March Comes in Like a Lion ( 3月のライオン ) เป็นซีรี่ส์การ์ตูนของคุณ Chica Umino ผู้เขียน ‘Honey & Clover’ การ์ตูนสิบเล่มจบ ว่าด้วยเรื่องราวความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อนนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะ ซึ่งถูกนำไปสร้างเป็นอนิเมชั่น ละครโทรทัศน์ และภาพยนตร์ด้วยเช่นกัน

ปกหนังสือการ์ตูนเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่น

ฉบับหนังสือการ์ตูนของ March Comes in Like a Lion เวอร์ชั่นภาษาไทยเป็นลิขสิทธิ์ของ NED ใช้ชื่อว่า ‘ตราบวันฟ้าใส’ ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันตีพิมพ์ค้างไว้ถึงเล่มที่เท่าไหร่ แต่เราเองอ่านถึงเล่ม 6 ( ตั้งใจว่าจะกลับไปขุดสปอยล์มาอ่านต่อก็หลังจากดูหนังจบนี่แหละ ) ส่วนที่ญี่ปุ่นเริ่มวางขายเล่ม 13 เมื่อไม่นานมานี้ ช่วงที่อ่านใหม่ๆถึงกับเห่อเล่นหมากรุกใน App มือถืออยู่พักใหญ่ จนเล่นชนะคอมพิวเตอร์ Level 2 ได้ก็หมดความพยายามแล้วเลิกเล่นไป

Rei Kiriyama เวอร์ชั่นภาพยนตร์ รับบทโดย Ryunosuke Kamiki 
( ภาพจาก Comic Natalie )

ตัวหนังสือการ์ตูนว่าด้วยเรื่องของ Rei Kiriyama ( เรย์ คิริยามะ ) เด็กหนุ่มม.ปลายผู้เก็บตัว ปัจจุบันออกจากบ้าน ( ของคุณพ่อบุญธรรม ) มาอยู่ตัวคนเดียว ต้องเป็นทั้งนักเรียนและนักเล่นหมากรุกญี่ปุ่นมืออาชีพไปพร้อมๆกัน นอกจากเรื่องการพยายามเก็บชัยชนะไปทีละกระดานแล้ว คิริยามะคุงยังต้องวนเวียนอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างบ้านของพ่อบุญธรรม โรงเรียน และบ้านสามสาวพี่น้องคาวาโมโตะ อดีตคนแปลกหน้าที่กลายมาเป็นครอบครัว คอยช่วยเหลือดูแลเรื่องอาหารการกิน ถามไถ่สารสุขทุกข์ดิบ

เราลืมเลือนเรื่องน้ำผึ้งและใบโคลเวอร์ไปเกือบหมดแล้ว เพราะเคยอ่านแบบไม่จบชุดเมื่อสมัยเรียน เลยไม่ถูกดึงดูดจากเรื่องนี้มากนักในตอนแรก ลองซื้อเล่มแรกมาอ่านก็ยังเฉยๆ แค่รู้สึกว่าน่ารักดี สารภาพว่าช่วงแรกๆอ่านแล้วรำคาญคิริยามะทุกสามหน้า นอยด์กับทุกอิริยาบถและการตัดสินใจ จนอ่านมาถึงเล่ม 3 เท่านั้นแหละ โอโห สั่นสะเทือน เป็นบ้า เหมือนถูกตบหน้าจากคำพูดทุกช่อง ได้ค้นพบความจริงในที่สุดว่าคิริยามะนี่มันโคตรเหมือนเราเลย ที่แท้เรามันก็นิสัยย่ำแย่ ทั้งขี้รำคาญและน่ารำคาญแบบนี้ อ่านเล่ม 3 จบแล้วเหมือนถูกตำหนิและปลอบประโลมไปพร้อมๆกัน พอมันเริ่มทำงานกับเราแล้ว จากนั้นคือตายๆๆ ตายไปตลอดทาง รักตัวละครทุกตัวมากๆ ใครอ่านมาถึงเล่ม 5 แล้วจะยิ่งรักฮินาตะ ( น้องสาวคนรองบ้านคาวาโมโตะ ) อ่านจบเล่ม 6 ด้วยความรู้สึกว่า สู้นะเว้ยมึง คิริยามะ!

Toji Soya
( ภาพจาก Comic Natalie )

ถึงจะรักเวอร์ชั่นการ์ตูนมากๆ เราก็ไม่ได้กระตือรือร้นเท่าไหร่ตอนที่รู้ว่ามันกำลังจะถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ เพราะในบรรดาจำนวนหนังมากมายที่สร้างจากการ์ตูน ( หรือที่เราเรียกกันว่า Live-Action ) มีเรื่องที่เราดูแล้วชอบจริงๆแทบนับได้ จนกระทั่งรู้ว่าทีมงานแคส Ryo Kase มาด้วยนั่นแหละถึงเปลี่ยนใจมานับถอยหลังรอดู Trailer กับเขาด้วย คิดล่วงหน้าไปก่อนแล้วว่าคงแคสมาเล่นบท Kai Shimada หรือชิมาดะ 8 ดั้ง so-called master ของคิริยามะแน่ๆ แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นไม่นาน มีการปล่อยรายละเอียดออกมาเพิ่มเติมว่าแคสมารับบท Toji Soya (โซยะเมจิน) ต่างหาก! ซึ่งพลิกโผมากๆสำหรับเราที่ไม่เคยมีภาพ Ryo Kase เป็นโทยะเมจินอยู่ในหัวเลย มุมมองของคนทำหนังมันต่างกันได้แบบซ้ายสุดขวาสุดจริงๆ

ส่วนบทพระเอก เรย์ คิริยามะ ตกเป็นของ Ryunosuke Kamiki หนึ่งในสมาชิกชมรมเจ้าพ่อหนัง Live-Action ( อันประกอบไปด้วยคนหน้าคุ้นทั้งหลาย สุดะ, ยามะเคน ฯลฯ )

ช่วง 10 นาทีแรกเรารู้สึกว่าหนัง miscast มากๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะเป็นรีแอ็คชั่นปกติของเราที่เกิดขึ้นทุกครั้งเวลาดูหนังที่สร้างจากการ์ตูน พอทำใจปล่อยวางได้ก็จะเริ่มชินไปเอง ความจริงแล้ว March Comes in Like a Lion เวอร์ชั่นนี้อยู่ก้ำกึ่งระหว่างหนังดราม่าญี่ปุ่นสไตล์ซีเรียสเครียดประสาทแดก กับหนัง Live-Action ที่วางตรรกะทุกอย่างตามขนบในหนังสือการ์ตูน แต่แน่นอนว่าค่อนไปทางโซนหลังเยอะกว่านะ

เราว่าคนที่ไม่ชอบ Live-Action ก็ยังเพลินกับเรื่องนี้ได้ ซึ่งไม่แน่ใจเหมือนกันนะ ว่าไอ้ความครึ่งๆกลางๆแบบนี้มันดีมั้ย เราจะเห็นทั้งตัวละครที่เหมือนหลุดออกมาจากหนังสือการ์ตูนจริงๆอย่าง Harunobu Nikaido เพื่อนนักหมากรุกของคิริยามะ ที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ต้องมีคุณพ่อบ้านคอยตามดูแลตลอดเวลา ตัวละครประเภทที่เราจะไม่ติดใจถ้าเห็นเขาโดยสารรถลีมูซีนที่ตบแต่งภายในแบบเว่อร์วังอลังการ และพกโทรโข่งยักษ์ไปไหนมาไหนด้วย

Nikaido และ Kiriyama
( ภาพจาก Comic Natalie )

ในขณะเดียวกันมันก็จะมีตัวละครแบบ Kyoko Koda พี่สาวบุญธรรมของคิริยามะ ( ในหนังรับบทโดย Kasumi Arimura ) ที่โผล่มาจริงจังเบอร์หนังดราม่าครอบครัว และโทยะเมจินของ Ryo Kase ที่อีกนิดนึงจะเป็นหนังฮองซางซู - ส่วนหนึ่งเพราะภาคนี้เขายังไม่มีบทพูดมากด้วยแหละ


หนังแบ่งเป็น 2 พาร์ท และออกฉายที่ญี่ปุ่นใกล้ๆกันช่วงต้นปีที่ผ่านมา เรื่องราวในภาพยนตร์ค่อนข้างตรงกับในหนังสือการ์ตูนเกือบทั้งหมด มียกเว้นแค่บางช่วงที่สลับเอาเหตุการณ์ A ขึ้นมาเล่าให้จบก่อนเหตุการณ์ B และรวบรัดบางเหตุการณ์ตามข้อจำกัดเรื่องเวลาของภาพยนตร์ ช่วงท้ายของหนังพาร์ทแรกอยู่แถวๆการ์ตูนเล่ม 6 พอดี ส่วนเรื่องราวต่อจากนั้นต้องตามไปดูต่อในพาร์ท 2 ซึ่งเราเองยังไม่มีโอกาสได้ดู

Toji Soya และ Kai Shimada เวอร์ชั่นหนังสือการ์ตูน

สรุปสั้นๆว่าสนุกดีและชอบมากกว่า Live-Action ทั่วไปนิดหน่อย ได้ดู Ryo Kase เป็นโซยะเมจินก็ถือว่าเป็นเรื่องดีงามของชีวิต งดงาม สูงส่งตามธรรมเนียมค่ะ ~ ส่วนวงการหมากรุกญี่ปุ่นตอนนี้มีเด็กอัจฉริยะแบบคิริยามะปรากฏตัวขึ้นมาจริงๆด้วยนะ 

Sota Fujii และ Ryunosuke Kamiki
( ภาพจาก cinemagene )

เขาคือ Sota Fujii ปัจจุบันอายุ 15 ปี หลังเทิร์นโปรด้วยสถิติอายุน้อยที่สุดคือ 14 ปี 2 เดือน ก็ทำลายสถิติเดิมของนักเล่นหมากรุกอาชีพ 8 ดั้งด้วยการชนะติดต่อกัน 29 กระดาน กลายเป็นผู้ปลุกกระแสหมากรุกญี่ปุ่นให้กลับมาอยู่ในความสนใจของเด็กๆอีกครั้ง ?