เรื่องราวสุดแสนใสซื่อของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่มีทั้งความคิด ความฝันในการที่จะดำเนินชีวิต และมีความรู้สึกน้อยอกน้อยใจต่อเรื่องราวมากมายอีกด้วย แถมเด็กน้อยนี้จะพาทุกคนไปผจญภัยยังโลกของเด็ก
“แต่ผมก็ไม่สิ้นหวังในชีวิต
ชีวิตก็เป็นเช่นนี้เอง”
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นที่วันหนึ่ง “โดมิติล่า”พี่เลี้ยงเด็กที่คิดว่า “ตัวเองจะตาย ก็ดันไม่ตาย” โดมิติล่าชวนปาเปลุโช่เขียนเล่าเรื่องราวของตัวเองให้คนหนึ่งฟัง นั้นก็คือ “สมุดบันทึก” ปาเปลุโช่จึงตัดสินใจเขียนเล่าเรื่องชีวิตประจำวันผ่านสมุดบันทึกตามที่โดมิติล่าบอก
“สมุดบันทึกเล่มนี้
เริ่มต้นที่เธอบอกเขา
ให้เขียนเล่าเรื่องราวเศร้า
และเรื่องเล่าที่ดีแสนดี”
ชีวิตของปาเปลุโช่คล้ายๆกับชีวิตของเด็กทั่วไป ที่พี่ชายชอบชวนเขาทะเลาะ พ่อแม่เขาเป็นพ่อแม่ธรรมดา และเขาใช้ชีวิตเหมือนเด็กธรรมดา จนกระทั่งถึงวันที่เขาหนีออกจากบ้าน และเขาหลงทางจนหาทางกลับบ้านไม่เจอ และเขาได้ผู้ใหญ่ช่วยให้กลับมาบ้านอย่างปลอดภัย ซึ่งเรื่องนี้สอนให้เขารู้ว่า “การหนีออกจากบ้านไม่ใช้ทางแก้ปัญหาของชีวิต”
“หากเด็กได้ลองเรียนรู้
ว่าชั่วดูอย่าหาทำตาม
หากดีควรทำอย่าผลีผลาม
ชีวิตลามด้วยไฟแห่งดี”
หลังจากนั้น ปาเปลุโช่ได้ไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนประจำ ที่นั้น เขาได้เรียนรู้ชีวิตใหม่ที่เขาต้องเจอทั้ง “เพื่อนดี” และ “เพื่อนไม่ดี” โดยเพื่อนไม่ดีชอบบลูลี่เด็กชายและชวนทะเลาะ จนเขาทนไม่ไหว และเขาเผลอต่อยไป หลังจากที่เขาทะเลาะกับเพื่อนแล้ว เขาได้เรียนรู้ว่า “ไม่มีใครชนะหรือแพ้ในทางแห่งความรุนแรง”
“ความรุนแรงทั้งหมดที่เกิดนี้
เรียกว่าดีหรือร้ายเสมอสอน
เพราะหากดอกไม้ไม่ขึ้นขจร
ศรีสมรจะมองว่าดีได้อย่างไร”
และวันหนึ่ง ครอบครัวของเขาต้องย้ายออกจากบ้านเก่าไปอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ ที่นั้น ปาเปลุโช่พบกับผู้คนมากมาย ผู้คนที่ผิดหวังในชีวิต ผู้คนที่ฆ่าตัวตาย ผู้คนที่มีปัญหามากมายในชีวิต และคนเหล่านั้นเลือกเส้นทางชีวิตที่แตกต่างกันไป ขณะที่เขามองดูชีวิตคนเหล่านี้ เขาได้เข้าใจชีวิตว่า “ชีวิตของคนเราไม่มีใครหนีพ้นคำว่า ‘ทุกข์ใจ’ได้”
“ความทุกข์ที่ใครอยากหนีพ้น
หากยิ่งค้นก็ยิ่งพบเสมอมา
พบกันหนทางที่นำพา
ความทุกข์ลาเมื่อรู้จักทุกข์เอย”
หลังจากวันเวลาค่อยๆผ่านไป ขโมยเข้ามาขโมยของในโรงเรียน เด็กและครูร่วมกันที่จะจับตัวหัวขโมยตัวนี้ให้ได้ เด็กๆทุกคนช่วยกันวางแผนร่วมกันเองและร่วมกับผู้ใหญ่จนจับหัวขโมยสำเร็จ แต่ทำไมนะ ปาเปลุโช่กลับเศร้าใจ เพราะเขาคิดว่า “ไม่มีใครอยากทำผิด”
“ไม่มีใครอยากทำสิ่งที่ผิด
แต่เมื่อคิดต้องทำเพราะเหตุหนา
และผลร้ายก็ค่อยตามมา
หนีไม่พ้นพาทุกข์สู่ใจเอย”
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่อ่านไปเรื่อยๆมาเรียงๆแบบว่า “อ่านไปก็อมยิ้มไปกับความน่ารักของเด็ก” และ “พลังของเด็กดี” การที่เราจะปลูกจิตใต้สำนึกของเด็กให้มีพลังด้านบวกได้ เราต้องเข้าใจเด็กคนนั้นเป็นอย่างดีก่อนที่เราจะมอบพลังดีด้านบวกให้กับเด็กผู้นั้น
“เราอุตส่าห์อยากทำดี แต่ผลกลับออกมาร้าย
แต่มันยากมากเลย เพราะเราไม่รู้ว่า
จะทำให้มันออกมาดีได้อย่างไร”
โลกของเด็กคือโลกสุดแสนใสซื่อบริสุทธิ์ ดังนั้น การที่เด็กคนหนึ่งจะโตขึ้นมาเป็นอย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับคนรอบข้างที่เป็นผู้ใหญ่ทั้งสิ้น อย่างเช่น พ่อแม่ทะเลาะกันด้วยความรุนแรง ลูกจะโตมาเป็นคนหัวรุนแรง ครูไม่มีเหตุผลและประพฤติตนในทางเสื่อมเสีย ลูกศิษย์จะโตขึ้นมากลายเป็นคนเห็นผิดเป็นชอบ เป็นต้น เพราะฉะนั้นแล้ว ไม่ว่าเด็กจะโตมาเป็นในแบบที่เราไม่อยากให้เป็น เราอย่าเผลอไปโทษใคร เพราะเราควรโทษตัวเองก่อน
LOOK A BREATHE
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in