People go
but how they left always stay
นั่นคือคำนิยามของวิคตอเรีย โดโรธี เกว็นเน็ธในตอนนี้
ฉันไม่รู้ว่าจะแปลออกมายังไงให้ได้ความหมายเท่าประโยคต้นฉบับ แต่คิดว่าพวกคุณคงจะเข้าใจ
ฉันเขียนบล็อคนี้ขึ้นมาในเวลาตีสามครึ่งเกือบจะเช้าตรู่
หากจะบอกว่าบล็อคนี้ถูกเขียนขึ้นมาด้วยหัวใจที่เป็นแผลคงจะไม่ใช่คำพูดที่เกินจริง
บล็อคนี้ไม่มีพลังงานบวก ไม่มีความคิดสดใส ไม่มีรอยยิ้มอย่างที่พวกคุณหวัง ฉันแค่เขียนมันขึ้นมาเพื่อระบายความรู้สึกในใจออกมา
นาฬิกาดิจิตอลบนหน้าจอโน๊ตบุ๊คบอกเวลา 3.41 am เป็นเวลาที่ปกติฉันควรจะเข้านอนไปแล้ว แต่วันนี้แตกต่างออกไป ในขณะที่ฉันกำลังนั่งพิมพ์งานอยู่นั้น อะไรบางอย่างในใจก็ผลักดันให้ฉันส่งข้อความไปหาคนๆหนึ่งที่ไม่ได้คุยกันมานานร่วมเดือนกว่า เป็นข้อความถามสั้นๆสามประโยค
"ต่อไปนี้จะเลิกคุยกันแล้ว มีทิฐิ หรือว่าจมกองงาน?"
"ต้องการคำตอบ"
"จะได้รับมือถูก"
ทิ้งไว้ตั้งแต่ช่วงเวลาสี่ทุ่มครึ่ง และกลับไปให้ความสนใจกับกองงานที่ยังทำไม่เสร็จของตัวเองต่อ โดยไม่คาดคิดว่าจะได้รับการตอบกลับ หลายชั่วโมงหลังจากนั้นเขาก็ตอบกลับมาด้วยความงุนงงว่ามันเกิดอะไรขึ้น ฉันผีเข้าหรือเปล่า?
ฉันหัวเสียให้กับคำถามของเขา
ไม่
ฉันไม่ได้ผีเข้าแต่อย่างใด
ฉันก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่สงสัย คาใจ และต้องการคำตอบให้ชัดเจน
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนก่อน ฉันได้มีปากเสียงกับผู้ชายคนหนึ่ง ขอใช้ชื่อย่อของเขาว่า N
เราผิดใจกันด้วยการสื่อสารที่เข้าใจกันไปแบบผิดๆ
ฉันมีทิฐิ และเขาเองก็เงียบหายไป
หรือนั่นคือสิ่งที่ฉันเข้าใจมาตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
วันนี้เมื่อเราได้กลับมานั่งคุยกัน พูดถึงปัญหาในตอนนั้นว่ามันเกิดอะไรขึ้น ฉันรู้สึกนึกคิดอะไร ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนกว่าเขาหายไปทำอะไรมา
แต่ทุกอย่างกลับผิดคาด
เมื่อความจริงนั้น ฉันเป็นคนที่อ่านข้อความของเขาแต่ไม่ตอบ แถมยังโมโหจนกดลบประวัติการแชททุกอย่างจนไม่เหลือหลักฐานใดๆในเครื่อง
เรื่องนี้จะโทษใครไม่ได้นอกจากโทษตัวฉันเอง
บางทีฉันอาจจะแสดงออกไปอย่างผิดๆให้เขาเข้าใจไปว่าฉันคือผู้หญิงประเภทที่ต้องการความสนใจ ต้องการการคุยที่สม่ำเสมอตลอดเวลา
ฉันโต้เถียงกลับไปว่าไม่ใช่
ถึงแม้เสี้ยวหนึ่งในใจจะรู้ดีว่ามันคือความจริง
แต่ขอแก้ต่างให้ตัวเองตรงนี้
นิยามของคำว่า 'สม่ำเสมอ' ของฉัน ไม่ได้หมายถึงการคุยทุกวัน ทุกเวลา
แต่มันคือการพูดคุยในช่วงระยะเวลาที่เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
ยกตัวอย่างเช่น หากคุณคือคนที่ยุ่งกับงานมากๆ จนมีเวลาตอบข้อความของฉันแค่สามวันต่อหนึ่งครั้ง นั่นคือความสม่ำเสมอของคุณ และฉันเคยชินกับมัน
กับคนบางคนถึงขั้นหนึ่งอาทิตย์คุยกันสามข้อความก็ยังมี แต่นั่นก็ไม่เป็นไรอีกเหมือนกัน เพราะฉันมองว่านั่นคือความสม่ำเสมอ
วันนี้
เวลานี้
ตอนนี้
และในอนาคต Nคงจะเข้าใจฉันแบบผิดๆไปแล้วว่าฉันต้องการแค่ความสนใจกับข้อความของเขาตลอดทุกวัน
ฉันได้พยายามอธิบายอย่างสุดความสามารถไปแล้ว
แต่สุดความสามารถของฉันก็ยังไม่ดีพอสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างเรา
แต่ฉันไม่โทษเขาหรอก จริงๆนะ
ถ้าวันนั้นฉันไม่ใจร้อนจนกดลบข้อความไป ฉันอาจตาสว่างได้เร็วมากกว่านี้
ข้อแตกต่างอย่างเดียวระหว่างฉันกับNคือหากย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจะไม่ทิ้งช่วงเวลาห่างจากเขาถึงแม้ว่าจะน้อยใจมากแค่ไหนก็ตามที
แต่สำหรับเขา
ฉันจะเขียนเอาไว้เตือนตัวเอง
ว่าหากย้อนเวลากลับไปได้ เขาก็จะยังคงไม่ทักฉันมาอย่างเดิม
"ความจริงมักเจ็บเสมอ แต่คำโกหกมักจะเจ็บยิ่งกว่า"
ตอนนี้ฉันก็แค่อยู่ในช่วงยอมรับความจริง แม้ว่ามันจะยาก
เขาเข้ามาในชีวิตฉันเมื่อสองปีก่อน และคงอยู่ตลอดมา มีบ้างที่เราผิดใจจนมองหน้ากันไม่ติด แต่ทุกครั้งเราก็จะหาทางกลับมาสู่กันและกันได้เสมอ
แต่ฉันเดาว่าครั้งนี้มันคงไม่ง่ายขนาดนั้น
ไม่ใช่ว่าในใจของเรามีทิฐิ
แต่แค่ว่าเวลาได้เปลี่ยนใจของเราทั้งคู่ไปแล้ว
เขาเปลี่ยนไป
ฉันก็ไม่เหมือนเดิม
หรืออย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่ฉันหลอกตัวเองว่าฉันเป็น
มาถึงตรงนี้ฉันก็ได้แต่สงสัย ว่าNจะรับรู้ได้ไหมนะ ว่าฉันคนนี้ยังคงเป็นผู้หญิงคนเดิมที่โดดเดี่ยว เหงา และไม่คุ้นชิน
ตั้งแต่ที่เขาเข้ามา ฉันก็นึกภาพชีวิตตัวเองโดยไม่มีNไม่ออก
สำหรับคนใจแข็งอย่างเขามันคงจะง่ายเหมือนพลิกหน้าหนังสือ
แต่สำหรับฉัน มันยากเหมือนจับคนว่ายน้ำไม่เป็นโยนลงไปในมหาสมุทร
.
.
.
.
.
ฉันรักN
นั่นคือเรื่องจริงที่ไม่อาจโกหกให้เป็นอื่น
ตอนนี้เขาก็แค่จากไป
แต่วิธีทีเขาจากฉันไปจะอยู่ในใจฉันไปอีกนาน
4.17 am
I love you.
- ???????? ?. ???????
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in