฯ ของตน

    “มีแขกที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษไหม”

    “ทูลองค์ชาย จอห์นนี่ ซอ รัฐมนตรีจากสหรัฐอเมริกาจะมาร่วมงานนี้ด้วยกระหม่อม”

    “ตัวแทนของทางนั้นหรือ”

    “พะย่ะค่ะ”

    เขาพยักหน้ารับ หันกลับไปสนใจทิวทัศน์ด้านนอกต่อ ก่อนจะหลุดยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงใบหน้าของคนที่ไม่ได้เจอกันนานกว่าสองปี

    จอห์นนี่ ซอ ตอนนี้ก็เป็นรัฐมนตรีสมใจแล้วสินะ

     

     

    ––––––––––

     

     

    แจฮยอนเป็นเจ้าฟ้าชาย หากระบุให้ชัดเจนกว่านี้ เขาคือพระอนุชาของรัชทายาทองค์ปัจจุบัน เจ้าฟ้าชายแทยง ที่ตอนนี้ติดราชการที่ต่างประเทศทำให้มาร่วมพิธีเปิดงานในวันนี้ไม่ได้ เขาจึงต้องมาแทน

    พสกนิกรทั่วไปทราบดีกว่านานทีปีหนเจ้าฟ้าชายแจฮยอนจะเสด็จ เพราะปกติเขาชอบอยู่แต่ในวัง ไม่อย่างนั้นก็บินไปใช้ชีวิตเยี่ยงปุถุชนที่ประเทศแถบยุโรปหรือฝรั่งเศส แต่เพราะช่วงนี้ท่านพี่ไม่อยู่จึงต้องมารับหน้าทำงานแทนให้สมฐานะ

    และคงเพราะเขาไม่ค่อยได้ออกงาน ประชาชนที่มารอรับเสด็จวันนี้จึงมากกว่าที่คิดไว้

    “เราวางระบบรักษาความปลอดภัยไว้หมดแล้วกระหม่อม อย่างทรงกังวลเลย”

    เขาพยักหน้ารับ แต่ในใจไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นแม้แต่น้อย ตัวเขาเป็นเพียงองค์ชายลำดับที่สอง จะมีอะไรให้น่าสนใจเมื่อเทียบกับรัชทายาทลำดับที่หนึ่งที่ตอนนี้ไม่อยู่กัน

    ประตูรถเปิดออก แจฮยอนก้าวลงจากรถขณะที่มือข้างหนึ่งยกขึ้นกลัดกระดุมสูทโดยอัตโนมัติ เขากวาดสายตามองผู้คนมากมายพอเป็นพิธี ยิ้มเล็กน้อย โบกมือด้วยองศาที่ถูกฝึกมาตลอดชีวิต ก่อนจะก้าวเท้าเร็ว ๆ ตามเจ้าหน้าที่เข้าสู่อาคาร มีองครักษ์ล้อมหน้าล้อมหลังจนชวนปวดหัว

    แม้อยากจะถอนหายใจใส่สถานการณ์ตรงหน้าเต็มทน แต่ก็ทำได้เพียงรักษาท่าทางนิ่งเฉยเสมือนว่าไม่มีสิ่งใดกระทบอารมณ์ให้สั่นสะเทือนได้ เขาพยักหน้ารับการถวายความเคารพของบรรดาเจ้าหน้าที่ แล้วตรงเข้าสู่ห้องรับรองที่เตรียมไว้ให้ตามหมายกำหนดการ

    ทันทีที่เขานั่งลงในห้อง ราชเลขาฯ คิมก็ยื่นแผ่นรองเอกสารหน้าตาคุ้นเคยมาให้เขาอีกครั้ง

    “ทวนอีกรอบกระหม่อม”

    “เราจำได้แล้วน่า”

    “จะได้ไม่ทรงตื่นเต้น”

    “พี่โดยอง” เขาถอนหายใจ “เราไม่ตื่นเต้นไปมากกว่านี้แล้วล่ะ”

    คิมโดยองยิ้มเล็กน้อย แลเห็นความเอ็นดูในแววตา แต่ก็ไม่ได้ดึงเอกสารกลับไป เขาจึงเปิดมันขึ้นมาอ่านอีกรอบเพื่อความสบายใจของคนข้าง ๆ และไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่านเกินไปนัก

    รอเวลาไม่ถึงห้านาที ได้จิบน้ำเล็กน้อยไม่ให้คอแห้งเกินไป ก็มีเจ้าหน้าที่มาเชิญเขาออกไปตามกำหนดการ แจฮยอนไม่ต้องมองนาฬิกาก็ได้ยินเสียงขานเวลาเบา ๆ จากราชเลขาฯ คิม เขาพยักหน้ารับ ยืดตัวตรงแล้วเดินออกไปตามเจ้าหน้าที่

    เส้นทางสู่ปะรำพิธีไม่ได้ไกลมากนัก เมื่อพ้นม่านบังไปคือเวทีขนาดพอจะจุวงออร์เคสตราวงใหญ่ได้สักวง ที่นั่งทุกชั้นอัดแน่นด้วยผู้คนมากมายที่มาเข้าร่วมงาน ต่างยืนรอรับเขาและมองตรงมาที่เวที แจฮยอนตรงไปที่โพเดียมยกพื้นตรงกลาง รับแผ่นรองเอกสารจากเจ้าหน้าที่ที่มาถวายให้ ก่อนจะเริ่มอ่านแต่ละบรรทัดและเงยหน้ามามองผู้คนมากมายตรงหน้าบ้างตามวิธีการพูดในที่ประชุมชุนที่เคยร่ำเรียนมา

    “ในการนี้ เราในฐานะตัวแทนของพระบิดา สมเด็จพระเจ้า... และเจ้าฟ้าชายแทยง รัชทายาทลำดับที่หนึ่งแห่งราชวงศ์ ขอเปิดงาน xxx ณ บัดนี้”

    เขาปิดแผ่นรองเอกสาร รับถุงมือที่มีเจ้าหน้าที่มาถวายมาสวม ก่อนจะรับกรรไกรไปตัดริบบิ้นเปิดงาน ขณะที่ตัดก็ยืนนิ่งไว้ชั่วขณะเพื่อให้ได้ภาพที่ออกมาดูดีที่สุด ทุกอย่างเป็นไปอย่างลื่นไหลเช่นหลาย ๆ งานที่เขาเคยทำมาแล้ว

    ก่อนที่แจฮยอนจะหันไปเห็นชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือ

    เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลที่ไม่ได้เห็นมานานยิ้มให้เขาเล็กน้อย แจฮยอนอยากยิ้มตอบ แต่ทำได้เพียงกะพริบตาใส่หนึ่งครั้งเป็นอันว่ารับรู้ อีกฝ่ายดูราวกับจะหลุดขำ แต่ก็ยังคงรักษาสีหน้าและท่าทางไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม สมเป็นรัฐมนตรีคนเก่งของประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา

    หลังจากถ่ายภาพเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ก็มาเชิญเขาไปนั่งที่ที่นั่งแถวหน้าสุด แจฮยอนอาศัยจังหวะคว้าแขนราชเลขาฯ ไว้

    “ราชเลขาฯ คิม”

    โดยองหันมามองเขา “กระหม่อม”

    “เราอยากคุยกับรัฐมนตรีจากสหรัฐฯ ท่านนั้น” เขาพูดแค่นี้ อีกฝ่ายก็พยักหน้าเข้าใจ

    “สงวนท่าทีด้วยนะกระหม่อม ในทางการเมือง”

    เขาพยักหน้ารับ นึกอยากยิ้มขำกับความห่วงใยภาพลักษณ์ของอีกฝ่าย แต่เข้าใจว่าด้วยหน้าที่การงาน

    และด้วยการจัดการของคิมโดยอง เขาก็ได้มานั่งใกล้กับจอห์นนี่ ซอ ในแบบที่หันไปทางซ้ายก็เจออีกคนเลย

    “จะดีเหรอกระหม่อม”

    คือคำทักทายแรกที่จอห์นนี่พูดกับเขา

    แจฮยอนเลิกคิ้ว ไม่ได้หันไปมองคนพูดเพราะกำลังสนใจกล้องที่จับจ้องตัวเองอยู่

    “หมายถึงยังไงครับ”

    “มานั่งกับรัฐมนตรีจากสหรัฐฯ อย่างผม จะมีปัญหาทางการเมืองหรือเปล่า”

    เขาหลุดยิ้ม แสร้งทำเป็นยิ้มให้คนอื่นเป็นปกติ ไม่ให้ใครรู้ว่ากำลังจะหลุดขำเพราะคำพูดของคนข้าง ๆ

    “ไม่หรอกครับ ผมไม่ใช่คนสำคัญขนาดนั้น”

    “แต่ทรงเป็นถึงรัชทายาทลำดับที่สอง” จอห์นนี่ ซอ หันมามองเขาพร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก “เจ้าฟ้าชายแจฮยอน มีพระปฏิสันถารกับคนของอเมริกา อาจจะนำไปสู่เรื่องอื้อฉาวได้นะกระหม่อม”

    “ทำหน้าที่รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศได้ดี แต่อย่าห่วงเลยครับ ที่นี่เกาหลีใต้”

    จอห์นนี่ยิ้ม ขณะที่การแสดงเริ่มขึ้น

    แม้สายตาของทั้งสองจะมองอยู่ที่เวที แต่ก็มิวายหันมามองคนข้าง ๆ เป็นพัก ๆ พร้อมกับบทสนทนาเบา ๆ ที่เกิดขึ้นให้ได้ยินเพียงสองคน

    “ไม่เจอกันนานนะครับ”

    “สองปีได้หรือเปล่า”

    “หลังจากจบจากอ็อกซ์ฟอร์ด ก็ไม่เจอกันอีกเลย”

    “จะติดต่อก็ยาก ทรงเป็นถึงพระบรมวงศานุวงศ์ แค่จะส่งเมลไปหายังคิดแล้วคิดอีกเลยกระหม่อม”

    “คุณก็พูดเกินไป” เสียงเพลงที่ดังขึ้นทำให้แจฮยอนต้องเอี้ยวตัวไปหาอีกฝ่ายเพิ่ม “เราตามข่าวคุณอยู่ตลอดนะ ผ่านหนังสือพิมพ์กับหน่วยข่าวกรอง”

    “ก็แย่น่ะสิ ทำไมไม่ติดต่อหม่อมฉันโดยตรง”

    “ให้สายตรงเข้าทำเนียบไปหาท่านรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกาหรือ ยิ่งใหญ่เกินไปไหมครับ”

    จอห์นนี่ยิ้ม ชัดเจนว่าเกือบจะหลุดขำกับคำพูดของเขา

    “คุยกันที่นี่ลำบากจริง ๆ นะกระหม่อม”

    “เราจะบินไปชิคาโกสัปดาห์หน้า เจอกันได้ไหม”

    “หม่อมฉันจะแจ้งราชเลขาฯ คิมให้”

    “แล้วหลังจากนี้”

    “ดูจะทรงมีเรื่องอยากคุยกับหม่อมฉันเยอะเหลือเกินนะกระหม่อม”

    แจฮยอนยิ้มบ้าง เหลือบมองการแสดงบนเวทีพอให้ไม่ดูมีพิรุธเกินไปก่อนว่า

    “ได้พบปะเพื่อนเก่าที่ไม่เจอกันมานานสองปี เราก็มีเรื่องมากมายที่อยากคุยด้วยเป็นธรรมดา”

    เพื่อนเก่า? หม่อมฉันเป็นสหายของพระองค์ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนี่”

    แจฮยอนเหลือบมองคนพูดเล็กน้อย จอห์นนี่ยังมีท่าทีเรียบเฉยไม่แสดงอาการอะไรนอกจากยิ้มตามมารยาทเช่นที่เป็นมาตลอดงานพิธี

    “เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องที่ควรคุยกันตรงนี้”

    “สี่ทุ่ม ที่โรงแรม A” จอห์นนี่เอี้ยวตัวมาพูดกับเขาเสียงเบา “ห้อง 1402”

    แจฮยอนจดจ้องนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนนั่นอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่จอห์นนี่จะผละออกไป

    การแสดงจบลงพร้อมกับเขาที่ต้องออกจากงานเป็นคนแรก แจฮยอนมองจอห์นนี่ที่โค้งให้เขา ก่อนจะเดินตามราชเลขาฯ ออกไป

     

     

    ––––––––

     

     

    รถยนต์จอดสนิทหน้าโรงแรม A คิมโดยองส่งเสื้อคลุมให้เขาพร้อมกับหมวกและแว่นตากรอบเล็ก เมื่อก้าวเข้าไปในโรงแรมก็เป็นโดยองที่พุ่งไปที่เคาท์เตอร์และแจ้งแก่พนักงาน

    แจฮยอนไม่ได้ยินที่ทั้งสองคุยกัน แต่หลังจากนั้นโดยองก็เดินมาบอกเขาว่าจะพาไปที่ห้องดังกล่าว แจฮยอนเดินขึ้นลิฟต์ตามโดยองมา เมื่อลิฟต์ปิดลงอีกฝ่ายก็หันมาถอนหายใจใส่เขา

    “แจฮยอน เธอนี่มัน”

    เขากลับมาเป็นแจฮยอน เด็กน้อยตัวแสบของพี่โดยองคนเดิม พอได้ยินอีกฝ่ายเรียกชื่อเขาตรงแบบนี้ แจฮยอนก็ยิ้มเผล่ใส่อีกคน

    “ไม่ได้เจอคุณจอห์นนี่ตั้งนาน เห็นใจกันบ้างสิ”

    เลิกกันไปแล้วไม่ใช่หรือไง”

    แจฮยอนพรูลมหายใจ

    “ไม่เคยเลิกกันสักหน่อย แค่ห่างกันไปเท่านั้น เราจะมาคุยเรื่องนี้ด้วย”

    “คืนเดียวเนี่ยนะ?”

    “อาทิตย์หน้าจะไปชิคาโก ท่านพี่กลับมาพอดี”

    โดยองกลอกตา “ไม่คิดจะอยู่เจอกันหน่อยหรือไง”

    “ก็เจอกันหนึ่งวันแล้วเราก็บินไง แป๊บเดียวน่า”

    โดยองถอนหายใจ น่าจะกำลังรู้สึกว่า 14 ชั้นมันยาวนานเหลือเกิน

    “แจฮยอนเป็นองค์ชายนะ”

    “ท่านพี่ไม่เคยห้ามเราเรื่องนี้” เขาว่า “คนที่เราปรึกษาตลอด นอกจากพี่โดยองก็คือท่านพี่ ดังนั้นอย่ากังวลเลย ต่อให้เราย้ายไปอยู่อเมริกาก็ไม่มีปัญหาหรอก”

    “…”

    “เราไม่ใช่คนสำคัญขนาดนั้น”

    โดยองขมวดคิ้ว คว้ามือเขาไปจับ

    “แจฮยอน อย่าพูดแบบนั้นอีก”

    เขามองมือที่อีกฝ่ายคว้าไว้อย่างแปลกใจ ก่อนที่ประตูลิฟต์จะเปิดออกพอดี

    “จะกลับวังไหม”

    “คงไม่” เขาว่า “พี่เปิดห้องไว้เลยก็ได้ แล้วส่งข้อความมาบอกเรานะว่าห้องไหน”

    โดยองพยักหน้ารับ แต่ยังเปิดประตูลิฟต์ค้างไว้

    แจฮยอนตรงไปที่ห้อง 1402 เขาเคาะประตูเพียงสองครั้ง พอประตูเปิดออกและเห็นคนข้างใน ก็หันไปโบกมือให้โดยอง จนประตูลิฟต์ปิดลง

    จอห์นนี่ ซอ ยืนยิ้มกว้างอยู่ตรงหน้าเขา

    “เข้ามาสิ”

    “ไม่เกรงใจแล้วนะครับ”

    แจฮยอนก้าวเข้าไปในห้องนั้น ได้ยินเสียงกลอนประตูล็อกอัตโนมัติ ก่อนจะสัมผัสได้ถึงแรงกอดรัดจากด้านหลัง

    “คิดถึงจังเลย”

    อีกฝ่ายว่า ฝังจมูกลงบนกลุ่มผมของเขา แจฮยอนดันอีกคนออกก่อนจะเอี้ยวตัวไปสบตากันตรง ๆ

    “ขอโทษที่ไม่ได้ติดต่อไปเลยนะครับ”

    “ไม่เป็นไรครับ” จอห์นนี่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นลูบแก้มเขาเบา ๆ “พี่เข้าใจ”

    เมื่อคำพูดนั้นจบลง แจฮยอนก็ยื่นหน้าเข้าไปหาอีกฝ่าย ประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากรูปปีกนกที่เขาโหยหามานาน

    สองปี ระยะเวลาอันยาวนานที่เขาไม่ได้พูดคุยหรือติดต่อกับจอห์นนี่ คนรักคนแรกและคนเดียวในชีวิตของเขาเลย ด้วยฐานะทางสังคมที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วทำให้แจฮยอนต้องปิดบังเรื่องพวกนี้ให้พ้นหูพ้นตาทุกคน ยกเว้นเพียงแค่ท่านพี่แทยงและพี่โดยองเท่านั้นที่รู้เรื่องพวกนี้มาตลอดในฐานะที่ปรึกษา แม้จะถูกคัดค้านในคราแรกที่เอ่ยปากเล่าเรื่องพวกนี้ให้โดยองฟัง แต่หลังจากนั้นพี่โดยองคงเห็นว่าความสัมพันธ์ของเขากับจอห์นนี่คงไม่อาจมีอะไรตัดพวกเขาขาดได้

    ระยะเวลาสองปีที่ห่างกันไป คือจอห์นนี่ที่ไต่เต้าตามฝันตัวเองจนได้เป็นรัฐมนตรีสมใจ ส่วนเขาก็อยู่เงียบ ๆ เป็นเจ้าชายผู้เชื่อฟัง รอวันที่ท่านพี่กลับมาและจะได้ปล่อยให้เขาทำตามที่ตัวเองอยากเสียที

    เราต่างดูดดึงริมฝีปากกันไปมาราวกับคนอดอยาก แขนจอห์นนี่โอบรอบเอวเขาแน่นราว ขณะที่สองแขนของแจฮยอนคล้องคออีกฝ่ายไว้ราวกับกลัวตกจากที่สูง เมื่อผละออก คำถามแรกของจอห์นนี่ไม่พ้นเรื่องฐานะของเขา

    “องค์รัชทายาทว่าอย่างไรบ้าง”

    “เราคงต้องคุยเรื่องนี้กันยาวเลยล่ะครับ” เขายิ้ม กดจูบลงบนปลายจมูกอีกคน “แต่เรามีเวลาทั้งคืนเลยคุณอยากฟังไหม”

    จอห์นนี่พยักหน้ารับ ก่อนที่เราจะพากันไปล้มตัวลงบนเตียงนอนหลังใหญ่

    คืนนั้น กว่าที่เรื่องราวทั้งหมดจะถูกเล่าจนหมด แจฮยอนก็แทบไม่เหลือเสียงไว้พูดอะไรอีกแล้ว

     

     

    ––––––––––

     

     

    เขาถูกปลุกด้วยกลิ่นของอเมริกาโน่ที่อวลอยู่ในห้อง

    มันเป็นกลิ่นที่เขาคุ้นเคยดี ตั้งแต่กลับจากอังกฤษ แจฮยอนมักให้คนเข้ามาเสิร์ฟอเมริกาโน่ให้เขาเสมอ แม้เขาจะไม่ชอบดื่มมันเลยก็ตาม แต่จุดประสงค์ของการมีอเมริกาโน่สำหรับเขาไม่ใช่เพื่อกิน แต่เพื่อให้ได้กลิ่น เพื่อให้นึกถึงจอห์นนี่

    ตอนที่ลืมตาขึ้นมาเห็นแผ่นหลังเปลือยเปล่าพิงหัวเตียง มือข้างหนึ่งถืออเมริกาโน่ มืออีกข้างถือพลิกหน้าหนังสือพิมพ์ นัยน์ตาสีน้ำตาลทองใต้กรอบแว่นกวาดมองตัวอักษรไปมา แจฮยอนถึงกับต้องหลับตาแล้วลืมตาขึ้นมามองอีกครั้ง เพราะกลัวว่าตัวเองจะฝันไป

    “…เราอยากให้เป็นแบบนี้ทุกวันเลย”

    จอห์นนี่หันมามองเขา มือผละจากหนังสือพิมพ์มาลูบผมเขาเบา ๆ ขยี้ไปมาเหมือนมันเขี้ยว

    “ตื่นแล้วเหรอครับ”

    “เจ็บคอมากเลยคุณ”

    “เดี๋ยวชงอะไรอุ่น ๆ ให้นะ โกโก้ไหม”

    “ตอนนี้ขออเมริกาโน่ก่อนได้ไหม”

    เขาไม่พูดเปล่า ยันตัวเองขึ้นมายื่นหน้าไปหาอีกฝ่ายอย่างหยอกเย้า จอห์นนี่ยิ้ม กดริมฝีปากมาให้เขาได้ลิ้มรสอเมริกาโน่ตั้งแต่เช้า

    เมื่อผละออกจากกัน แจฮยอนแกล้งแลบลิ้นใส่คนตรงหน้า

    “หวานกว่าที่เคยกินปกตินะ”

    “คุณนั่นแหละที่หวาน”

    เขายิ้มรับมุกเสี่ยวนั่น ก่อนจะลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้า

    “วันนี้คุณไปไหนหรือ”

    เขาชะโงกหน้าจากห้องน้ำมาถามคนที่ยังนั่งอยู่บนเตียง จอห์นนี่ถอนริมฝีปากจากแก้วกาแฟมาตอบเขา

    “คงไปสถานทูตนั่นแหละ คุณจะกลับยังไง”

    “เราจะโทร.หาพี่โดยอง”

    “ให้ผมอยู่รอไหม”

    “คุณมีนัดกี่โมง”

    “บ่าย ๆ เลย”

    แจฮยอนเกาะประตู โอดครวญเหมือนเด็กเล็ก ๆ

    “อยากไปเที่ยวกับคุณจัง เกาหลีใต้คือประเทศแห่งคู่รักเลยนะ”

    “ถ้าคุณไม่ใช่เจ้าฟ้าชายแจฮยอนล่ะก็นะ”

    คนเป็นเจ้าชายมุ่ยหน้าใส่อีกฝ่าย ก่อนจะแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วออกมานั่งข้างเตียง

    “อาหารเช้าที่นี่อร่อยไหมครับ”

    “ผมไม่เคยกินเลย คุณอยากกินอะไร”

    “คุณสั่งให้หน่อยสิ ผมกินหมดแหละ”

    จอห์นนี่ส่ายหน้าขำ ๆ ยกมือมาบีบแก้มเขาเบา ๆ แล้วยกหูโทรศัพท์สั่งอาหารเช้ามากิน

    แจฮยอนมองนาฬิกา ใกล้จะสิบโมงแล้ว เขาส่งข้อความหาโดยอง บอกว่าให้มารับตอนสิบเอ็ดโมง

    “คุณกลับชิคาโกวันไหนครับ”

    จอห์นนี่ที่วางสายหันมาหาเขา

    “พรุ่งนี้ก็กลับแล้วครับ”

    แจฮยอนถอนหายใจ “เราต้องคิดถึงคุณมากแน่เลย”

    “เดี๋ยวก็เจอกันแล้วไง คุณบอกผมนี่ว่าจะไปหาอาทิตย์หน้า”

    เขาพยักหน้ารับ ก่อนจะเข้าไปกอดคนตัวใหญ่กว่า ซุกหน้าลงกับแผงอกกว้าง

    “อยากมีคุณอยู่ด้วยทุกวันเลย”

    “ผมไม่คิดว่าคุณจะติดผมขนาดนี้เลยนะ”

    “ทำยังไงได้” แจฮยอนพึมพำกับแผ่นอกนั้น “เราไม่มีคุณอยู่ด้วยมาตั้งสองปี พอกลับมาเจอกันที ที่เคยอดทนไว้ก็พังทลายหมดเลย”

    “แล้วจะกลับไปเป็นเจ้าชายแจฮยอนสุดหล่อของประชาชนได้ไหมเนี่ย”

    แจฮยอนผละใบหน้าออกมาเงยมองเขาทันที

    “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”

    “ตอนนี้คุณเหมือนแมวเลยนะ”

    เขาเขยิบออกไปนั่งห่างอีกฝ่ายหน่อย ยืดตัวตรง รักษากิริยาเหมือนเวลาออกงาน ก่อนจะเหลือบมองคนข้าง ๆ

    “แบบนี้ล่ะ?”

    “เหมือนที่งานเมื่อวาน”

    แจฮยอนยิ้มขำ

    “ตอนคุณออกมายืนตรงโพเดียม เหมือนเป็นอีกคนที่ผมไม่รู้จักเลย เพิ่งเคยเจอคุณตอนทำงานนี่นะ”

    “ดูไม่น่าเข้าใกล้เลยใช่ไหม”

    “ใครว่าล่ะ”

    จอห์นนี่ผลักเขาให้นอนราบกับเตียง ก่อนจะวาดแขนคร่อมเขาไว้

    “สำหรับผมแล้ว มันมีเสน่ห์มาก ๆ เลยต่างหาก”

    แจฮยอนยิ้ม ก่อนจะหลับตารับจุมพิตลึกซึ้งของอีกฝ่ายที่ประทับซ้ำไปมาราวกับไม่อยากผละจากกัน

     

     

    ––––––––––

     

     

    เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น จอห์นนี่เป็นฝ่ายไปเปิดประตู

    “สวัสดีครับ ท่านรัฐมนตรีซอ” คิมโดยองโค้งให้เขา “ผมมารับ––”

    ไม่ต้องรอให้โดยองพูดจบ แจฮยอนก็โผล่หน้าไปทันที เขายิ้มกว้างให้ผู้ปกครองของตน ก่อนจะหันมาหาจอห์นนี่อีกครั้ง

    “แล้วเจอกันนะครับ”

    จอห์นนี่คว้าหลังมือเขาไปจุมพิต

    “เดินทางปลอดภัยกระหม่อม”

    แจฮยอนจดจ้องสัมผัสที่หลังมืออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจยื่นใบหน้าไปกดจูบข้างแก้มของคนตัวสูงกว่า

    “จุมพิตจากเราน่ะ เป็นคำอวยพรที่ดีที่สุดในโลกเลยนะ รู้ไหม”

    จอห์นนี่ยิ้ม และนั่นคือภาพสุดท้ายที่แจฮยอนเห็น ก่อนที่เขาจะก้าวออกไปเป็นเจ้าฟ้าชายแจฮยอนคนเดิม

    และรอคอยวันที่จะได้พบจอห์นนี่ ซอ อีกครั้ง

     

     

     

     

    FIN

     

     

    (แถม)

     

     

    “…ลืมเหรอกระหม่อมว่าเมื่อครู่หม่อมฉันยืนอยู่ด้วย”

    “เราไว้ใจราชเลขาฯ คิมต่างหาก”

    “…”

     

     

    ––––––––––

    20191117

    ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เกิดจากงานวีไลฟ์วันนี้ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด

    แนบภาพประกอบ โดย Mellow Midnight บ้านคู่บุญของชาวเรา (เห็นน้องคยอมข้างหลังแล้วนึกได้ สุขสันต์วันเกิดนะค้าบ)

    หากคุณรู้สึกว่ามันมีกลิ่น The Crown ก็ถูกแล้วค่า (เหรอ) สำหรับฉัน เจ้าหญิงมาร์กาเร็ตกับแอนโธนี่ = จอห์นแจ

    ขออภัยอีกครั้งสำหรับราชาศัพท์ ไม่ได้อยู่ในวงการนี้ ไม่ได้แตะมาตั้งแต่เรียนจบ หากอาจารย์มาเห็นฉันอาจโดนฟาดได้ ข้อหาใช้ภาษาผิดเหรอ เปล่า เทียบไอดอลเกาหลีเป็นเชื้อพระว–– /ช่างมันเถอะค่ะ

    ชอบหรือไม่คอมเมนต์กันได้ที่นี่หรือ #wrficnct เช่นเคยค่ะ

    อัปในนี้ก่อนเนาะ ที่อื่นค่อยอัป ง่วงแล้ว 555555

     

    ป.ล. ฉันมีปัญหากับคำลงท้าย แต่ขี้เกียนหาเรฟแล้ว––

    ป.ล.2 ชั้นสูงจริง ๆ NCT /ถอนสายบัว

    ป.ล.3 องค์รัชทายาทแทยงติดราชการอยู่อเมริกาจ้า

    ป.ล.4 คิดชื่อเรื่องไม่ออก

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in