คืนแรกในแดนภารตะ
เสียงตะวันบอกให้ฉันรีบตรงดิ่งไปที่รถกระเป๋าเดินทางสองใบพร้อมกับลุงคนขับที่ยืนรอด้วยรอยยิ้มที่แฝงเล่ห์นัย สีหน้าของแกเหมือนกำลังมองเห็นบัตรกดเงินสดที่มีวงเงินไม่จำกัดทำให้ฉันเข้าใจเลยว่า ‘อินเดีย’ได้ยื่นบททดสอบข้อแรกให้แก่นักท่องเที่ยวยังไง
“ทิป ทิป ยูมีเงินรูปีไหม
ใจฉันนึกถึงแบงค์ห้าร้อยรูปีที่แลกมาจากประเทศไทยและอัดแน่นอยู่ในกระเป๋าแต่ปากฉันกลับตอบไปอีกอย่างหนึ่ง
“โน ไอมีแต่เงินบาทไทย ยูจะเอาไหม
“ได้ๆ เงินบาทไอก็รับ”
ฉันเปิดประเป๋าสตางค์ที่แยกไว้ต่างหากเลือกธนบัตรยอดฮิตที่มักนำมาใช้ในยามคับขันบ่อยๆ ‘แบงค์ยี่สิบ’ลุงแกรับไปพร้อมรอยยิ้มปลื้มปริ่ม ท่ามกลางอากาศที่เย็นยะเยือกแกยังใจดียกกระเป๋ามาส่งให้เราสองคนถึงประตูโรงแรมจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะรับช่วงต่อไปจนถึงชั้นสามพนักงานโรงแรมที่คิดว่ามีแค่คนเดียว คือพ่อหนุ่มที่ซุกตัวนอนบนโซฟาเมื่อครู่ และก็คงเป็นคนเดียวกันที่รับโทรศัพท์ของฉันตอนอยู่สนามบินเดินถือกุญแจมาเปิดประตูให้ ด้วยท่าทางครึ่งหลับครึ่งตื่น
เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องพักเราสองคนจัดการล๊อกประตูให้แน่นหนาที่สุด สำรวจห้องพักคร่าวๆโดยภาพรวมก็เหมือนในเวปที่จองมาห้องน้ำหาที่เปิดน้ำอุ่นไม่เจอ มีถังน้ำเล็กๆให้แต่ไม่มีขันน้ำจะว่าไปวัฒนธรรมการใช้ขันอาจจะมีเฉพาะที่ประเทศไทยของเรากระมังคืนนั้นเราลงมติไม่อาบน้ำ ด้วยความหนาว ด้วยความเหนื่อยด้วยเวลาที่ล่วงเลยมาถึงตีสองกว่า หากเมื่อล้มตัวลงนอนกลับนอนไม่หลับ กว่าจะข่มตาลงได้ก็ค่อนสว่างไปแล้ว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in