UNTIL WE MEET AGAIN
Fandom: NCT
Pairing: Ten x Doyoung
.
ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ
คิมดงยองคาดเดาสถานการณ์ได้ทันทีแม้ไม่ต้องมีคนเล่ารายละเอียด เพราะเพียงแค่มีนักเรียนรุ่นน้องวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในห้องสภานักเรียนและเอ่ยชื่อ ‘เตนล์’ นักเรียนต่างชาติตัวปัญหาแต่เงินหนาจนไม่มีใครทำอะไรได้ นั่นก็เป็นการยืนยันมากพอแล้วว่าเรื่องราวที่เขาจะรับรู้หลังจากนี้ ไม่ลงเอ่ยด้วยทัณฑ์บน ก็เรียกผู้ปกครอง
ซึ่งแน่นอนว่าคนอย่างเตนล์ไม่มีทางโดนทัณฑ์บน อาจารย์คงเชิญผู้ปกครองมารับทราบสักสิบนาทีแล้วแยกย้ายกันไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
มันเป็นวงจรที่เขาวนเวียนเห็นมาหลายครั้งตั้งแต่ดำรงตำแหน่งประธานนักเรียนของโรงเรียน แต่เขาก็ไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่าที่ตัวเองทำอยู่ นั่นคือมีสติในการเจรจากับนักเรียนตัวปัญหาที่เอะอะไม่ยอมคุยกับอาจารย์ จะคุยกับเขาท่าเดียว
ไม่รู้ว่าการคุยกับเขามันช่วยให้มีอะไรดีขึ้นมา แต่ดงยองก็ไม่เคยปฏิเสธข้อเรียกร้องนั้นได้เลยสักครั้ง ยิ่งเมื่ออีกฝ่ายมีแบ็กเป็นครอบครัวที่พร้อมสนับสนุนทุกทาง (ทั้งเรื่องดีและไม่ดี -- น่าหงุดหงิดเสียจริง) สิ่งที่เขาทำได้เมื่อมีการเรียกตัวเขาไปเผชิญหน้ากับเตนล์ จึงมีเพียงการจำยอม
ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน
ห้องวิทยาศาสตร์ที่ไร้ผู้คนเพราะไม่ใช่คาบเรียน มีร่างของนักเรียนตัวปัญหายืนพิงหน้าต่างอยู่ พอเห็นเขาเสนอหน้าเข้าไปหา เตนล์ก็ฉีกยิ้มกว้างเห็นฟันสวยเป็นระเบียบ ตาโค้งลงเหมือนจันทร์เสี้ยว
“มาแล้วเหรอ”
“อะไรอีกล่ะ” เขาว่า “นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาอยู่ตรงนี้สักหน่อย ยังไม่หมดคาบเรียนนะ”
“แป๊บเดียวน่า”
เตนล์โบกมือไปมาในอากาศเหมือนจะสื่อว่าเรื่องที่จะพูดไม่ได้ทำให้เสียเวลาเรียนไปมากกว่านี้หรอก แล้วเดินมานั่งที่เก้าอี้ตรงโต๊ะทำแล็บ เคาะข้อนิ้วลงกับโต๊ะเบา ๆ “นั่งสิ” แล้วกล่าวกับเขาเช่นนั้น
ดงยองเดินไปนั่ง พยายามรักษาสีหน้าไม่ให้แสดงความหงุดหงิดออกไปมากนัก แต่ก็ไม่ได้ดูเฉยชามากไป
สำหรับดงยองแล้ว เตนล์เป็นคนที่ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากข้องเกี่ยวด้วย แต่เพราะอะไรหลาย ๆ อย่างทำให้พวกเขาต้องโคจรมาเจอกันทุกที จากที่พยายามเหินห่างเลยกลายเป็นการรับรู้การมีตัวตนของกันและกันแบบที่ไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนม แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้า
“รีบพูดได้แล้ว มีเรียนต่อ”
เขาเร่ง เตนล์ยิ้ม
ใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มต่างชาติยังคงดูดีเหมือนทุกครั้ง เตนล์เป็นคนหน้าตาดีมาก ๆ คนหนึ่งเท่าที่ดงยองเคยพบมาในชีวิต แต่ไม่มีใครที่มีรอยยิ้มยียวนและนัยน์ตาแพรวพราวเวลามองเขาแบบหมอนี่สักคน ทุกครั้งเวลาสบตากัน ดงยองจึงมักจะหลบตาเสมอ เพราะรู้สึกว่าสายตาเตนล์มันชวนให้อยากต่อยสักที
กวนประสาท
เขาขมวดคิ้วรอเตนล์พูดอะไรสักอย่างท่ามกลางความเงียบงันของห้องแล็บวิทยาศาสตร์ เตนล์จ้องหน้าเขา ยื่นมือมาใกล้เหมือนจะสัมผัสใบหน้า
แน่นอนว่าเขาตกใจ ยกมือขึ้นมาปัดออกอย่างรวดเร็ว
“จะทำอะไร ไปไกล ๆ เลยนะ”
เตนล์หัวเราะ
“เดี๋ยวได้ไปไกลสมใจแน่”
“ตกลงมีเรื่องอะไร ถ้าไม่พูดฉันจะกลับห้องเรียนแล้วนะ”
เขาทำท่าจะลุกหนี แต่เตนล์คว้าข้อมือเขาไว้ “เดี๋ยวก่อน”
ดงยองเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไป รอยยิ้มจางลง แววตาไม่เป็นประกายสดใสเหมือนเมื่อครู่ มันไม่ได้เศร้าขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกเหมือนมีพระอาทิตย์รายล้อมอยู่เหมือนสามวินาทีที่แล้ว
“ดงยองเคยสารภาพรักกับใครหรือเปล่า”
“…ฮะ?”
เขาหลุดเสียงประหลาดออกไปด้วยความสงสัย เตนล์ได้ยินแล้วกลับมาอมยิ้มเหมือนจะขำ
“ไม่เคยแน่เลย”
“ยุ่งอะไรด้วยเนี่ย เรื่องของฉัน”
แม้จะถูกตัดรอนด้วยคำพูดที่ฟังยังไงก็ทำร้ายจิตใจ แต่คนฟังก็ยังคงไม่หุบยิ้ม
“สารภาพรักในห้องแล็บนี่น้ำเน่าไปหรือเปล่า”
“จะไปรู้เหรอ”
“ไม่อยากรู้หรือไง”
“ใครจะไปอยากรู้อะไรกับนาย เข้าเรื่องสักที”
“นี่ไง กำลังจะพูดแล้ว”
เตนล์เว้นจังหวะ สบตาเขานิ่ง มวลอากาศรอบตัวคล้ายหยุดเคลื่อนไหว
“ชอบนะ”
มันเป็นช่วงจังหวะยาวนานเหมือนช่วงเวลาหลังการทิ้งระเบิด
คำพูดนั้นราวกับระเบิดปรมาณูพลังทำลายล้างสูง ทำลายทุกความรู้สึกก่อนหน้าให้กลายเป็นความว่างเปล่าในชั่วพริบตา ทำลายการเคลื่อนของเวลาให้รู้สึกราวกับทุกอย่างหยุดนิ่ง ดงยองคล้ายเห็นภาพตรงหน้าช้าลง ถ้อยคำสั้น ๆ ยืดยาวดังก้องในสมองเหมือนคงอยู่ชั่วกัปชั่วกัลป์ ริมฝีปากของอีกฝ่ายที่เอ่ยถ้อยคำออกมาราวกับตั้งใจให้สลักลงไปในจิตใจคนฟัง
“ขอโทษที่ทำให้เหนื่อยใจมาตลอด แต่ที่บอกว่าชอบก็คือเรื่องจริง”
“…”
“จะไม่อยู่ให้เหนื่อยใจแล้วล่ะ วันนี้ฉันมาลา”
ประโยคนั้นเหมือนกดปุ่มเล่น ดงยองกะพริบตา
“ลา?”
“อื้ม จะลาออกพรุ่งนี้แล้ว”
“…อะไรนะ”
“ไปไกล ๆ สมใจดงยองแล้วล่ะทีนี้”
ว่าพลางถอนหายใจยาว ถอยตัวไปนั่งพิงกำแพงห้องแล็บ
ความเงียบโรยตัวยาวนาน เป็นความเงียบที่โอบล้อมด้วยความคิดมากมายตีกันในสมอง และความรู้สึกที่ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปเด่นชัดจนผิดกาลเทศะในสถานการณ์เช่นนี้
“ไปไหนเหรอ” เขาถามเหมือนคนไม่รู้จะถามอะไร
เตนล์เลิกคิ้ว “จีนน่ะ ย้ายไปเรียนที่นั่นเลย”
“อ่า…”
“ได้พูดออกมาแล้วดีจัง ตอนแรกคิดว่าจะไม่บอกจนกว่าจะกลับมาเจอกันอีกรอบ แต่ขืนทำแบบนั้นดงยองต้องจำฉันเป็นคนแย่ ๆ ไปจนถึงวันนั้นแน่เลย”
“…”
“สู้บอกวันนี้แล้วให้นายจำว่าฉันคือคนที่เคยบอกชอบนายในห้องแล็บวิทยาศาสตร์ก่อนย้ายไปเรียนจีนดีกว่า จริงไหม”
ดงยองถอนหายใจพรืด ไม่รู้ทำไมเขาเผลอยิ้มกับคำพูดแบบนั้น
“กวนประสาท”
“เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยล่ะสิ”
ดงยองสบนัยน์ตาที่จดจ้องมาที่เขา ถึงวันนี้ก็รู้สักทีว่าประกายในนั้นคืออะไร
“โชคดีนะ เตนล์”
เตนล์ยิ้มกว้าง น่าจะกว้างที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น
“ขอบคุณนะ ดงยอง”
จนกว่าเราจะพบกันอีกครั้งหนึ่ง
FIN
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in