เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
AWOKENfirefliesfic
[ 1 ]

  • มิเกล เลวี ทาบข้อมือลงบนเครื่องแสกน บานประตูกว้างประมาณสองช่วงไหล่เลื่อนเปิดสู่ห้องโล่งมืดสลัว ทันทีที่เขาออกคำสั่งเปิดม่าน ผนังทึบที่ดูคล้ายฉาบด้วยคอนกรีตค่อยๆ กลายเป็นโปร่งใส เหมือนมีผืนผ้าเคลื่อนเปิดไปตลอดแนว ทิวทัศน์ของทะเลสาบไบคาลยามเช้าตรู่แผ่กว้างออกไปเบื้องหน้า แหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์แห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในอภิสิทธิ์ของกองทัพและเจ้าหน้าที่ระดับสูงแห่งสหพันธรัฐเซอโนเบียแต่เพียงผู้เดียว



    เขาหย่อนเป้บนเก้าอี้ไม้เทียมเรียบโล้น ก่อนเดินเข้าครัวไปหยิบแก้วกาแฟสีขาวจากชั้นเก็บแขวนผนัง ปลายนิ้วปัดผ่านสวิตช์เกลี้ยงเกลาของเครื่องชงกาแฟที่ตั้งอยู่ใกล้มือ เสียงแรงดันของเหลวผ่านพื้นที่คับแคบครางต่ำอย่างสงบเสงี่ยม ความจริงเขาจะสั่งระบบปฏิบัติการของห้องพักให้จัดเตรียมก็ได้ แต่เพราะชอบวิธีการเก่า ๆ มิเกลจึงลงมือชงด้วยตัวเองเสมอ



    ระหว่างรอน้ำเดือด ทัศนียภาพนอกเขตฐานทัพประจำเมืองเลียบทะเลสาบก็ค่อย ๆ ตื่นคืนชีวิต ดวงอาทิตย์ย้อมระลอกคลื่นเป็นพรมสีชมพูทั่วผืนน้ำ หน้าต่างซึ่งหันสู่ทิศตะวันออกจงใจให้บรรดาทหารที่มาประจำการได้หวนคิดถึงเมืองหลวง ณ ริมมหาสมุทรแปซิฟิก และอีกนัยก็เพื่อฝากย้ำสถานะสุนัขเฝ้าทรัพยากรในแดนไกลไปในคราวเดียว



    หน้าต่างอีกฝั่งหันเข้าหาเนินลาดสลับสูงต่ำของทุ่งไซบีเรีย หย่อมหญ้าเตี้ยๆ กับป่าสนสูงโปร่งทอดอาณาเขตออกไปไกลจรดปราการใหญ่ยักษ์ตรงขอบฟ้า  มิเกลเคยออกไปสำรวจพื้นที่แถบนั้นหลายครั้ง ตรงที่ที่แสงอาทิตยกำลังฉาบเส้นสีทองในตอนนี้มีสภาพไม่ต่างอะไรกับพิพิธภัณฑ์แสดงซากรถถังและเครื่องบินโบราณ



    อนุสรณ์จากสงครามเมื่อหลายร้อยปีก่อน



    ในยุคสมัยของโลกเก่า ผู้คนนับล้านต้องตายเพราะความเชื่อที่แตกต่าง การแย่งชิงอาหาร และความละโมบของกลุ่มคนเพียงหยิบมือ  แต่หลังจากนั้นไม่นาน ทุกข้อขัดแย้งอันเป็นต้นเหตุของสมรภูมิน้อยใหญ่ทั่วโลกก็ถูกหลอมรวมให้เหลือเพียงหนึ่ง  สงครามครั้งใหญ่ที่สุดระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์กับผู้รุกรานใหม่ปะทุขึ้นในปี ค.ศ 2120 -- ศักราชเก่าสิ้นสุดลงตรงนั้น -- พร้อมยุคแห่งความมืดที่กินเวลายาวนานสิบแปดปี



    ตามข้อมูลที่มีบันทึก ศัตรูต่างสายพันธุ์ตื่นจากการจำศีลครั้งแรกในบริเวณตอนเหนือของอดีตอุทยานแห่งชาติกรีนแลนด์  เราเรียกพวกมันว่า สลัมเบอร์  สิ่งมีชีวิตที่ดูราวกับยมทูตได้ถือกำเนิดขึ้นบนโลก แขนขาของพวกมันเรียวยาว ปลายนิ้วผอมแกร็น ผิวหนังคล้ายห่อหุ้มด้วยละอองพิษสีดำแผ่สยายในมวลอากาศรอบๆ ตัว วงหน้าที่ไม่ใหญ่ไปกว่าของมนุษย์ถูกซ่อนอยู่ใต้อาภรณ์ประหลาดนั้น เหลือเพียงดวงตากลมโตลุกวาวเหมือนเปลวเพลิงสีน้ำเงิน  พวกมันกลืนกินพลังงานบางอย่างจากสมองของมนุษย์ ก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนร่างว่างเปล่าให้เป็นภาชนะฝังเมล็ดพันธุ์ หลังจากนั้นระยะหนึ่งเหยื่อจึงจะกลายสภาพเป็นเช่นเดียวกับพวกมัน



    สลัมเบอร์เพิ่มจำนวนคล้ายโรคระบาด แต่เพราะมีมันสมองและเฉลียวฉลาด พวกมันสามารถศึกษากลไกความคิดของมนุษย์ เลือกใช้ร่างภาชนะเป็นเครื่องพรางตัว แทรกซึมเข้าสู่นานาประเทศ ก่อนจะค่อยๆ กัดกร่อนความมั่นคงจากภายใน แล้วฉกฉวยความหวาดกลัวเป็นชนวนสงครามย่อยๆ เพื่อลดจำนวนประชากรมนุษย์ให้อยู่ในปริมาณที่จะควบคุมได้     



    โลกจึงกลายเป็นฟาร์มปศุสัตว์ขนาดใหญ่ดีๆ นี่เอง



    อาวุธประสิทธิภาพต่ำในโลกเก่าถูกนำมาใช้ต่อสู้ในสงครามที่น่าสิ้นหวัง รังสีและสารเคมีแผดเผาพื้นที่หลายส่วนจนมอดไหม้ ลดทอนบริเวณที่อยู่อาศัยจนหดเล็กและกระจัดกระจายอยู่ในวงแคบๆ ของพื้นทวีป พรมแดนรัฐเก่าแก่ซึ่งเคยเชื่อมต่อกันถูกตัดขาด กลายสภาพเป็นสมรภูมิรกร้างเกินครึ่ง นอกจากนี้ อีกหลายจุดยังคละคลุ้งไปด้วยละอองปรมาณู กระแสน้ำในมหาสมุทรเปลี่ยนทิศเพราะสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่ก่อนหน้ายุคมืด น่านน้ำหลายแห่งจึงยังคงเป็นสีดำและจำต้องอาศัยเวลาชำระสารเคมีออกไป



    หากอะโวเคนไม่ปรากฏตัวขึ้นเหนือชั้นบรรยากาศของโลกเมื่อร้อยหกสิบสามปีก่อน ยุคแห่งความมืดคงไม่สิ้นสุดอยู่แค่นั้น



    เมื่อย้อนมองประวัติศาสตร์แล้ว คาดไม่ถึงจริงๆ ว่ามนุษย์จะยังมีวันนี้




    แม้แต่ตัวเขาเอง...   





    นายทหารหนุ่มพักความคิดไว้เมื่อเข็มบนหน้าปัดอุณหภูมิน้ำชี้ค่าที่ต้องการ  เรื่องราวน่าหดหู่ในอดีตกำลังแทนที่ด้วยกลิ่นหอมหวล  การชงกาแฟคือพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์อย่างหนึ่ง  มิเกลศึกษาไฟล์วิดีโอและเอกสารเก่าๆ ในฐานข้อมูลพลเรือนเมื่อสามปีก่อน และใช้เวลาอีกหนึ่งเดือนเต็มตามล่าหาอุปกรณ์รุ่นคลาสสิกทุกชิ้นจากร้านของเก่าในย่านตลาดสลัมใต้กำแพงของเขตที่ 1 หรือเมืองหลวงของเซอโนเบีย  



    เวลาที่ฮอว์กมาค้างคืนหลังจบภารกิจ อีกฝ่ายมักบ่นเสมอว่าวิธีต้อนรับวันใหม่ของเขาวุ่นวายน่ารำคาญ หากไม่ให้ระบบปฏิบัติการของห้องพักจัดการ อย่างน้อยก็น่าจะใช้เครื่องทำกาแฟแคปซูล เครื่องทำกาแฟรุ่นโบราณของเขาส่งเสียงหวีดลั่นห้องทุกครั้งที่เป่าฟองนม กระทั่งยามผ่อนแรงดันลงก็ยังดังคล้ายเครื่องบินรบร่อนจอดอยู่ดี



    ช่างปะไร 



    มิเกลประคองถ้วยตวงอย่างระมัดระวัง เอียงเล็กน้อยให้ไอน้ำผลักมวลของเหลวหมุนเป็นวง เก็บอากาศทีละนิดจนเกิดฟองเล็กละเอียด ความร้อนจากผิวภาชนะที่ปลายนิ้วสัมผัสได้เพิ่มสูงขึ้น ตรงข้ามกับแรงดันที่ค่อยๆ ลดลง  เขาพบความสงบในความปั่นป่วนเช่นนี้ เหมือนได้รวบรวมสมาธิอยู่ ณ ใจกลางของพายุ ก่อนจะเนรมิตงานศิลป์ลงแก้วเซรามิกและบรรจงจิบผลงานในมือต่างยารักษาชีวิต ความขมละมุนละไมช่วยหล่อเลี้ยงความสุขของเขา มันเป็นความสุขที่ไม่ได้เกิดจากสัมผัสเย็นชืดของอาวุธ



    เขาจิบทีละน้อย เหม่อมองออกไปนอกผนังโปร่งใส ไล่เลื่อนสายตาขึ้นเหนือทิวเขาและแพเมฆของเช้าในฤดูร้อน  นัยน์ตาสีน้ำผึ้งหยุดพินิจวัตถุทรงกลมขนาดยักษ์สีเงินเช่นทุกวัน มันยังคงลอยคว้างอยู่บนชั้นบรรยากาศนอกสุดของโลกคล้ายกับจะเป็นดวงจันทร์ดวงที่สอง แต่ดูใหญ่กว่าสิบเท่าเพราะระยะห่างที่น้อยกว่า



    บนนั้นมีอะไร ?



    บ้านของผู้มาเยือนจะยังหลงเหลือชีวิตอยู่หรือไม่ ?



    ความเงียบสงัดบนท้องฟ้าไร้การตอบสนองมาร่วมศตวรรษ และมนุษย์เองก็ไม่สามารถแตะต้องความสงบเบื้องบนนั้นได้ ทุกๆ ความทะเยอทะยานถูกเด็ดปีกให้ร่วงคืนสู่พื้นราวกับก้านดอกไม้ไฟที่มอดดับ วัตถุมหึมานั้นก็ยิ่งดูศักดิ์สิทธิ์ขึ้นตามกระแสกาลเวลา เสมือนว่ามันปรากฏขึ้นจากเรื่องเล่าปรัมปราในอดีต เป็นสถานที่ซึ่งเหล่าเทพเจ้าสถิตอยู่และคอยเฝ้ามองมนุษย์อย่างไม่ไยดีอีก  



    โทษทัณฑ์ของความเย่อหยิ่ง  -- เขาเรียกการชะงักงันของสายธารแห่งความรู้แบบนั้น



    เขาเคยเป็นหนึ่งในทหารที่ได้ฝึกเพื่อรับมือกับสลัมเบอร์ และควรเป็นหนึ่งในตัวแทนจากโครงการโซดิแอกของกองทัพ เพื่อร่วมเดินทางพร้อมคณะนักวิจัยไปสู่ดวงจันทร์จำลองที่เชื่อว่าเป็นอาณาจักรของเหล่าอะโวเคน -- ผู้มาเยือนต่างโลกที่รูปลักษณ์คล้ายคลึงมนุษย์ เว้นแต่ดวงตาสีอ่อนเรืองสว่างกับพลังจิตที่แกร่งพอจะขับไล่สลัมเบอร์ให้ยอมล่าถอยลงสู่หลุมมืดใต้ดินได้อีกครั้ง -- แต่ความสงบร้อยห้าสิบปีของเซอโนเบียคงทำให้ผู้มีอำนาจหลายคนหลงลืมความน่ากลัวของสงครามยุคมืดและสมรภูมินอกเขตกำแพงเมืองไปแล้ว โครงการวิจัยที่เคยตั้งขึ้นเพื่อฟื้นความแข็งแกร่งให้กองกำลังมนุษย์และขยายข่ายความรู้ให้ทัดเทียมสิ่งมีชีวิตต่างอารยธรรมจึงถูกพับเก็บ ปัจจุบันทหารในโครงการโซดิแอกกลายเป็นแค่หน่วยปฏิบัติการพิเศษภายใต้คำสั่งของผู้นำระดับสูงเท่านั้น



    เขาถอนใจ 



    ชิน



    “ครับ คุณมิเกล”  สมองกลอัจฉริยะประจำตัวตอบผ่านอุปกรณ์สื่อสารภายในห้องพัก



    “ขอรายงานของวันนี้ แล้วก็ยาด้วย”



    “รับทราบครับ”



    เขาตัดใจละจากวิวตรงเคาน์เตอร์ครัว เข้าสู่พื้นที่ใจกลางห้อง เก้าอี้เอนเอนกประสงค์รูปทรงแคปซูลตั้งอยู่เคียงโต๊ะกลมขนาดย่อม  มิเกลวางแก้วเซรามิกที่กาแฟขอดก้นลงก่อนทิ้งตัวนั่งเหยียดตามลาดพนัก ปรับทิศหันหลังให้แก่วิวทะเลสาบกับท้องฟ้า จอโฮโลแกรมขนาดสิบเจ็ดนิ้วฉายห่างจากตัวหนึ่งช่วงแขน แสดงข่าวสารข้อมูลเฉพาะสำหรับเจ้าหน้าที่ที่ต้องโทษ



    “เริ่มเลย”



    “ครับ”



    ปลายนิ้วเขาเลื่อนปัดภาพข่าวกรองไปพลางในระหว่างฟังสรุป  


    “รายงานประจำวันที่ 18 สิงหาคม 163 A.E.  

    สถานะ วันที่ 65 ของภาคทัณฑ์  
    คำสั่งยกเลิกการกักบริเวณเข้าสู่ระบบเวลา 0600  
    การเข้าถึงฐานข้อมูล ระดับเอ ปลดล็อก  

    มีแจ้งเตือน 13 ครั้ง  

    - สรุปรายงานภารกิจประจำสัปดาห์ จากรองหัวหน้าหน่วยลีโอ พันโทอากิยามะ 11 ฉบับ  
    - ข้อมูลภารกิจลำดับที่ 21 จากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งเซอโนเบีย 1 ฉบับ 
    - ประกาศโอนย้ายหน้าที่ปฏิบัติงานและปรับเปลี่ยนสายการบังคับบัญชา จากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งเซอโนเบีย 1 ฉบับ...”



    “วันประกาศ”



    “17 สิงหาคม 163 A.E. เวลา 2200”



    “ขอดูหน่อยสิ พนันว่าฉันเป็นหนึ่งในนั้นด้วยสินะ”



    ในหน้าจอกลางอากาศ ภาพข่าวกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องการตรวจสอบแผนจัดสรรพลังงานในเขต 10 และ 11 ถูกแทนด้วยกรอบสี่เหลี่ยมที่บรรจุข้อความทางการกับบัตรแสดงข้อมูลพื้นฐานของเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง ชินเน้นกรอบข้อมูลเบื้องต้นรอบ ‘พันเอกมิเกล เลวี หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษลีโอ โครงการโซดิแอก’  ไว้เรียบร้อย แต่เขากลับรู้สึกรำคาญใจที่ภาพบนบัตรประจำตัวดูเด่นเกินความจำเป็น  



    มิเกล เลวีในวัยยี่สิบแปดปี -- เขาเมื่อสี่ปีก่อน -- ยังดูหนุ่มแน่น ผมน้ำตาลเข้มตัดสั้นรับกับใบหน้าเรียว เหนือโหนกแก้มใต้หางตาซ้ายยังปราศจากรอยแผลเป็นกรีดยาวเกือบถึงใบหู สีผิวซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างหญิงเชื้อสายญี่ปุ่นกับชายฝรั่งเศสออกมาขาวผุดผ่อง เขาดูเหมาะจะเป็นเจ้าหน้าที่ประจำฐาน คอยต้อนรับแขกของกองทัพ หรือเลขานุการของผู้บังคับบัญชายศสูงๆ มากกว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ภาคสนาม มีเพียงดวงตาคมที่จ้องตรงมายังกล้องบันทึกภาพเท่านั้นที่บ่งบอกว่าเขาไม่ใช่คนอ่อนโยนอย่างรูปลักษณ์  มิเกลแทบไม่สนใจข้อมูลเด่นหราของตนอีก  เขาเลื่อนสายตาผ่านไป ก่อนจะสะดุดเข้ากับชื่อที่อยู่ถัดขึ้นไปแทน -- ศาสตราจารย์ลีมินซู  หัวหน้าคณะวิจัยโครงการโซดิแอก




    ลีมินซู...งั้นเหรอ?




    “ชิน สามเดือนที่ผ่านมามีรายงานผลการวิจัยจากสำนักงานใหญ่ออกมาบ้างมั้ย”



    “มีครับ ให้ผมแสดงรายชื่อหัวข้อ หรือคุณมิเกลอยากจะค้นหาเรื่องไหนเป็นพิเศษครับ”



    “ขอรายชื่อหัวข้อก็ได้  มีเยอะหรือเปล่า?”



    “พบ 6 รายการครับ”



    “เยี่ยม เอาขึ้นจอเลย”  เขาปัดประกาศเข้าชิดขอบซ้าย หัวข้องานวิจัยไล่เรียงขึ้นตามลำดับวัน อ่านดูเพียงไม่กี่วินาทีก็พบ ‘รายงานประจำปีที่ 4: ความคืบหน้าระยะทดลองใหญ่เซรุ่มแอล.ที.’  ผลงานของศาสตราจารย์เดเมียน เฉิน หัวหน้าแผนกวิจัยและพัฒนาโครงการโซดิแอกคนก่อน  



    ผลดำเนินงานคืบหน้าด้วยดี จำนวนผู้ติดเชื้อแอล.ที.รอดชีวิตร้อยละห้าสิบ อีกร้อยละสี่สิบเป็นผู้ป่วยที่พบอาการไม่พึงประสงค์จากผลข้างเคียงของยา และร้อยละสิบเป็นกลุ่มที่ได้รับเซรุ่มช้าเกินไป ทั้งสองกลุ่มต้องส่งต่อเพื่อเข้ารับการรักษาตามอาการจนกว่าจะได้สติ นอกจากนั้นแผนงานต่างๆ ยังคงอยู่ในระยะเวลาที่เสนอไว้ตั้งแต่แรก ไม่มีเหตุผลสมควรจะถอดถอนหัวหน้าแผนกและทีมวิจัยคนเก่า  



    ส่วนเรื่องมนุษยสัมพันธ์ เขาทราบว่าเดเมียนค่อนข้างเข้มงวด และบางทีก็อาจจะเข้าใจยากไปบ้าง แต่อย่างน้อยอีกฝ่ายก็เป็นกันเองและเข้าถึงง่ายกว่านักวิจัยรุ่นใหม่ๆ เสียด้วยซ้ำ เรื่องขัดแย้งกับคนในจนกระทั่งถูกร้องเรียนคงยาก ความเป็นไปได้จึงสูงว่าคำสั่งอาจมาจากเบื้องบนโดยตรง ว่าแต่... 




    ทำไมกัน...?




    ทำไมถึงเป็นตอนนี้ ?  




    20 ปีที่เดเมียนอุทิศตัวให้แก่การคิดค้นยาระงับการกลายพันธ์ุเพราะพิษของสลัมเบอร์ อีกฝ่ายไม่มีทางทำอะไรสุ่มเสี่ยงต่อการวิจัยที่ใกล้จะสำเร็จแน่  อีกแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น ยาก็จะจดทะเบียนและผลิตออกแจกจ่ายในวงกว้างได้แล้ว จู่ๆ จะยอมถูกถอดออกจากตำแหน่งสำคัญที่คอยคุมทิศทางงานวิจัยทั้งหมด แล้วให้ลูกน้องเข้ามารับช่วงต่อเนี่ยนะ...ไม่สมกับเป็นเจ้าพ่อของโครงการโซดิแอกที่เขารู้จักเลย 



    หากค่อยๆ ค้นข่าวในฐานข้อมูลของกองทัพ ใช้เวลาปะติดปะต่อเรื่องราวช่วงสามเดือนที่หายไปสักครู่ เขาคงเข้าใจสาเหตุของความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ไม่ยาก 



    แต่ถ้าทำแบบนั้น...       



    “ยาพร้อมแล้วนะครับ”  ชินแจ้ง



    “อื้ม...”  มิเกลขยับตัวให้อยู่ในท่าผ่อนคลายแม้ความสงสัยยังคงแล่นริ้ว 



    ขณะแขนกลของเก้าอี้แคปซูลทำงาน เขารู้สึกถึงแรงบีบจากตัวล็อกต้นแขนตรงขอบพนัก ตามด้วยความเจ็บแปลบเย็นๆ ชั่วเสี้ยววินาที  กิจวัตรประจำสัปดาห์นี้สิ้นสุดลงอย่างรวดเร็วเหมือนเช่นทุกครั้ง เขาเองเกือบจะเลิกให้ความสำคัญกับมันไปแล้ว จนกระทั่งข่าวคราวเกี่ยวกับโครงการวิจัยนี่เองที่กระตุ้นความกังวลให้เริ่มทำงาน



    “ชิน..."



    "ครับ คุณมิเกล" 



    "เรายังเหลือยาต้านพิษสลัมเบอร์ในสต๊อกอีกเท่าไร?”



    “สองขวดครับ”  ชินตอบพร้อมพับเก็บระยางเครื่องมือ



    “งั้น...ช่วยเบิกเพิ่มไว้สักสี่ขวดหน่อย เดือนหน้าฉันอาจต้องออกภาคสนาม”



    “ได้ครับ”



    “ถ้ามีปัญหาเรื่องเบิกจ่ายยังไงล่ะก็ แจ้งฉันทันทีนะ”



    “รับทราบครับ




    ถึงจะพร้อมรับมือปัญหาจิปาถะที่อาจตามมาหลังจากลีมินซูขึ้นมาเป็นหัวหน้าแผนกวิจัยฯ  แต่ลึกๆ มิเกลภาวนาให้ระเบียบการติดต่อเปลี่ยนไปจากเดิมน้อยที่สุด  เขายังไม่เคยเห็นลีมินซูแสดงท่าทีต่อต้านแนวการวิจัยและการปกครองของเดเมียน  และอันที่จริง...งานของทั้งสองคนก็เกื้อหนุนกันเป็นอย่างดี เมื่อผู้ป่วยที่รับเซรุ่มต้านพิษแอล.ที.ต้องฟื้นฟูร่างกายต่อ ยากระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ของลีมินซูคือตัวที่จะมาอุดช่องโหว่นั้น  เท่ากับว่าใครขึ้นเป็นหัวหน้าอาจไม่ใช่เรื่องน่าวิตกอันดับแรกสุด สิ่งที่คาใจเขาอยู่จริงๆ คือการที่ชื่อของเดเมียนไม่ปรากฏอยู่ในประกาศมากกว่า




    "รายงานผลการวิจัยเข้าใจยากเหรอครับ" 




    มิเกลซ่อนยิ้มขำ  "นายชักจะฉลาดเกินไปแล้ว ชิน" 




    "การคาดเดาความรู้สึกของคู่สนทนาเป็นลักษณะมูลฐานของผมครับ จากผลประเมินการขยับของกล้ามเนื้อใบหน้า ผมเดาว่าคุณมิเกลกำลังรู้สึกยุ่งยากใจอยู่" 




    "อื้ม..."  เขาปิดหน้าต่างความคืบหน้าของงานวิจัยต่างๆ ลงเมื่อมันหมดความจำเป็นมาสักพัก  "รายงานพวกนี้วกไปวนมา เยิ่นเย้อ แล้วก็มีศัพท์เฉพาะเต็มไปหมด น่าปวดหัว  ต่อไปฉันจะให้นายสรุปเฉพาะใจความสำคัญก็แล้วกัน"



    "ครับ"




    "ว่าแต่...ส่งแบบฟอร์มเบิกจ่ายยาเรียบร้อยแล้วหรือยัง"




    "เรียบร้อยครับ เจ้าหน้าที่รับแบบฟอร์มไม่ได้แจ้งขอรายละเอียดเพิ่มเติม คาดว่าศาสตราจารย์ลีมินซูจะอนุมัติให้ภายในเที่ยงนี้และยาน่าจะส่งมาถึงช่วงบ่ายครับ ผมตั้งใจจะแจ้งคุณมิเกลตอนนั้น"




    "ขอบใจ" 




    อย่างน้อยก็พอซื้อเวลาให้ได้อีกระยะ แต่เมื่อไรที่ภารกิจใหม่สิ้นสุดลง คำขอรอบหน้าอาจไม่ราบรื่นอย่างวันนี้ก็ได้  เขานึกอยากไปที่สำนักงานใหญ่ของโครงการวิจัย อยากพบกับลีมินซูอีกครั้ง สังเกตท่าทีของอีกฝ่าย รวมถึงคนอื่นๆ ว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง  ตัวอักษรกับข้อความที่บันทึกในฐานข้อมูลของกองทัพและรัฐบาลอาจจริงหรือลวง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังอยากประเมินข้อมูลดิบด้วยสายตาตัวเองจริงๆ  




    "ชิน..."




    "ครับ คุณมิเกล"




    "ก่อนจะเริ่มงานกัน ขอรบกวนอีกเรื่องนึงสิ..."    




    "ได้ครับ"





    ......TBC......





     



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in